น้ำตาฉันเอ่อขึ้นในดวงตา ให้ตายเถอะ ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันอ่อนไหวมากเหลือเกิน“ขอเวลาหน่อยนะคะ” คำตอบหลุดออกจากปากฉันอย่างเชื่องช้า เนื่องจากพยายามกดความอ่อนไหวลงไปโนราถอนหายใจ “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ลูกต้องการ แม่ก็ไม่ขัด แต่จำเอาไว้นะลูก แม่รักหนูเสมอนะ หนูยังอยู่ในใจเสมอแม้ว่าแม่จะคิดว่าลูกตายจากไปแล้ว แม่หวังว่าหนูจะเชื่อใจและรู้ว่าหากต้องการแม่เมื่อไหร่ แม่พร้อมอยู่ข้างหนูเสมอ”พระเจ้า ฉันรู้สึกดีมากเหลือเกินที่รู้ว่ามีคนต้องการฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อใจพวกเขาได้หรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้“ค่ะ” ฉันตอบก่อนวางสายฉันเข้าใจสิ่งที่โนราพูด แต่ก็ยังไม่แน่ใจ สมมติว่าเธอเพิ่งต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งทางใจเท่านั้นล่ะ? ฉันหมายถึงใครสักคนที่แทนลูกชายสุดที่รักที่นอนอยู่ในคุกตอนนี้ ไม่สำคัญว่าจะเป็นลูกบุญธรรมหรือไม่ ดังนั้นบางทีเธออาจกำลังมองหาคนมาแทนที่ ฉันกลัวว่าจะโดนหลอกใช้ ฉันกลัวว่าจะเป็นเพียงตัวเลือกสำรอง เหมือนที่โรแวนเคยเห็นฉันเป็นเช่นนั้นฉันไม่ได้เย็นชาหรืออะไรแบบนั้นกับพวกเขาหรอก ฉันเพียงพยายามปกป้องเศษเสี้ยวหัวใจที่เหลืออยู่เท่านั้น“โอ้ย สาว” แครอลพูดขึ้น
[คำเตือน: บทต่อไปนี้มีเนื้อหาที่อาจอ่อนไหวต่อผู้อ่านบางท่าน]ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจะตั้งครรภ์ไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้และเป็นลูกของอีธานไม่ได้“ทำไมกัน?” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบาขณะน้ำตาไหลลงอาบใบหน้า ฉันเฝ้ารอคำตอบนั้น กระนั้นกลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา พระเจ้าไม่ได้บอกฉันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นขึ้นกับฉัน พระองค์ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงลิขิตให้ฉันต้องโชคร้ายเช่นนี้ฉันพยายามลุกขึ้นจากพื้นห้องน้ำ กลับไร้เรี่ยวแรงจะลุกยืน จบสิ้นแล้วทุกสิ่งทำไมชะตาชีวิตฉันถึงลิขิตให้ฉันตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่ากัน? ครั้งแรกก็โนอา และตอนนี้ก็เป็นเด็กคนนี้อีกสายตาเหม่อลอยมองไปยังพื้นกระเบื้อง นึกย้อนกลับไปครั้งนั้นฉันกับอีธานมีอะไรกันโดยไม่ได้ป้องกันเพียงครั้งเดียว ฉันควรจะกินยาคุมฉุกเฉินแต่ก็ลืมไปสนิท พอนึกได้เวลาก็ผ่านไปหลายวันแล้วเมื่อบอกเรื่องนี้กับอีธาน ฉันคาดหวังว่าเขาจะอารมณ์เสีย แต่กลับไม่เลย เขาบอกให้ฉันใจเย็นลง เราทั้งคู่คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะตั้งครรภ์ฉันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่นประจำเดือนมาช้า แต่คิดว่าคงเป็นเพราะความเครียดที่ฉันเจอ ส่วนเรื่องความ
ฉันพยักหน้า“ผมอิจฉาที่คุณกับโนอาเข้ากันได้ดีขนาดนั้นมาตลอดเลยนะ ตอนนี้ก็ยังอิจฉาอยู่” เขาสารภาพ ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ“จริงเหรอ?”ฉันยังคงไม่อยากเชื่อว่าโรแวนจะนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำกับฉันในตอนนี้ โรแวนที่ฉันรู้จักคงไม่สนใจทำอะไรเลย แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้ฉันก็ตาม“อืม” เขาเอ่ยตอบหลังจากนั้นเราต่างก็เงียบใส่กัน ฉันเริ่มง่วงนอนและไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ หรือชายหนุ่มพาฉันไปที่เตียงได้อย่างไร สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะหลับลึกไปคือริมฝีปากของเขาที่ประทับลงบนหน้าผากของฉันเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันถัดไปแล้ว ฉันพบว่ามีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ซึ่งน่าจะเย็นชืดจนหมดแล้วฉันลุกออกจากเตียงและนัดพบหมอกับสูตินรีแพทย์ หลังจากอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ฉันก็แต่งตัวไปพร้อมกับความเหนื่อยอ่อนและหมดแรงฉันไม่ได้รู้สึกหิวจึงเมินอาหารนั้น ฉันไม่รู้ว่าใครทำมาให้ แต่ขอเดาว่าเป็นโรแวนฉันเดินไปขึ้นรถ ติดเครื่องยนต์และขับรถกินลมชมวิว พยายามถ่วงเวลาไม่ให้ไปถึงคลินิกหมอเร็วเกินไป ฉันไปถึงหลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง เมื่อสูดหายใจเข้าลึก ฉันก็เดินลงจากรถไปยังคลินิกเอกชนนั้น
สิ่งที่ฉันต้องทำนั่นคือก้าวไปด้านหน้า เพียงก้าวเดียว ทุกอย่างจะจบลง ไม่มีอีกแล้วความเจ็บปวด ไม่มีอีกแล้วความเศร้าเสียใจ ไม่มีอีกแล้วหัวใจที่แตกสลาย จะได้เป็นอิสระจากความมืดมิดที่คอยกลืนกินฉันเสียทีฉันได้ยินเสียงรถจากไกล ๆ แต่ฉันไม่หันไปมอง ยังคงยืนนิ่งอยู่แม้เสียงกระแทกประตูดังขึ้น “ไปยืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้น เอวา?” เสียงของโรแวนดังมาจากด้านหลัง ฉันไม่มีวี่แววจะหันกลับไปแม้ลมจะพัดแรงกรรโชก ฉันรู้สึกถึงแรงลมราวกับว่ากำลังเร่งเร้าให้ฉันก้าวไปด้านหน้า“เอวา ขอร้องนะ ถอยหลังออกจากหน้าผาเถอะ เดินมาหาผม” ฉันรู้สึกว่าเขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ อย่างไรเสีย ฉันก็ไม่ถอยฉันเบื่อหน่ายเหลือเกิน เบื่อหน่ายกับการร้องไห้ เบื่อหน่ายกับการทนรับความเจ็บปวด เบื่อหน่ายกับความทรมานที่ไม่สิ้นสุด ฉันกัดฟันทนลุกขึ้นสู้มาเกินพอแล้ว เจ็บปวดเช่นไร ก็เป็นอยู่เช่นนั้นร่ำไป มันกลืนกินชีวิตฉันไปช้า ๆ เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นคนที่ไม่คิดจะพบเจอใคร“ฉันคิดว่าฉันไม่อยากทนกับเรื่องพวกนี้แล้ว โรแวน อยากให้ทุกอย่างหยุดได้แล้ว ฉันอยากรู้จักความสงบสุข เพราะฉันไม่เคยสัมผัสเลยตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เหลือแรงจะสู้ต่อไปแล้วล่ะ” ฉ
โรแวนบ้าเอ๊ย! ผมลูบมือผ่านเส้นผมขณะที่มองเธอหลับ ร่องรอยของน้ำตายังคงปรากฏบนแก้มของเธอ และมันทำให้ผมแทบแตกสลายที่เห็นเธอเจ็บปวดขนาดนี้เอวาเรียกได้ว่าเป็นหญิงที่ซ่อนความรู้สึกตนเองเก่งพอสมควร แต่วันนี้กลับระเบิดอารมณ์ออกมา และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างแท้จริง เธอกำลังจมดิ่งลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว และเธอกำลังดึงผมจมลงไปพร้อมกับเธอผมนั่งลงข้างเอวาซึ่งกำลังหลับอยู่ ผมลูบไล้เส้นผมหญิงสาวพลางนวดศีรษะอย่างอ่อนโยน ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเลยว่าเส้นผมเธอนุ่มและหนาขนาดนี้? เพียงสัมผัสก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดียิ่งนักเธอถอนหายใจอย่างสบายใจยามหลับ ใบหน้าผ่อนคลาย ความเจ็บปวดทั้งหมดจากก่อนหน้าจางหายไป เมื่อหลับใหล เธอสัมผัสถึงความสงบสุข ไร้ความมืดเข้ามาย่างกรายผมรู้ว่ามันฟังดูน่าขนลุก แต่การมองเธอหลับเป็นสิ่งที่ผมชอบทำที่สุด เมื่อวานนี้ผมก็ดูเธอนอนหลับเช่นนี้ และวันนี้ก็ดูอีกเช่นกัน เธองดงามมากเสียจนรู้สึกเจ็บปวด แม้จะมีรอยคล้ำใต้ตา เธอก็ยังสะกดสายตาอยู่ดี ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าก่อนหน้าทำไมถึงคิดว่าเอวาถึงเทียบเอมม่าไม่ได้เลยผมจูบแก้มเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้น ผมรู้สึกไม่อยากออกไปจากตรงนี้เลย ต้องขัดข
"พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าผมรู้จักพี่ดีกว่าที่พี่รู้จักตัวเองซะอีก เจ้าพี่ชาย" เกเบรียลนั่งลงตรงข้ามกับผม"เอวา" ชื่อของเธอหลุดออกจากปากผมพร้อมน้ำเสียงอันเจ็บปวด"พี่เป็นห่วงเธอสินะ""แน่นอนสิ ฉันก็ต้องเป็นห่วงเธออยู่แล้ว แม่ลูกฉันทั้งคนนะ" ผมเหน็บแนมน้องชายด้วยความหงุดหงิดสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นนั่นคือเอวากำลังจมดิ่งลงไปจนเกินควบคุม และผมไม่รู้จะช่วยเธออย่างไร ผมไม่รู้เลยว่าชายที่เธอปราถนาเป็นเช่นไร ผมเอาแต่ผลักไสเธอมาตลอด จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้"มันมากกว่านั้นอีก พี่มันงี่เง่าไม่ยอมเปิดตายอมรับความจริง" เขาพูดลากเสียงยาวเขาเอาแต่กล่าวเช่นนี้มาสักพักแล้ว ความรู้สึกกังวลที่มีต่อเอวามันเป็นความรู้สึกที่ลึกล้ำกว่านั้น เราสองพี่น้องถกเถียงเรื่องนี้กันไม่หยุด ผมคิดว่าต้องรู้สึกตัวแน่นอนหากหลงรักเธอจริง ผมเป็นห่วงเธอ และผมมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่รักน่ะเหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง"เธอเป็นยังไงบ้าง?" เขาเอ่ยถามเมื่อได้ความเงียบเป็นคำตอบ“เอวาท้องน่ะสิ”เขามองผมด้วยดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง "ลูกของอีธานเหรอ?"“แล้วจะเป็นลูกใครได้อีกล่ะ?”
เอวาฉันกำลังทำความสะอาดบ้านทั้งหลังทุกซอกทุกมุมเพื่อไม่ให้ใจฟุ้งซ่าน ฉันยังคงพยายามทำใจยอมรับความจริงเรื่องที่ฉันกำลังตั้งครรภ์วินาทีที่โรแวนปฏิเสธเรื่องการมีลูกอีกคน ฉันล้มเลิกความตั้งใจเรื่องมีน้องเป็นเพื่อนเล่นให้โนอา แต่ตอนนี้ฉันกลับกำลังตั้งท้องเด็กคนหนึ่งอยู่ ฉันไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรดีโทรศัพท์ดังขึ้นและฉันก็กดรับสาย หากเป็นปกติฉันคงกดปฏิเสธ อย่างไรก็ตามวันนี้ไม่ใช่เช่นนั้น การหลีกหนีคนรอบตัวไม่ได้ช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น“ไง เล็ตตี้” ฉันพึมพำขณะนั่งลงฉันรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินและควรจะรู้ว่ามีความรู้สึกอื่นนอกเหนือจากนั้นไปอีก“โอ๊ย รับสายแล้ว ฉันคิดว่าคุณจะไม่รับซะแล้ว” เสียงกรี๊ดของเพื่อนสาวทะลุผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมาก่อนกลายเป็นเสียงสะอื้น “นี่มันก็หลายอาทิตย์แล้วนะ คิดถึงเสียงคุณจังเลย”“ขอโทษนะ” ฉันถอนหายใจ “ฉันไม่รู้เลยว่าต้องรับมือเรื่องพวกนี้ยังไง ก็เลยผลักไสคุณออกไป”การสื่อความรู้สึกออกไปไม่ใช่เรื่องที่ฉันถนัด รวมถึงการยอมรับความรู้สึกเหล่านี้ด้วย เมื่อรู้สึกเครียดหรือถูกอารมณ์ต่าง ๆ ครอบงำ ฉันมักจะปิดกั้นตนเองทันใด พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเพื่อทำสิ่งต่า
ฉันจูบเด็กน้อยไปทั่วใบหน้าพร้อมโอบกอดเขาแน่นขึ้น“แม่ครับ!” เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก กระนั้นก็ไม่ได้ผลักฉันออก“แม่คิดถึงหนูมากเลยรู้ไหม! มาที่นี่ได้ยังไง?” ฉันเอ่ยถามขณะคลายอ้อมกอดเล็กน้อยแต่ยังไม่ปล่อยเขาไปเรานั่งอยู่บนพื้นด้วยกัน แต่กลับไม่สนใจเลย เพราะฉันมีความสุขมากที่ลูกชายอยู่ด้วยกันเช่นนี้“พ่อครับ พ่อไปรับผมมา พ่อบอกว่าแม่ต้องการผม กะจะเซอร์ไพรส์ให้ไงครับ เพราะงั้นเมื่อวานผมเลยไม่ได้บอกแม่ตอนที่เราคุยกัน”เมื่อชื่อผู้เป็นพ่อถูกเอ่ยขึ้น ก็เป็นตอนที่ฉันรู้ตัวว่าโรแวนยืนอยู่ด้านหลังลูก เราสบตากัน ฉันสังเกตเห็นอารมณ์บางอย่างในแววตานั้น แต่ก็ยากที่จะระบุออกมาแน่ชัด“ไงคะ” ฉันเอ่ยอย่างอ่อนโยนช่วงนี้เขาแวะเวียนมาดูฉันทุกวัน ดูเหมือนจะพร้อมให้ความช่วยเหลือและใจดีขึ้น ซึ่งยังคงทำให้ฉันประหลาดใจอยู่ เขาเปลี่ยนไปจากโรแวนที่เคยรู้จักจนไม่รู้เลยว่าต้องตอบรับอย่างไรดีเขาพาฉันไปหาจิตแพทย์ตามที่เคยพูดเอาไว้ ซึ่งฉันเริ่มเข้ารับการรักษาเมื่อสามวันที่แล้ว ทุกครั้งที่เขาทำสิ่งที่ดีให้ ฉันรู้สึกแปลกใจเพราะนั่นไม่ใช่เขาแม้แต่น้อย“ไง เอวา…วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เขาถามพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ“ดี
“แล้วทำไมมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่นี่แทนที่จะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเอวา” เกเบรียลเอ่ยถามขณะเข้ามานั่งข้างผมตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมากนักถึงขั้นที่มองว่าสิ่งต่าง ๆ จากบริษัทน่ารำคาญ รวมถึงน้องชายตนเองด้วย ผมจึงเมินเฉยต่อคำถามเขาและดื่มวิสกี้เข้าไปอีกหนึ่งอึกผมนั่งอยู๋ในโซนวีไอพีของหนึ่งในร้านเหล้าที่เราชื่นชอบ เพลงเปิดเสียงดังกระหึ่ม ผีเสื้อราตรีต่างพากันโยกย้านและออกลวดลายกันอย่างสนุกสนาน พร้อมน้ำเมาที่ลอยล่อง และไม่สิ่งใดเป็นผลกับผมเลยค่ำคืนนี้ผมเพียงต้องการลืมเลือน ลืมภาพแห่งความทุกข์ระทมของเอวา ผมรู้ดึว่าอาจเป็นเป็นเพิ่งเรื่องเพ้อเจ้อหากคิดจะลืมเลือนนั้นเพราะว่าภาพนั้นยังคงฝังแน่นในจิตใจ แต่ผมก็อยากลองลืมภาพเหล่านั้นการอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่น่าอึดอัดใจขึ้นมา บรรยากาศแห่งความรื่นรมย์น่ายินดีไม่มีอีกต่อไปแล้ว ผมปรารถนาให้มันกลายไปเป็นอย่างเดิมที่ควร แต่ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร ผมไม่รู้เลยจริง ๆ ว่า จะต้องแก้ไขเรื่องเหล่านี้อย่างไรดีคำพูดที่เคยออกจากปากไม่มีวันหวนกลับและไม่มีวันลบออกไปได้ ผมไม่สามารถย้อนเวลาไปแก้ไขความผิดพลาดได้ หากเป็นไปได้ ผมคงรีบลงมือทำไปแล้วเพราะผมรักเธอเหลือเ
หัวใจของผมแทบหยุดเต้นลง เมื่อความกลัวว่าเธอจำเรื่องทุกอย่างแล้วประดังเข้ามา“บอกผมหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น เอวา ผมช่วยไม่ได้ถ้าผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” ผมวิงวอนเธอน้ำตาของเธอยังคงไหลรินลงมาบนใบหน้า ความเจ็บปวดรวดร้าวบดบังดวงตาของเธอ มันทำให้หัวใจผมสลายจริง ๆ ที่เห็นเธอเป็นแบบนี้“ความทรงจำฉันกลับมาแล้ว” เธอกล่าวก่อนจะเริ่มหัวเราะราวกับเป็นบ้า “รู้ไหม ฉันอยากมีเซ็กส์กับคุณ ฉันอยากนอนกับคุณ แถมฉันยังบอกให้ตัวเองคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะฉันต้องการคุณมาก พอฉันเห็นคุณช่วยตัวเองในห้องน้ำ ฉันก็อยากจะร่วมด้วย ฉันถึงกับจินตนาการว่าตัวเองกำลังออรัลเซ็กส์กับคุณในขณะที่คุณหลั่งบนหน้าอกของฉัน”ผมขมวดคิ้วแต่ก็เงียบไว้ อะไรบางอย่างบอกผมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และผมจะไม่ชอบสิ่งที่เธอจะพูดต่อไป “ฉันเคยรู้สึกกระหายคุณ โหยหาคุณ แต่สมองของฉันกลับย้ำเตือนบางสิ่งที่คุณเคยพูด” เธอสะอื้น “คุณอยากรู้ไหมว่ามันคืออะไร”ผมไม่อยากรู้ เพราะผมรู้ว่ามันจะทำลายการพัฒนาเล็ก ๆ ที่เรามีร่วมกัน แต่ผมก็ยังพยักหน้าตอบ“คุณพยายามจะทำให้ดีในการมีเซ็กส์ แต่คุณไม่เก่งเลย ทุกครั้งที่ผมอยู่ข้างในคุณ คนที่ผมต้องการคือเอ
โรแวนการเดตนั้นสมบูรณ์แบบ ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไม่อยากให้มันจบลง ทุกช่วงเวลาที่ผมอยู่กับเธอเหมือนอยู่ในสวรรค์ และผมหวังว่าผมจะได้อยู่กับเธอเร็วกว่านี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมผมถึงไม่เคยให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขกับเอวาเลย ผมรู้สึกแย่ที่เราอาจจะได้มีความสุขกันมาตลอดหลายปีนี้ถ้าผมปล่อยเอมม่าไปความรักที่ผมมีต่อเอมม่าคือความรักของวัยรุ่น มันคงไม่ยืนยาว เมื่อมันถูกทดสอบก็พังทลายลง สิ่งที่ผมรู้สึกต่อเอวานั้นเป็นแบบผู้ใหญ่ แข็งแกร่งและลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ผมคิดว่ามันคือความรักตอนอายุสิบเจ็ดผมเริ่มเชื่อว่าเกเบรียลพูดถูก ความรักไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอย่างที่เขาพูด ผมคิดว่าลึก ๆ แล้วผมรักเอวา ผมแค่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเอมม่าครอบงำผม ผมยื้อเอมม่าไว้เพราะรู้สึกว่าผมต้องการควบคุม ซึ่งการแต่งงานกับเอวาและอยู่กับเธอก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผมผมยังเชื่อด้วยว่าการปล่อยให้ความรู้สึกของผมที่มีต่อเอวาเติบโตขึ้นนั้นเหมือนกับการทรยศต่อความรักที่ผมมีต่อเอมม่า สิ่งที่ผมไม่รู้ในตอนนั้นก็คือความรักนั้นได้ตายไปนานแล้วผมถอนหายใจและถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะมุ่งหน้าไปอา
“งั้นก็ตกลงตามนี้ เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในบ้านนี้” โรแวนพูดขณะที่ฉันจ้องมองเขาฉันรู้สึกตกใจ แต่ก็มีความสุขไปพร้อม ๆ กัน ฉันอยากเปลี่ยนอะไรหลายอย่างมานานแล้ว แต่ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่ยอมแน่ไม่รู้สิ เหมือนกับว่านี่เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเขาปล่อยวางจากเอมม่าได้จริง ๆ และแสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจฉันจริง“โอเค” ฉันยิ้มให้เขา ปล่อยให้ความจริงนั้นซึมลึกเข้าไปในใจ"เราสามารถปรึกษากับนักออกแบบตกแต่งภายในได้พรุ่งนี้ ผมมั่นใจว่าเบียงก้า เมเยอร์ส จะสามารถรับงานเราได้ แม้เธอจะมีตารางงานแน่นแค่ไหนก็ตาม คุณสามารถบอกเธอได้เลยว่าอยากได้อะไรแล้วปล่อยให้เธอจัดการ หรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยก็ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคุณ"และเซอร์ไพรส์ก็ยังไม่หมด ทุกคนรู้จักเบียงก้า เมเยอร์ส เธอเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในที่เก่งที่สุดในประเทศ และเธอทำงานเฉพาะให้กับคนรวยและผู้มีอิทธิพลเท่านั้น ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันจะได้ร่วมงานกับเธอ“ตกลง” ฉันบอกเขาโดยพยายามเก็บความตื่นเต้นไม่ให้ล้นจนเกินไป “แต่ฉันอยากให้คุณกับโนอามีส่วนร่วม เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกคุณเหมือนกัน และฉันก็อยากให้พวกคุณรู้สึกสบายใจที่นี่”"ผ
“ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง” ในที่สุดเขาก็ตอบฉันตกใจมาก ฉันคิดเสมอว่ามันเป็นแค่ข่าวลือโง่ ๆ“มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน แล้วตอนนั้นคุณอายุเท่าไร? ไม่ใช่ว่าฉันตัดสินหรืออะไรทำนองนั้นนะ”“ผมอายุสิบเจ็ด ส่วนหล่อนอายุยี่สิบหก ผมคิดว่า... ผมเป็นเด็กหนุ่มฮอร์โมนพลุ่งพล่าน แถมแมนดี้โคตรเซ็กซี่ ผมอยากมีเซ็กส์กับคนที่อายุมากกว่าผมเสมอ และหล่อนก็ยิ่งทำให้มันง่ายขึ้นเมื่อหล่อนเอาหน้าอกของหล่อนมาแนบหน้าผม หรือกางขาออกในขณะที่ใส่กระโปรงตัวจิ๋วทุกครั้งที่หล่อนเรียกผมไปที่โต๊ะของหล่อน”ฉันประทับใจแต่ในขณะเดียวกันก็รังเกียจแมนดี้ ฉันหมายถึงเธอเป็นครูนะ ให้ตายเถอะ แต่กลับพยายามล่อลวงนักเรียนของตัวเอง ฉันเองก็เป็นครูเหมือนกัน และฉันจะไม่มีวันก้าวข้ามเส้นนั้นเด็ดขาด“คุณเป็นคนขอเองนะ” โรแวนพูดเมื่อสังเกตเห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของฉัน “ฉันรู้ แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ครูตั้งใจจะล่อลวงนักเรียนอายุสิบเจ็ดปี”เขาเพียงแค่ยักไหล่ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ หลังจากนั้นการสนทนาก็ผ่อนคลายลง ฉันเพลิดเพลินไปกับมันอย่างเต็มที่ ราวกับมันเป็นความฝันและฉันไม่อยากให้เดตจบลง เราคุยกันทุกเรื่องเป็นชั่วโมงภายใต้แสงจันท
ฉันจ้องมองเขาอย่างมึนงง ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรดี“คุณชอบกลิ่นหอม และคุณชอบกลิ่นที่มีเบอร์รี่ผสมอยู่มากกว่า ขอแค่น้ำหอมหรือสบู่เหลวอาบน้ำมีส่วนผสมของเบอร์รี่ คุณก็จะยอมซื้อ คุณไม่มีอาหารจานโปรดจริง ๆ เพราะคุณจะกินอะไรก็ได้ตราบใดที่มันอร่อย คุณชอบอาบน้ำอุ่นนาน ๆ เพราะมันทำให้คุณผ่อนคลาย คุณเกลียดความสูง คุณเกลียดการไปสาย และคุณเกลียดการขึ้นเครื่องบินด้วย คุณเกลียดแมลงสาบ คุณมักจะพูดว่าอยากให้บ้านของคุณเต็มไปด้วยแมงมุมมากกว่าพวกแมลงสีน้ำตาลน่ารังเกียจนั่น... ให้ผมจะพูดต่อไหม”เขาไม่ให้โอกาสฉันตอบ“คุณชอบรวบผมเป็นหางม้าและมวยผม คุณไม่ชอบแต่งหน้ามากนักและแต่งหน้าเฉพาะเมื่อจำเป็นหรืออยากแต่ง คุณไม่ชอบนอนหงายเพราะมันทำให้คุณนึกถึงคนตายในโลงศพ คุณเกลียดความไม่เป็นระเบียบและสีเหลืองด้วย…”ฉันยกมือให้เขาหยุดพูดเพราะฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ทุกอย่างที่เขาพูดเป็นความจริง ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง เพราะเราไม่เคยสนิทกันมาก่อน ครอบครัวชาร์พคงไม่ได้บอกเขาหรอก เพราะพวกเขาแทบจะไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำ“ได้ยังไง?” ฉันพูดติดขัด ในหัวไม่สามารถประมวณผลทุกอย่างได้“ผมบอกคุณแล้ว” เขากล่าวพร้
ฉันมองออกไปนอกรถแล้วตะลึงงัน สถานที่แห่งนี้ดูราวกับเป็นสวรรค์ มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างที่มีหญ้าเขียวขจีและคงมีดอกไม้มากมายนานาพันธุ์ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของที่นี่ แต่มันคือเพราะทิวทัศน์ต่างหาก ดวงดาวนับพันเปล่งแสงระยิบระยับราวกับกำลังเห็นด้วยกับเดตนี้“คุณชอบไหม” โรแวนถาม และคำตอบเดียวของฉันคือการพยักหน้าฉันค่อย ๆ ออกจากรถ สูดอากาศบริสุทธิ์และชมทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ฉันเดินไปเกือบถึงขอบถนนและมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง ฉันไม่รู้ว่าโรแวนไปเจอสถานที่แห่งนี้ได้อย่างไร และฉันก็ไม่สนใจฉันหลับตาลง รู้สึกว่าความกังวลทั้งหมดมลายหายไป นี่คือฉากในแบบที่ฉันชอบ ฉันชอบมันมากเมื่อฉันหันกลับไป ฉันพบว่าโรแวนจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มและตะกร้าปิกนิกพร้อมสิ่งที่ฉันเดาว่าเป็นช็อกโกแลต สตรอเบอร์รี่และไวน์ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่เราสั่งอยู่ด้วยฉันเดินช้า ๆ ไปหาเขา ถอดรองเท้าและนั่งลงข้าง ๆ เขา “นี่มันสุดยอดเลย โรแวน ขอบคุณนะคะ”เขาพยักหน้า “อะไรก็ตามที่จะทำให้คุณมีความสุขที่รัก ตอนนี้เรามาทานอาหารกันเถอะ เพราะผมหิวจะแย่แล้ว”เราทานอาหารกันเงียบ ๆ ฉันใช้โอกาสนี้ชื่นชมทิวทัศน์
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก และนอกจากการคุยกันเล็กน้อยเป็นครั้งคราว เราก็เงียบกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็เป็นครั้งแรกเท่าที่ฉันจำได้ ที่ความเงียบระหว่างเราให้ความรู้สึกสบายใจในช่วงเวลาที่หาได้ยากที่เราขับรถไปด้วยกัน โรแวนมักจะพยายามทำเป็นไม่สนใจฉัน ขณะที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อชวนเขาคุย ซึ่งมันมักจะทำให้บรรยากาศดูอึดอัดและแปลก ๆ เสมอ“คุณยิ้มทำไม” ฉันถามเขาเมื่อเขาลงจากรถเพื่อช่วยฉันออกจากรถรอยยิ้มของเขาควรจะเป็นอาวุธทำลายล้างสำหรับผู้หญิงโดยแท้ แน่นอนว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่เมื่อโรแวนยิ้ม มันยิ่งทำให้ความหล่อของเขาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง“ผมจะมีความสุขที่พาผู้หญิงของตัวเองออกมาข้างนอกไม่ได้เหรอ” เขาถามพร้อมเอียงศีรษะเล็กน้อยไม่รู้ทำไม ฉันถึงหัวเราะคิกคักขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ปกติฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหัวร่อต่อกระซิก ฉันไม่เคยหัวเราะแบบนี้มาก่อนเลยทั้งชีวิต จริง ๆ แล้วฉันเคยคิดว่ามันดูน่ารังเกียจด้วยซ้ำเมื่อเห็นผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทำแบบนี้ แต่ตอนนี้ฉันกลับเป็นคนที่ทำเสียเอง“ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงหัวเราะแบบนั้น” ฉันเอ่ยขอโทษขณะที่พยายามรวบรวมสติเขาจับมือฉัน และฉันก็คล้อ
ฉันมองตัวเองในกระจก และมีความสุขกับลุคของตัวเอง ฉันเกล้าผมเป็นมวยต่ำและม้วนผมเป็นลอนเข้ากับกรอบหน้า คืนนี้ฉันต้องการอะไรที่แปลกใหม่ เพราะเป็นเดตครั้งแรกของฉันกับโรแวน ฉันจึงตัดสินใจเลือกอายแชโดว์สีสโมกี้ที่ดูไม่ฉูดฉาดแต่เย้ายวนกับลิปสติกสีแดงส่วนชุดเดรส ฉันเลือกชุดเดรสสีดำยาวระดับเข่า มีคอเสื้อเว้าลึกที่ยึดด้วยสายรัดบาง ๆ เผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย พอให้ดูยั่วยวนแต่ไม่เกินงาม อีกทั้งเป็นชุดเปิดหลังซึ่งฉันมั่นใจว่าจะทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต้องคลั่งฉันยังคงจ้องมองตัวเองในขณะที่ลูบมือไปตามเนื้อผ้าที่นุ่มนวล ชุดนี้เข้ารูปพอดีตัว และต้องขอบคุณที่ฉันเพิ่งผ่านช่วงตั้งครรภ์ เลยทำให้ตอนนี้ฉันมีส่วนเว้าโค้งที่พอดิบพอดี“โอ้โหที่รัก ถ้าฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย ฉันคงจีบเธอไปแล้วแน่ ๆ” เล็ตตี้กล่าวชมด้วยน้ำเสียงปลื้มปริ่ม “เธอเซ็กซี่มาก แบบที่ไม่มีอะไรจะเทียบได้เลย” “เธอพูดถูก” โครินพูดเสริมพวกเธอกลับไปเมื่อสองสามชั่วโมงก่อน ตอนนี้เรากำลังคุยกันทางวิดิโอคอล เพราะฉันต้องการฟังความคิดเห็นที่จริงใจของพวกเธอ เดตครั้งนี้สำคัญมาก อย่างที่ฉันบอก นี่เป็นเดตครั้งแรกของโรแวนกับฉัน ฉันจึงอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูร