แชร์

บทที่ 117

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
เอวา

พวกคุณเคยรู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตไปวัน ๆ บ้างไหม? รู้สึกเหมือนผู้คนหรือทุกอย่างรอบตัวไม่จริงบ้างหรือเปล่า? ฉันเคยลองค้นหาในกูเกิ้ลมันบอกว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของความรู้สึกพยายามหลีกหนีสังคมภายนอก มักเกิดขึ้นกับบุคคลที่เคยประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็กโดยเฉพาะ นับว่าเป็นกลไกการเผชิญปัญหาที่ทำให้บุคคลนั้นแยกตัวออกจากสิ่งที่ส่งผลเลวร้ายหรือก่อให้เกิดความเครียด

หลังจากอ่านบทความจบ ฉันก็คิดว่าเล็ตตี้อาจพูดถูก ฉันอาจต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเลยแหละ ควรเริ่มจากการไปพบจิตแพทย์ก่อน ฉันรู้สภาพปัญหาของตนเองดีว่ามีบาดแผลภายในใจที่ฉันไม่สามารถก้าวข้ามได้

ฉันถอนหายใจจากนั้นยืนขึ้นและเริ่มเดินไปมาในห้อง จิตใจวกวนไปมาไม่หยุด ไม่ว่าจะพยายามมากเพียงใด จิตใจก็สงบลงไม่ได้เลย เมื่อมีใครก็ตามมาหาฉันถึงหน้าบ้าน ฉันก็ผลักไสพวกเขากลับไป ไม่แม้แต่โทรหาหรือพูดคุยกับใครเลย

ฉันเพียงแค่ต้องการอยู่คนเดียวเพื่อทบทวนทุกสิ่งกับตนเอง บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังถาโถมใส่ และมันยากเกินจะรับมือได้ บางครั้งมันก็มากเกินไปจนฉันรู้สึกว่าภายในใจว่างเปล่า

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 118

    ฉันเข้าไปเลือกนั่งที่นั่งไกลที่สุดในห้องอย่างเงียบ ๆ ฉันขยับแว่นและหมวกให้เข้าที่เพื่อให้แน่ใจว่าแนบเนียนพอก่อนจะปิดเสียงโทรศัพท์ฉันมองหัวหน้าทีมสืบสวนไบรอันให้การในฐานะพยานอีธานนั่งอยู่ขวามือพร้อมทนายความ พ่อแม่ของฉันนั่งอยู่ข้างหลังเขา ส่วนทางซ้ายเป็นฝ่ายอัยการผู้ยื่นฟ้องด้านอัยการนั้นมีผู้คนนั่งอยู่มากกว่า มีตำรวจอยู่บ้าง ทราวิส เล็ตตี้ และที่น่าประหลาดใจคือโรแวน ฉันไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่เพราะเขาเกลียดขี้หน้าอีธาน แต่โรแวนเป็นคนที่ชื่นชอบการเห็นศัตรูของตนล่มจมต่อหน้าเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ ฉันควรนั่งอยู่ด้านของอีธานจะดีกว่า"แล้วลูกความของคุณมีข้อแก้ต่างอย่างไรกับข้อกล่าวหาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้าง?" ผู้พิพากษาหญิงซึ่งดูเหมือนอายุประมาณหกสิบซักถามอีธานกระซิบทนายความของตนก่อนให้เขาตอบ"รับสารภาพผิดครับ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"อืม งั้นเชิญพยานให้การต่อได้เลย" เธอกล่าวก่อนที่ไบรอันจะเริ่มให้การต่อ ไบรอันเล่าต่อ เขาอธิบายเหตุการณ์ที่อีธานเพิ่งมาประจำการที่สถานีนี้เมื่อไม่กี่เดือนก่อน พวกเขาได้รับเอกสารการโอนย้ายมาประจำการที่สถานีนี้ ทุกอย่างดูเรียบร้อยจึงไม่ได้ตั้

  • ธุลีใจ   บทที่ 119

    ผ่านมาหนึ่งเดือนหลังจากเรื่องราวของอีธาน ฉันดีขึ้นแล้วหรือยัง? แน่นอนว่ายัง ยังเจ็บอยู่ไหม? เจ็บมากเลยล่ะ ฉันก้าวต่อไปแล้วหรือยัง? แน่นอนว่ายังเหมือนกันสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ง่ายเลยเลย ทุกวันฉันรู้สึกเหมือนตนเองจมลึกลงไปในทะเลแห่งความเจ็บปวดและความเศร้า ฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรแล้วเมื่อตัดสินใจก้าวเดินจากอีธาน ตอนนี้ฉันตระหนักได้แล้วว่าฉันคงแค่โกหกตนเองเท่านั้นเรื่องที่อีธานทรยศฉันนั้นกระชากความเจ็บปวดที่ฉันพยายามกลบฝังไว้กลับขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่ฉันกัดฟันลบออกไป เหมือนกับฉันกลับมาตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้มาพร้อมบาดแผลใหม่เพิ่มขึ้นมา ซึ่งทำร้ายทั้งหัวใจและวิญญาณฉันก้าวผ่านแต่ละวันอย่างไร้จุดหมาย อยู่ไปเพียงเท่านั้น เวลาและสิ่งต่าง ๆ ผ่านไปโดยที่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงชีวิตเลย ฉันเพียงแค่อยู่รอดไปวัน ๆ วันแล้ววันเล่าทุกคนดูเหมือนจะก้าวต่อไปได้ แต่ฉันรู้สึกเหมือนติดอยู่ที่เดิม ติดอยู่ในวงจรความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมหัวใจแตกสลาย โลกของฉันตอนนี้ทั้งมืดมนและหนาวเหน็บ ช่างโดดเดี่ยวเหลือเกิน“คุณครูเอวา ชาร์พ เป็นอะไรไหมครับ?” มาร์ค นักเรียนคนหนึ่งเอ่ยถามให้ตายเถอะ ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 120

    น้ำตาฉันเอ่อขึ้นในดวงตา ให้ตายเถอะ ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันอ่อนไหวมากเหลือเกิน“ขอเวลาหน่อยนะคะ” คำตอบหลุดออกจากปากฉันอย่างเชื่องช้า เนื่องจากพยายามกดความอ่อนไหวลงไปโนราถอนหายใจ “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ลูกต้องการ แม่ก็ไม่ขัด แต่จำเอาไว้นะลูก แม่รักหนูเสมอนะ หนูยังอยู่ในใจเสมอแม้ว่าแม่จะคิดว่าลูกตายจากไปแล้ว แม่หวังว่าหนูจะเชื่อใจและรู้ว่าหากต้องการแม่เมื่อไหร่ แม่พร้อมอยู่ข้างหนูเสมอ”พระเจ้า ฉันรู้สึกดีมากเหลือเกินที่รู้ว่ามีคนต้องการฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อใจพวกเขาได้หรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้“ค่ะ” ฉันตอบก่อนวางสายฉันเข้าใจสิ่งที่โนราพูด แต่ก็ยังไม่แน่ใจ สมมติว่าเธอเพิ่งต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งทางใจเท่านั้นล่ะ? ฉันหมายถึงใครสักคนที่แทนลูกชายสุดที่รักที่นอนอยู่ในคุกตอนนี้ ไม่สำคัญว่าจะเป็นลูกบุญธรรมหรือไม่ ดังนั้นบางทีเธออาจกำลังมองหาคนมาแทนที่ ฉันกลัวว่าจะโดนหลอกใช้ ฉันกลัวว่าจะเป็นเพียงตัวเลือกสำรอง เหมือนที่โรแวนเคยเห็นฉันเป็นเช่นนั้นฉันไม่ได้เย็นชาหรืออะไรแบบนั้นกับพวกเขาหรอก ฉันเพียงพยายามปกป้องเศษเสี้ยวหัวใจที่เหลืออยู่เท่านั้น“โอ้ย สาว” แครอลพูดขึ้น

  • ธุลีใจ   บทที่ 121

    [คำเตือน: บทต่อไปนี้มีเนื้อหาที่อาจอ่อนไหวต่อผู้อ่านบางท่าน]ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจะตั้งครรภ์ไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้และเป็นลูกของอีธานไม่ได้“ทำไมกัน?” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบาขณะน้ำตาไหลลงอาบใบหน้า ฉันเฝ้ารอคำตอบนั้น กระนั้นกลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา พระเจ้าไม่ได้บอกฉันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นขึ้นกับฉัน พระองค์ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงลิขิตให้ฉันต้องโชคร้ายเช่นนี้ฉันพยายามลุกขึ้นจากพื้นห้องน้ำ กลับไร้เรี่ยวแรงจะลุกยืน จบสิ้นแล้วทุกสิ่งทำไมชะตาชีวิตฉันถึงลิขิตให้ฉันตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่ากัน? ครั้งแรกก็โนอา และตอนนี้ก็เป็นเด็กคนนี้อีกสายตาเหม่อลอยมองไปยังพื้นกระเบื้อง นึกย้อนกลับไปครั้งนั้นฉันกับอีธานมีอะไรกันโดยไม่ได้ป้องกันเพียงครั้งเดียว ฉันควรจะกินยาคุมฉุกเฉินแต่ก็ลืมไปสนิท พอนึกได้เวลาก็ผ่านไปหลายวันแล้วเมื่อบอกเรื่องนี้กับอีธาน ฉันคาดหวังว่าเขาจะอารมณ์เสีย แต่กลับไม่เลย เขาบอกให้ฉันใจเย็นลง เราทั้งคู่คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะตั้งครรภ์ฉันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่นประจำเดือนมาช้า แต่คิดว่าคงเป็นเพราะความเครียดที่ฉันเจอ ส่วนเรื่องความ

  • ธุลีใจ   บทที่ 122

    ฉันพยักหน้า“ผมอิจฉาที่คุณกับโนอาเข้ากันได้ดีขนาดนั้นมาตลอดเลยนะ ตอนนี้ก็ยังอิจฉาอยู่” เขาสารภาพ ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ“จริงเหรอ?”ฉันยังคงไม่อยากเชื่อว่าโรแวนจะนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำกับฉันในตอนนี้ โรแวนที่ฉันรู้จักคงไม่สนใจทำอะไรเลย แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้ฉันก็ตาม“อืม” เขาเอ่ยตอบหลังจากนั้นเราต่างก็เงียบใส่กัน ฉันเริ่มง่วงนอนและไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ หรือชายหนุ่มพาฉันไปที่เตียงได้อย่างไร สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะหลับลึกไปคือริมฝีปากของเขาที่ประทับลงบนหน้าผากของฉันเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันถัดไปแล้ว ฉันพบว่ามีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ซึ่งน่าจะเย็นชืดจนหมดแล้วฉันลุกออกจากเตียงและนัดพบหมอกับสูตินรีแพทย์ หลังจากอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ฉันก็แต่งตัวไปพร้อมกับความเหนื่อยอ่อนและหมดแรงฉันไม่ได้รู้สึกหิวจึงเมินอาหารนั้น ฉันไม่รู้ว่าใครทำมาให้ แต่ขอเดาว่าเป็นโรแวนฉันเดินไปขึ้นรถ ติดเครื่องยนต์และขับรถกินลมชมวิว พยายามถ่วงเวลาไม่ให้ไปถึงคลินิกหมอเร็วเกินไป ฉันไปถึงหลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง เมื่อสูดหายใจเข้าลึก ฉันก็เดินลงจากรถไปยังคลินิกเอกชนนั้น

  • ธุลีใจ   บทที่ 123

    สิ่งที่ฉันต้องทำนั่นคือก้าวไปด้านหน้า เพียงก้าวเดียว ทุกอย่างจะจบลง ไม่มีอีกแล้วความเจ็บปวด ไม่มีอีกแล้วความเศร้าเสียใจ ไม่มีอีกแล้วหัวใจที่แตกสลาย จะได้เป็นอิสระจากความมืดมิดที่คอยกลืนกินฉันเสียทีฉันได้ยินเสียงรถจากไกล ๆ แต่ฉันไม่หันไปมอง ยังคงยืนนิ่งอยู่แม้เสียงกระแทกประตูดังขึ้น “ไปยืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้น เอวา?” เสียงของโรแวนดังมาจากด้านหลัง ฉันไม่มีวี่แววจะหันกลับไปแม้ลมจะพัดแรงกรรโชก ฉันรู้สึกถึงแรงลมราวกับว่ากำลังเร่งเร้าให้ฉันก้าวไปด้านหน้า“เอวา ขอร้องนะ ถอยหลังออกจากหน้าผาเถอะ เดินมาหาผม” ฉันรู้สึกว่าเขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ อย่างไรเสีย ฉันก็ไม่ถอยฉันเบื่อหน่ายเหลือเกิน เบื่อหน่ายกับการร้องไห้ เบื่อหน่ายกับการทนรับความเจ็บปวด เบื่อหน่ายกับความทรมานที่ไม่สิ้นสุด ฉันกัดฟันทนลุกขึ้นสู้มาเกินพอแล้ว เจ็บปวดเช่นไร ก็เป็นอยู่เช่นนั้นร่ำไป มันกลืนกินชีวิตฉันไปช้า ๆ เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นคนที่ไม่คิดจะพบเจอใคร“ฉันคิดว่าฉันไม่อยากทนกับเรื่องพวกนี้แล้ว โรแวน อยากให้ทุกอย่างหยุดได้แล้ว ฉันอยากรู้จักความสงบสุข เพราะฉันไม่เคยสัมผัสเลยตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เหลือแรงจะสู้ต่อไปแล้วล่ะ” ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 124

    โรแวนบ้าเอ๊ย! ผมลูบมือผ่านเส้นผมขณะที่มองเธอหลับ ร่องรอยของน้ำตายังคงปรากฏบนแก้มของเธอ และมันทำให้ผมแทบแตกสลายที่เห็นเธอเจ็บปวดขนาดนี้เอวาเรียกได้ว่าเป็นหญิงที่ซ่อนความรู้สึกตนเองเก่งพอสมควร แต่วันนี้กลับระเบิดอารมณ์ออกมา และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างแท้จริง เธอกำลังจมดิ่งลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว และเธอกำลังดึงผมจมลงไปพร้อมกับเธอผมนั่งลงข้างเอวาซึ่งกำลังหลับอยู่ ผมลูบไล้เส้นผมหญิงสาวพลางนวดศีรษะอย่างอ่อนโยน ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเลยว่าเส้นผมเธอนุ่มและหนาขนาดนี้? เพียงสัมผัสก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดียิ่งนักเธอถอนหายใจอย่างสบายใจยามหลับ ใบหน้าผ่อนคลาย ความเจ็บปวดทั้งหมดจากก่อนหน้าจางหายไป เมื่อหลับใหล เธอสัมผัสถึงความสงบสุข ไร้ความมืดเข้ามาย่างกรายผมรู้ว่ามันฟังดูน่าขนลุก แต่การมองเธอหลับเป็นสิ่งที่ผมชอบทำที่สุด เมื่อวานนี้ผมก็ดูเธอนอนหลับเช่นนี้ และวันนี้ก็ดูอีกเช่นกัน เธองดงามมากเสียจนรู้สึกเจ็บปวด แม้จะมีรอยคล้ำใต้ตา เธอก็ยังสะกดสายตาอยู่ดี ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าก่อนหน้าทำไมถึงคิดว่าเอวาถึงเทียบเอมม่าไม่ได้เลยผมจูบแก้มเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้น ผมรู้สึกไม่อยากออกไปจากตรงนี้เลย ต้องขัดข

  • ธุลีใจ   บทที่ 125

    "พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าผมรู้จักพี่ดีกว่าที่พี่รู้จักตัวเองซะอีก เจ้าพี่ชาย" เกเบรียลนั่งลงตรงข้ามกับผม"เอวา" ชื่อของเธอหลุดออกจากปากผมพร้อมน้ำเสียงอันเจ็บปวด"พี่เป็นห่วงเธอสินะ""แน่นอนสิ ฉันก็ต้องเป็นห่วงเธออยู่แล้ว แม่ลูกฉันทั้งคนนะ" ผมเหน็บแนมน้องชายด้วยความหงุดหงิดสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นนั่นคือเอวากำลังจมดิ่งลงไปจนเกินควบคุม และผมไม่รู้จะช่วยเธออย่างไร ผมไม่รู้เลยว่าชายที่เธอปราถนาเป็นเช่นไร ผมเอาแต่ผลักไสเธอมาตลอด จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้"มันมากกว่านั้นอีก พี่มันงี่เง่าไม่ยอมเปิดตายอมรับความจริง" เขาพูดลากเสียงยาวเขาเอาแต่กล่าวเช่นนี้มาสักพักแล้ว ความรู้สึกกังวลที่มีต่อเอวามันเป็นความรู้สึกที่ลึกล้ำกว่านั้น เราสองพี่น้องถกเถียงเรื่องนี้กันไม่หยุด ผมคิดว่าต้องรู้สึกตัวแน่นอนหากหลงรักเธอจริง ผมเป็นห่วงเธอ และผมมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่รักน่ะเหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง"เธอเป็นยังไงบ้าง?" เขาเอ่ยถามเมื่อได้ความเงียบเป็นคำตอบ“เอวาท้องน่ะสิ”เขามองผมด้วยดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง "ลูกของอีธานเหรอ?"“แล้วจะเป็นลูกใครได้อีกล่ะ?”

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status