Share

บทที่ 6

Penulis: Futhaone
last update Terakhir Diperbarui: 2025-04-11 22:07:27

"บังอาจ! กล้าใส่ความท่านอ๋อง สมควรตาย องครักษ์จับนายทหารผู้นี้"ข้ารับใช้คนสนิทของจี๋ชงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาขุ่นเคือง 

"ไม่เป็นไรๆ เจ้าเด็กน้อย ช่างฉลาดยิ่ง นามว่าอะไร " ฝ่าบาทจ้องมองนาง ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาทั้งคู่ทะเลาะกันเพียง เพราะทหารคนเดียว ตั้งแต่ทะลุมิติมาที่วังหลวงแห่งนี้ ไม่มีความสงบเรียบร้อย แต่ยังคงความเป็นตัวเอง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ไม่สนใจผู้ใด แต่ทว่าท่านผู้นี้คือ องค์จักรพรรดิของแผ่นดิน ที่เธอมิอาจทำตัวไร้มารยาทได้ เพราะประวัติศาสตร์ได้จารึกแต่คุณงามความดีไว้มากมาย มันน่าละอายใจเหลือเกินหากเธอทำตัวไร้มารยาท

"ข้าน้อย ยู่หลง คารวะฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆ ปี" เสี่ยวเยาคุกเข่าลง เพื่อแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม แลดูจริงใจ ยิ่งทำให้ฝ่าบาทเอ็นดูเขามากขึ้นไปอีก

"ไม่ต้องพิธี เอาล่ะๆ ลุกขึ้นเถิด.." รอยยิ้มอันอ่อนโยนได้ปรากฏบนใบหน้าสง่างาม มีเมตตา เหมาะสมตามคำร่ำลือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

"ขอบพระทัยฝ่าบาท" น้ำเสียงอันหนักแน่น เพื่อกลบเกลื่อนความเป็นสตรีไว้ เสี่ยวเยาเหลือบมองฝ่าบาท ก่อนที่จะกะพริบตาข้างหนึ่ง ส่งสัญญาณให้นางกำนัลรีบหาช่องทางหลบหนีออกไป

"อ๋องจี๋ชง แม่ทัพเจิ้งเจี๋ย ประลองกระบี่กันเช่นนี้ ต่อหน้าบริวารไม่สมควร มีใครได้รับบาดเจ็บบ้างไหม?" แววตายังคงเป็นห่วงเขาทั้งสอง ทุกคนในวังต่างรู้ดีว่าทั้งคู่ต่างเป็นคนโปรดของจักรพรรดิ ที่เพิ่งกลับคืนสู่พระราชวังได้ไม่นานหลังเสร็จสงครามครั้งใหญ่ เจิ้งเจี๋ยรีบปกปิดบาดแผลไว้ เพื่อไม่ให้น้องชายต่างมารดาต้องมารับโทษเพราะตน

"แค่ฝึกซ้อมกระบี่กันเท่านั้น ทรงอย่าได้กังวลไปเลย" เจิ้งเจี๋ยรีบบ่ายเบี่ยง ทำเอาเสี่ยวเยาได้แต่ยืนอึ้ง มองหน้าจี๋ชงที่ทำสีหน้าเยาะเย้ยให้ตนเอง อย่างผู้ได้รับชัยชนะ เสี่ยวเยาทำได้แต่ขบกรามแน่นเพื่อเห็นแก่เจิ้งเจี๋ย

"ใช่แล้ว ท่านพ่อ เราแค่ประลองวรยุทธ์กันเท่านั้น ทรงอย่าได้กังวลไปเลย" จี๋ชงพูดเสริมขึ้น เพียงเพราะตนไม่อยากให้รู้ความจริง อาจรับโทษฐานทำร้ายข้ารับใช้ในวังได้ คงรู้ดีแก่ใจว่า เป็นเรื่องที่ฝ่าบาททรงกริ้วโกรธกว่าเรื่องใดๆ ทรงให้ความสำคัญต่อข้าทาสบริวารเป็นอันดับหนึ่ง

"ดี ยู่หลง ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจงเป็นทั้งนางกำนัล และองครักษ์ของเจิ้งเจี๋ย ปรนนิบัติรับใช้ อย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด เข้าใจไหม" ฝ่าบาทยิ้มกว้างถึงตา ไม่รู้เหตุใดถึงถูกชะตากับนายทหารผู้นี้นัก ไม่เคยมีใครกล้าสร้างความปั่นป่วนในวังที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายแห่งนี้มานานมากแล้ว

"แต่ว่าฝ่าบาท ข้า..."ดวงตาเจิ้งเจี๋ยเบิกโตด้วยความตกใจ  นับตั้งแต่เกิดเรื่องในครานั้นขึ้น เขาไม่อยากเห็นนางกำนัลในจวนของตนอีกเลย

"หม่อมฉันรับราชโองการ ..." นางยิ้มกว้าง พร้อมส่งแววตาเจ้าเล่ห์มายังท่านแม่ทัพ เหลือบตามองนาง อย่างกับจะฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆ จี๋ชงเองก็ไม่วายที่จะยอมแพ้ง่ายๆ แม้จะขัดคำสั่งท่านพ่อไม่ได้ แต่ตนจะไม่มีวันยอมปล่อยนางผู้นี้ให้เป็นของเจิ๋งเจี๋ยได้แน่นอน อย่างน้อยเขาก็ล่วงรู้ความลับของนาง อีกทั้งภายในใจลึกๆ ก็โปรดปรานนางอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

เสี่ยวเยาเดินตามหลังเจิ้งเจี๋ย ผู้ที่นิ่งเงียบ ไม่พูดจากับเธอสักคำ ท่ามกลางแสงสว่างของดวงจันทร์ในยามราตรี สายลมยังพัดอ่อนๆไปทั่วทิศทาง แม้จะเหน็บหนาวเพียงใด แต่เหตุใดเขากลับอบอุ่นใจเช่นนี้ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความคิดมากมายพรั่งพรูเข้ามา ความสับสนเริ่มก่อตัวขึ้น เขารู้สึกไม่พึงพอใจทุกครั้ง เมื่อมองแววตาของจี๋ชงที่มองมายังทหารผู้นี้ที่เป็นชายเช่นเดียวกัน  

นางมองบุรุษเบื้องหน้าตน ที่เดินด้วยท่าทางเหม่อลอย เพียงแผ่นหลังกว้าง ก็รู้ได้ว่าเขาคือ บุรุษที่งดงาม แข็งแรง เพียบพร้อมไปทุกด้าน เสี่ยวเยายังสัมผัสได้ว่าท่านแม่ทัพผู้นี้ปิดบังบางอย่างไว้ ซึ่งเธอต้องรู้ให้ได้

"เจ้าจะแอบมองข้าอีกนานไหม" เขาหยุดเดินชั่วขณะ เพราะรับรู้ได้ว่าตนถูกแอบมองตลอดเส้นทาง  เสี่ยวเยาไม่ทันระวังตน นางชนเข้ากับแผ่นหลังอย่างจัง ด้วยความตกใจ และสัญชาตญาณของนางสองแขนได้โอบกอดคอเขาไว้ แววตาทั้งคู่สบตากันด้วยความบังเอิญ

"เอ๊ะ!! .." ดวงตาเคร่งขรึมเบิกกว้าง เมื่อเจ็บปวดตรงบาดแผล ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมานานนับสิบปี

"ท่านแม่ทัพ! ท่านบาดเจ็บเหรอ?" ก่อนจะมองตามหยดเลือดที่ไหลรินออกมาจากแขนข้างหนึ่ง นางไม่รอช้ากระชากแขนเสื้อตัวเอง เพื่อห้ามเลือดให้เขา ด้วยแววตาที่ดูเป็นกังวล ทำเอาคนเบื้องหน้านิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง ทำไมถึงรู้สึกดีเช่นนี้ 

"ข้าไม่ได้เป็นอะไร"

"แต่ท่าน..."

ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง ท่ามกลางแสงจันทราที่สว่างไปทั่ว เผยให้เห็นใบหน้าขาวนวลผ่องที่ชัดเจน แก้มแดงระเรื่อของทหารผู้นี้ ทำเอาเจิ๋งเจี๋ยเหมือนโดนมนต์สะกด ภายในใจเริ่มหวั่นไหว ยิ่งเผลอมองริมฝีปากชมพูอันอวบอิ่ม ยิ่งทำให้เขารู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งตัว แก้มเขาเริ่มแดงราวกับมะเขือเทศ ก่อนจะเรียกสติตนกลับมา ผงะตัวออกมาอย่างว่องไว ก่อนจะจ้ำอ้าวออกไปโดยไม่ผินหลังกลับมามอง

"อะไรของหมอนั้น! " เสี่ยวเยาเอ่ยขึ้นด้วยความมึนงง ก่อนจะมองขวดยาในมือด้วยความผิดหวังเล็กน้อย

"อย่างน้อยก็ควรทายาเสียก่อนซิ ท่านแม่ทัพ..." นางยังคงเดินมุ่งตรงไปยังจวนท่านแม่ทัพ หากคืนนี้มิได้ทายาให้เขา เธอเองก็ไม่คิดจะกลับที่พักเป็นอันขาด เพราะอย่างน้อยเขาก็คือผู้มีพระคุณของเธอ 

ฝ่าบาทยืนเพ่งมองดวงจันทร์กลมโต ด้วยแววตาเปล่งประกาย บนด้วยแววตาเศร้าหมอง แม้จะมีความหวังแต่ต้องแลกกับความสูญเสีย นานเท่าไหร่แล้วเขาผู้นั้น ไร้ซึ่งความรู้สึก เมื่อไหร่คำสาปนั่นจะจบลง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้าเขา ก่อนที่กงกงจะเดินเข้ามาใกล้ตนด้วยความเป็นห่วง

"ดึกแล้วกลับตำหนักเถิดฝ่าบาท"

"กงกงทหารผู้นั้นที่ข้าเจอวันนี้ คือผู้ที่เจิ้งเจี๋ย รอคอยมาแสนนานจริงๆ ใช่ไหม? ฮ่าฮ่า" เสียงหัวเราะชอบอกชอบใจ ท่ามกลางความงุนงงของกงกง และเหล่าทหาร ที่มิเคยเห็นฝ่าบาทเป็นเช่นนี้มาก่อน แต่ใครจะรู้ว่าเสียงหัวเราะนั้นกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง

เสี่ยวเยาในร่างยู่หลงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าจวนของท่านแม่ทัพ นั้นเพราะคำสั่งห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปแต่ตนต้องทานยา และทำแผลให้สำเร็จถึงจะวางใจได้   ชั่วครู่หนึ่งประตูได้ถูกเปิดออก แต่ผู้ที่ย่างก้าวออกมากลับกลายเป็นองครักษ์คนสนิทของเขา นามว่า ลี่หวัง มุ่งตรงมายังนางด้วยท่าทางแสนเย็นชา คิ้วขมวดชนกัน ช่างยียวนกวนประสาทนางยิ่งนัก

"ท่านแม่ทัพสั่งให้ข้ามาบอกเจ้า ว่าให้กลับไปซะ แต่หากเจ้ายังวุ่นวายไม่เลิก ให้ข้าฆ่าเจ้าเสีย!" ทหารผู้นั้นเตรียมชักกระบี่คู่กายออกมา 

"ไม่ได้!! ท่านแม่ทัพต้องทานยา ทำแผลเสียก่อน เพราะถือเป็นคำสั่งของฝ่าบาทด้วย เจ้ากล้าขัดราชโองการเหรอ! เจ้าอยากตายนักรึไง ฮ่ะ! ถ่อยๆ ข้าจะเข้าไป ลีลานักนะท่านแม่ทัพ ข้าง่วงนอนจะตายแล้วเนี่ย.."

"........" ลี่หวัง งุนงงกลับคำพูดและท่าทางของนาง  ปล่อยนางเข้าไปด้วยความจำใจ 

 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 7 ท่านแม่ทัพ

    แสงสว่างจากดวงจันทราสาดส่องเพียงพอให้นางมองเห็นสภาพภายในจวน เสี่ยวเยาต้องแปลกใจปนความสงสัย เมื่อพบว่ามันช่างว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งของมีค่าอย่างที่ผู้คนต่างร่ำลือไว้ มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ไว้ดื่มชา กับเตียงนอนเรียบง่ายที่ไม่อลังการ พร้อมแกะสลักลวดลายหมาป่าที่น่าเกรงขามไว้เท่านั้น ไม่สมกับเป็นเชื้อสายพระวงศ์ แม้แต่น้อย ผิดจากภายนอกจวนที่ตกแต่งหรูหรา ดูอลังการสง่างาม จนน่าอิจฉาแท้จริงแล้วด้านในกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่เหมือนดั่งที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า "ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ยผู้นี้ใช้ชีวิตสุขสบาย หรูหราฟุ่มเฟือย ข้าวของเครื่องใช้ทำด้วยทองคำ ร่ำรวยกว่าองค์จักรพรรค์เสียอีก สาเหตุเพราะยึดทรัพย์สมบัติของเหล่ารัฐที่ตนไปทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน โดยได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เพื่อเป็นรางวัลชนะศึก""อะไรเนี่ย!!" เสี่ยวเยาเดินสำรวจรอบๆ ไม่วายคลางแคลงใจ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังผู้กำลังหลับใหล ด้วยใบหน้าซีดเผือด ผิดมนุษย์มนา หรือ เขากำลังแอบซ่อนอะไรไว้"........""หลับสบายเชียวนะ! ปล่อยให้ข้ายืนรอตั้งนานสองนาน มันน่าฆ่าให้ตายเสียจริง ฮึ! " นางเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ ที่ตนต้องยืนรอตั้งสองชั่วยาม เห

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 8 ท่านแม่ทัพ

    ภาพคนทั้งคู่หนุนเตียงกันได้สร้างบาดแผลครั้งใหญ่ต่อเจิ้งเจี๋ย ความคับแค้นใจก่อตัวขึ้น จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วนางเป็นผู้หญิงเช่นไร "เอานายทหารผู้นี้ไปโบยสามร้อยครั้ง แล้วจงโรยด้วยเกลือ!!" น้ำเสียงเคร่งขรึมของเขาสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้คนทั้งคู่ ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ใต้ผ้าห่มฝืนเดียวกัน ด้วยร่างอันเปลือยเปล่า โดยเฉพาะเหมยหลินคนรักเขาของเขา ที่พยายามจะอธิบายให้ท่านแม่ทัพเข้าใจทั้งน้ำตาด้วยใจทุกข์ระทม เจิ้งเจี๋ยเองก็เจ็บลึกในทรวงไม่แพ้กัน เพียงเก็บอาการไว้ เพื่อเห็นแก่ความผลงานและความดีที่ผ่านมาจึงไม่ฆ่าทหารผู้นั้นทิ้ง ก็นับว่าเมตตามากพอแล้ว "อึก! ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้...อึก" น้ำเสียงอันสั่นเครือของนาง แววตาดูจริงใจเปล่งประกายขึ้น แม้ว่าขอบตาจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสที่ไหลรินอาบสองแก้มอันอวบอิ่มก็ตามเจิ้งเจี๋ยก้าวฝีเท้ามายังนาง เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเฉกเช่นเดียวกับนาง ดวงตาฉายแววผิดหวังบ่นความขุ่นเคืองใจ จ้องมองพวกเขาทั้งคู่ แม้จะเคยเห็นทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันปล่อยๆ แค่คิดว่าเป็นเพราะความสนิทดั่งมิตรสหายเท่านั้น ไม่น่ามาลงเอยเช่นนี้เลย"เ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 9 ความรู้สึกเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    หลานจิน และเสี่ยวเยา เขาทั้งสองต่างมุ่งหน้าไปยังที่พักของตนเอง ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงความสว่างจากโคมไฟนำทาง เสี่ยวเยาเหลือบมองหลานจิน ผู้หล่อเหลา ตั้งแต่ทะลุมิติมา เจอสหายคนแรกที่พึ่งพาได้ตอนนี้ มีเพียงเขาผู้นี้เท่านั้น "นี่หลานจิน หากข้าต้องการไปหน้าผาอสรพิษ ต้องทำอย่างไรเหรอ?" เสี่ยวเยาเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินมาถึงสระน้ำกว้างใหญ่ ของจวนท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย"ยู่หลงนี่เจ้าคิด...อุ๊บ" ไม่ทันที่เขาจะพูดจบกลับโดนปิดปากไว้ด้วยมือของเสี่ยวเยา แต่ทว่าเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสถึงผิวที่เรียบเนียน พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องหอมปรุงแต่งกลิ่นจากบุพผา"อย่าเสียงดังสิ! ข้าตามหาพี่สาวของข้า เจ้าก็รู้นี้!!" เสียงเข้มของนาง สลัดความสงสัยนั้นออกไปจนหมดสิ้น "ยู่หลง เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง ผู้ใดที่ได้ไปเยือน ยากนักจะได้กลับมา มีเพียงท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย และทหารคนสนิทเท่านั้นที่รู้เส้นทางที่ปลอดภัย ""ทหารคนสนินเหรอ... ลี่เจิน กับลี่ซานใช่ไหม?""อืม...หยุดคิดซะเถอะ พรุ่งนี้พวกเขาก็ออกเดินทางแล้ว" เสี่ยวเยาเบิกตาพองโต ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีความหวัง ก่อนยิ้มแย้มแจ่มใสสุขสมดั่งใจที่ไม่เคยเป็นมาก

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-12
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 10 การเดินทาวมาพร้อมความหวั่นไหว

    รถม้าเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ผ่านทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา และแม่น้ำใสสะอาดจนเห็นโขดหินอย่างชัดเจน สายลมหนาวยังคงพัดเย็นๆ ผ่านเบื้องหน้าของทุกคน ทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายลง"หลานจิน เมื่อไหร่จะถึงหุบเขาอสรพิษดำ" เสี่ยวเยาถามขึ้น เมื่อพบว่าระยะทางที่ผ่านมามันช่างยาวนานนัก "พรุ่งนี้ ยามอาทิตย์ตกดินคงจะถึงจะที่หมาย ข้าก็เคยมาเป็นครั้งแรกเหมือนเจ้า ""เอ๊ะ! แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน บริเวณนี้มีป่าไม้ไผ่ ต้นไม้หนา นานแล้วที่ข้าไม่เห็นโรงเตี้ยมเลย เริ่มจะมืดแล้วด้วย" ความตระหนกตกใจของนาง ทำให้เขาดูเป็นกังวลใจยิ่งนัก"เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง""ข้าไม่ได้กลัวภัยอันตราย แต่ข้ากลัวความมืดมากกว่า.." นางกระซิบเบาๆ จนเขาหัวร่อต่อกระซิก ไม่คิดว่าทหารกล้าหาญอย่างเขา จะกลัวความมืดได้ถึงเพียงนี้"หยุดหัวเราะนะ หลานจิน""ได้ๆ ข้าหยุดก็ได้ ทางข้างหน้าแคบ เจ้าระวังตัวด้วย "สิ้นคำพูดของเขา ทางเดินข้างหน้าเริ่มแคบ และชันลง รถม้าของท่านแม่ทัพไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปไดเ"หยุด" สิ้นเสียงท่านแม่ทัพ รถม้าหยุดลง ดวงตาคมกริบเหลือบมอง ทหารร่างบางที่บนนั่งม้าด้วยท่าทางเหม่อลอย เหมือนครุ่นคิดสิ่

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 11 ท่านแม่ทัพ ผู้กำความลับของนาง

    เนื่องด้วยอาการหนาวเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณป่าทึบ เสี่ยวเยา นอนคดคู้ เพราะชุดทหารไม่ได้หนาพอที่จะให้ความอบอุ่นได้ตลอดทั้งคืน ทว่าว่ากลับได้รับความอบอุ่นจากกองเพลิงที่ลุกโชนอย่างดี ในทางกลับกันหากนางนอนฝั่งเดียวกับหลานจิน ที่อยู่ห่างไกลจากกองไฟ คงจะหนาวสั่นจนตายเเน่นอน เสี่ยวเยาเพ่งสายตาไปยังบุรุษที่นอนพิงพาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ห่างไกลจากตนเองมากนัก ใบหน้าหล่อเหลา กระทบกับแสงจันทร์ เป็นบุรุษที่ยิ่งดู ยิ่งมีเสน่ห์ ไม่อาจรู้ได้ว่าเนื้อในที่จริงเป็นอย่างที่จารึกไว้หรือเปล่า ทั้งโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้ความเมตตา ตรงกันข้ามนางสัมผัสถึงความใส่ใจ และห่วงใยต่อนาง แต่ทว่าเสี่ยวเยาไม่รู้อะไรเลย แท้จริงแล้วเจิ้งเจี๋ยปฏิบัติต่อนางแตกต่างจากผู้อื่น.."ไม่เห็นเหมือนที่อ่านไว้เลย""มองข้าพอหรือยัง" เสียงทุ้มดังขึ้น แม้ว่าเขายังหลับตาอยู่ก็ตาม"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมองท่าน มองชุดที่ท่านสวมใส ดูอบอุ่นดีต่างหากล่ะ " นางยิ้มแห้งๆ "อย่างนั้นเหรอ!" "เอ๊ะ! จะทำอะไรนะ!" เสี่ยวเยาลุกพรวดอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตัว ขณะที่ท่านแม่ทัพถอดชุดคลุมขนสัตว์ ก่อนจะนั่งยองๆ ห่มมันให้กับนาง โดยไม่สบตา เดินกลับไปนอนตา

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-13
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 12 ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย

    ท่านแม่ทัพเดินนำทางไปยังที่พักด้วยความนิ่งสงบ ไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา จนน่าประหลาดใจ เพราะดวงตาคมมัวสอดส่องไปทั่วบริเวณ เมื่อพบว่าตลอดเส้นทางในป่าแห่งนี้ มันช่างเงียบผิดปกติเหลือเกิน เสี่ยวเยาเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย 'แค่มาอาบน้ำเอง ไม่พอใจขนาดนี้เลยเหรอ' น้ำเสียงเพียงแผ่วเบา ทำให้เขาพินหน้ามองนาง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ด้วยแววตานิ่งแต่มีนัยแอบแฝง"เจ้าต่อสู้ได้ใช่ไหม?""เอ๊ะ! อืม สบายมาก"สิ้นคำตอบนาง เจิ้งเจี๋ยนำกระบี่ออกมา ดวงตาสวยพองโตขึ้น สะดุ้งเฮือก เมื่อเขายื่นกระบี่คู่กายให้นางอย่างไม่ลังเล"เริ่ม!" แววตาคมกริบเพ่งมองไปด้านหน้าในขณะเดียวกันที่ปรากฏกลุ่มชายชุดดำ กระโจนโจมตีทั้งคู่"พวกเจ้าเป็นโจรป่าใช่ไหม?" "....." มีเพียงเสียงคมกระบี่ที่ให้คำตอบนาง เจิ้งเจี๋ยใช้เพียงมือเปล่าจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจที่เขาจะเป็นที่ไว้วางใจขององค์จักรพรรดิ เพราะสติปัญญา มาพร้อมความเจ้าระเบียบรอบคอบ อีกทั้งวรยุทธ์ที่เก่งกาจของเขา ได้สร้างคุณงามความดีต่อบ้านเมืองไว้อย่างมากมาย แม้ว่าจะโดนตราหน้าว่า เป็นผู้นำทัพทำสงครามอย่างเหี้ยมโหดก็ตาม "ยู่หลง ระวัง! " น้ำเสียงเข้มแฝงความห่วงใยเรียกสติ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-14
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 1 จุดเริ่มต้น

    คืนพระจันทร์สีเลือด " พวกเจ้าต้องจับนางมาให้จงได้ ข้าจะลงโทษนางด้วยมือของข้าเอง" 'เหมยหลิน'เจ้าคนทรยศ!! นัยน์ตาที่ดูรุ่มร้อนดั่งไฟ บุรุษผู้ยืนจ้องมองพระจันทร์สีเลือดที่ลอยเด่นกลางท้องฟ้า สองมือกำแน่นจนเล็บจิก เลือดไหลหยดลงมือลงมาดั่งเม็ดฝน แต่ไร้ซึ่งความเจ็บปวด เพราะเหตุใดกันแม่ทัพผู้นี้ถึงตามล่านางผู้นั้นให้ได้ ความฝันที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเหล่าเสมือนว่าเธอกำลังยืนอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย ณ สถานที่ไม่คุ้นเคย บุรุษผู้นั้นและนางผู้นี้ที่เขากล่าวถึงคือใครกัน! เหตุใดเธอถึงฝันเหมือนเดิมแบบนี้ทุกค่ำคืน "ข้าถูกใส่ร้าย"หญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมนั้นยาวสลวยเงางามมาจนถึงสะโพกของนาง สวมชุดจีนโบราณสีขาวปักลายดอกบัวตั๋น ด้วยเส้นไหมชิ้นดี มือข้างหนึ่งกำปิ่นปักผมมังกรสีเงินเงางดงามสะดุดตายิ่งนัก แต่เหตุใดสายตาคู่นั้นถึงดูเศร้าหมอง น้ำตานางเอ่อล้นขอบตาเรียวก่อนจะหลับตาเพื่อปลิดชีพตนเอง ด้วยปิ่นปักผมมังกรสีเงินเล่มนั้น! นางลงเอ่ยด้วยการปลิดชีพตัวเอง "อย่า! " เสี่ยวเยา สะดุ้งตื่นจากฝันร้ายเหมือนเช่นทุกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ อีกทั้งมือนั้นสั่นเทา หวาดกลัวอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เพราะตนเองไม่อ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-02
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 2 รับบทเป็นยู่หลงแล้วหนึ่ง

    ทุกอย่างมืดสนิทไปชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะปรากฎร่างกายของตน ยืนตัวตรงอย่างสงบเสงี่ยม อยู่ในสถานที่ไม่คุ้นตา เสี่ยวเยาขยี้ดวงตาเบาๆ แววตาใสเปล่งประกายพองโต เมื่อมองไปรอบๆตัวที่บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั้งชุดที่นางสวมใส พริ้วไหวงดงามราวกับเทพธิดา"เอ๊ะ!!" ทว่าไม่ได้มีเพียงนางเท่านั้น"..." ดวงตาทุกคู่จับจ้องมายังนาง ราวกับว่าเป็นตัวประหลาด เสี่ยวเยาสูบหายใจลึกเพื่อผ่อนคลาย ก่อนจะสงบนิ่งลงเพื่อไม่ให้ผู้ใดสงสัยในตัวนาง แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้นางควรตกใจแทบสลบเสียให้ได้ แต่ทว่านางมีสติมากพอที่ยับยั้งชั่งใจไว้มิให้เกิดภัยร้ายกับตนเอง เสี่ยวเยาชำเลืองมองผู้ที่เดินเคียงข้างนาง สังเกตการแต่งตัวที่เหมือนกัน รวมทั้งท่าทางการวางตัว ต้องเป็นเหล่านางกำนัลแน่นอน"เรากำลังไปไหนเหรอ?" เสี่ยวเยาเอ่ยถามนางกำนัลใกล้ตัว"เข้าเฝ้าฮ่องเต้" "ฮ่องเต้!!! คือใครกัน?""บังอาจ! เจ้าคงเสียสติไปแล้วเหรอ เจ้าไม่รู้จักฮ่องเต้ไทจู่ได้อย่างไรกัน?" ดูเหมือนว่านางผู้นี้จะเป็นนางกำนัลรับใช้ชั้นผู้มีอาวุโส"กูกู ข้าว่าอย่าเสียเวลากับนางเลย นางคงพักผ่อนน้อยเกินไป สติเลยเลอะเลือน"นางกำนัลผู้น้อยเอ่ยขึ

    Terakhir Diperbarui : 2025-04-02

Bab terbaru

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 12 ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย

    ท่านแม่ทัพเดินนำทางไปยังที่พักด้วยความนิ่งสงบ ไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา จนน่าประหลาดใจ เพราะดวงตาคมมัวสอดส่องไปทั่วบริเวณ เมื่อพบว่าตลอดเส้นทางในป่าแห่งนี้ มันช่างเงียบผิดปกติเหลือเกิน เสี่ยวเยาเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย 'แค่มาอาบน้ำเอง ไม่พอใจขนาดนี้เลยเหรอ' น้ำเสียงเพียงแผ่วเบา ทำให้เขาพินหน้ามองนาง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ด้วยแววตานิ่งแต่มีนัยแอบแฝง"เจ้าต่อสู้ได้ใช่ไหม?""เอ๊ะ! อืม สบายมาก"สิ้นคำตอบนาง เจิ้งเจี๋ยนำกระบี่ออกมา ดวงตาสวยพองโตขึ้น สะดุ้งเฮือก เมื่อเขายื่นกระบี่คู่กายให้นางอย่างไม่ลังเล"เริ่ม!" แววตาคมกริบเพ่งมองไปด้านหน้าในขณะเดียวกันที่ปรากฏกลุ่มชายชุดดำ กระโจนโจมตีทั้งคู่"พวกเจ้าเป็นโจรป่าใช่ไหม?" "....." มีเพียงเสียงคมกระบี่ที่ให้คำตอบนาง เจิ้งเจี๋ยใช้เพียงมือเปล่าจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจที่เขาจะเป็นที่ไว้วางใจขององค์จักรพรรดิ เพราะสติปัญญา มาพร้อมความเจ้าระเบียบรอบคอบ อีกทั้งวรยุทธ์ที่เก่งกาจของเขา ได้สร้างคุณงามความดีต่อบ้านเมืองไว้อย่างมากมาย แม้ว่าจะโดนตราหน้าว่า เป็นผู้นำทัพทำสงครามอย่างเหี้ยมโหดก็ตาม "ยู่หลง ระวัง! " น้ำเสียงเข้มแฝงความห่วงใยเรียกสติ

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 11 ท่านแม่ทัพ ผู้กำความลับของนาง

    เนื่องด้วยอาการหนาวเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณป่าทึบ เสี่ยวเยา นอนคดคู้ เพราะชุดทหารไม่ได้หนาพอที่จะให้ความอบอุ่นได้ตลอดทั้งคืน ทว่าว่ากลับได้รับความอบอุ่นจากกองเพลิงที่ลุกโชนอย่างดี ในทางกลับกันหากนางนอนฝั่งเดียวกับหลานจิน ที่อยู่ห่างไกลจากกองไฟ คงจะหนาวสั่นจนตายเเน่นอน เสี่ยวเยาเพ่งสายตาไปยังบุรุษที่นอนพิงพาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ห่างไกลจากตนเองมากนัก ใบหน้าหล่อเหลา กระทบกับแสงจันทร์ เป็นบุรุษที่ยิ่งดู ยิ่งมีเสน่ห์ ไม่อาจรู้ได้ว่าเนื้อในที่จริงเป็นอย่างที่จารึกไว้หรือเปล่า ทั้งโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้ความเมตตา ตรงกันข้ามนางสัมผัสถึงความใส่ใจ และห่วงใยต่อนาง แต่ทว่าเสี่ยวเยาไม่รู้อะไรเลย แท้จริงแล้วเจิ้งเจี๋ยปฏิบัติต่อนางแตกต่างจากผู้อื่น.."ไม่เห็นเหมือนที่อ่านไว้เลย""มองข้าพอหรือยัง" เสียงทุ้มดังขึ้น แม้ว่าเขายังหลับตาอยู่ก็ตาม"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมองท่าน มองชุดที่ท่านสวมใส ดูอบอุ่นดีต่างหากล่ะ " นางยิ้มแห้งๆ "อย่างนั้นเหรอ!" "เอ๊ะ! จะทำอะไรนะ!" เสี่ยวเยาลุกพรวดอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตัว ขณะที่ท่านแม่ทัพถอดชุดคลุมขนสัตว์ ก่อนจะนั่งยองๆ ห่มมันให้กับนาง โดยไม่สบตา เดินกลับไปนอนตา

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 10 การเดินทาวมาพร้อมความหวั่นไหว

    รถม้าเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ผ่านทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา และแม่น้ำใสสะอาดจนเห็นโขดหินอย่างชัดเจน สายลมหนาวยังคงพัดเย็นๆ ผ่านเบื้องหน้าของทุกคน ทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายลง"หลานจิน เมื่อไหร่จะถึงหุบเขาอสรพิษดำ" เสี่ยวเยาถามขึ้น เมื่อพบว่าระยะทางที่ผ่านมามันช่างยาวนานนัก "พรุ่งนี้ ยามอาทิตย์ตกดินคงจะถึงจะที่หมาย ข้าก็เคยมาเป็นครั้งแรกเหมือนเจ้า ""เอ๊ะ! แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน บริเวณนี้มีป่าไม้ไผ่ ต้นไม้หนา นานแล้วที่ข้าไม่เห็นโรงเตี้ยมเลย เริ่มจะมืดแล้วด้วย" ความตระหนกตกใจของนาง ทำให้เขาดูเป็นกังวลใจยิ่งนัก"เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง""ข้าไม่ได้กลัวภัยอันตราย แต่ข้ากลัวความมืดมากกว่า.." นางกระซิบเบาๆ จนเขาหัวร่อต่อกระซิก ไม่คิดว่าทหารกล้าหาญอย่างเขา จะกลัวความมืดได้ถึงเพียงนี้"หยุดหัวเราะนะ หลานจิน""ได้ๆ ข้าหยุดก็ได้ ทางข้างหน้าแคบ เจ้าระวังตัวด้วย "สิ้นคำพูดของเขา ทางเดินข้างหน้าเริ่มแคบ และชันลง รถม้าของท่านแม่ทัพไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปไดเ"หยุด" สิ้นเสียงท่านแม่ทัพ รถม้าหยุดลง ดวงตาคมกริบเหลือบมอง ทหารร่างบางที่บนนั่งม้าด้วยท่าทางเหม่อลอย เหมือนครุ่นคิดสิ่

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 9 ความรู้สึกเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    หลานจิน และเสี่ยวเยา เขาทั้งสองต่างมุ่งหน้าไปยังที่พักของตนเอง ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงความสว่างจากโคมไฟนำทาง เสี่ยวเยาเหลือบมองหลานจิน ผู้หล่อเหลา ตั้งแต่ทะลุมิติมา เจอสหายคนแรกที่พึ่งพาได้ตอนนี้ มีเพียงเขาผู้นี้เท่านั้น "นี่หลานจิน หากข้าต้องการไปหน้าผาอสรพิษ ต้องทำอย่างไรเหรอ?" เสี่ยวเยาเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินมาถึงสระน้ำกว้างใหญ่ ของจวนท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย"ยู่หลงนี่เจ้าคิด...อุ๊บ" ไม่ทันที่เขาจะพูดจบกลับโดนปิดปากไว้ด้วยมือของเสี่ยวเยา แต่ทว่าเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสถึงผิวที่เรียบเนียน พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องหอมปรุงแต่งกลิ่นจากบุพผา"อย่าเสียงดังสิ! ข้าตามหาพี่สาวของข้า เจ้าก็รู้นี้!!" เสียงเข้มของนาง สลัดความสงสัยนั้นออกไปจนหมดสิ้น "ยู่หลง เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง ผู้ใดที่ได้ไปเยือน ยากนักจะได้กลับมา มีเพียงท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย และทหารคนสนิทเท่านั้นที่รู้เส้นทางที่ปลอดภัย ""ทหารคนสนินเหรอ... ลี่เจิน กับลี่ซานใช่ไหม?""อืม...หยุดคิดซะเถอะ พรุ่งนี้พวกเขาก็ออกเดินทางแล้ว" เสี่ยวเยาเบิกตาพองโต ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีความหวัง ก่อนยิ้มแย้มแจ่มใสสุขสมดั่งใจที่ไม่เคยเป็นมาก

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 8 ท่านแม่ทัพ

    ภาพคนทั้งคู่หนุนเตียงกันได้สร้างบาดแผลครั้งใหญ่ต่อเจิ้งเจี๋ย ความคับแค้นใจก่อตัวขึ้น จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วนางเป็นผู้หญิงเช่นไร "เอานายทหารผู้นี้ไปโบยสามร้อยครั้ง แล้วจงโรยด้วยเกลือ!!" น้ำเสียงเคร่งขรึมของเขาสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้คนทั้งคู่ ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ใต้ผ้าห่มฝืนเดียวกัน ด้วยร่างอันเปลือยเปล่า โดยเฉพาะเหมยหลินคนรักเขาของเขา ที่พยายามจะอธิบายให้ท่านแม่ทัพเข้าใจทั้งน้ำตาด้วยใจทุกข์ระทม เจิ้งเจี๋ยเองก็เจ็บลึกในทรวงไม่แพ้กัน เพียงเก็บอาการไว้ เพื่อเห็นแก่ความผลงานและความดีที่ผ่านมาจึงไม่ฆ่าทหารผู้นั้นทิ้ง ก็นับว่าเมตตามากพอแล้ว "อึก! ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้...อึก" น้ำเสียงอันสั่นเครือของนาง แววตาดูจริงใจเปล่งประกายขึ้น แม้ว่าขอบตาจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสที่ไหลรินอาบสองแก้มอันอวบอิ่มก็ตามเจิ้งเจี๋ยก้าวฝีเท้ามายังนาง เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเฉกเช่นเดียวกับนาง ดวงตาฉายแววผิดหวังบ่นความขุ่นเคืองใจ จ้องมองพวกเขาทั้งคู่ แม้จะเคยเห็นทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันปล่อยๆ แค่คิดว่าเป็นเพราะความสนิทดั่งมิตรสหายเท่านั้น ไม่น่ามาลงเอยเช่นนี้เลย"เ

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 7 ท่านแม่ทัพ

    แสงสว่างจากดวงจันทราสาดส่องเพียงพอให้นางมองเห็นสภาพภายในจวน เสี่ยวเยาต้องแปลกใจปนความสงสัย เมื่อพบว่ามันช่างว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งของมีค่าอย่างที่ผู้คนต่างร่ำลือไว้ มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ไว้ดื่มชา กับเตียงนอนเรียบง่ายที่ไม่อลังการ พร้อมแกะสลักลวดลายหมาป่าที่น่าเกรงขามไว้เท่านั้น ไม่สมกับเป็นเชื้อสายพระวงศ์ แม้แต่น้อย ผิดจากภายนอกจวนที่ตกแต่งหรูหรา ดูอลังการสง่างาม จนน่าอิจฉาแท้จริงแล้วด้านในกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่เหมือนดั่งที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า "ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ยผู้นี้ใช้ชีวิตสุขสบาย หรูหราฟุ่มเฟือย ข้าวของเครื่องใช้ทำด้วยทองคำ ร่ำรวยกว่าองค์จักรพรรค์เสียอีก สาเหตุเพราะยึดทรัพย์สมบัติของเหล่ารัฐที่ตนไปทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน โดยได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เพื่อเป็นรางวัลชนะศึก""อะไรเนี่ย!!" เสี่ยวเยาเดินสำรวจรอบๆ ไม่วายคลางแคลงใจ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังผู้กำลังหลับใหล ด้วยใบหน้าซีดเผือด ผิดมนุษย์มนา หรือ เขากำลังแอบซ่อนอะไรไว้"........""หลับสบายเชียวนะ! ปล่อยให้ข้ายืนรอตั้งนานสองนาน มันน่าฆ่าให้ตายเสียจริง ฮึ! " นางเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ ที่ตนต้องยืนรอตั้งสองชั่วยาม เห

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 6

    "บังอาจ! กล้าใส่ความท่านอ๋อง สมควรตาย องครักษ์จับนายทหารผู้นี้"ข้ารับใช้คนสนิทของจี๋ชงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาขุ่นเคือง "ไม่เป็นไรๆ เจ้าเด็กน้อย ช่างฉลาดยิ่ง นามว่าอะไร " ฝ่าบาทจ้องมองนาง ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาทั้งคู่ทะเลาะกันเพียง เพราะทหารคนเดียว ตั้งแต่ทะลุมิติมาที่วังหลวงแห่งนี้ ไม่มีความสงบเรียบร้อย แต่ยังคงความเป็นตัวเอง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ไม่สนใจผู้ใด แต่ทว่าท่านผู้นี้คือ องค์จักรพรรดิของแผ่นดิน ที่เธอมิอาจทำตัวไร้มารยาทได้ เพราะประวัติศาสตร์ได้จารึกแต่คุณงามความดีไว้มากมาย มันน่าละอายใจเหลือเกินหากเธอทำตัวไร้มารยาท"ข้าน้อย ยู่หลง คารวะฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆ ปี" เสี่ยวเยาคุกเข่าลง เพื่อแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม แลดูจริงใจ ยิ่งทำให้ฝ่าบาทเอ็นดูเขามากขึ้นไปอีก"ไม่ต้องพิธี เอาล่ะๆ ลุกขึ้นเถิด.." รอยยิ้มอันอ่อนโยนได้ปรากฏบนใบหน้าสง่างาม มีเมตตา เหมาะสมตามคำร่ำลือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน"ขอบพระทัยฝ่าบาท" น้ำเสียงอันหนักแน่น เพื่อกลบเกลื่อนความเป็นสตรีไว้ เสี่ยวเยาเหลือบมองฝ่าบาท ก่อนที่จะกะพริบตาข้างหนึ่ง ส่งสัญญาณให้นางกำนัลรีบหาช่องทางหลบหนีออกไป

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 5 คนของข้าใครอย่าแตะ!

    "จะ..เจ้า..!" ".........."เสี่ยวเยาประคองนางกำนัลผู้ไร้เรี่ยวแรง แม้จะลุกขึ้นยืน เพื่อความปลอดภัยของนาง อย่างไรเสียก็ต้องออกจากจวนแห่งนี้อย่างเร็วที่สุด "ฮ่า ฮ่า ฮ่า เยี่ยม! เยี่ยม! ข้าเริ่มสนใจนายทหารผู้นี้แล้วซิ! มาอยู่กับข้าดีไหม? "ไม่เพียงแต่พูด ท่านอ๋องผู้นี้ได้มุ่งตรงมายังเสี่ยวเยา ด้วยท่าทางสง่าสมเป็นเชื้อพระวงศ์ แววตาดุดัน ชวนให้น่าหวาดหวั่นยิ่ง ปลายหางคิ้วมีร่องรอยแผลขนาดเล็ก แต่ไม่อาจซ่อนเร้นความหล่อไว้ได้ ข้างกายยังมีกระบี่คู่ใจ เสี่ยวเยาไม่รอช้ารีบใช้กำปั้นของตน หมายจะทุบตรงศีรษะ ไม่เช่นนั้นพวกนางอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปได้"อึก!!" นางทำได้เพียงยืนใจดีสู้เสือ แม้จะกลืนน้ำลายลงคอนับครั้งไม่ถ้วน"เจ้าเป็นผู้หญิงซินะ..."เสียงกระซิบเพียงแผ่วเบา ทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกโต สบตาเขาด้วยความบังเอิญ ซึ่งเผยยิ้มอย่างมีเลขนัย'ไม่คิดว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเราได้ ช่างเจ้าเล่ห์ อันตรายกว่าเจิ้งเจี๋ยเสียอีก ทำอย่างไรดี?' ทำได้เพียงแค่คิดในใจ ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดออกมาในช่วงเวลานี้"........""ท่านเหยียดหยามข้าเช่นนี้ ไม่สมกับเป็นบุรุษ" เสี่ยวเยาพยายามพูดบ่ายเบี่ยง เพื่อกลบเกลื่อนอาการร

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 4 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ

    เจิ้งเจี๋ยมองใบหน้าขาวซีด ที่หมดสติภายใต้ออมแขนของตน พร้อมความสับสนวุ่นวายใจ ด้วยเหตุใดกัน ตัวเขาถึงเลือกที่ทิ้งกระบี่มังกรคู่ใจ เพียงเพื่อรับร่างไร้สติของทหารอ่อนแอผู้นี้ได้ ดวงตาเข้มยังคงพินิจพิจารณาทุกส่วนของใบหน้า ขนตาที่เรียวยาว ปากชมพูอันอวบอิ่ม แก้มแดงราวกับมะเขือเทศ มันช่างดูงดงามราวกับสตรีเหลือเกินตึก! ตึก! ตึก! เสียงหัวใจดังขึ้น เต้นแรงอย่างผิดปกติ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความกังวลและความสับสนเช่นนี้ เป็นเพราะอะไรกันดอกเหมยฮวาร่วงโรยลงมาบนใบหน้าของเสี่ยวเยาอย่างนุ่มนวล แม่ทัพจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ก่อนเงยหน้ามองต้นเหมยฮวาด้วยความตกตลึง เหตุใดต้นไม้ที่โดนสาปไปพร้อมกับเขา ถึงร่วงโรยลงมาในเวลานี้ นับสิบปีที่เขาเฝ้ารอคอยให้มีผู้ใดมาแก้คำสาปของตน กลิ่นหอมของดอกเหมยฮวาที่มันปลิวละล่องไปทั่วทุกทิศทาง ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของเหล่าทหาร ที่ยินดีกับปรากฎการณ์นี้ "เหตุใดดอกเหมยฮวาถึงร่วงโรยลงมา ในขณะที่เจ้าอยู่ในอ้อมแขนข้า หู่หลง? "ร่างบางอ่อนระทวยในชุดทหาร ถูกโอบอุ้มด้วยเเขนแกร่งอันทรงพลัง มุ่งตรงไปยังจวนท่านแม่ทัพ ท่ามกลางเหล่าทหารที่ยืนมองด้วยความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยน

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status