Share

บทที่ 3 หมาป่าจอมทมิฬ

Author: Futhaone
last update Last Updated: 2025-04-02 21:45:57

 

บัดนี้'เสี่ยวเยา'กลับกลายเป็น'ยู่หลง'ทหารชั้นผู้น้อย ที่ต้องไปรายงานตัวกับท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย แม้ชุดทหารนั้นหนาแน่นเพียงใด ก็ไม่อาจปกปิดเรือนร่างซูบผอมของนางไว้ได้

ดวงตาทุกคู่ของสหายร่วมทัพต่างเพ่งมองมายังร่างของนางด้วยความใคร่รู้ บ้างก็ยังซุบซิบนินทา หัวเราะเยาะเย้ยว่านางนั้น ผอมแห้งแรงน้อย จะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาต่อกรผู้อื่นได้ ไม่แม้แต่จะผ่านด่านคัดเลือกเป็นทหารไปได้แน่นอน แต่ทว่ายังดีที่โชคชะตายังเข้าข้างนาง ไม่มีผู้ใดครางแครงใจในตัวตนที่แท้จริงของตนก็เพียงพอแล้ว

ไม่รีรอต่างมุ่งหน้าไปยังจวนท่านแม่ทัพ ดวงตาสวยยังคงสอดส่องเหล่าทหารหน้าใหม่ ต่างยืนอย่างสง่าผ่าเผย  แววตามุ่งมั่น ตั้งใจ ไร้ความกลัวแต่อย่างใด ช่างน่าประทับใจเสียจริง ยกเว้นแต่นาง ที่ยังคงครางแครงใจว่า เหตุใดถึงทะลุมิติมาที่แห่งนี้ได้

"ข้า เฟ่ยหลง คาราวะท่านแม่ทัพ"น้ำเสียงเข้มขึมเรียกสตินางคืนกลับมา แท้จริงนี้คือนามของทหารผู้น้อยท่านนี้ ท่าทางเคร่งขรึมช่างแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

ทหารทุกคนต่างแสดงความเคารพอีก ทั้งยังรายงายชื่อของตนเอง ต่อท่านแม่ทัพผู้นี้จนกระทั้งถึงทีของเสี่ยวเยาแล้ว

"อะ แฮ้ม!ข้ายู่หลง คาราวะท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย" ยังดีที่เธอเรียนรู้สำนวน และมารยาทมาบ้างจึงทำให้พูด และปฏิบัติตนตามพวกเขาได้ เสี่ยวเยาอมยิ้มเล็กน้อย อย่างภาคภูมิใจในความสามารถของตน โดยนางไม่ทันระวังตัวว่า รอยยิ้มนั้นได้ไปสะกิดต่อมความสงสัยของท่านแม่ทัพผู้นี้ที่ไม่เคยเมตตา อ่อนข้อให้กับผู้ใด

"ยู่หลงเหรอ!" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นก่อนจะลุกขึ้นมุ่งตรงมายังนาง หากจำไม่ผิดเขาเคยได้ยินว่าเหมยหลินมีน้องชาย ชื่อ ยู่หลง จะใช่คนเดียวกันที่ยืนตรงหน้าตนตอนนี้หรือไม่! แววตาที่เย็นคู่นั้น เพ่งมองเสี่ยวเยาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเผยยิ้มตรงมุมปากอย่างมีเลคนัย

"เยี่ยงนั้น ทหารอ่อนแอ่นผู้นี้ ก็คือ บุตรชายตระกูลยู่สินะ! หึหึ"เสียงหัวเราะในลำคอ ทำให้เสี่ยวเยาขนลุกซู่ อย่างแปลกประหลาดอย่างไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

'คงไม่เกิดเรื่องไม่ดีกับเราหรอกนะ!ทำไงดี? หากตอบว่าใช่ จะเกิดอะไรขึ้นกับเราไหม? คิดซิเสี่ยวเยา จะหลีกเลี่ยงก็คงเป็นไปไม่ได้ มีอย่างเดียวต้องเผชิญหน้ากันให้รู้แล้วรู้รอดกันไป แต่ฉันคนนี้ไม่ยอมตายในที่แห่งนี้แน่นอน'

"ขอรับท่านแม่ทัพ ข้ายู่หลง บุตรชายคนรองของตระกูลยู่ "

"เจ้ามาได้ตรงเวลาเสียจริง! ในเมื่อพี่สาวของเจ้า ด่วนตายไปเสียก่อนที่ข้าจะลงโทษ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว...หึหึ"เจิ้งเจี๋ยโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อกระซิบใกล้ใบหูนาง ด้วยแววตาขุ่นเคือง 

"เจ้าจงรับเคราะห์แทนนางเสียเถอะ หึหึ" ยิ้มบางๆของแม่ทัพผู้นี้ ทำให้นางกลืนน้ำลายตรงคอด้วยความหวาดหวั่น 

"มะ... มะ... ไม่ได้หรอกท่านแม่ทัพ?"แม้น้ำเสียงตะกุกตะกัก แต่ยังคงเผยยิ้มกว้างถึงตา ทำใจดีสู้เสื้อไว้ก่อน แล้วค่อยหาวิธีเอาตัวรอดทีหลัง

"เพราะเหตุใด ถึงไม่ได้ ฮึ!" เจิ้งเจี๋ยขมวดคิ้วสูง เพราะไม่เคยมีใครกล้าต่อขัดใจตนมาก่อน แม้แต่จะยิ้มได้ในที่หมายจะเอาชีวิต คงมีแต่คนไร้สติเท่านั้น 

"ความผิดของท่านพี่มิใช่ความผิดของข้า ทำไมข้าจะต้องมารับเคราะห์แทนนางด้วย เรื่องจริงหรือไม่ท่านมั่นใจได้อย่างไร? ข้าเชื่อว่าท่านพี่ปรากฏตัวในสักวันหนึ่ง เมื่อนั้นท่านต้องสืบสาวราวเรื่องหาข้อเท็จจริงเสียก่อน เป็นถึงท่านแม่ทัพก็ต้องมีความยุติธรรม ไม่ใช่อยุติธรรม หากเป็นเช่นดั่งที่ว่าไว้ ข้าน้อยยินดีรับผิดแทนท่านพี่แต่โดยดี" อะไรทำให้ฉันพูดอย่างนี้ออกไปนะ เสี่ยวเยา รนหาที่ตายแท้ๆ

"ได้! ในเมื่อเจ้ากล้าพูดเช่นนี้กับข้า..." นิ้วชี้ที่เรียวยาวของท่านแม่ทัพจับลำคอขาวนวลของนาง ไว้ แม้จะไม่ออกแรงใดๆ แต่เหมือนจะบอกเป็นในว่า 'หัวเจ้าจะหลุดออกจากบ่าแน่นอน' ท่านแม่ทัพผู้นี้เปลือกนอกงดงามดั่งกว่าบุรุษทั้งหมดในใต้หล้า น่าเสียดายที่ถูกจารึกไว้ซึ่ความโหดเหี้ยมของเขาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ 

"เอ๊ะ!!"

"...."

เสี่ยวเยาเงยหน้ามองท่านแม่ทัพอย่างลืมตัวเหมือนโดนมนต์สะกด นัยย์ตาสีม่วงเบ่งประกายบวกกับใบหน้าเรียว เส้นผมดำยาวสลวย แถมผิวขาวเผือก เสมือนหลุดออกมาจากเทพนิยาย ดั่งที่ประวัติศาสตร์ระบุไว้ หากเธอวาดภาพท่านแม่ทัพ ในยุคปัจจุบันก็คงมีแต่ผู้คนคลั่งไคล้ จนลืมความเหี้ยมโหดที่ถูกกล่าวขานไว้เป็นแน่

"องค์รักษนำทหารผู้นี้ไปโบยห้าสิบครั้ง!"

"อะไรกัน? ข้าทำอะไรผิด? ท่านไม่คิดว่าโหดเหี้ยมเกินไปเหรอ? ข้าร่างบางขนาดนี้! แถมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า..."

"หยุดพล่ามได้แล้ว ชีวิตของเจ้า เหตุใดข้าต้องสนใจด้วย!!" 

" ชิ! ขอปาด้วยร้องเท้าสักครั้งเถอะ!เจ้าหมาป่าน่ารังเกียจ!!! "เสี่ยวเยาฉุดคิดได้ว่าฉายานี้เป็นความลับมีเพียงฮ่องเต้เท่านั้นที่รู้

"เจ้า!!"

พลึบ!

ด้วยแรงทั้งหมดที่นางมีบวกกลับไฟร้อนที่ประทุขึ้นตรงกลางใจ ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพผู้นี้จะสั่งโบยตนทันที อย่างไร้ความเมตตา ตนเป็นผู้บริสุทธิ์เท่านั้น มีหรือที่ยอมอยู่เฉยๆแบบนี้

รองเท้าลอยสลิ่วไปตามแรงเหวี่ยงสุดกำลัง พรุ่งตรงไปยังท่านแม่ทัพโดนใบหน้าที่แสนเย็นชานั้นอย่างแม่นยำ

"เยส! ต้องให้ได้อย่างนั้นซิ!"

"เจ้า!!"

เจิ้งเจี๋ยเดินดรุ่ยๆมุงตรงมายังเสี่ยวเยา ด้วยอารมณ์ขุนเคืองใจ พร้อมดึงกระบี่คู่กายออกจากฝักอย่างรวดเร็ว ไม่รีรอจี้ตรงคอขาวนวลของนางอย่างไม่ลังเล น้ำใสสีแดงขุ่นไหลออกมาเล็กน้อย เพื่อย้ำเตือนนางว่าอย่าบังอาจหยาบคายกับเขาเช่นนี้อีก

แววตาที่เเข็งกระด้างด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อมองใบหน้าเสี่ยวเยา ผู้เป็นน้องชายของนางกำนัลทรยศ ทำให้หวนนึกถึงวันวานที่ตนหลงรักนางจนหมดหัวใจ 

"เหตุใดเจ้าถึงล่วงรู้ฉายาของข้า?" ท่านแม่ทัพกระซิบข้างหูที่สั่นระริกไปด้วยความหวาดกลัว หัวใจเสี่ยวเยาแทบหลุดออกมา ย้อนนึกถึงวันที่นางเปิดอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ในยุคนี้ ได้ระบุฉายาฉายาลับของเขา ที่องค์จักรพรรคไทจู่เป็นผู้ประทานให้ และเบื้องหลังที่ราชสำนักได้ปกปิดไว้มากมาย เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง

'ฉายาหมาป่าจอมทมิฬผู้โหดเหี้ยม' 

เสี่ยวเยารู้สึกแน่นหน้าอก หายใจเริ่มติดขัด ทุกอย่างรอบๆตัวนางกำลังหมุนติ้ว

'เกิดขึ้นอีกแล้วเนี่ย'

นางทำได้เพียงแค่คิดในใจ นั้นคงเป็นเพราะความเหนื่อยล้า หรือความหิวกันแน่ สายตาเริ่มพร่ามัวเหมือนทุกอย่างค่อยๆดับวูบลงไป นางผู้ซึ่งหมดสติโดยไม่ทันรู้เลยว่า ร่างบางของตนกำลังอยู่ในอ้อมแขนของเจิ้งเจี๋ยเสียแล้ว

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 4 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ

    เจิ้งเจี๋ยมองใบหน้าขาวซีด ที่หมดสติภายใต้ออมแขนของตน พร้อมความสับสนวุ่นวายใจ ด้วยเหตุใดกัน ตัวเขาถึงเลือกที่ทิ้งกระบี่มังกรคู่ใจ เพียงเพื่อรับร่างไร้สติของทหารอ่อนแอผู้นี้ได้ ดวงตาเข้มยังคงพินิจพิจารณาทุกส่วนของใบหน้า ขนตาที่เรียวยาว ปากชมพูอันอวบอิ่ม แก้มแดงราวกับมะเขือเทศ มันช่างดูงดงามราวกับสตรีเหลือเกินตึก! ตึก! ตึก! เสียงหัวใจดังขึ้น เต้นแรงอย่างผิดปกติ เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ความกังวลและความสับสนเช่นนี้ เป็นเพราะอะไรกันดอกเหมยฮวาร่วงโรยลงมาบนใบหน้าของเสี่ยวเยาอย่างนุ่มนวล แม่ทัพจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา ก่อนเงยหน้ามองต้นเหมยฮวาด้วยความตกตลึง เหตุใดต้นไม้ที่โดนสาปไปพร้อมกับเขา ถึงร่วงโรยลงมาในเวลานี้ นับสิบปีที่เขาเฝ้ารอคอยให้มีผู้ใดมาแก้คำสาปของตน กลิ่นหอมของดอกเหมยฮวาที่มันปลิวละล่องไปทั่วทุกทิศทาง ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของเหล่าทหาร ที่ยินดีกับปรากฎการณ์นี้ "เหตุใดดอกเหมยฮวาถึงร่วงโรยลงมา ในขณะที่เจ้าอยู่ในอ้อมแขนข้า หู่หลง? "ร่างบางอ่อนระทวยในชุดทหาร ถูกโอบอุ้มด้วยเเขนแกร่งอันทรงพลัง มุ่งตรงไปยังจวนท่านแม่ทัพ ท่ามกลางเหล่าทหารที่ยืนมองด้วยความสงสัยในพฤติกรรมที่เปลี่ยน

    Last Updated : 2025-04-02
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 5 คนของข้าใครอย่าแตะ!

    "จะ..เจ้า..!" ".........."เสี่ยวเยาประคองนางกำนัลผู้ไร้เรี่ยวแรง แม้จะลุกขึ้นยืน เพื่อความปลอดภัยของนาง อย่างไรเสียก็ต้องออกจากจวนแห่งนี้อย่างเร็วที่สุด "ฮ่า ฮ่า ฮ่า เยี่ยม! เยี่ยม! ข้าเริ่มสนใจนายทหารผู้นี้แล้วซิ! มาอยู่กับข้าดีไหม? "ไม่เพียงแต่พูด ท่านอ๋องผู้นี้ได้มุ่งตรงมายังเสี่ยวเยา ด้วยท่าทางสง่าสมเป็นเชื้อพระวงศ์ แววตาดุดัน ชวนให้น่าหวาดหวั่นยิ่ง ปลายหางคิ้วมีร่องรอยแผลขนาดเล็ก แต่ไม่อาจซ่อนเร้นความหล่อไว้ได้ ข้างกายยังมีกระบี่คู่ใจ เสี่ยวเยาไม่รอช้ารีบใช้กำปั้นของตน หมายจะทุบตรงศีรษะ ไม่เช่นนั้นพวกนางอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปได้"อึก!!" นางทำได้เพียงยืนใจดีสู้เสือ แม้จะกลืนน้ำลายลงคอนับครั้งไม่ถ้วน"เจ้าเป็นผู้หญิงซินะ..."เสียงกระซิบเพียงแผ่วเบา ทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกโต สบตาเขาด้วยความบังเอิญ ซึ่งเผยยิ้มอย่างมีเลขนัย'ไม่คิดว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเราได้ ช่างเจ้าเล่ห์ อันตรายกว่าเจิ้งเจี๋ยเสียอีก ทำอย่างไรดี?' ทำได้เพียงแค่คิดในใจ ไม่อาจเอ่ยคำพูดใดออกมาในช่วงเวลานี้"........""ท่านเหยียดหยามข้าเช่นนี้ ไม่สมกับเป็นบุรุษ" เสี่ยวเยาพยายามพูดบ่ายเบี่ยง เพื่อกลบเกลื่อนอาการร

    Last Updated : 2025-04-11
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 6

    "บังอาจ! กล้าใส่ความท่านอ๋อง สมควรตาย องครักษ์จับนายทหารผู้นี้"ข้ารับใช้คนสนิทของจี๋ชงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาขุ่นเคือง "ไม่เป็นไรๆ เจ้าเด็กน้อย ช่างฉลาดยิ่ง นามว่าอะไร " ฝ่าบาทจ้องมองนาง ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาทั้งคู่ทะเลาะกันเพียง เพราะทหารคนเดียว ตั้งแต่ทะลุมิติมาที่วังหลวงแห่งนี้ ไม่มีความสงบเรียบร้อย แต่ยังคงความเป็นตัวเอง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ไม่สนใจผู้ใด แต่ทว่าท่านผู้นี้คือ องค์จักรพรรดิของแผ่นดิน ที่เธอมิอาจทำตัวไร้มารยาทได้ เพราะประวัติศาสตร์ได้จารึกแต่คุณงามความดีไว้มากมาย มันน่าละอายใจเหลือเกินหากเธอทำตัวไร้มารยาท"ข้าน้อย ยู่หลง คารวะฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆ ปี" เสี่ยวเยาคุกเข่าลง เพื่อแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม แลดูจริงใจ ยิ่งทำให้ฝ่าบาทเอ็นดูเขามากขึ้นไปอีก"ไม่ต้องพิธี เอาล่ะๆ ลุกขึ้นเถิด.." รอยยิ้มอันอ่อนโยนได้ปรากฏบนใบหน้าสง่างาม มีเมตตา เหมาะสมตามคำร่ำลือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน"ขอบพระทัยฝ่าบาท" น้ำเสียงอันหนักแน่น เพื่อกลบเกลื่อนความเป็นสตรีไว้ เสี่ยวเยาเหลือบมองฝ่าบาท ก่อนที่จะกะพริบตาข้างหนึ่ง ส่งสัญญาณให้นางกำนัลรีบหาช่องทางหลบหนีออกไป

    Last Updated : 2025-04-11
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 7 ท่านแม่ทัพ

    แสงสว่างจากดวงจันทราสาดส่องเพียงพอให้นางมองเห็นสภาพภายในจวน เสี่ยวเยาต้องแปลกใจปนความสงสัย เมื่อพบว่ามันช่างว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งของมีค่าอย่างที่ผู้คนต่างร่ำลือไว้ มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ไว้ดื่มชา กับเตียงนอนเรียบง่ายที่ไม่อลังการ พร้อมแกะสลักลวดลายหมาป่าที่น่าเกรงขามไว้เท่านั้น ไม่สมกับเป็นเชื้อสายพระวงศ์ แม้แต่น้อย ผิดจากภายนอกจวนที่ตกแต่งหรูหรา ดูอลังการสง่างาม จนน่าอิจฉาแท้จริงแล้วด้านในกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่เหมือนดั่งที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า "ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ยผู้นี้ใช้ชีวิตสุขสบาย หรูหราฟุ่มเฟือย ข้าวของเครื่องใช้ทำด้วยทองคำ ร่ำรวยกว่าองค์จักรพรรค์เสียอีก สาเหตุเพราะยึดทรัพย์สมบัติของเหล่ารัฐที่ตนไปทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน โดยได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เพื่อเป็นรางวัลชนะศึก""อะไรเนี่ย!!" เสี่ยวเยาเดินสำรวจรอบๆ ไม่วายคลางแคลงใจ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังผู้กำลังหลับใหล ด้วยใบหน้าซีดเผือด ผิดมนุษย์มนา หรือ เขากำลังแอบซ่อนอะไรไว้"........""หลับสบายเชียวนะ! ปล่อยให้ข้ายืนรอตั้งนานสองนาน มันน่าฆ่าให้ตายเสียจริง ฮึ! " นางเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ ที่ตนต้องยืนรอตั้งสองชั่วยาม เห

    Last Updated : 2025-04-12
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 8 ท่านแม่ทัพ

    ภาพคนทั้งคู่หนุนเตียงกันได้สร้างบาดแผลครั้งใหญ่ต่อเจิ้งเจี๋ย ความคับแค้นใจก่อตัวขึ้น จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วนางเป็นผู้หญิงเช่นไร "เอานายทหารผู้นี้ไปโบยสามร้อยครั้ง แล้วจงโรยด้วยเกลือ!!" น้ำเสียงเคร่งขรึมของเขาสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้คนทั้งคู่ ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ใต้ผ้าห่มฝืนเดียวกัน ด้วยร่างอันเปลือยเปล่า โดยเฉพาะเหมยหลินคนรักเขาของเขา ที่พยายามจะอธิบายให้ท่านแม่ทัพเข้าใจทั้งน้ำตาด้วยใจทุกข์ระทม เจิ้งเจี๋ยเองก็เจ็บลึกในทรวงไม่แพ้กัน เพียงเก็บอาการไว้ เพื่อเห็นแก่ความผลงานและความดีที่ผ่านมาจึงไม่ฆ่าทหารผู้นั้นทิ้ง ก็นับว่าเมตตามากพอแล้ว "อึก! ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้...อึก" น้ำเสียงอันสั่นเครือของนาง แววตาดูจริงใจเปล่งประกายขึ้น แม้ว่าขอบตาจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสที่ไหลรินอาบสองแก้มอันอวบอิ่มก็ตามเจิ้งเจี๋ยก้าวฝีเท้ามายังนาง เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเฉกเช่นเดียวกับนาง ดวงตาฉายแววผิดหวังบ่นความขุ่นเคืองใจ จ้องมองพวกเขาทั้งคู่ แม้จะเคยเห็นทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันปล่อยๆ แค่คิดว่าเป็นเพราะความสนิทดั่งมิตรสหายเท่านั้น ไม่น่ามาลงเอยเช่นนี้เลย"เ

    Last Updated : 2025-04-12
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 9 ความรู้สึกเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    หลานจิน และเสี่ยวเยา เขาทั้งสองต่างมุ่งหน้าไปยังที่พักของตนเอง ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงความสว่างจากโคมไฟนำทาง เสี่ยวเยาเหลือบมองหลานจิน ผู้หล่อเหลา ตั้งแต่ทะลุมิติมา เจอสหายคนแรกที่พึ่งพาได้ตอนนี้ มีเพียงเขาผู้นี้เท่านั้น "นี่หลานจิน หากข้าต้องการไปหน้าผาอสรพิษ ต้องทำอย่างไรเหรอ?" เสี่ยวเยาเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินมาถึงสระน้ำกว้างใหญ่ ของจวนท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย"ยู่หลงนี่เจ้าคิด...อุ๊บ" ไม่ทันที่เขาจะพูดจบกลับโดนปิดปากไว้ด้วยมือของเสี่ยวเยา แต่ทว่าเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสถึงผิวที่เรียบเนียน พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องหอมปรุงแต่งกลิ่นจากบุพผา"อย่าเสียงดังสิ! ข้าตามหาพี่สาวของข้า เจ้าก็รู้นี้!!" เสียงเข้มของนาง สลัดความสงสัยนั้นออกไปจนหมดสิ้น "ยู่หลง เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง ผู้ใดที่ได้ไปเยือน ยากนักจะได้กลับมา มีเพียงท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย และทหารคนสนิทเท่านั้นที่รู้เส้นทางที่ปลอดภัย ""ทหารคนสนินเหรอ... ลี่เจิน กับลี่ซานใช่ไหม?""อืม...หยุดคิดซะเถอะ พรุ่งนี้พวกเขาก็ออกเดินทางแล้ว" เสี่ยวเยาเบิกตาพองโต ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีความหวัง ก่อนยิ้มแย้มแจ่มใสสุขสมดั่งใจที่ไม่เคยเป็นมาก

    Last Updated : 2025-04-12
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 10 การเดินทาวมาพร้อมความหวั่นไหว

    รถม้าเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ผ่านทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา และแม่น้ำใสสะอาดจนเห็นโขดหินอย่างชัดเจน สายลมหนาวยังคงพัดเย็นๆ ผ่านเบื้องหน้าของทุกคน ทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายลง"หลานจิน เมื่อไหร่จะถึงหุบเขาอสรพิษดำ" เสี่ยวเยาถามขึ้น เมื่อพบว่าระยะทางที่ผ่านมามันช่างยาวนานนัก "พรุ่งนี้ ยามอาทิตย์ตกดินคงจะถึงจะที่หมาย ข้าก็เคยมาเป็นครั้งแรกเหมือนเจ้า ""เอ๊ะ! แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน บริเวณนี้มีป่าไม้ไผ่ ต้นไม้หนา นานแล้วที่ข้าไม่เห็นโรงเตี้ยมเลย เริ่มจะมืดแล้วด้วย" ความตระหนกตกใจของนาง ทำให้เขาดูเป็นกังวลใจยิ่งนัก"เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง""ข้าไม่ได้กลัวภัยอันตราย แต่ข้ากลัวความมืดมากกว่า.." นางกระซิบเบาๆ จนเขาหัวร่อต่อกระซิก ไม่คิดว่าทหารกล้าหาญอย่างเขา จะกลัวความมืดได้ถึงเพียงนี้"หยุดหัวเราะนะ หลานจิน""ได้ๆ ข้าหยุดก็ได้ ทางข้างหน้าแคบ เจ้าระวังตัวด้วย "สิ้นคำพูดของเขา ทางเดินข้างหน้าเริ่มแคบ และชันลง รถม้าของท่านแม่ทัพไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปไดเ"หยุด" สิ้นเสียงท่านแม่ทัพ รถม้าหยุดลง ดวงตาคมกริบเหลือบมอง ทหารร่างบางที่บนนั่งม้าด้วยท่าทางเหม่อลอย เหมือนครุ่นคิดสิ่

    Last Updated : 2025-04-13
  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 11 ท่านแม่ทัพ ผู้กำความลับของนาง

    เนื่องด้วยอาการหนาวเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณป่าทึบ เสี่ยวเยา นอนคดคู้ เพราะชุดทหารไม่ได้หนาพอที่จะให้ความอบอุ่นได้ตลอดทั้งคืน ทว่าว่ากลับได้รับความอบอุ่นจากกองเพลิงที่ลุกโชนอย่างดี ในทางกลับกันหากนางนอนฝั่งเดียวกับหลานจิน ที่อยู่ห่างไกลจากกองไฟ คงจะหนาวสั่นจนตายเเน่นอน เสี่ยวเยาเพ่งสายตาไปยังบุรุษที่นอนพิงพาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ห่างไกลจากตนเองมากนัก ใบหน้าหล่อเหลา กระทบกับแสงจันทร์ เป็นบุรุษที่ยิ่งดู ยิ่งมีเสน่ห์ ไม่อาจรู้ได้ว่าเนื้อในที่จริงเป็นอย่างที่จารึกไว้หรือเปล่า ทั้งโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้ความเมตตา ตรงกันข้ามนางสัมผัสถึงความใส่ใจ และห่วงใยต่อนาง แต่ทว่าเสี่ยวเยาไม่รู้อะไรเลย แท้จริงแล้วเจิ้งเจี๋ยปฏิบัติต่อนางแตกต่างจากผู้อื่น.."ไม่เห็นเหมือนที่อ่านไว้เลย""มองข้าพอหรือยัง" เสียงทุ้มดังขึ้น แม้ว่าเขายังหลับตาอยู่ก็ตาม"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมองท่าน มองชุดที่ท่านสวมใส ดูอบอุ่นดีต่างหากล่ะ " นางยิ้มแห้งๆ "อย่างนั้นเหรอ!" "เอ๊ะ! จะทำอะไรนะ!" เสี่ยวเยาลุกพรวดอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตัว ขณะที่ท่านแม่ทัพถอดชุดคลุมขนสัตว์ ก่อนจะนั่งยองๆ ห่มมันให้กับนาง โดยไม่สบตา เดินกลับไปนอนตา

    Last Updated : 2025-04-13

Latest chapter

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 14 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของท่านแม่ทัพ

    เสียงนกน้อยขับร้องไพเราะ ดังสนั่นไปทั่วหุบเขา แสงอรุณกระทบบุพผา ราวกับต้อนรับเช้าวันใหม่อันสดใสในเหมันตฤดู ซึ่งมีเพียงดอกเหมยฮวาเท่านั้นที่คงความงาม และความสดชื่นอยู่จนถึงต้นวสันตฤดู จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาของวสันตฤดูด้วย รวมถึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขเกษม เบิกบานสำราญใจของผู้คน ท่านแม่ทัพลืมตาตื่น ด้วยความรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย ดวงตาคมเบิกกว้าง เมื่อพบว่าเสี่ยวเยานอนหลับใหลอยู่ข้างเตียงเขา ใบหน้านั้นแสดงถึงความอ่อนล้า เจิ้งเจี๋ยลุกนั่งเพ่งพินิจ ขนตางอน แก้มอิ่มเอิบไร้สีสันแต่งแต้ม และริมฝีปากบางชมพู เพียงเท่านี้นางยังดูงดงามเหลือเกิน หากนางแต่งองค์ทรงเครื่องจะสวยงามมากเพียงใดกัน "หากนางแต่งหญิงจะเป็นเช่นไรนะ!" น้ำเสียงเพียงแผ่วเบา ไม่สามารถทำให้ผู้หลับลึกได้ยิน เจิ้งเจี๋ยเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนหลบยิ้มลงเมื่อนึกถึงฝันร้ายของตน "อย่างไรเสีย! ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทรยศข้า เหมือนดั่งเช่นพี่สาวของเจ้า" ถึงแม้น้ำเสียงนั้นจะเย็นชา แต่แอบแฝงไปด้วยความห่วงใย ทั้งที่ควรกำจัดนางไปเสีย แต่เขากลับทำเช่นนั้นไม่ได้ อย่างไรเสียในสายตาเขา นางยังเป็นเด็กสาวที่ไร้เดียงสา ไม่มีพิษภัย แววตาใสซื่ออย่า

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 13 ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป...

    เสี่ยวเยายังคงใช้ชีวิตอย่างปกติ ซ้อมประลองกระบี่อย่างกล้าหาญ ดั่งเช่นทหารทั่วไป โดยไม่ปริปากบ่นเลยสักนิด นางไม่รู้เลยว่า ทุกการกระทำของนางนั้น ได้อยู่ในสายตาของท่านแม่ทัพตลอดเวลา ผู้เดียวที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง อีกทั้งยังมองนางเปลี่ยนไปจากเดิม"ลี่ซาน ข้าว่าพักหลังมานี่ ท่านแม่ทัพดูจะสนใจยู่หลงเป็นพิเศษ หรือเจ้าว่าข้าคิดผิดไปเอง" "ข้าเห็นด้วยกับเจ้า หากเป็นเช่นนี้ หรือว่า""หรือว่าอะไร""ท่านแม่ทัพจะหลงเสน่ห์ยู่หลง!""เสียสติไปแล้วหรือไง พวกเขาเป็นบุรุษทั้งคู่ ช่างเถอะๆ ถามเจ้าไปก็เท่านั้น " ลี่หวังสะบัดหน้าเดินหนีเขาไปอย่างเอือมระอา"นี่..ลี่หวัง!! เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" ลี่ซานเดินตามผู้เป็นน้องไปอย่างไม่เข้าใจว่าตนนั้นพูดอะไรผิดไปแม้ว่าท่านแม่ทัพจะทำทุกอย่างเหมือนเช่นที่เคยเป็นต่อหน้าทุกคน แต่ส่วนลึกในจิตใจ ยังคงคิดถึง ความจริงที่เขาเพิ่งรู้ ทางกลับกันเสี่ยวเยายังคงค้นหา เส้นทางลับที่อาจจะนำนางไปยังหน้าผาอสรพิษดำได้ แม้จะเป็นสถานที่ต้องห้ามอีกทั้งน่าหวาดกลัว หากฟังไม่ผิดคงอยู่ด้านหลังค่ายทหาร ที่มีทหารเฝ้ายามกันอย่างแน่นหนาจนน่าสงสัย ยามว่างของนางวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวัน

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 12 ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย

    ท่านแม่ทัพเดินนำทางไปยังที่พักด้วยความนิ่งสงบ ไม่เอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา จนน่าประหลาดใจ เพราะดวงตาคมมัวสอดส่องไปทั่วบริเวณ เมื่อพบว่าตลอดเส้นทางในป่าแห่งนี้ มันช่างเงียบผิดปกติเหลือเกิน เสี่ยวเยาเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย 'แค่มาอาบน้ำเอง ไม่พอใจขนาดนี้เลยเหรอ' น้ำเสียงเพียงแผ่วเบา ทำให้เขาพินหน้ามองนาง ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ด้วยแววตานิ่งแต่มีนัยแอบแฝง"เจ้าต่อสู้ได้ใช่ไหม?""เอ๊ะ! อืม สบายมาก"สิ้นคำตอบนาง เจิ้งเจี๋ยนำกระบี่ออกมา ดวงตาสวยพองโตขึ้น สะดุ้งเฮือก เมื่อเขายื่นกระบี่คู่กายให้นางอย่างไม่ลังเล"เริ่ม!" แววตาคมกริบเพ่งมองไปด้านหน้าในขณะเดียวกันที่ปรากฏกลุ่มชายชุดดำ กระโจนโจมตีทั้งคู่"พวกเจ้าเป็นโจรป่าใช่ไหม?" "....." มีเพียงเสียงคมกระบี่ที่ให้คำตอบนาง เจิ้งเจี๋ยใช้เพียงมือเปล่าจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจที่เขาจะเป็นที่ไว้วางใจขององค์จักรพรรดิ เพราะสติปัญญา มาพร้อมความเจ้าระเบียบรอบคอบ อีกทั้งวรยุทธ์ที่เก่งกาจของเขา ได้สร้างคุณงามความดีต่อบ้านเมืองไว้อย่างมากมาย แม้ว่าจะโดนตราหน้าว่า เป็นผู้นำทัพทำสงครามอย่างเหี้ยมโหดก็ตาม "ยู่หลง ระวัง! " น้ำเสียงเข้มแฝงความห่วงใยเรียกสติ

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 11 ท่านแม่ทัพ ผู้กำความลับของนาง

    เนื่องด้วยอาการหนาวเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณป่าทึบ เสี่ยวเยา นอนคดคู้ เพราะชุดทหารไม่ได้หนาพอที่จะให้ความอบอุ่นได้ตลอดทั้งคืน ทว่าว่ากลับได้รับความอบอุ่นจากกองเพลิงที่ลุกโชนอย่างดี ในทางกลับกันหากนางนอนฝั่งเดียวกับหลานจิน ที่อยู่ห่างไกลจากกองไฟ คงจะหนาวสั่นจนตายเเน่นอน เสี่ยวเยาเพ่งสายตาไปยังบุรุษที่นอนพิงพาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ ไม่ห่างไกลจากตนเองมากนัก ใบหน้าหล่อเหลา กระทบกับแสงจันทร์ เป็นบุรุษที่ยิ่งดู ยิ่งมีเสน่ห์ ไม่อาจรู้ได้ว่าเนื้อในที่จริงเป็นอย่างที่จารึกไว้หรือเปล่า ทั้งโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน ไร้ความเมตตา ตรงกันข้ามนางสัมผัสถึงความใส่ใจ และห่วงใยต่อนาง แต่ทว่าเสี่ยวเยาไม่รู้อะไรเลย แท้จริงแล้วเจิ้งเจี๋ยปฏิบัติต่อนางแตกต่างจากผู้อื่น.."ไม่เห็นเหมือนที่อ่านไว้เลย""มองข้าพอหรือยัง" เสียงทุ้มดังขึ้น แม้ว่าเขายังหลับตาอยู่ก็ตาม"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมองท่าน มองชุดที่ท่านสวมใส ดูอบอุ่นดีต่างหากล่ะ " นางยิ้มแห้งๆ "อย่างนั้นเหรอ!" "เอ๊ะ! จะทำอะไรนะ!" เสี่ยวเยาลุกพรวดอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันตัว ขณะที่ท่านแม่ทัพถอดชุดคลุมขนสัตว์ ก่อนจะนั่งยองๆ ห่มมันให้กับนาง โดยไม่สบตา เดินกลับไปนอนตา

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 10 การเดินทาวมาพร้อมความหวั่นไหว

    รถม้าเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ผ่านทิวทัศน์อันงดงามของภูเขา และแม่น้ำใสสะอาดจนเห็นโขดหินอย่างชัดเจน สายลมหนาวยังคงพัดเย็นๆ ผ่านเบื้องหน้าของทุกคน ทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายลง"หลานจิน เมื่อไหร่จะถึงหุบเขาอสรพิษดำ" เสี่ยวเยาถามขึ้น เมื่อพบว่าระยะทางที่ผ่านมามันช่างยาวนานนัก "พรุ่งนี้ ยามอาทิตย์ตกดินคงจะถึงจะที่หมาย ข้าก็เคยมาเป็นครั้งแรกเหมือนเจ้า ""เอ๊ะ! แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน บริเวณนี้มีป่าไม้ไผ่ ต้นไม้หนา นานแล้วที่ข้าไม่เห็นโรงเตี้ยมเลย เริ่มจะมืดแล้วด้วย" ความตระหนกตกใจของนาง ทำให้เขาดูเป็นกังวลใจยิ่งนัก"เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะปกป้องเจ้าเอง""ข้าไม่ได้กลัวภัยอันตราย แต่ข้ากลัวความมืดมากกว่า.." นางกระซิบเบาๆ จนเขาหัวร่อต่อกระซิก ไม่คิดว่าทหารกล้าหาญอย่างเขา จะกลัวความมืดได้ถึงเพียงนี้"หยุดหัวเราะนะ หลานจิน""ได้ๆ ข้าหยุดก็ได้ ทางข้างหน้าแคบ เจ้าระวังตัวด้วย "สิ้นคำพูดของเขา ทางเดินข้างหน้าเริ่มแคบ และชันลง รถม้าของท่านแม่ทัพไม่สามารถเคลื่อนที่ต่อไปไดเ"หยุด" สิ้นเสียงท่านแม่ทัพ รถม้าหยุดลง ดวงตาคมกริบเหลือบมอง ทหารร่างบางที่บนนั่งม้าด้วยท่าทางเหม่อลอย เหมือนครุ่นคิดสิ่

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 9 ความรู้สึกเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    หลานจิน และเสี่ยวเยา เขาทั้งสองต่างมุ่งหน้าไปยังที่พักของตนเอง ท่ามกลางความมืดมิด มีเพียงความสว่างจากโคมไฟนำทาง เสี่ยวเยาเหลือบมองหลานจิน ผู้หล่อเหลา ตั้งแต่ทะลุมิติมา เจอสหายคนแรกที่พึ่งพาได้ตอนนี้ มีเพียงเขาผู้นี้เท่านั้น "นี่หลานจิน หากข้าต้องการไปหน้าผาอสรพิษ ต้องทำอย่างไรเหรอ?" เสี่ยวเยาเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินมาถึงสระน้ำกว้างใหญ่ ของจวนท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย"ยู่หลงนี่เจ้าคิด...อุ๊บ" ไม่ทันที่เขาจะพูดจบกลับโดนปิดปากไว้ด้วยมือของเสี่ยวเยา แต่ทว่าเขารู้สึกประหลาดใจเมื่อสัมผัสถึงผิวที่เรียบเนียน พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเครื่องหอมปรุงแต่งกลิ่นจากบุพผา"อย่าเสียงดังสิ! ข้าตามหาพี่สาวของข้า เจ้าก็รู้นี้!!" เสียงเข้มของนาง สลัดความสงสัยนั้นออกไปจนหมดสิ้น "ยู่หลง เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง ผู้ใดที่ได้ไปเยือน ยากนักจะได้กลับมา มีเพียงท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ย และทหารคนสนิทเท่านั้นที่รู้เส้นทางที่ปลอดภัย ""ทหารคนสนินเหรอ... ลี่เจิน กับลี่ซานใช่ไหม?""อืม...หยุดคิดซะเถอะ พรุ่งนี้พวกเขาก็ออกเดินทางแล้ว" เสี่ยวเยาเบิกตาพองโต ดวงตาเปล่งประกายอย่างมีความหวัง ก่อนยิ้มแย้มแจ่มใสสุขสมดั่งใจที่ไม่เคยเป็นมาก

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 8 ท่านแม่ทัพ

    ภาพคนทั้งคู่หนุนเตียงกันได้สร้างบาดแผลครั้งใหญ่ต่อเจิ้งเจี๋ย ความคับแค้นใจก่อตัวขึ้น จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วนางเป็นผู้หญิงเช่นไร "เอานายทหารผู้นี้ไปโบยสามร้อยครั้ง แล้วจงโรยด้วยเกลือ!!" น้ำเสียงเคร่งขรึมของเขาสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้คนทั้งคู่ ที่ตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ใต้ผ้าห่มฝืนเดียวกัน ด้วยร่างอันเปลือยเปล่า โดยเฉพาะเหมยหลินคนรักเขาของเขา ที่พยายามจะอธิบายให้ท่านแม่ทัพเข้าใจทั้งน้ำตาด้วยใจทุกข์ระทม เจิ้งเจี๋ยเองก็เจ็บลึกในทรวงไม่แพ้กัน เพียงเก็บอาการไว้ เพื่อเห็นแก่ความผลงานและความดีที่ผ่านมาจึงไม่ฆ่าทหารผู้นั้นทิ้ง ก็นับว่าเมตตามากพอแล้ว "อึก! ท่านแม่ทัพ ได้โปรดเชื่อข้าเถอะ! ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้...อึก" น้ำเสียงอันสั่นเครือของนาง แววตาดูจริงใจเปล่งประกายขึ้น แม้ว่าขอบตาจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำใสที่ไหลรินอาบสองแก้มอันอวบอิ่มก็ตามเจิ้งเจี๋ยก้าวฝีเท้ามายังนาง เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเฉกเช่นเดียวกับนาง ดวงตาฉายแววผิดหวังบ่นความขุ่นเคืองใจ จ้องมองพวกเขาทั้งคู่ แม้จะเคยเห็นทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันปล่อยๆ แค่คิดว่าเป็นเพราะความสนิทดั่งมิตรสหายเท่านั้น ไม่น่ามาลงเอยเช่นนี้เลย"เ

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 7 ท่านแม่ทัพ

    แสงสว่างจากดวงจันทราสาดส่องเพียงพอให้นางมองเห็นสภาพภายในจวน เสี่ยวเยาต้องแปลกใจปนความสงสัย เมื่อพบว่ามันช่างว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งของมีค่าอย่างที่ผู้คนต่างร่ำลือไว้ มีเพียงโต๊ะไม้เก่าๆ ไว้ดื่มชา กับเตียงนอนเรียบง่ายที่ไม่อลังการ พร้อมแกะสลักลวดลายหมาป่าที่น่าเกรงขามไว้เท่านั้น ไม่สมกับเป็นเชื้อสายพระวงศ์ แม้แต่น้อย ผิดจากภายนอกจวนที่ตกแต่งหรูหรา ดูอลังการสง่างาม จนน่าอิจฉาแท้จริงแล้วด้านในกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่เหมือนดั่งที่ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า "ท่านแม่ทัพเจิ้งเจี๋ยผู้นี้ใช้ชีวิตสุขสบาย หรูหราฟุ่มเฟือย ข้าวของเครื่องใช้ทำด้วยทองคำ ร่ำรวยกว่าองค์จักรพรรค์เสียอีก สาเหตุเพราะยึดทรัพย์สมบัติของเหล่ารัฐที่ตนไปทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน โดยได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท เพื่อเป็นรางวัลชนะศึก""อะไรเนี่ย!!" เสี่ยวเยาเดินสำรวจรอบๆ ไม่วายคลางแคลงใจ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองไปยังผู้กำลังหลับใหล ด้วยใบหน้าซีดเผือด ผิดมนุษย์มนา หรือ เขากำลังแอบซ่อนอะไรไว้"........""หลับสบายเชียวนะ! ปล่อยให้ข้ายืนรอตั้งนานสองนาน มันน่าฆ่าให้ตายเสียจริง ฮึ! " นางเอ่ยขึ้นด้วยความหงุดหงิดใจ ที่ตนต้องยืนรอตั้งสองชั่วยาม เห

  • ท่านแม่ทัพข้าจะเอาตัวรอดจากท่านให้ได้   บทที่ 6

    "บังอาจ! กล้าใส่ความท่านอ๋อง สมควรตาย องครักษ์จับนายทหารผู้นี้"ข้ารับใช้คนสนิทของจี๋ชงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาขุ่นเคือง "ไม่เป็นไรๆ เจ้าเด็กน้อย ช่างฉลาดยิ่ง นามว่าอะไร " ฝ่าบาทจ้องมองนาง ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาทั้งคู่ทะเลาะกันเพียง เพราะทหารคนเดียว ตั้งแต่ทะลุมิติมาที่วังหลวงแห่งนี้ ไม่มีความสงบเรียบร้อย แต่ยังคงความเป็นตัวเอง คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ไม่สนใจผู้ใด แต่ทว่าท่านผู้นี้คือ องค์จักรพรรดิของแผ่นดิน ที่เธอมิอาจทำตัวไร้มารยาทได้ เพราะประวัติศาสตร์ได้จารึกแต่คุณงามความดีไว้มากมาย มันน่าละอายใจเหลือเกินหากเธอทำตัวไร้มารยาท"ข้าน้อย ยู่หลง คารวะฝ่าบาท ขอให้อายุยืนหมื่นๆ ปี" เสี่ยวเยาคุกเข่าลง เพื่อแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม แลดูจริงใจ ยิ่งทำให้ฝ่าบาทเอ็นดูเขามากขึ้นไปอีก"ไม่ต้องพิธี เอาล่ะๆ ลุกขึ้นเถิด.." รอยยิ้มอันอ่อนโยนได้ปรากฏบนใบหน้าสง่างาม มีเมตตา เหมาะสมตามคำร่ำลือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน"ขอบพระทัยฝ่าบาท" น้ำเสียงอันหนักแน่น เพื่อกลบเกลื่อนความเป็นสตรีไว้ เสี่ยวเยาเหลือบมองฝ่าบาท ก่อนที่จะกะพริบตาข้างหนึ่ง ส่งสัญญาณให้นางกำนัลรีบหาช่องทางหลบหนีออกไป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status