เสี่ยวหลาน ที่ส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้สหายของพี่ชายทั้งสามคนที่มองมายังนาง มือเล็กขาวผ่องยกขึ้นโบกไปมาพร้อมเสียงหวานกล่าวขึ้น
"Hi"
"....."
เห็นสามหนุ่มมองนางอย่างตกตะลึงอ้าปากค้างจึงได้สติรีบหดมือเล็กลงผสานไว้ด้านหน้าอย่างสำรวมแต่สายตานั้นกลับซุกซนยิ่งนัก พร้อมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
"สวัสดีเจ้าค่ะ"
กิริยาของสาวงามตรงหน้า เรียกรอยยิ้มเอ็นดูกับความน่ารักของสาวเจ้าจากสหายทั้งสามของหมิงห้าวได้เป็นอย่างดี ผู้เป็นพี่ชายที่เห็นอาการของสหายที่มองน้องสาวตนตาปรอยเลยรีบกล่าวขึ้นใบหน้าขรึมด้วยความหวงน้องสาว
"นี่น้องสาวข้าเอง เมิ่งเสี่ยวหลาน"
ก่อนผู้เป็นพี่ชายเช่นเขาจะแนะนำให้ทั้งหมดได้รู้จักกันอย่างจำใจ
"ได้ข่าวว่าหลานเอ๋อพลัดตกน้ำจนล้มป่วย หายดีแล้วหรอกหรือ"
กุนซือเกาโม่ชาง ผู้ฉลาดหลักแหลม ใบหน้าหล่อเหลาดังคุณชายผู้ทรงภูมิเอ่ยถามเสียงละมุน
"เหตุใดเจ้าถึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นด้วยโม่ชาง ข้าฟังแล้วรู้สึกขนลุกพิลึก "
"หลานเอ๋อเจ้าอย่าได้เชื่อสิ่งที่ตาเห็นเชียว"
รองแม่ทัพอวิ๋นซ่านจง ที่ได้ฟังสหายผู้เป็นกุนซือแห่งกองทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนไม่เหมือนยามพูดปกติที่มักเอ่ยด้วยเสียงอันดังจนแสบแก้วหูรีบเอ่ยขัดขึ้น แล้วเอ่ยเตือนโฉมสะคราญตรงหน้า จึงได้รับค้อนวงโตจากสหาย
"อิอิ หายแล้วเจ้าค่ะ"
เสี่ยวหลานที่เอ่ยตอบยิ้มจนตาหยี นางช่างโชคดีเสียจริงที่ได้มานั่งสวยๆท่ามกลางเหล่าบุรุษผู้หล่อเหลา ดังกับหลุดเข้าไปในซีรี่ย์จีนที่นางชื่นชอบ ตอนนี้นางโดนผู้ตกเข้าอย่างจัง
เอ หรือการที่นางหลุดเข้ามาอยู่ในที่แห่งนี้จะเป็นเพราะครั้งที่นางรำพึงรำพัน พร่ำเพ้อถึงพระเอกจีนที่กำลังเป็นที่คลั่งไคล้ของเหล่าสาวๆรวมถึงตัวนางด้วยในครั้งนั้น เพราะความหล่อตี๋มันเข้ากระแทกใจปากเจ้ากรรมจึงได้เผลอเอ่ยคำพูดจากก้นบึ้งในใจออกมา
อยากตายแล้วเกิดใหม่ที่เมืองจีน
เป็นไงล่ะสมใจเลยทีนี้
"หลานเอ๋อ คงจะหิวแล้วให้คนยกสำรับเข้ามาเลยดีกว่านะ หลานเอ๋ออยากกินอันใดเป็นพิเศษหรือไม่"
คุณชายหยวนหยุนฟง เจ้าของโรงเตี้ยมผู้หล่อละมุน ผิวขาวเปล่งประกายออร่า เอ่ยขึ้น ทำให้นางมองอีกฝ่ายอย่างโง่งม
"สินสอดเท่าไหร่เจ้าคะ ค่าดองนั้นต้องการเท่าไหร่"
เสียงหวานที่เอ่ยแผ่วเบา ราวกับตกอยู่ในภวังค์ นัยน์ตาหวานฉ่ำน้ำเต้นระริก อยากเป็นเถ้าแก่เนี้ยต้องทำเช่นใดกัน
"หลานเอ๋อ ว่าอย่างไรนะ"
"อ้อ ข้าหมายถึง อยากกินผักดองเจ้าค่ะ ผักดองอร่อย"
สามหนุ่มที่เห็นโฉมสะคราญที่ดูสดใสน่ารัก มิได้เหมือนดังข่าวลือที่ต่างร่ำลือถึงความร้ายกาจของคุณหนูใหญ่เมิ่งเสี่ยวหลาน แต่เหตุใดสตรีตรงหน้าถึงได้ต่างจากข่าวลือนัก แม้พวกเขาจะเป็นสหายของพี่ชายนางแต่ก็มิเคยได้พบเจอนางมาก่อน แต่ดูจากท่าทางสตรีตรงหน้าคงมิใช่เพราะความถือตัวของอีกฝ่ายดังที่ได้ยินมาเป็นแน่
หมิงห้าวที่เห็นว่าน้องสาวตนยิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุขพูดคุยเป็นกันเองกับสหายตนจึงมิได้เอ่ยห้ามสิ่งใด ปล่อยให้นางกระทำตามใจตนเองได้อย่างเต็มที่ แค่นางมีความสุขเขาก็พอใจแล้ว
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ความน่ารักสดใสของสตรีเพียงหนึ่งเดียวในห้องก็ทำให้บุรุษทั้งสามให้ความสนิทสนมกับนาง หลงใหลในความน่ารักนั้นเสียแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเป็นอย่างมากเพราะทั้งสามนั้นค่อนข้างที่จะถือตัวมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะกับเพศตรงข้าม ที่มักทำตัวเหนียมอายจนน่ารำคาญ แต่กับน้องสาวของสหายผู้นี้ นางมิมีความถือตัวเลยสักนิด มิต้องวางตัวเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้เพียบพร้อมจนชวนให้อึดอัด นางดูเป็นตัวของตัวเอง ทุกการกระทำล้วนเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ และดูเป็นคนตลกอีกด้วย
เสียงหัวเราะที่ดังเล็ดลอดออกมาจากภายในห้องที่เป็นที่นัดหมายของตนกับเหล่าสหายทำให้ผู้มาใหม่อย่างแม่ทัพซ่งหลงเย่ขมวดคิ้วมุ่นเพราะหนึ่งในเสียงหัวเราะนั้นเป็นเสียงของสตรีที่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้มาก่อน มือหนาจึงผลักบานประตูเข้ามา
ร่างสูงใหญ่กำยำของบุรุษที่เหมาะสมกับตำแหน่งแม่ทัพยิ่งนัก เรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง โดยเฉพาะสตรีเพียงหนึ่งเดียวในห้องที่มองผู้มาใหม่ด้วยหัวใจที่เต้นแรงเมื่อเผลอไปสบตาคมดุของผู้มาใหม่เข้า
โอ๊ะโอ้ว! แค่สายตาที่จ้องมองมา ก็ทำให้รู้สึกวาบหวิวในช่องท้อง ช่างเถื่อนได้ใจเสียจริงพ่อเจ้าพระคุณ
เย็นไว้หลานเอ๋อ คิดจะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง อยากจะกินของเด็ด ต้องทำใจร่มๆ
อื้ออ...รักเค้า..~
สายตาที่สบประสานกันทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับชะงัก ใบหน้างดงามของสตรีที่ทำให้เขาข่มตาไม่หลับมาหลายค่ำคืน เพียงแค่หลับตาลงใบหน้าและสายตาของนางในวันนั้นก็ลอยเด่นมาก่อกวนให้รู้สึกยุบยับในหัวใจ บางค่ำคืนถึงขั้นต้องลุกไปอาบน้ำกลางดึก อาการประหลาดนั้นพึ่งจะได้ทุเลาลง ในวันนี้กลับต้องมาพบเจอนางอีก เขาหรือสู้อุตส่าห์หลีกเลี่ยงไม่ไปเยือนจวนเสนาบดี ทั้งที่รู้สึกกระวนกระวายนั่งไม่ติดจิตใจมันร่ำๆแต่จะไปเยือนเสียให้ได้ แต่ก็กดข่มใจเอาไว้ จนร้อนรุ่มไปหมด เขาคงโดนนางทำคุณไสยมนต์ดำใส่แน่แล้ว มองใบหน้างดงามที่ส่งยิ้มหวานมาให้จึงได้แต่ตีหน้าขรึมกลับไป พยายามกดข่มจิตใจที่ตอนนี้กำลังเต้นอย่างกับกลองศึก ก้าวอย่างมั่นคงไปนั่งยังที่ว่างที่ดันอยู่ตรงกันข้ามกับสตรีมากเล่ห์เสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าใส่บุรุษที่ทำหน้าดุใส่นาง นางรึอุตส่าห์คิดถึง ที่ไม่เจอหลายวันกลับมาตีหน้ายักษ์ใส่นางเสียนี่ แต่ให้ตายเถอะขนาดทำหน้าโหดแล้วยังหล่อกะซวกไส้ หล่อวัวตายควายล้ม เหล่าบุรุษที่รายล้อมนางอยู่นี้ว่าหล่อเหลาแล้ว พ่อเทพบุตรซาตานของนางกลับกลบรัศมีจนดูจืดชืดไปเสียหมด คิดแล้วเศร้าใจนัก มือบางจึงหยิบจอกสุราของผู้เป็นพี่ชายยกซดเสียหมดจอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองก่อนจะมีเสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามารายงาน"ขออภัยขอรับ มีคนของท่านเสนาบดีเมิ่งมาขอพบคุณชายเมิ่งหมิงห้าวขอรับ"หมิงห้าวที่ขมวดคิ้วมุ่น คนของท่านพ่อหรือมีอันใดกัน"ให้เข้ามา"แล้วคนที่บิดาส่งมาก็เข้ามารายงานทันที"คุณชายใหญ่ ท่านเสนาให้มาเรียนว่าให้ท่านเข้าวังด่วนขอรับ ท่านเสนาจะล่วงหน้าไปก่อน"ท่านพ่อมีเหตุอันใดเร่งด่วนกัน ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายเป็นการรับรู้ หันมามองน้องสาวตนที่เขารับปากนางเอาไว้ว่าจะพานางไปเลือกบ่าวเสี่ยวหลานที่เห็นว่าผู้เป็นพี่ชายกังวลเรื่องตนจึงเอ่ยขึ้น"รีบไปเถอะเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ ไม่ต้องห่วงข้า ข้ากลับเองได้""ได้อย่างไรกัน พี่กลับไปส่งเจ้าก่อนจะดีกว่า ไว้วันหน้าพี่จะพาเจ้ามาเลือกบ่าวอีกที""แต่ท่านพ่อคงจะมีเรื่องด่วนนะเจ้าคะ อีกอย่างจวนเรากับวังหลวงก็คนละทางกัน"แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่มองสองพี่น้องถกเถียงกันอยู่ นั้น กลับเห็นว่าหยวนหยุนฟง ผู้เป็นสหายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จึงรีบกล่าวขึ้น"ข้าจะไปส่งนางให้เอง"ทุกสายตาพลันหันมามองบุรุษผู้เป็นเจ้าของคำพูดนั้น เพราะต่างรู้ดีว่าสหายผู้นี้ไม่ชมชอบในตัวคุณหนูใหญ่เมิ่งเสี่ยวห
ร่างบางที่มัวแต่สนใจสองข้างทาง จนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้มาคนเดียว หันไปมองรอบกายอีกทีปรากฏว่าบุรุษที่มากับนางได้หายตัวไปแล้วไหนบอกกับพี่ชายของนางว่าจะส่งนางให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างไรเล่า เจ้าแม่ทัพสัพปรับนึกว่าข้าจะแคร์หรือ รู้จักน้ำขิงน้อยไปเสียแล้ว นี่ใคร นี่คือคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีเมิ่งผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้เชียวนะ สตรีที่ทั้ง สวย รวย เก่ง ขนาดนี้ กล้าเมินข้าได้เช่นไรกัน หึ กลับเองก็ได้วะ เสี่ยวหลานที่หาได้แคร์กับการที่ถูกบุรุษผู้นั้นทิ้ง มองร้านรวงสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ยิ่งร้านเครื่องประดับตรงหน้าที่มีเครื่องประดับงดงามกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่นั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับ นางอยากได้ปิ่นประดับอัญมณีที่ถูกวางอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่อันนั้น โดยไม่ให้เป็นการเสียเวลาเท้าเล็กก็มุ่งหน้าไปยังสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้า มือเล็กบอบบางพลันตบลงไปบนเอวบางถุงเงินฮื้อ นางลืมไปเสียสนิทว่านางไม่ได้พกถุงเงินมา ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะแยกกันกับผู้เป็นพี่ชาย ทำไงดีล่ะทีนี้หยกพก ใช่หยกพกประจำตัวของนาง แค่เพียงแสดงหยกของนาง ก็สามารถซื้อเครื่องประดับทั้งร้านนี้ก็ยังได้ คนใ
ร่างบางเมื่อได้สติ ก็รีบวิ่งตามแผ่นหลังกว้างออกไป แก้มนวลนั้นขึ้นสีระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะวิ่งหรือเพราะขัดเขินบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้ากันแน่"รอด้วยเจ้าค่ะ"เสียงหวานที่ดังไล่หลังมา ทำให้บุรุษที่ก้าวเดินอยู่ด้านหน้าต้องหันกลับไปมองร่างเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขา อัญมณีหลากสีที่ส่องประกายวิบวับอยู่บนศีรษะนางล้อกับแสงตะวันดูงดงามแต่ก็มิอาจงามเท่าใบหน้านวลที่ซับสีแดงระเรื่อที่ส่งยิ้มจนดวงตากลมโตคู่งามเปล่งประกายวิบวับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี"ท่านแม่ทัพ มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ"เสี่ยวหลานเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างแกร่ง แต่เขากลับเอาแต่จ้องหน้านาง โดยไม่ยอมก้าวเดินเสียที จึงได้เอ่ยถามขึ้น แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบราวกับตกอยู่ในภวังค์ นิ้วเรียวสวยจึงยกขึ้นจิ้มไปบนอกแกร่งที่แน่นตึง จนใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วขึ้น"ข้างามจนท่านถึงกับตกตะลึงเชียวหรือเจ้าคะ"ภาพใบหน้างามที่ส่งยิ้มมาให้เขาอย่างล้อเลียน ทำให้บุรุษที่พึ่งได้สติถึงกับทำตัวไม่ถูกกระแอมไอขึ้นแก้เก้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ"ชักช้า"แล้วก้าวเดินต่อ แต่ก็ยอมก้าวช้าลงเพื่อให้นางได้เดินไปพร้อมกันเสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าให้บุรุษที่เดินอยู่ด
เสี่ยวหลานที่โอบแขนเรียวรอบลำคอแกร่ง ตอนนี้ใบหน้าเล็กที่แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างแข็งแกร่งนั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในหัวน้อยๆกำลังคิดถึงกลวิธี อ่อยยังไงให้ได้ผู้ ที่นางศึกษามาตลอดแต่ไม่เคยได้ใช้ วันนี้นางจะนำกลยุทธ์ทั้งหมด ตกแม่ทัพผู้นี้กลับเรือนให้จงได้ แต่พอได้อยู่ใกล้บุรุษแบบแนบชิดเช่นนี้ ภายในหัวมันกลับตีบตันไปเสียหมด กลิ่นหอมของบุรุษเพศที่กรุ่นอยู่ในจมูกยิ่งทำให้นางไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แต่ความคิดทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของสตรีนางหนึ่ง ที่กำลังถูกมัดไว้กับต้นไม้และมีผู้ชายตัวโตเท่าควายใช้หวายเฆี่ยนตีนางอย่างโหดร้ายอยู่"หยุดๆ ปล่อยข้าลง"ร่างเล็กที่ดีดดิ้นลงจากแผ่นหลังแกร่ง โดยไม่ทันตั้งตัวร่างเล็กก็ปรี่เข้าไปผลักบุรุษร่างใหญ่โตเต็มแรงจนล้มลงก้นจั้มเบ้ากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง"พลั๊ก!!""โอ้ย!"เสียงร้องอย่างเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ของชายร่างยักษ์นั่นหรอกนะ แต่เป็นของนางเองที่ผลักผู้อื่นแต่กลับเป็นนางที่ล้มลงเจ็บชะมัด ตัวโตอย่างกับควายแล้วยังทรงโจรอีก"คนสวย แส่ไม่เข้าเรื่องนะเจ้า"ร่างใหญ่โตที่กำลังย่างสามขุมตรงมาหาร่าง
"แวะโรงหมอก่อนนะเจ้าคะ"หลังจากที่ได้นั่งรถม้าสมใจ ร่างบางก็หันไปฉีกยิ้มกว้างให้บุรุษที่วันนี้กลายเป็นเบ๊ให้นางทั้งวัน อย่างเกรงใจ๊ เกรงใจ"อืม แต่คงจะไปตลาดค้าทาสไม่ทันแล้วนะ"ใบหน้าหล่อเหลาที่ขานรับ ปรายตามองใบหน้างามจิ้มลิ้มเพียงนิด ก่อนจะละสายตาไปมองนอกหน้าต่างราวไม่ใส่ใจสตรีข้างกาย ที่ส่งสายตาระยิบระยับ พร้อมรอยยิ้มหวานมาให้ มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเพียงครู่ก่อนจะจางหาย"เหตุใดต้องไปอีกเล่าเจ้าคะ ข้าได้บ่าวคนใหม่แล้ว"ร่างบางที่กล่าวขึ้นก่อนจะพยักพเยิดไปทางสตรีร่างบอบบางที่นอนหลับตานิ่งอยู่ภายในรถม้า เมื่อร่างสูงหันมามองนางอย่างจะถาม"ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูผู้ร้ายกาจเช่นเจ้า จะมีเมตตากับผู้อื่นเป็น"เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสี่ยวหลานต้องหุบยิ้มฉับ มองบุรุษที่มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วรู้สึกเคืองอีกฝ่ายขึ้นมา"ข้าไม่ได้มีเมตตาหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงเห็นว่านางมีความอดทนสูงถึงขนาดทนการเฆี่ยนตีด้วยแรงบุรุษร่างยักษ์โดยที่ไม่ขาดใจ ตาย ไปเสียก่อน บ่าวเช่นนี้ถึงจะทนมือทนเท้าของข้าได้"ด้วยความที่รู้สึกที่อยากเอาชนะบุรุษที่ไม่เคยมองนางดีเลย จึงทำให้นางกล่าวออกไปเช่นนั้น จนทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึ
แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่จ้องใบหน้างามนิ่ง ก่อนจะหันใบหน้าหนีสตรีตรงหน้าราวกับโกรธเคือง แต่ใบหูนั้นกลับแดงก่ำ ระบายลมหายใจช้าๆราวกับสะกดกลั้นอารมณ์ นางทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง บ้าจริง นี่เขาจะแพ้ให้กับความร้ายกาจของนางหรอกหรือ ไม่มีทาง"เขินหรือเจ้าคะ สามี"เสียงหวานที่เอ่ยกระเซ้าขึ้น ใช้หัวไหล่เล็กกระแซะต้นแขนแข็งแกร่งของเขาอย่างไม่กลัวเกรง นางเป็นสตรีเช่นไรกัน ถึงได้แตะเนื้อต้องตัวบุรุษเช่นนี้ แต่เขาเองก็กลับรู้สึกราวกับว่ามีกระแสความร้อนวิ่งวุ่นไปทั้งร่าง กับบุรุษอื่นนางจะให้ความสนิทสนมเช่นนี้หรือไม่นะ คิดได้เช่นนั้นกลับทำให้ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง "ไม่มีทาง แล้วเจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้อีก เป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดจึงกล่าวว่าผู้อื่นเป็นสามีโดยไม่อายปาก แล้วการแตะเนื้อต้องตัวบุรุษนี่อีก มันไม่สมควรมิรู้หรือ"โอ้ววว แรง!"ข้าก็แค่ล้อเล่นเอง เหตุใดต้องโมโหด้วย เชอะ ไม่อยากได้ตำแหน่งนี้ก็ไม่เป็นไร ข้ายกให้พี่หยุนฟงก็ได้""ไม่ได้!!"แม่ทัพซ่งที่เผลอตัวตวาดเสียงดังใส่นาง จ้องมองดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างไม่พอใจ"ข้าหมายถึงเจ้าจะไปเรียกผู้อื่นว่าสามีไปทั่วเช่นนี้ไม่ได้ เห็นแก่หน้าบิดามารดาเจ้
.... สะโพกสอบกระหน่ำรัวจนขาเตียงหัก.... "เอ๊าะ!!! อึก!!!" เจ็บ!!! เสียงร้องนั้นไม่ใช่ในนิยายที่กำลังอ่านหลอกนะแต่เป็นเสียงของฉันเอง ฉันชื่อ น้ำขิง สาวแว่นร่างอวบ ที่เกาะคานทองไว้อย่างเหนียวแน่นไม่ใช่ว่าฉันอยากจะเกาะนะ แต่มันลงไม่ได้เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนมาเฉียดใกล้ จะมีก็แต่พระเอกในนิยายเท่านั้นให้จินตนาการถึง แต่วันนี้คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกอยู่ดีๆ กำลังฟินเป็นอย่างมากก็รู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก ก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป รู้สึกตัวอีกทีก็มองเห็นสภาพตัวเองนอนฟุบหน้ากลมๆ อยู่บนหนังสือนิยายที่อ่านก่อนจะกลายเป็นวิญญาณอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่ที่ฉันรับไม่ได้คือหน้าหนังสือที่เปิดค้างไว้นั้นคือฉากกำลังเสียวของพระนาง ไม่นะ!!! หากคนที่มาเจอและเก็บศพฉันเห็นว่าฉันตายเพราะอ่านนิยายเสียวจะไม่อับอายขายขี้หน้าเหรอ รูปของฉันคงโชว์หราอยู่บนข่าวหน้าหนึ่งพาดหัวจนเป็นที่ตลกขบขันของคนทั้งประเทศ "สาวแว่น หัวใจวายตาย ดับคาหนังสือเสียว" ไม่!!!!! แต่ก่อนที่ฉันจะฟุ้งซ่านไปกว่านี้ก็รู้สึกถึงแรงดูดมหาศาลดึงฉันลอยคว้างลงไปในหลุมลึกสีดำจนสติดับวูบไปอีกครั้ง"โอ้ยยย ปวดหัวชะมัด เป็นผีแล้วยังเจ็บได้ด้วยเหรอวะ" ฉันที่
แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่จ้องใบหน้างามนิ่ง ก่อนจะหันใบหน้าหนีสตรีตรงหน้าราวกับโกรธเคือง แต่ใบหูนั้นกลับแดงก่ำ ระบายลมหายใจช้าๆราวกับสะกดกลั้นอารมณ์ นางทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง บ้าจริง นี่เขาจะแพ้ให้กับความร้ายกาจของนางหรอกหรือ ไม่มีทาง"เขินหรือเจ้าคะ สามี"เสียงหวานที่เอ่ยกระเซ้าขึ้น ใช้หัวไหล่เล็กกระแซะต้นแขนแข็งแกร่งของเขาอย่างไม่กลัวเกรง นางเป็นสตรีเช่นไรกัน ถึงได้แตะเนื้อต้องตัวบุรุษเช่นนี้ แต่เขาเองก็กลับรู้สึกราวกับว่ามีกระแสความร้อนวิ่งวุ่นไปทั้งร่าง กับบุรุษอื่นนางจะให้ความสนิทสนมเช่นนี้หรือไม่นะ คิดได้เช่นนั้นกลับทำให้ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง "ไม่มีทาง แล้วเจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้อีก เป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดจึงกล่าวว่าผู้อื่นเป็นสามีโดยไม่อายปาก แล้วการแตะเนื้อต้องตัวบุรุษนี่อีก มันไม่สมควรมิรู้หรือ"โอ้ววว แรง!"ข้าก็แค่ล้อเล่นเอง เหตุใดต้องโมโหด้วย เชอะ ไม่อยากได้ตำแหน่งนี้ก็ไม่เป็นไร ข้ายกให้พี่หยุนฟงก็ได้""ไม่ได้!!"แม่ทัพซ่งที่เผลอตัวตวาดเสียงดังใส่นาง จ้องมองดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างไม่พอใจ"ข้าหมายถึงเจ้าจะไปเรียกผู้อื่นว่าสามีไปทั่วเช่นนี้ไม่ได้ เห็นแก่หน้าบิดามารดาเจ้
"แวะโรงหมอก่อนนะเจ้าคะ"หลังจากที่ได้นั่งรถม้าสมใจ ร่างบางก็หันไปฉีกยิ้มกว้างให้บุรุษที่วันนี้กลายเป็นเบ๊ให้นางทั้งวัน อย่างเกรงใจ๊ เกรงใจ"อืม แต่คงจะไปตลาดค้าทาสไม่ทันแล้วนะ"ใบหน้าหล่อเหลาที่ขานรับ ปรายตามองใบหน้างามจิ้มลิ้มเพียงนิด ก่อนจะละสายตาไปมองนอกหน้าต่างราวไม่ใส่ใจสตรีข้างกาย ที่ส่งสายตาระยิบระยับ พร้อมรอยยิ้มหวานมาให้ มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเพียงครู่ก่อนจะจางหาย"เหตุใดต้องไปอีกเล่าเจ้าคะ ข้าได้บ่าวคนใหม่แล้ว"ร่างบางที่กล่าวขึ้นก่อนจะพยักพเยิดไปทางสตรีร่างบอบบางที่นอนหลับตานิ่งอยู่ภายในรถม้า เมื่อร่างสูงหันมามองนางอย่างจะถาม"ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูผู้ร้ายกาจเช่นเจ้า จะมีเมตตากับผู้อื่นเป็น"เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสี่ยวหลานต้องหุบยิ้มฉับ มองบุรุษที่มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วรู้สึกเคืองอีกฝ่ายขึ้นมา"ข้าไม่ได้มีเมตตาหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงเห็นว่านางมีความอดทนสูงถึงขนาดทนการเฆี่ยนตีด้วยแรงบุรุษร่างยักษ์โดยที่ไม่ขาดใจ ตาย ไปเสียก่อน บ่าวเช่นนี้ถึงจะทนมือทนเท้าของข้าได้"ด้วยความที่รู้สึกที่อยากเอาชนะบุรุษที่ไม่เคยมองนางดีเลย จึงทำให้นางกล่าวออกไปเช่นนั้น จนทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึ
เสี่ยวหลานที่โอบแขนเรียวรอบลำคอแกร่ง ตอนนี้ใบหน้าเล็กที่แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างแข็งแกร่งนั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในหัวน้อยๆกำลังคิดถึงกลวิธี อ่อยยังไงให้ได้ผู้ ที่นางศึกษามาตลอดแต่ไม่เคยได้ใช้ วันนี้นางจะนำกลยุทธ์ทั้งหมด ตกแม่ทัพผู้นี้กลับเรือนให้จงได้ แต่พอได้อยู่ใกล้บุรุษแบบแนบชิดเช่นนี้ ภายในหัวมันกลับตีบตันไปเสียหมด กลิ่นหอมของบุรุษเพศที่กรุ่นอยู่ในจมูกยิ่งทำให้นางไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แต่ความคิดทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของสตรีนางหนึ่ง ที่กำลังถูกมัดไว้กับต้นไม้และมีผู้ชายตัวโตเท่าควายใช้หวายเฆี่ยนตีนางอย่างโหดร้ายอยู่"หยุดๆ ปล่อยข้าลง"ร่างเล็กที่ดีดดิ้นลงจากแผ่นหลังแกร่ง โดยไม่ทันตั้งตัวร่างเล็กก็ปรี่เข้าไปผลักบุรุษร่างใหญ่โตเต็มแรงจนล้มลงก้นจั้มเบ้ากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง"พลั๊ก!!""โอ้ย!"เสียงร้องอย่างเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ของชายร่างยักษ์นั่นหรอกนะ แต่เป็นของนางเองที่ผลักผู้อื่นแต่กลับเป็นนางที่ล้มลงเจ็บชะมัด ตัวโตอย่างกับควายแล้วยังทรงโจรอีก"คนสวย แส่ไม่เข้าเรื่องนะเจ้า"ร่างใหญ่โตที่กำลังย่างสามขุมตรงมาหาร่าง
ร่างบางเมื่อได้สติ ก็รีบวิ่งตามแผ่นหลังกว้างออกไป แก้มนวลนั้นขึ้นสีระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะวิ่งหรือเพราะขัดเขินบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้ากันแน่"รอด้วยเจ้าค่ะ"เสียงหวานที่ดังไล่หลังมา ทำให้บุรุษที่ก้าวเดินอยู่ด้านหน้าต้องหันกลับไปมองร่างเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขา อัญมณีหลากสีที่ส่องประกายวิบวับอยู่บนศีรษะนางล้อกับแสงตะวันดูงดงามแต่ก็มิอาจงามเท่าใบหน้านวลที่ซับสีแดงระเรื่อที่ส่งยิ้มจนดวงตากลมโตคู่งามเปล่งประกายวิบวับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี"ท่านแม่ทัพ มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ"เสี่ยวหลานเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างแกร่ง แต่เขากลับเอาแต่จ้องหน้านาง โดยไม่ยอมก้าวเดินเสียที จึงได้เอ่ยถามขึ้น แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบราวกับตกอยู่ในภวังค์ นิ้วเรียวสวยจึงยกขึ้นจิ้มไปบนอกแกร่งที่แน่นตึง จนใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วขึ้น"ข้างามจนท่านถึงกับตกตะลึงเชียวหรือเจ้าคะ"ภาพใบหน้างามที่ส่งยิ้มมาให้เขาอย่างล้อเลียน ทำให้บุรุษที่พึ่งได้สติถึงกับทำตัวไม่ถูกกระแอมไอขึ้นแก้เก้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ"ชักช้า"แล้วก้าวเดินต่อ แต่ก็ยอมก้าวช้าลงเพื่อให้นางได้เดินไปพร้อมกันเสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าให้บุรุษที่เดินอยู่ด
ร่างบางที่มัวแต่สนใจสองข้างทาง จนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้มาคนเดียว หันไปมองรอบกายอีกทีปรากฏว่าบุรุษที่มากับนางได้หายตัวไปแล้วไหนบอกกับพี่ชายของนางว่าจะส่งนางให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างไรเล่า เจ้าแม่ทัพสัพปรับนึกว่าข้าจะแคร์หรือ รู้จักน้ำขิงน้อยไปเสียแล้ว นี่ใคร นี่คือคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีเมิ่งผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้เชียวนะ สตรีที่ทั้ง สวย รวย เก่ง ขนาดนี้ กล้าเมินข้าได้เช่นไรกัน หึ กลับเองก็ได้วะ เสี่ยวหลานที่หาได้แคร์กับการที่ถูกบุรุษผู้นั้นทิ้ง มองร้านรวงสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ยิ่งร้านเครื่องประดับตรงหน้าที่มีเครื่องประดับงดงามกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่นั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับ นางอยากได้ปิ่นประดับอัญมณีที่ถูกวางอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่อันนั้น โดยไม่ให้เป็นการเสียเวลาเท้าเล็กก็มุ่งหน้าไปยังสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้า มือเล็กบอบบางพลันตบลงไปบนเอวบางถุงเงินฮื้อ นางลืมไปเสียสนิทว่านางไม่ได้พกถุงเงินมา ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะแยกกันกับผู้เป็นพี่ชาย ทำไงดีล่ะทีนี้หยกพก ใช่หยกพกประจำตัวของนาง แค่เพียงแสดงหยกของนาง ก็สามารถซื้อเครื่องประดับทั้งร้านนี้ก็ยังได้ คนใ
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองก่อนจะมีเสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามารายงาน"ขออภัยขอรับ มีคนของท่านเสนาบดีเมิ่งมาขอพบคุณชายเมิ่งหมิงห้าวขอรับ"หมิงห้าวที่ขมวดคิ้วมุ่น คนของท่านพ่อหรือมีอันใดกัน"ให้เข้ามา"แล้วคนที่บิดาส่งมาก็เข้ามารายงานทันที"คุณชายใหญ่ ท่านเสนาให้มาเรียนว่าให้ท่านเข้าวังด่วนขอรับ ท่านเสนาจะล่วงหน้าไปก่อน"ท่านพ่อมีเหตุอันใดเร่งด่วนกัน ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายเป็นการรับรู้ หันมามองน้องสาวตนที่เขารับปากนางเอาไว้ว่าจะพานางไปเลือกบ่าวเสี่ยวหลานที่เห็นว่าผู้เป็นพี่ชายกังวลเรื่องตนจึงเอ่ยขึ้น"รีบไปเถอะเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ ไม่ต้องห่วงข้า ข้ากลับเองได้""ได้อย่างไรกัน พี่กลับไปส่งเจ้าก่อนจะดีกว่า ไว้วันหน้าพี่จะพาเจ้ามาเลือกบ่าวอีกที""แต่ท่านพ่อคงจะมีเรื่องด่วนนะเจ้าคะ อีกอย่างจวนเรากับวังหลวงก็คนละทางกัน"แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่มองสองพี่น้องถกเถียงกันอยู่ นั้น กลับเห็นว่าหยวนหยุนฟง ผู้เป็นสหายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จึงรีบกล่าวขึ้น"ข้าจะไปส่งนางให้เอง"ทุกสายตาพลันหันมามองบุรุษผู้เป็นเจ้าของคำพูดนั้น เพราะต่างรู้ดีว่าสหายผู้นี้ไม่ชมชอบในตัวคุณหนูใหญ่เมิ่งเสี่ยวห
สายตาที่สบประสานกันทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับชะงัก ใบหน้างดงามของสตรีที่ทำให้เขาข่มตาไม่หลับมาหลายค่ำคืน เพียงแค่หลับตาลงใบหน้าและสายตาของนางในวันนั้นก็ลอยเด่นมาก่อกวนให้รู้สึกยุบยับในหัวใจ บางค่ำคืนถึงขั้นต้องลุกไปอาบน้ำกลางดึก อาการประหลาดนั้นพึ่งจะได้ทุเลาลง ในวันนี้กลับต้องมาพบเจอนางอีก เขาหรือสู้อุตส่าห์หลีกเลี่ยงไม่ไปเยือนจวนเสนาบดี ทั้งที่รู้สึกกระวนกระวายนั่งไม่ติดจิตใจมันร่ำๆแต่จะไปเยือนเสียให้ได้ แต่ก็กดข่มใจเอาไว้ จนร้อนรุ่มไปหมด เขาคงโดนนางทำคุณไสยมนต์ดำใส่แน่แล้ว มองใบหน้างดงามที่ส่งยิ้มหวานมาให้จึงได้แต่ตีหน้าขรึมกลับไป พยายามกดข่มจิตใจที่ตอนนี้กำลังเต้นอย่างกับกลองศึก ก้าวอย่างมั่นคงไปนั่งยังที่ว่างที่ดันอยู่ตรงกันข้ามกับสตรีมากเล่ห์เสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าใส่บุรุษที่ทำหน้าดุใส่นาง นางรึอุตส่าห์คิดถึง ที่ไม่เจอหลายวันกลับมาตีหน้ายักษ์ใส่นางเสียนี่ แต่ให้ตายเถอะขนาดทำหน้าโหดแล้วยังหล่อกะซวกไส้ หล่อวัวตายควายล้ม เหล่าบุรุษที่รายล้อมนางอยู่นี้ว่าหล่อเหลาแล้ว พ่อเทพบุตรซาตานของนางกลับกลบรัศมีจนดูจืดชืดไปเสียหมด คิดแล้วเศร้าใจนัก มือบางจึงหยิบจอกสุราของผู้เป็นพี่ชายยกซดเสียหมดจอก
เสี่ยวหลาน ที่ส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้สหายของพี่ชายทั้งสามคนที่มองมายังนาง มือเล็กขาวผ่องยกขึ้นโบกไปมาพร้อมเสียงหวานกล่าวขึ้น"Hi""....."เห็นสามหนุ่มมองนางอย่างตกตะลึงอ้าปากค้างจึงได้สติรีบหดมือเล็กลงผสานไว้ด้านหน้าอย่างสำรวมแต่สายตานั้นกลับซุกซนยิ่งนัก พร้อมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "สวัสดีเจ้าค่ะ"กิริยาของสาวงามตรงหน้า เรียกรอยยิ้มเอ็นดูกับความน่ารักของสาวเจ้าจากสหายทั้งสามของหมิงห้าวได้เป็นอย่างดี ผู้เป็นพี่ชายที่เห็นอาการของสหายที่มองน้องสาวตนตาปรอยเลยรีบกล่าวขึ้นใบหน้าขรึมด้วยความหวงน้องสาว"นี่น้องสาวข้าเอง เมิ่งเสี่ยวหลาน"ก่อนผู้เป็นพี่ชายเช่นเขาจะแนะนำให้ทั้งหมดได้รู้จักกันอย่างจำใจ"ได้ข่าวว่าหลานเอ๋อพลัดตกน้ำจนล้มป่วย หายดีแล้วหรอกหรือ"กุนซือเกาโม่ชาง ผู้ฉลาดหลักแหลม ใบหน้าหล่อเหลาดังคุณชายผู้ทรงภูมิเอ่ยถามเสียงละมุน "เหตุใดเจ้าถึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นด้วยโม่ชาง ข้าฟังแล้วรู้สึกขนลุกพิลึก ""หลานเอ๋อเจ้าอย่าได้เชื่อสิ่งที่ตาเห็นเชียว"รองแม่ทัพอวิ๋นซ่านจง ที่ได้ฟังสหายผู้เป็นกุนซือแห่งกองทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนไม่เหมือนยามพูดปกติที่มักเอ่ยด้วยเสียง
"เห้อ! เบื่อ"ร่างบางที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องกว้างอย่างเบื่อหน่าย นางอุดอู้อยู่แต่ในห้องอยู่หลายวันแล้ว พ่อยอดยาหยีของนางตั้งแต่วันนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่โผล่มาให้นางได้ชื่นฉ่ำหัวใจเลย สงสัยจะแค้นใจนางจนอกแตกตายไปแล้วกระมัง เล่นกับใครไม่เล่น ริจะมาลองของกับแม่ เป็นไงละเจอลูกยั่วของนางเข้าไปถึงกับน็อคกลางอากาศไปเลย บอกแล้วว่านางแซ่บ หุหุไม่ไหวแล้วหากยังอุดอู้อยู่แต่ในนี้นางต้องอกแตกตายแน่ๆ นิยงนิยายก็ไม่มีให้อ่าน บ่าวรับใช้คนสนิทก็ไม่มีให้สนทนา สองคนนั่นก็เหมือนหุ่นยนต์มีชีวิต อะไรจะอยู่ในกรอบปานนั้น เกิดใหม่มาสวยหุ่นแซ่บทั้งที ไม่ออกไปแรดบ้างก็เสียดายแย่ คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงรีบตรงไปยังเรือนใหญ่ วันนี้นางต้องได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก จะมัวแต่นั่งกินนอนกินไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงได้เฉาตายเป็นแน่ อุตส่าห์ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งที ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากันหน่อยเมื่อมาถึงเรือนใหญ่ยังมิทันได้ก้าวเข้าไปในเรือน สายตาก็ไปปะทะกับร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายที่ดูจากการแต่งกายแล้วคงกำลังจะไปข้างนอกเป็นแน่ ไม่รอช้าจึงพาร่างงามตรงเข้าไปเกาะแขนแกร่งพร้อมด้วยน้ำเสียงออดอ้อน"พี่ใหญ่ กำลังจะไปไหนหรือ