ร่างบางที่มัวแต่สนใจสองข้างทาง จนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้มาคนเดียว หันไปมองรอบกายอีกทีปรากฏว่าบุรุษที่มากับนางได้หายตัวไปแล้ว
ไหนบอกกับพี่ชายของนางว่าจะส่งนางให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างไรเล่า เจ้าแม่ทัพสัพปรับ
นึกว่าข้าจะแคร์หรือ รู้จักน้ำขิงน้อยไปเสียแล้ว นี่ใคร นี่คือคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีเมิ่งผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้เชียวนะ สตรีที่ทั้ง สวย รวย เก่ง ขนาดนี้ กล้าเมินข้าได้เช่นไรกัน หึ กลับเองก็ได้วะ
เสี่ยวหลานที่หาได้แคร์กับการที่ถูกบุรุษผู้นั้นทิ้ง มองร้านรวงสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ยิ่งร้านเครื่องประดับตรงหน้าที่มีเครื่องประดับงดงามกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่นั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับ นางอยากได้ปิ่นประดับอัญมณีที่ถูกวางอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่อันนั้น
โดยไม่ให้เป็นการเสียเวลาเท้าเล็กก็มุ่งหน้าไปยังสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้า มือเล็กบอบบางพลันตบลงไปบนเอวบาง
ถุงเงิน
ฮื้อ นางลืมไปเสียสนิทว่านางไม่ได้พกถุงเงินมา ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะแยกกันกับผู้เป็นพี่ชาย ทำไงดีล่ะทีนี้
หยกพก ใช่หยกพกประจำตัวของนาง แค่เพียงแสดงหยกของนาง ก็สามารถซื้อเครื่องประดับทั้งร้านนี้ก็ยังได้ คนในเมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ตระกูลเมิ่ง ตระกูลผู้ทรงอิทธิพลและมั่งคั่งร่ำรวยของเมืองหลวงแห่งนี้ ให้เขาส่งใบรายการไปเก็บเงินที่จวนคือจบปัญหา
เมื่อคิดได้ดังนั้น มือบางก็ตบลงตรงบริเวณรอบๆเอวก่อนจะเลื่อนขึ้นมาลูบๆคลำๆไปทั่วทั้งตัว ใบหน้างามพลันซีดเผือด นิสัยหลงๆลืมๆของนางตามติดข้ามภพข้ามชาติมาขนาดนี้เลยหรือ
คนสวยแย่แล้ว
ตอนนี้อย่าว่าแต่ซื้อเครื่องประดับเลย แม้แต่เงินสักอีแปะยังไม่มีติดตัว เมิ่งเสี่ยวหลานคนเดิมก็เก็บตัวอยู่แต่ในจวนไม่เคยมาเดินตลาดอย่างที่นางกำลังทำ จึงไม่มีใครรู้ว่านางคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่ง ขืนบอกไปจะได้โดนกล่าวหาว่าแอบอ้าง เพราะข่าวลือของนางนั้น คือสตรีถือตัวว่าตนเองสูงส่งคงไม่มาเดินอยู่ข้างถนนเช่นนี้แน่ ดวงตากลมโตที่กวาดตามองไปรอบๆอย่างเคว้งคว้าง ช่างดูน่าสงสารยิ่งนัก
สำรวจของมีค่าบนกายของนาง ก็ตัดใจขายมันไปไม่ได้ เพราะนางก็ชอบทุกชิ้นมากเช่นกัน
ระหว่างที่กำลังเคว้งคว้างราวเด็กหลงทาง หางตาก็พลันเหลือบไปเห็น เงาร่างของบุรุษคุ้นตาที่หายหัว เอ่อหายตัวไปปล่อยให้นางเดินโง่ๆอยู่คนเดียวเสียตั้งนานสองนาง กำลังเดินตรงมาหานาง ใบหน้างามถึงกับยกยิ้มหวานอย่างดีใจ รอยยิ้มที่ทำให้บุรุษที่กำลังเดินมาถึงกับชะงักไป
"ข้าคิดว่าท่านทิ้งข้าแล้วเสียอีก"
เอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนเสียงหวาน
"ไร้สาระ"
เสียงเรียบนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินผ่านนางไป
"ท่านแม่ทัพ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ"
ร่างสูงที่หันกลับมามองพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่านางมีปัญหาอะไร
"ข้าลืมนำถุงเงินมาและไม่ได้พกหยกประจำตัวมาด้วย กลับจวนเลยดีกว่าเจ้าค่ะ"
เอ่ยกับอีกฝ่ายพร้อมส่งยิ้มแห้งไปให้
ร่างสูงที่สีหน้ายังคงเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยขึ้น
"มาเถอะ"
เสี่ยวหลานที่เห็นดังนั้น จึงรีบเอ่ยถามขึ้นอย่างยินดี
"ท่านจะออกให้ข้าก่อนหรือเจ้าคะ"
"อืม ไปกันได้แล้วหรือยัง"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ พี่หลงเย่"
เสียงอ่อนหวานที่เอ่ยเรียกเขาเช่นนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉีกกว้างจนเห็นลักยิ้มข้างแก้มนวล ทำให้หัวใจแกร่งกระตุกวูบเต้นกระหน่ำจนน่าตกใจ จึงแสร้งตีหน้าดุปกปิดอาการผิดปกติของตน
เสี่ยวหลานที่เห็นอีกฝ่ายมองตนตาเขียวจึงรีบกล่าวขึ้น
"เรียกไม่ได้หรือเจ้าคะ เช่นนั้น เรียกเฮียได้หรือไม่ หรือ แด๊ดดี้ดี"
กล่าวพร้อมกับหัวเราะอย่างถูกใจ จนถูกสายตาคมดุตวัดมามองถึงได้หยุดหัวเราะแล้วส่งยิ้มจืดเจื่อนมาให้อีกฝ่าย
"จะเรียกเช่นไรก็สุดแล้วแต่เจ้าเถอะ"
ซ่งหลงเย่ที่ตีน่าเบื่อหน่ายส่งให้อีกฝ่าย แต่คำที่หลุดออกมาจากปากเล็กนั้นทำให้เขาแทบสำลักน้ำลาย ใบหูนั้นแดงก่ำ
"สามี"
เมื่อตั้งสติได้ก็ถลึงตามองเจ้าของใบหน้างดงามที่กำลังลอยหน้าลอยตาฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้เขา
"เมิ่งเสี่ยวหลาน"
รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นยั่วโทสะตน จึงกล่าวขึ้น ข่มอารมณ์ที่กำลังตีกันวุ่น นางช่างยั่วประสาทเก่งนัก
"เจ้ามีสิ่งใดก็รีบกล่าวมา ข้ามิได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ"
เสี่ยวหลานที่หุบยิ้มฉับ เมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงกำลังโกรธจนหน้าแดง มองบุรุษตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
"ขอยืมเงินหน่อย"
เสียงหวานที่กล่าวขึ้นเสียงดังฟังชัดพร้อมกับยื่นฝ่ามือเรียวขาวมาตรงหน้าเขา ทำตาปริบๆ
"ข้าอยากได้ปิ่นปักผมชิ้นนั้น ถึงจวนแล้วจะคืนให้"
กล่าวพร้อมกับพยักพเยิดไปยังปิ่นปักผมที่วางโดดเด่นอยู่
"วุ่นวาย"
ร่างสูงที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินผ่านหน้านางเข้าไปด้านใน เห็นดังนั้นโฉมงามก็ยิ้มร่า เร่งฝีเท้าตามเข้าไป
"เถ้าแก่ข้าต้องการปิ่นอันนี้"
เถ้าแก่เจ้าของร้านที่กุลีกุจอหยิบปิ่นราคาแพงส่งให้ ก่อนจะยื่นมือมารับเงินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ซ่งหลงเย่ที่ถือปิ่นไว้ในมือ มองสตรีตรงหน้าที่มองปิ่นในมือเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย มือขาวนวลยื่นมาตรงหน้า แต่ร่างหนากลับก้าวเข้ามาประชิดร่างบางที่สูงเพียงอกของเขา กายบางพลันชะงัก มือบอบบางที่ยื่นออกมาเพื่อรับปิ่นตอนนี้กลับวางทาบอยู่บนแผ่นอกแข็งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม หัวใจดวงน้อยพลันเต้นกระหน่ำ ก่อนที่มือหนาจะปักปิ่นในมือลงบนมวยผมของนาง แล้วผละออกก่อนจะเดินออกไป
"ไปกันได้แล้ว วุ่นวายเสียจริง"
เสี่ยวหลานที่มัวแต่ตกตะลึงมองตามแผ่นหลังกว้าง มือบางยกขึ้นลูบปิ่นบนศีรษะอย่างเหม่อลอย จนไม่รู้ว่าบุรุษที่เดินนำออกไป กำลังยกยิ้มขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร รู้เพียงเขารู้สึกสุขใจจนอยากยิ้ม
ร่างบางเมื่อได้สติ ก็รีบวิ่งตามแผ่นหลังกว้างออกไป แก้มนวลนั้นขึ้นสีระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะวิ่งหรือเพราะขัดเขินบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้ากันแน่"รอด้วยเจ้าค่ะ"เสียงหวานที่ดังไล่หลังมา ทำให้บุรุษที่ก้าวเดินอยู่ด้านหน้าต้องหันกลับไปมองร่างเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขา อัญมณีหลากสีที่ส่องประกายวิบวับอยู่บนศีรษะนางล้อกับแสงตะวันดูงดงามแต่ก็มิอาจงามเท่าใบหน้านวลที่ซับสีแดงระเรื่อที่ส่งยิ้มจนดวงตากลมโตคู่งามเปล่งประกายวิบวับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี"ท่านแม่ทัพ มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ"เสี่ยวหลานเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างแกร่ง แต่เขากลับเอาแต่จ้องหน้านาง โดยไม่ยอมก้าวเดินเสียที จึงได้เอ่ยถามขึ้น แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบราวกับตกอยู่ในภวังค์ นิ้วเรียวสวยจึงยกขึ้นจิ้มไปบนอกแกร่งที่แน่นตึง จนใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วขึ้น"ข้างามจนท่านถึงกับตกตะลึงเชียวหรือเจ้าคะ"ภาพใบหน้างามที่ส่งยิ้มมาให้เขาอย่างล้อเลียน ทำให้บุรุษที่พึ่งได้สติถึงกับทำตัวไม่ถูกกระแอมไอขึ้นแก้เก้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ"ชักช้า"แล้วก้าวเดินต่อ แต่ก็ยอมก้าวช้าลงเพื่อให้นางได้เดินไปพร้อมกันเสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าให้บุรุษที่เดินอยู่ด
เสี่ยวหลานที่โอบแขนเรียวรอบลำคอแกร่ง ตอนนี้ใบหน้าเล็กที่แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างแข็งแกร่งนั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในหัวน้อยๆกำลังคิดถึงกลวิธี อ่อยยังไงให้ได้ผู้ ที่นางศึกษามาตลอดแต่ไม่เคยได้ใช้ วันนี้นางจะนำกลยุทธ์ทั้งหมด ตกแม่ทัพผู้นี้กลับเรือนให้จงได้ แต่พอได้อยู่ใกล้บุรุษแบบแนบชิดเช่นนี้ ภายในหัวมันกลับตีบตันไปเสียหมด กลิ่นหอมของบุรุษเพศที่กรุ่นอยู่ในจมูกยิ่งทำให้นางไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แต่ความคิดทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของสตรีนางหนึ่ง ที่กำลังถูกมัดไว้กับต้นไม้และมีผู้ชายตัวโตเท่าควายใช้หวายเฆี่ยนตีนางอย่างโหดร้ายอยู่"หยุดๆ ปล่อยข้าลง"ร่างเล็กที่ดีดดิ้นลงจากแผ่นหลังแกร่ง โดยไม่ทันตั้งตัวร่างเล็กก็ปรี่เข้าไปผลักบุรุษร่างใหญ่โตเต็มแรงจนล้มลงก้นจั้มเบ้ากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง"พลั๊ก!!""โอ้ย!"เสียงร้องอย่างเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ของชายร่างยักษ์นั่นหรอกนะ แต่เป็นของนางเองที่ผลักผู้อื่นแต่กลับเป็นนางที่ล้มลงเจ็บชะมัด ตัวโตอย่างกับควายแล้วยังทรงโจรอีก"คนสวย แส่ไม่เข้าเรื่องนะเจ้า"ร่างใหญ่โตที่กำลังย่างสามขุมตรงมาหาร่าง
"แวะโรงหมอก่อนนะเจ้าคะ"หลังจากที่ได้นั่งรถม้าสมใจ ร่างบางก็หันไปฉีกยิ้มกว้างให้บุรุษที่วันนี้กลายเป็นเบ๊ให้นางทั้งวัน อย่างเกรงใจ๊ เกรงใจ"อืม แต่คงจะไปตลาดค้าทาสไม่ทันแล้วนะ"ใบหน้าหล่อเหลาที่ขานรับ ปรายตามองใบหน้างามจิ้มลิ้มเพียงนิด ก่อนจะละสายตาไปมองนอกหน้าต่างราวไม่ใส่ใจสตรีข้างกาย ที่ส่งสายตาระยิบระยับ พร้อมรอยยิ้มหวานมาให้ มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเพียงครู่ก่อนจะจางหาย"เหตุใดต้องไปอีกเล่าเจ้าคะ ข้าได้บ่าวคนใหม่แล้ว"ร่างบางที่กล่าวขึ้นก่อนจะพยักพเยิดไปทางสตรีร่างบอบบางที่นอนหลับตานิ่งอยู่ภายในรถม้า เมื่อร่างสูงหันมามองนางอย่างจะถาม"ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูผู้ร้ายกาจเช่นเจ้า จะมีเมตตากับผู้อื่นเป็น"เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้น ทำให้เสี่ยวหลานต้องหุบยิ้มฉับ มองบุรุษที่มองนางอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วรู้สึกเคืองอีกฝ่ายขึ้นมา"ข้าไม่ได้มีเมตตาหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงเห็นว่านางมีความอดทนสูงถึงขนาดทนการเฆี่ยนตีด้วยแรงบุรุษร่างยักษ์โดยที่ไม่ขาดใจ ตาย ไปเสียก่อน บ่าวเช่นนี้ถึงจะทนมือทนเท้าของข้าได้"ด้วยความที่รู้สึกที่อยากเอาชนะบุรุษที่ไม่เคยมองนางดีเลย จึงทำให้นางกล่าวออกไปเช่นนั้น จนทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวถึ
แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่จ้องใบหน้างามนิ่ง ก่อนจะหันใบหน้าหนีสตรีตรงหน้าราวกับโกรธเคือง แต่ใบหูนั้นกลับแดงก่ำ ระบายลมหายใจช้าๆราวกับสะกดกลั้นอารมณ์ นางทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง บ้าจริง นี่เขาจะแพ้ให้กับความร้ายกาจของนางหรอกหรือ ไม่มีทาง"เขินหรือเจ้าคะ สามี"เสียงหวานที่เอ่ยกระเซ้าขึ้น ใช้หัวไหล่เล็กกระแซะต้นแขนแข็งแกร่งของเขาอย่างไม่กลัวเกรง นางเป็นสตรีเช่นไรกัน ถึงได้แตะเนื้อต้องตัวบุรุษเช่นนี้ แต่เขาเองก็กลับรู้สึกราวกับว่ามีกระแสความร้อนวิ่งวุ่นไปทั้งร่าง กับบุรุษอื่นนางจะให้ความสนิทสนมเช่นนี้หรือไม่นะ คิดได้เช่นนั้นกลับทำให้ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง "ไม่มีทาง แล้วเจ้าอย่าได้เอ่ยวาจาเช่นนี้อีก เป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์เหตุใดจึงกล่าวว่าผู้อื่นเป็นสามีโดยไม่อายปาก แล้วการแตะเนื้อต้องตัวบุรุษนี่อีก มันไม่สมควรมิรู้หรือ"โอ้ววว แรง!"ข้าก็แค่ล้อเล่นเอง เหตุใดต้องโมโหด้วย เชอะ ไม่อยากได้ตำแหน่งนี้ก็ไม่เป็นไร ข้ายกให้พี่หยุนฟงก็ได้""ไม่ได้!!"แม่ทัพซ่งที่เผลอตัวตวาดเสียงดังใส่นาง จ้องมองดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างไม่พอใจ"ข้าหมายถึงเจ้าจะไปเรียกผู้อื่นว่าสามีไปทั่วเช่นนี้ไม่ได้ เห็นแก่หน้าบิดามารดาเจ้
แล้วในที่สุดรถม้าก็มาจอดหน้าจวนตระกูลเมิ่ง โดยมีเมิ่งเสี่ยวหลานคุณหนูใหญ่ของจวนก้าวลงจากรถม้า ตามด้วยสาวใช้คนใหม่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และบุรุษผู้เป็นแม่ทัพ ที่หากสังเกตดูดีดีจะเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่สู้ดีนัก เพราะถูกโฉมงามเมินเฉยมาตลอดทางเสี่ยวหลานเมื่อก้าวลงจากรถม้าเดินก้าวพ้นประตูจวนเพียงไม่กี่ก้าว ก็ต้องเผชิญหน้ากับโฉมสะคราญนางหนึ่ง ที่...สายตากลมโตที่กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของอีกฝ่ายอย่างประเมินด้วยสายตา งามน้อยกว่านางอยู่หลายส่วน แม่ดอกบัวขาว เมิ่งเหลียนฮวา น้องสาวสุดที่รักของนางนี่เอง ในที่สุดก็ยอมโผล่หัวออกจากกระดอง นึกว่าต้องรอนานกว่านี้เสียอีก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นางรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามหลบหน้านางมาตลอด คงจะกลัวความผิดที่ก่อเอาไว้ล่ะสิ พอจะโผล่มาก็ช่างมาได้ถูกเวลานัก "ฮวาเอ๋อ คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ""ฮวาเอ๋อ สบายดีหรือไม่""เจ้าค่ะ" สตรีร่างบอบบางดังกิ่งหลิวลู่ลม ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่ยอบกายลงอย่างอ่อนช้อยอ่อนหวาน ใบหน้าขาวงามนั้นยกยิ้มเอียงอายจน คนมองลอบเบ้ปากมองบนอย่างเสียกิริยา"เอ่อ พี่หญิง ฮวาเอ๋อคารวะเจ้าค่ะ"แหม่... แหม่ แหม่ แหม่ พอกับนางทำเป็นหน้าซี
เสี่ยวหลานที่ทิ้งกายลงบนตั่งนุ่ม หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า พลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด วันนี้นางเหนื่อยมาเกือบทั้งวัน แล้วยังมาเจอยัยดอกบัวเน่านั่นกลั่นแกล้งอีก บุรุษนั่นก็เช่นกัน ข้าไม่เคยดีในสายตาของเขาเลยสินะ มันน่าเจ็บใจชะมัด"ซ่งหลงเย่ ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่สนใจท่านอีกเลย คอยดู"ด้วยความคับแค้นใจ นางจึงตะโกนเสียลั่นเรือน เมื่อได้ทำเช่นนั้นแล้วรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง แต่เสียงหวานที่ตะโกนขึ้นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจนั้น กลับทำให้ร่างสูงของเจ้าของชื่อที่ก้าวตามนางมาถึงกับชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันหลังเดินกลับทางเดิมโดยไม่พูดจาแม่ทัพซ่งหลังจากที่ประคองเมิ่งเสี่ยวหลานให้ลุกขึ้น ก็สังเกตเห็นว่าสตรีที่กำลังเดินจากไปนั้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ แม้อีกฝ่ายจะฝืนเอาไว้แต่จังหวะการก้าวเท้านั้นผิดปกติและเขายังสังเกตเห็นหยดเลือดตรงที่นางยืนอยู่ก่อนหน้า จนต้องหันมามองสตรีในอ้อมแขนที่กำลังยืนจ้องมองแผ่นหลังเล็กที่เดินห่างออกไปด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่เขากลับเห็นความเกลียดชังในนั้นอย่างชัดเจน เมื่อนางเห็นว่าเขากำลังจ้องมองนางอยู่ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นกลับดูหม่นเศร้าดังเดิม ก่อนเขาจะส่งนางให้บ่
เมิ่งเหลียนฮวาที่สงบลงยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เจ็บร้าว เงยหน้าขึ้นมองมารดาของตน มารดาที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของนางพังอย่างเจ็บปวด ชีวิตของนางที่มันเคยมีความสุขและดีกว่านี้หลายเท่า แต่เมื่อนางบังเอิญไปล่วงรู้ความจริงที่น่าขยะแขยง ความจริงที่เป็นตราบาปฝังรากลึกลงไปในจิตใจนาง จนตอนนี้มันดำมืดไปหมด ความจริงที่ว่านางไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของท่านเสนาบดีเมิ่ง แต่นางกลับเป็นเพียงบุตรที่เกิดจากชู้รักของมารดา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมานางก็สวมใส่เพียงอาภรณ์สีขาวเพื่อปกปิดจิตใจที่ดำมืดของตัวเองฝ่ามือบอบบางที่ยกขึ้นลูบใบหน้างามที่แดงก่ำไปครึ่งหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา นางไม่ได้อยากเกลียดชังผู้ที่นางคิดว่าเป็นพี่สาวมาตลอด ไม่ได้อยากจะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต แต่อีกฝ่ายกลับล่วงรู้ความลับอันน่าสะอิดสะเอียนนี้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้นางพลั้งมือผลักอีกฝ่ายตกน้ำภาพในวัยเยาว์ที่มีความสุข ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจ เด็กน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มที่พากันจูงมือวิ่งเล่นหัวเราะอย่างสนุกสนานในสวนดอกไม้ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ก่อนภาพนั้นจะตัดไป เห็นเป็นภาพหญิงชายที่กำลังเริงรักกันอย่างเร่าร้อน เด็กหญิงวัยเพียงสิบหนาว
หลังจากวันนั้นเมิ่งเสี่ยวหลานนางก็พยายามเข้าหาเหลียนฮวามากขึ้น แม้อีกฝ่ายจะมีการต่อต้านบ้าง แต่นางถือคติว่าความหน้าทนจะเอาชนะทุกอย่างได้ จนช่องว่างระหว่างนางและเหลียนฮวาในตอนนี้ดูจะไม่แย่ดังเก่า"คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดระยะหลังมานี้จึงได้ทำดีกับคุณหนูรองเล่าเจ้าคะ"ลั่วซีที่อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดคุณหนูของนางถึงได้เปลี่ยนไป หรือว่าคุณหนูจะมีแผนการร้ายกาจดังที่ท่านแม่ทัพได้กล่าวเอาไว้ แต่จากการที่นางได้รับใช้ใกล้ชิดอีกฝ่าย คุณหนูผู้นี้มิได้มีนิสัยร้ายกาจอย่างที่ร่ำลือเลยสักนิด กลับกันคุณหนูของนางกลับมีจิตใจที่ดีมากเลยทีเดียว แม้จะเจ้าเล่ห์แสนกล ซุกซนไปสักหน่อย หัวเราะเสียงดังไปบ้าง กิริยามารยาทนั้นก็...ถือว่ามิได้เลวร้ายนักหากเทียบกับคุณหนูจวนอื่นๆ ส่วนศาตร์และศิลป์ ที่เหล่าคุณหนูในห้องหอพึงมีนั้น...นางอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ชื่นชมฝีมือก็ได้ แต่ แต่ แต่ ฝีมือการทำอาหารของคุณหนูนั้น นางบอกได้คำเดียวเลยว่า อร่อยเหาะ เอ่อ แล้วก็มีวาจาที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คุณหนูดูน่าสนใจ จนตอนนี้นางคิดว่าตัวเองกำลังมีใจเอนเอียงให้เจ้านายคนใหม่เสียแล้ว"เฮ่ออ เรื่องนี้ข้าก็มิอาจกล
นิ้วเรียวยาวที่แยกกลีบดอกตูมเต่งออกจากกัน บุปผางามบานแย้มปรากฏสู่สายตา เรียวปากหนาประกบนาบลงบนใจกลางบุปผางาม ลิ้นร้อนสากระคายกดลึกแหย่ลงในช่องทางรักเล็กแคบจุ่มจ้วงดุนดันลึกสุดโคนลิ้น กระดกเรียวลิ้นถี่รัว จนกายบางผวาเฮือกเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ริมฝีปากอุ่นชื้นดูดดุนปาดป่ายตุ่มเกสรงามที่เบ่งบานตูมเต่งรับสัมผัสอย่างซ่านกระสัน เสี่ยวหลานบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านเสียว ความกระสันแล่นแปลบปลาบไปทั่วทั้งตัว มือบางขยุ้มลงบนที่นอนนุ่มจนยับย่นสลับขึ้นมาขยุ้มเรือนผมดำเงาที่ซุกซบอยู่ตรงหว่างขาเรียว ความหวามไหววิ่งวนตรงกลางร่างเสียวแปลบปลาบลามไปทั่วทั้งช่องท้อง จังหวะปลายลิ้นร้อนที่กดลึกทำนางแทบขาดใจ บุปผางามคายน้ำหวานมากมายเพียงใดลิ้นหนากลับกวาดเลียเสียหมดทุกหยาดหยด ริมฝีปากร้อนผ่าวที่เลื่อนขึ้นมาทาบจูบบนหน้าท้องแบนราบ ไล่ขึ้นมาคลอเคลียทรวงอกอวบอิ่ม รวบปลายยอดที่หดรัดแข็งเกร็งดูดดื่มจนเกิดเสียงคละเคล้าน้ำลาย ปาดป่ายเรียวลิ้นสลับดูดเลียอย่างเท่าเทียมทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาลูบไล้บุปผางามเบื้องล่าง สอดไล้ก้านนิ้วเรียวยาวกดลึกลงในความร้อนรุ่มที่บีบรัดแน่น ช่องทางรักภายในอุ่นร้อนนุ่มนิ่มบีบร
ริมฝีปากหนาที่ผละออกอย่างช้าๆ จ้องมองใบหน้างามของโฉมสะคราญในอ้อมแขนอย่างรักใคร่หลงใหล"หวานที่สุด วันนี้เจ้างดงามมากรู้ตัวหรือไม่"เสียงแหบพร่าที่กล่าวขึ้นราวกับละเมอ เลื่อนปลายนิ้วเรียวมาแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา ดวงตาพยัคฆ์เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงมือบอบบางที่วันนี้ช่างดูเกะกะยิ่งนัก ไม่รู้ว่านางจะเอาไปวางไว้ตรงที่ใดดี ถูกมือหนากอบกุมเอาไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากร้อนผ่าว จุมพิตมือขาวนวลอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาแตะจูบปลายจมูกเล็ก เลื่อนมาหอมแก้มนวลที่แดงระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนจะเข้าครอบครองเรียวปากนุ่มอีกครั้งอย่างมิรู้เบื่อ ฝ่าเท้าเรียวเล็กเหยียบลงบนหลังเท้าใหญ่แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างอ่อนหวาน เผยอริมฝีปากให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของนางด้วยความวาบหวาม นางสูงแค่อกของคนตัวโตเท่านั้นช่างไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด หึหึหึเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่ดังขึ้นอย่างขบขันคนงามที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนได้รับค้อนวงโตจากโฉมสะคราญ"มิได้เป็นปัญหาเลยสักนิด"จมูกโด่งที่ก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวผ่องกระซิบชิดใบหูเล็กขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า"พี่จะพิสูจน์ให้
วันมงคลของแม่ทัพหนุ่มถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า แม้จะอยากแต่งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องให้เวลาว่าที่เจ้าสาวได้เตรียมตัว แม้จะมีเวลาเพียงเจ็ดวันแต่งานมงคลในครั้งนี้กลับถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างไร้ที่ติและมันเป็นเจ็ดวันที่แม่ทัพหนุ่มทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะว่าที่พ่อตาราวกับจะรู้เท่าทันความคิดของเขา วางกำลังรอบจวนเอาไว้อย่างแน่นหนา จนเขาแทบจะคลั่งตาย ไม่เห็นหน้านางมาแรมเดือน เจอกันเพียงครู่ยังไม่ได้กอดไม่ได้หอมให้หายคิดถึง กลับถูกว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเข้าเสียแล้ว โธ่ ซ่งหลงเย่ หนอ ซ่งหลงเย่ แล้วเขาจะไปทำอันใดได้ เกิดยังฝืนดึงดัน ว่าที่พ่อตาคงได้ขุ่นเคืองใจแล้วในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ขบวนสินสอดของจวนแม่ทัพว่ายาวมากแล้ว ขบวนสินเดิมเจ้าสาวยิ่งยาวสุดลูกหูลูกตาเสียยิ่งกว่า เสนาบดีเมิ่งกลัวบุตรีจะลำบากหรืออย่างไรกัน ช่างสมกับเป็นงานมงคลของคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้น เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ชุดมงคลของเจ้าสาวงดงามสูงค่า หากมิใช่คุณหนูเมิ่งเสี่ยวหลานคงมิมีโอกาสจะได้สวมใส่ ยิ่งได้อยู่บนเรือนร่างงดงามของสตรีผู้สะคราญโฉมที่สุดในแคว้น ยิ่งส
แม่ทัพหนุ่มที่มองเห็นร่างบางของสตรีคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายมือของบัลลังก์ที่จัดเอาไว้สำหรับเหล่าสตรีพลันยกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าใบหน้างามล่มเมืองนั้นกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าที่วันนี้ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามจนบุรุษที่มาร่วมงานล้วนต่างจ้องมองนาง เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดนางให้หายคิดถึงนัก อยากเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ บุรุษอื่นจะได้มิกล้าจ้องมองนางอีก ยิ่งพิศมองเรียวปากอวบอิ่มที่วันนี้ถูกแต้มด้วยชาดสีแดงเรื่อนั้น ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นลูบปลายจมูกโด่งอย่างเสียอาการ กายแกร่งร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นหลังจากที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นถังประกาศราชโองการประทานสมรสให้ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงและคุณหนูรองเมิ่งเหลียนฮวาเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปจึงเป็นการประกาศคุณงามความดีของแม่ทัพแห่งแคว้น แม่ทัพซ่งหลงเย่ บุรุษที่ก้าวเดินมาคุกเข่าตรงหน้าพระพักตร์อย่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เหล่าสตรีที่ได้มองต่างพากันเขินอาย เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างอยากที่จะเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้ที่ยังคงไม่มีฮูหยินเคียงกาย แม้แต่สตรีอุ่นเตียงก็ยังไม่มีแม้แต่นางเดียว ผู้เป็นใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือบัลลังก์พ
ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เตรียมพร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นหมิง ในขบวนล้วนเต็มไปด้วยคนของแม่ทัพซ่งหลงเย่แห่งแคว้นถัง และคนของชินอ๋องน่าหมั่นไส้มิงเว่ยหรง ส่วนคนของตระกูลต้วนนั้นตอนนี้ถูกสับเปลี่ยนไปเกือบหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่เอะใจเลยสักนิดชินอ๋องหมิงเว่ยหรราบรื่นที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าชะงักเท้าลง เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นถังกำลังเดินตรงมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานอย่างน่าหมั่นไส้ ข้างกายนั้นเคียงคู่มากับท่านหญิงคนงามตระกูลต้วน ต้วนหรูหลิน ที่ใบหน้างามนั้นแดงซ่านประดับไปด้วยรอยยิ้มเอียงอายที่ได้รับความเอาใจจากแม่ทัพหนุ่มสองหนุ่มสาวที่ทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้า"เมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพซ่งคงหลับสบายกระมัง วันนี้ถึงได้ดูสดชื่นยิ่งนัก"ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เอ่ยขึ้นปรายตามองสหายร่วมทางที่ทำเพียงยกยิ้มให้อย่างยียวนมิตอบสิ่งใด ก่อนจะส่งโฉมงามขึ้นรถม้าอย่างเอาใจใส่ท่านหญิงต้วนหรูหลินที่เห็นความไม่ลงรอยของบุรุษทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ มิได้ล่วงรู้เลยว่ามันเป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น รวมทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนและสายตาหลงใหลที่มองมายังนางของแม่ทัพหน
แม่ทัพหนุ่มที่สูดลมหายใจเข้าลึก มองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล โฉมสะคราญที่ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำ สะบัดผมดำสลวยตัดกับผิวขาวผ่องรวบเอาไปไว้ด้านหลังด้วยมือขาวนวลเนียนราวหยกเนื้อดี ทรวงอกอวบใหญ่ขาวผุดผาดแต่งแต้มด้วยยอดสีแดงบวมช้ำดูงดงามพุ่งชูชันจนยากที่จะถอนสายตา มองดูริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังจรดลงบนท่อนเนื้ออวบยาวใหญ่ที่ผงาดกล้าแข็งชูชันร้อนผ่าวดังแท่งเหล็กอังไฟ ที่ตอนนี้ตกอยู่ในอุ้งมือเล็กนุ่มนิ่มที่กอบกุมท่อนลำขนาดไม่ธรรมดาเอาไว้ไม่รอบ ส่วนหัวหยักแดงลื่นที่หลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน ทำให้คนตัวโตครางต่ำเสียงแหบห้าว กัดฟันกรอดอย่างเสียวซ่าน"อ่าาาส์"มือเล็กที่กอบกุมเอ็นอุ่น ครอบครองความแข็งกร้าวด้วยเรียวปากอ่อนนุ่ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเสียดสีกับกายแกร่งที่คับแน่นในปากเล็ก น้ำลายเหนียวใสไหลอาบชโลมท่อนลำใหญ่จนเปียกชุ่ม แกนกายใหญ่โตผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ลิ้นเล็กๆ เสียดสีไล้เลียบนหัวหยักบานจนกายหนาหยัดเกร็งครางกระหึ่ม เสียงครางต่ำลึกในลำคอยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งฮึกเหิม ราวกับชัยชนะเหนือคนตัวโตกำลังรออยู่ข้างหน้า"ซี๊ด..."กายหนาที่หยัดสะโพกเกร็งขึ้นซี๊ดปากอย่างซ่านสยิว มองอ
แม่ทัพหนุ่มที่จับพลิกร่างบางลงเบื้องล่าง พากายหนาที่ตอนนี้เหลือเพียงกางเกงตัวในเพียงตัวเดียว อวดเรือนร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวอย่างสวยงาม ใบหน้าหล่อเหลาเคล้าเคลียซอกคอขาวหอมกรุ่น ละเลื่อยมาตามทรวงอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ก่อนมือหนาจะดึงรั้งสะกิดเพียงแผ่วเบา เอี๊ยมตัวงามก็หลุดออกจากร่าง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบอิ่มขาวผ่องแลเห็นยอดทรวงสีชมพูระเรื่ออวดความงดงาม ที่ถูกอากาศหนาวเย็นและความเสียวซ่านเล่นงานจนหดรัดตูมเต่งแข็งเป็นไต ริมฝีปากหนาผ่าวร้อนไม่รอช้าจรดลงไล้เลียแนบชิด ปลายลิ้นอุ่นร้อนเปียกชื้นปาดเลียจนร่างบางครางกระเส่า อุ้งปากอุ่นอ้างับดูดกลืนยอดเม็ดทรวงงามอย่างหิวกระหาย ดูดเลียจนเกิดเสียงน่าอาย มือหนาส่งขึ้นมาฟ้อนเฟ้นบีบเคล้นเนื้ออวบที่เอ่อล้นฝ่ามือหนา มือบางขยุ้มเส้นผมหนานุ่มของคนเหนือร่างระบายความเสียวซ่านที่แล่นพล่านมารวมกันตรงจุดอ่อนไหวกลางร่างเรียวลิ้นสากดูดกลืนทรวงคู่งามจนพอใจก็ผละออก ไล้ปลายลิ้นมาตามหน้าท้องแบนราบที่หดเกร็ง จุ่มจ้วงลงในสะดือบุ๋มเล็กอย่างหยอกเย้า ไล้เลียปลายลิ้นมาถึงเนินเนื้ออวบอิ่มที่มีซับในตัวบางปกปิดหมิ่มเหม่ มือหนาดึงรูดซับในตัวน้
ในค่ำคืนนี้เสี่ยวหลานที่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงจะเสด็จกลับแคว้นหมิง และชายคนรักจะต้องเดินทางไปกับขบวนเสด็จด้วย แต่นางที่เป็นสตรีกลับไม่ล่วงรู้ถึงแผนการที่เหล่าบุรุษวางไว้แม้แต่น้อย ช่างน่าขัดใจยิ่งนัก เพียงแค่เห็นว่านางเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ จึงกีดกันนางให้ออกห่าง อ้างถึงความปลอดภัยและความห่วงใย คนยุคนี้นี่ยังไงกัน สตรีเช่นนางนี่แหละที่รู้เรื่องราวการรบ การทำศึก เล่ห์กลต่างๆมานักต่อนักแล้วประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศก็ผ่านตามาหมดแล้ว หึ น่าโมโหชะมัด เกิดแม่ทัพผู้เป็นคนรักไม่ทันเล่ห์กลของสตรีนางนั้นจะทำเช่นไร ฝีมือการรบของเขานั้นนางไม่ห่วงหรอกนะ กลัวก็แต่จะพลาดท่าเสียทีแม่หญิงงามนางนั้นเสียมากกว่า นิยายที่นางอ่านมาก็ล้วนเป็นเช่นนั้น บุรุษผู้กล้าทั้งหลาย ล้วนแพ้พ่ายให้แก่หญิงงามร่างบางที่นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงทำให้ผู้ที่มาเยือนในยามวิกาลต้องยกยิ้มขึ้น เหตุใดเขาจะไม่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้โฉมสะคราญนอนไม่หลับ คงไม่พ้นกังวลเรื่องการเดินทางไปแคว้นหมิงเป็นแน่"หลานเอ๋อ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นใกล้ใบหูเล็ก ทำให้ร่างบางขนลุกซ
ตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นถัง ผู้คนต่างล่ำลือกันไปทั่ว ว่าสตรีแคว้นถังคงต้องหลั่งน้ำตาเพราะแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหลงใหลในตัวท่านหญิงต่างแคว้นเข้าเสียแล้ว และยังหลงใหลเป็นอย่างมากอีกด้วย คาดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าวมงคลระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ต่างจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้แคว้นถังที่ในตอนนี้ เหล่าบุรุษต่างกำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดเพราะเรื่องราวต่อจากนี้หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น หนึ่งในนั้นคือบุรุษสูงศักดิ์ของแคว้นหมิง ผู้สูญเสียความทรงจำและวรยุทธ์ร่วมอยู่ด้วยฮ่องเต้แคว้นถังที่เขียนพระราชสาส์นด้วยลายพระหัตถ์ มอบให้แก่องครักษ์ฝีมือดีส่งมอบให้ถึงพระหัตถ์ขององค์ฮ่องเต้แคว้นหมิงพร้อมด้วยหยกพกประจำกายของชินอ๋องหมิงเว่ยหรง เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องที่พระองค์เขียนบอกไปในสาส์นลับฉบับนั้นตอนนี้ภายในราชสำนักแคว้นหมิงกำลังเกิดคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ บัลลังก์มังกรกำลังระส่ำระสาย เมื่อตระกูลที่เป็นขั้วอำนาจกำลังคิดโค่นบัลลังก์ ฉวยโอกาสในตอนที่ชินอ๋องผู้ปกป้องบัลลังก์มังกรไร้ซึ่งความสามารถก่อกบฏ แม้จะไม่อยากสอดมือไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายในของแคว้นอื่น แต่เมื่อถูกลากให้เข้าไปข้องเกี่ยวเห็นที