แล้วในที่สุดรถม้าก็มาจอดหน้าจวนตระกูลเมิ่ง โดยมีเมิ่งเสี่ยวหลานคุณหนูใหญ่ของจวนก้าวลงจากรถม้า ตามด้วยสาวใช้คนใหม่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู และบุรุษผู้เป็นแม่ทัพ ที่หากสังเกตดูดีดีจะเห็นว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่สู้ดีนัก เพราะถูกโฉมงามเมินเฉยมาตลอดทางเสี่ยวหลานเมื่อก้าวลงจากรถม้าเดินก้าวพ้นประตูจวนเพียงไม่กี่ก้าว ก็ต้องเผชิญหน้ากับโฉมสะคราญนางหนึ่ง ที่...สายตากลมโตที่กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของอีกฝ่ายอย่างประเมินด้วยสายตา งามน้อยกว่านางอยู่หลายส่วน แม่ดอกบัวขาว เมิ่งเหลียนฮวา น้องสาวสุดที่รักของนางนี่เอง ในที่สุดก็ยอมโผล่หัวออกจากกระดอง นึกว่าต้องรอนานกว่านี้เสียอีก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา นางรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามหลบหน้านางมาตลอด คงจะกลัวความผิดที่ก่อเอาไว้ล่ะสิ พอจะโผล่มาก็ช่างมาได้ถูกเวลานัก "ฮวาเอ๋อ คารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ""ฮวาเอ๋อ สบายดีหรือไม่""เจ้าค่ะ" สตรีร่างบอบบางดังกิ่งหลิวลู่ลม ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่ยอบกายลงอย่างอ่อนช้อยอ่อนหวาน ใบหน้าขาวงามนั้นยกยิ้มเอียงอายจน คนมองลอบเบ้ปากมองบนอย่างเสียกิริยา"เอ่อ พี่หญิง ฮวาเอ๋อคารวะเจ้าค่ะ"แหม่... แหม่ แหม่ แหม่ พอกับนางทำเป็นหน้าซี
เสี่ยวหลานที่ทิ้งกายลงบนตั่งนุ่ม หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า พลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด วันนี้นางเหนื่อยมาเกือบทั้งวัน แล้วยังมาเจอยัยดอกบัวเน่านั่นกลั่นแกล้งอีก บุรุษนั่นก็เช่นกัน ข้าไม่เคยดีในสายตาของเขาเลยสินะ มันน่าเจ็บใจชะมัด"ซ่งหลงเย่ ต่อแต่นี้ไปข้าจะไม่สนใจท่านอีกเลย คอยดู"ด้วยความคับแค้นใจ นางจึงตะโกนเสียลั่นเรือน เมื่อได้ทำเช่นนั้นแล้วรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง แต่เสียงหวานที่ตะโกนขึ้นเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจนั้น กลับทำให้ร่างสูงของเจ้าของชื่อที่ก้าวตามนางมาถึงกับชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันหลังเดินกลับทางเดิมโดยไม่พูดจาแม่ทัพซ่งหลังจากที่ประคองเมิ่งเสี่ยวหลานให้ลุกขึ้น ก็สังเกตเห็นว่าสตรีที่กำลังเดินจากไปนั้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ แม้อีกฝ่ายจะฝืนเอาไว้แต่จังหวะการก้าวเท้านั้นผิดปกติและเขายังสังเกตเห็นหยดเลือดตรงที่นางยืนอยู่ก่อนหน้า จนต้องหันมามองสตรีในอ้อมแขนที่กำลังยืนจ้องมองแผ่นหลังเล็กที่เดินห่างออกไปด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก แต่เขากลับเห็นความเกลียดชังในนั้นอย่างชัดเจน เมื่อนางเห็นว่าเขากำลังจ้องมองนางอยู่ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นกลับดูหม่นเศร้าดังเดิม ก่อนเขาจะส่งนางให้บ่
เมิ่งเหลียนฮวาที่สงบลงยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เจ็บร้าว เงยหน้าขึ้นมองมารดาของตน มารดาที่ทำให้ทุกอย่างในชีวิตของนางพังอย่างเจ็บปวด ชีวิตของนางที่มันเคยมีความสุขและดีกว่านี้หลายเท่า แต่เมื่อนางบังเอิญไปล่วงรู้ความจริงที่น่าขยะแขยง ความจริงที่เป็นตราบาปฝังรากลึกลงไปในจิตใจนาง จนตอนนี้มันดำมืดไปหมด ความจริงที่ว่านางไม่ใช่บุตรที่แท้จริงของท่านเสนาบดีเมิ่ง แต่นางกลับเป็นเพียงบุตรที่เกิดจากชู้รักของมารดา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมานางก็สวมใส่เพียงอาภรณ์สีขาวเพื่อปกปิดจิตใจที่ดำมืดของตัวเองฝ่ามือบอบบางที่ยกขึ้นลูบใบหน้างามที่แดงก่ำไปครึ่งหน้า ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา นางไม่ได้อยากเกลียดชังผู้ที่นางคิดว่าเป็นพี่สาวมาตลอด ไม่ได้อยากจะทำร้ายให้ถึงแก่ชีวิต แต่อีกฝ่ายกลับล่วงรู้ความลับอันน่าสะอิดสะเอียนนี้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้นางพลั้งมือผลักอีกฝ่ายตกน้ำภาพในวัยเยาว์ที่มีความสุข ยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจ เด็กน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มที่พากันจูงมือวิ่งเล่นหัวเราะอย่างสนุกสนานในสวนดอกไม้ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง ก่อนภาพนั้นจะตัดไป เห็นเป็นภาพหญิงชายที่กำลังเริงรักกันอย่างเร่าร้อน เด็กหญิงวัยเพียงสิบหนาว
หลังจากวันนั้นเมิ่งเสี่ยวหลานนางก็พยายามเข้าหาเหลียนฮวามากขึ้น แม้อีกฝ่ายจะมีการต่อต้านบ้าง แต่นางถือคติว่าความหน้าทนจะเอาชนะทุกอย่างได้ จนช่องว่างระหว่างนางและเหลียนฮวาในตอนนี้ดูจะไม่แย่ดังเก่า"คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดระยะหลังมานี้จึงได้ทำดีกับคุณหนูรองเล่าเจ้าคะ"ลั่วซีที่อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุใดคุณหนูของนางถึงได้เปลี่ยนไป หรือว่าคุณหนูจะมีแผนการร้ายกาจดังที่ท่านแม่ทัพได้กล่าวเอาไว้ แต่จากการที่นางได้รับใช้ใกล้ชิดอีกฝ่าย คุณหนูผู้นี้มิได้มีนิสัยร้ายกาจอย่างที่ร่ำลือเลยสักนิด กลับกันคุณหนูของนางกลับมีจิตใจที่ดีมากเลยทีเดียว แม้จะเจ้าเล่ห์แสนกล ซุกซนไปสักหน่อย หัวเราะเสียงดังไปบ้าง กิริยามารยาทนั้นก็...ถือว่ามิได้เลวร้ายนักหากเทียบกับคุณหนูจวนอื่นๆ ส่วนศาตร์และศิลป์ ที่เหล่าคุณหนูในห้องหอพึงมีนั้น...นางอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ชื่นชมฝีมือก็ได้ แต่ แต่ แต่ ฝีมือการทำอาหารของคุณหนูนั้น นางบอกได้คำเดียวเลยว่า อร่อยเหาะ เอ่อ แล้วก็มีวาจาที่ค่อนข้างจะแปลกประหลาดไปบ้าง แต่ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้คุณหนูดูน่าสนใจ จนตอนนี้นางคิดว่าตัวเองกำลังมีใจเอนเอียงให้เจ้านายคนใหม่เสียแล้ว"เฮ่ออ เรื่องนี้ข้าก็มิอาจกล
เสี่ยวหลานที่ตวัดตามองใบหน้าหล่อเหลาของแม่ทัพหนุ่มที่เลิกคิ้วคมเข้มขึ้นหันมามองนาง ราวกับจะหาเรื่อง ปากเล็กจิ้มลิ้มขยับพูดขึ้น เหมือนกับเพิ่งนึกอะไรออก"เอ๊ะ!แต่ว่า พี่..." โม่ชางพึ่งจะกลับไปเสี่ยวหลานที่กล่าวมิทันจบ เสียงของหยวนหยุนฟงก็แทรกขึ้น"อ้อ เป็นเช่นนั้นเองหรือ ขอบใจเจ้ามาก"ว่าแล้วหยวนหยุนฟงก็เดินเข้าไปหาสตรีที่นั่งมองพวกเขาตาปริบๆอย่างน่าเอ็นดู แล้วกล่าวขึ้น"ไปกันเถอะ หลานเอ๋อ""เอ่อ เจ้าค่ะ"เสี่ยวหลานแม้จะยังงงๆ แต่ก็ยอมลุกตามแรงดึงของอีกฝ่ายอย่างโง่งม นี่เป็นนิสัยเสียๆของนางอีกอย่างที่เมื่อความหล่อเข้าตา สมองจะหยุดทำงานไปชั่วขณะหนึ่ง"ห๊ะ! แล้วนั่นเจ้าจะพานางไปไหน"แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่โวยวายขึ้นทันที เมื่อหยวนหยุนฟงเดินเข้าไปจับจูงมือเล็กของสตรีจิตใจโลเลที่เพียงอีกฝ่ายเอ่ยชวนก็ก้าวตามเขาไปเสียอย่างนั้น"ก็ไปหาโม่ชางอย่างไรเล่า เจ้าจะตกใจไปทำไมกันหลงเย่""ฮะแฮ่ม ข้ามิได้ตกใจ"ซ่งหลงเย่ที่กระแอมขึ้น ก่อนจะกล่าวต่อด้วยท่าทีเคร่งขรึม"เพียงแต่เจ้าจะพานางไปได้อย่างไร เกาโม่ชางมีเรื่องสำคัญมากและต้องปิดเป็นความลับไม่อาจให้บุคคลอื่นล่วงรู้ได้"แม่ทัพซ่งที่แม้จะกล่าวกับอีกฝ่าย แ
เสี่ยวหลานที่ตกตะลึงจนตาค้าง มือเล็กที่จะยกขึ้นผลักอีกฝ่ายในตอนแรก ตอนนี้กลับขยุ้มเสื้อตรงอกแกร่งจนยับย่น ปากอวบอิ่มรู้สึกผ่าวร้อนไปหมด จูบแรก จูบแรกเลยนะ การจูบมันให้ความรู้สึกดีเช่นนี้เองหรือ ริมฝีปากอ่อนนุ่มอุ่นร้อนที่ประทับลงมาทำให้ร่างกายของนางรู้สึกวาบหวิว จนต้องหลับตาพริ้ม หัวใจในอกข้างซ้ายเต้นกระหน่ำจนกลัวว่ามันจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกลมหายใจผ่าวร้อนที่ดูเหมือนจะร้อนขึ้นเรื่อยๆนั้น ยิ่งทำให้นางเตลิด รู้สึกตื่นเต้นผสมกับความอยากรู้อยากลอง จนจูบตอบอีกฝ่ายอย่างเงอะงะ แต่กลับทำให้แม่ทัพหนุ่มพอใจไม่น้อย ที่นางไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากเขาเขายอมรับแล้วว่า พ่ายแพ้ให้แก่สตรีผู้นี้จนราบคาบ นางได้เข้ามาอยู่ในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็ดิ้นไม่หลุดเสียแล้ว ยิ่งเห็นนางให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับบุรุษอื่น ยิ่งรู้สึกร้อนรน กลัวเหลือเกินว่านางจะมีใจให้ชายอื่น ต่อจากนี้เขาจะไม่ผลักไสนางอีกต่อไปแล้ว และนางก็อย่าได้คิดที่จะผลักไสเขาเช่นกัน คิดได้ดังนั้น ริมฝีปากหนายิ่งทวีความเร่าร้อนจนรู้สึกถึงกายบางที่สั่นไหวและหัวใจนางที่เต้นตุบตุบอยู่ชิดอกของเขาลิ้นหนาที่แทรกเข้ามาเกาะเกี่ยวลิ้นเล็
เสี่ยวหลานที่ใช้ฝ่ามือเล็กตบลงบนบ่าแกร่งรัวๆเมื่อนางรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจโอ้! จูบนี้ช่างร้อนแรงยิ่งนัก ทำเอานางแทบขาดใจ แข้งขาสั่นเทาไปหมดแล้วเมื่อปากเล็กที่บ่วมเจ่อได้รับอิสระ นางจึงรีบหอบเอาอากาศเข้าปอด แต่ยังมิทันได้หายใจหายคอให้ชุ่มปอด ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็กำลังจะก้มลงมาอีกครั้ง จนนางต้องรีบยกฝ่ามือเล็กขึ้นขวางเอาไว้ เอ่ยห้ามอีกฝ่ายเสียงสั่น"พอก่อนเจ้าค่ะ หยุดก่อน"ซ่งหลงเย่ที่เห็นใบหน้างามของสตรีในอ้อมแขนซับสีเลือด แดงก่ำลามไปถึงลำคอและใบหูเล็ก ก็แทบจะอดใจเอาไว้ไม่ไหว เหตุใดเขาพึ่งจะเห็นว่านางน่าปรารถนาเอาตอนนี้นะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางคอยตามตอแยเขามาตลอด แต่เขากลับไม่เคยคิดที่จะเกินเลยกับนางมากไปกว่าคิดว่านางเป็นน้องสาวของสหาย แต่ระยะหลังมานี้เขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิม นางดูมีชีวิตชีวา สดใสและเป็นตัวของตัวเอง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดกลิ่นอายรอบตัวนางถึงเปลี่ยนไปได้มากจนแทบจะกลายเป็นคนละคนขนาดนี้ แต่เขามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองว่าหลงรักในตัวนางที่เป็นเช่นนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้วคิดได้ดังนั้นจึงกดริมฝีปากผ่าวร้อนลงบนฝ่ามือน
เมื่อทุกคนออกมาหน้าเรือนเห็นขบวนราชโองการจากวังหลวงได้แต่ออกอาการมึนงง เพราะนอกจากจะมีฉีกงกงผู้ถือราชโองการแล้ว ด้านหลังยังมีขบวนรถม้าที่บรรทุกหีบมาอีกหลายใบและที่สำคัญด้านข้างของหีบนั้นเป็นตราประทับของราชวงศ์แคว้นหมิง แคว้นมหาอำนาจที่เป็นดังเมืองพี่เมืองน้องกันมาหลายร้อยปี ท่านเสนาบดีเมิ่งที่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับผู้เป็นฮูหยินและบุตรชาย เมื่อเห็นสายตาราวกับมีคำถามแต่เขาเองก็มิได้รู้เรื่องราวมาก่อนเช่นกันฉีกงกงเมื่อเห็นว่าทุกคนมากันพร้อมแล้ว จึงได้อ่านราชโองการ เขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจนักเพราะสนิทสนมกับตระกูลเมิ่ง ตระกูลของเมิ่งฮองเฮามิน้อย และรับรู้มาโดยตลอดว่าคุณหนูใหญ่หลานรักของฮองเฮานั้นมิยอมออกเรือนเพราะปักใจรักในตัวแม่ทัพซ่งหลงเย่ แต่ราชโองการนี้ถูกเขียนขึ้นอย่างเร่งด่วนโดยไม่ได้หารือกัน หลังจากที่ฝ่าบาทได้รับราชสาส์นด่วนจากแคว้นหมิง"เสนาบดีฝ่ายซ้ายเมิ่งจินหลี่รับราชโองการ ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีพระราชบัญชาโปรดเกล้าฯให้บุตรีตระกูลเมิ่ง ผู้ซึ่งเป็นกุลสตรีรูปโฉมงดงาม เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทและความรู้ความสามารถ สมเป็นทายาทของตระกูลคู่แผ่นดิน จึงโปรดเกล้าฯให้อภิเษกสมรสก
นิ้วเรียวยาวที่แยกกลีบดอกตูมเต่งออกจากกัน บุปผางามบานแย้มปรากฏสู่สายตา เรียวปากหนาประกบนาบลงบนใจกลางบุปผางาม ลิ้นร้อนสากระคายกดลึกแหย่ลงในช่องทางรักเล็กแคบจุ่มจ้วงดุนดันลึกสุดโคนลิ้น กระดกเรียวลิ้นถี่รัว จนกายบางผวาเฮือกเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ริมฝีปากอุ่นชื้นดูดดุนปาดป่ายตุ่มเกสรงามที่เบ่งบานตูมเต่งรับสัมผัสอย่างซ่านกระสัน เสี่ยวหลานบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านเสียว ความกระสันแล่นแปลบปลาบไปทั่วทั้งตัว มือบางขยุ้มลงบนที่นอนนุ่มจนยับย่นสลับขึ้นมาขยุ้มเรือนผมดำเงาที่ซุกซบอยู่ตรงหว่างขาเรียว ความหวามไหววิ่งวนตรงกลางร่างเสียวแปลบปลาบลามไปทั่วทั้งช่องท้อง จังหวะปลายลิ้นร้อนที่กดลึกทำนางแทบขาดใจ บุปผางามคายน้ำหวานมากมายเพียงใดลิ้นหนากลับกวาดเลียเสียหมดทุกหยาดหยด ริมฝีปากร้อนผ่าวที่เลื่อนขึ้นมาทาบจูบบนหน้าท้องแบนราบ ไล่ขึ้นมาคลอเคลียทรวงอกอวบอิ่ม รวบปลายยอดที่หดรัดแข็งเกร็งดูดดื่มจนเกิดเสียงคละเคล้าน้ำลาย ปาดป่ายเรียวลิ้นสลับดูดเลียอย่างเท่าเทียมทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาลูบไล้บุปผางามเบื้องล่าง สอดไล้ก้านนิ้วเรียวยาวกดลึกลงในความร้อนรุ่มที่บีบรัดแน่น ช่องทางรักภายในอุ่นร้อนนุ่มนิ่มบีบร
ริมฝีปากหนาที่ผละออกอย่างช้าๆ จ้องมองใบหน้างามของโฉมสะคราญในอ้อมแขนอย่างรักใคร่หลงใหล"หวานที่สุด วันนี้เจ้างดงามมากรู้ตัวหรือไม่"เสียงแหบพร่าที่กล่าวขึ้นราวกับละเมอ เลื่อนปลายนิ้วเรียวมาแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา ดวงตาพยัคฆ์เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงมือบอบบางที่วันนี้ช่างดูเกะกะยิ่งนัก ไม่รู้ว่านางจะเอาไปวางไว้ตรงที่ใดดี ถูกมือหนากอบกุมเอาไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากร้อนผ่าว จุมพิตมือขาวนวลอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาแตะจูบปลายจมูกเล็ก เลื่อนมาหอมแก้มนวลที่แดงระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนจะเข้าครอบครองเรียวปากนุ่มอีกครั้งอย่างมิรู้เบื่อ ฝ่าเท้าเรียวเล็กเหยียบลงบนหลังเท้าใหญ่แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างอ่อนหวาน เผยอริมฝีปากให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของนางด้วยความวาบหวาม นางสูงแค่อกของคนตัวโตเท่านั้นช่างไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด หึหึหึเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่ดังขึ้นอย่างขบขันคนงามที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนได้รับค้อนวงโตจากโฉมสะคราญ"มิได้เป็นปัญหาเลยสักนิด"จมูกโด่งที่ก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวผ่องกระซิบชิดใบหูเล็กขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า"พี่จะพิสูจน์ให้
วันมงคลของแม่ทัพหนุ่มถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า แม้จะอยากแต่งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องให้เวลาว่าที่เจ้าสาวได้เตรียมตัว แม้จะมีเวลาเพียงเจ็ดวันแต่งานมงคลในครั้งนี้กลับถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างไร้ที่ติและมันเป็นเจ็ดวันที่แม่ทัพหนุ่มทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะว่าที่พ่อตาราวกับจะรู้เท่าทันความคิดของเขา วางกำลังรอบจวนเอาไว้อย่างแน่นหนา จนเขาแทบจะคลั่งตาย ไม่เห็นหน้านางมาแรมเดือน เจอกันเพียงครู่ยังไม่ได้กอดไม่ได้หอมให้หายคิดถึง กลับถูกว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเข้าเสียแล้ว โธ่ ซ่งหลงเย่ หนอ ซ่งหลงเย่ แล้วเขาจะไปทำอันใดได้ เกิดยังฝืนดึงดัน ว่าที่พ่อตาคงได้ขุ่นเคืองใจแล้วในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ขบวนสินสอดของจวนแม่ทัพว่ายาวมากแล้ว ขบวนสินเดิมเจ้าสาวยิ่งยาวสุดลูกหูลูกตาเสียยิ่งกว่า เสนาบดีเมิ่งกลัวบุตรีจะลำบากหรืออย่างไรกัน ช่างสมกับเป็นงานมงคลของคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้น เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ชุดมงคลของเจ้าสาวงดงามสูงค่า หากมิใช่คุณหนูเมิ่งเสี่ยวหลานคงมิมีโอกาสจะได้สวมใส่ ยิ่งได้อยู่บนเรือนร่างงดงามของสตรีผู้สะคราญโฉมที่สุดในแคว้น ยิ่งส
แม่ทัพหนุ่มที่มองเห็นร่างบางของสตรีคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายมือของบัลลังก์ที่จัดเอาไว้สำหรับเหล่าสตรีพลันยกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าใบหน้างามล่มเมืองนั้นกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าที่วันนี้ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามจนบุรุษที่มาร่วมงานล้วนต่างจ้องมองนาง เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดนางให้หายคิดถึงนัก อยากเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ บุรุษอื่นจะได้มิกล้าจ้องมองนางอีก ยิ่งพิศมองเรียวปากอวบอิ่มที่วันนี้ถูกแต้มด้วยชาดสีแดงเรื่อนั้น ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นลูบปลายจมูกโด่งอย่างเสียอาการ กายแกร่งร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นหลังจากที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นถังประกาศราชโองการประทานสมรสให้ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงและคุณหนูรองเมิ่งเหลียนฮวาเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปจึงเป็นการประกาศคุณงามความดีของแม่ทัพแห่งแคว้น แม่ทัพซ่งหลงเย่ บุรุษที่ก้าวเดินมาคุกเข่าตรงหน้าพระพักตร์อย่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เหล่าสตรีที่ได้มองต่างพากันเขินอาย เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างอยากที่จะเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้ที่ยังคงไม่มีฮูหยินเคียงกาย แม้แต่สตรีอุ่นเตียงก็ยังไม่มีแม้แต่นางเดียว ผู้เป็นใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือบัลลังก์พ
ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เตรียมพร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นหมิง ในขบวนล้วนเต็มไปด้วยคนของแม่ทัพซ่งหลงเย่แห่งแคว้นถัง และคนของชินอ๋องน่าหมั่นไส้มิงเว่ยหรง ส่วนคนของตระกูลต้วนนั้นตอนนี้ถูกสับเปลี่ยนไปเกือบหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่เอะใจเลยสักนิดชินอ๋องหมิงเว่ยหรราบรื่นที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าชะงักเท้าลง เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นถังกำลังเดินตรงมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานอย่างน่าหมั่นไส้ ข้างกายนั้นเคียงคู่มากับท่านหญิงคนงามตระกูลต้วน ต้วนหรูหลิน ที่ใบหน้างามนั้นแดงซ่านประดับไปด้วยรอยยิ้มเอียงอายที่ได้รับความเอาใจจากแม่ทัพหนุ่มสองหนุ่มสาวที่ทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้า"เมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพซ่งคงหลับสบายกระมัง วันนี้ถึงได้ดูสดชื่นยิ่งนัก"ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เอ่ยขึ้นปรายตามองสหายร่วมทางที่ทำเพียงยกยิ้มให้อย่างยียวนมิตอบสิ่งใด ก่อนจะส่งโฉมงามขึ้นรถม้าอย่างเอาใจใส่ท่านหญิงต้วนหรูหลินที่เห็นความไม่ลงรอยของบุรุษทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ มิได้ล่วงรู้เลยว่ามันเป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น รวมทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนและสายตาหลงใหลที่มองมายังนางของแม่ทัพหน
แม่ทัพหนุ่มที่สูดลมหายใจเข้าลึก มองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล โฉมสะคราญที่ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำ สะบัดผมดำสลวยตัดกับผิวขาวผ่องรวบเอาไปไว้ด้านหลังด้วยมือขาวนวลเนียนราวหยกเนื้อดี ทรวงอกอวบใหญ่ขาวผุดผาดแต่งแต้มด้วยยอดสีแดงบวมช้ำดูงดงามพุ่งชูชันจนยากที่จะถอนสายตา มองดูริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังจรดลงบนท่อนเนื้ออวบยาวใหญ่ที่ผงาดกล้าแข็งชูชันร้อนผ่าวดังแท่งเหล็กอังไฟ ที่ตอนนี้ตกอยู่ในอุ้งมือเล็กนุ่มนิ่มที่กอบกุมท่อนลำขนาดไม่ธรรมดาเอาไว้ไม่รอบ ส่วนหัวหยักแดงลื่นที่หลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน ทำให้คนตัวโตครางต่ำเสียงแหบห้าว กัดฟันกรอดอย่างเสียวซ่าน"อ่าาาส์"มือเล็กที่กอบกุมเอ็นอุ่น ครอบครองความแข็งกร้าวด้วยเรียวปากอ่อนนุ่ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเสียดสีกับกายแกร่งที่คับแน่นในปากเล็ก น้ำลายเหนียวใสไหลอาบชโลมท่อนลำใหญ่จนเปียกชุ่ม แกนกายใหญ่โตผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ลิ้นเล็กๆ เสียดสีไล้เลียบนหัวหยักบานจนกายหนาหยัดเกร็งครางกระหึ่ม เสียงครางต่ำลึกในลำคอยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งฮึกเหิม ราวกับชัยชนะเหนือคนตัวโตกำลังรออยู่ข้างหน้า"ซี๊ด..."กายหนาที่หยัดสะโพกเกร็งขึ้นซี๊ดปากอย่างซ่านสยิว มองอ
แม่ทัพหนุ่มที่จับพลิกร่างบางลงเบื้องล่าง พากายหนาที่ตอนนี้เหลือเพียงกางเกงตัวในเพียงตัวเดียว อวดเรือนร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวอย่างสวยงาม ใบหน้าหล่อเหลาเคล้าเคลียซอกคอขาวหอมกรุ่น ละเลื่อยมาตามทรวงอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ก่อนมือหนาจะดึงรั้งสะกิดเพียงแผ่วเบา เอี๊ยมตัวงามก็หลุดออกจากร่าง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบอิ่มขาวผ่องแลเห็นยอดทรวงสีชมพูระเรื่ออวดความงดงาม ที่ถูกอากาศหนาวเย็นและความเสียวซ่านเล่นงานจนหดรัดตูมเต่งแข็งเป็นไต ริมฝีปากหนาผ่าวร้อนไม่รอช้าจรดลงไล้เลียแนบชิด ปลายลิ้นอุ่นร้อนเปียกชื้นปาดเลียจนร่างบางครางกระเส่า อุ้งปากอุ่นอ้างับดูดกลืนยอดเม็ดทรวงงามอย่างหิวกระหาย ดูดเลียจนเกิดเสียงน่าอาย มือหนาส่งขึ้นมาฟ้อนเฟ้นบีบเคล้นเนื้ออวบที่เอ่อล้นฝ่ามือหนา มือบางขยุ้มเส้นผมหนานุ่มของคนเหนือร่างระบายความเสียวซ่านที่แล่นพล่านมารวมกันตรงจุดอ่อนไหวกลางร่างเรียวลิ้นสากดูดกลืนทรวงคู่งามจนพอใจก็ผละออก ไล้ปลายลิ้นมาตามหน้าท้องแบนราบที่หดเกร็ง จุ่มจ้วงลงในสะดือบุ๋มเล็กอย่างหยอกเย้า ไล้เลียปลายลิ้นมาถึงเนินเนื้ออวบอิ่มที่มีซับในตัวบางปกปิดหมิ่มเหม่ มือหนาดึงรูดซับในตัวน้
ในค่ำคืนนี้เสี่ยวหลานที่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงจะเสด็จกลับแคว้นหมิง และชายคนรักจะต้องเดินทางไปกับขบวนเสด็จด้วย แต่นางที่เป็นสตรีกลับไม่ล่วงรู้ถึงแผนการที่เหล่าบุรุษวางไว้แม้แต่น้อย ช่างน่าขัดใจยิ่งนัก เพียงแค่เห็นว่านางเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ จึงกีดกันนางให้ออกห่าง อ้างถึงความปลอดภัยและความห่วงใย คนยุคนี้นี่ยังไงกัน สตรีเช่นนางนี่แหละที่รู้เรื่องราวการรบ การทำศึก เล่ห์กลต่างๆมานักต่อนักแล้วประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศก็ผ่านตามาหมดแล้ว หึ น่าโมโหชะมัด เกิดแม่ทัพผู้เป็นคนรักไม่ทันเล่ห์กลของสตรีนางนั้นจะทำเช่นไร ฝีมือการรบของเขานั้นนางไม่ห่วงหรอกนะ กลัวก็แต่จะพลาดท่าเสียทีแม่หญิงงามนางนั้นเสียมากกว่า นิยายที่นางอ่านมาก็ล้วนเป็นเช่นนั้น บุรุษผู้กล้าทั้งหลาย ล้วนแพ้พ่ายให้แก่หญิงงามร่างบางที่นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงทำให้ผู้ที่มาเยือนในยามวิกาลต้องยกยิ้มขึ้น เหตุใดเขาจะไม่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้โฉมสะคราญนอนไม่หลับ คงไม่พ้นกังวลเรื่องการเดินทางไปแคว้นหมิงเป็นแน่"หลานเอ๋อ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นใกล้ใบหูเล็ก ทำให้ร่างบางขนลุกซ
ตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นถัง ผู้คนต่างล่ำลือกันไปทั่ว ว่าสตรีแคว้นถังคงต้องหลั่งน้ำตาเพราะแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหลงใหลในตัวท่านหญิงต่างแคว้นเข้าเสียแล้ว และยังหลงใหลเป็นอย่างมากอีกด้วย คาดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าวมงคลระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ต่างจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้แคว้นถังที่ในตอนนี้ เหล่าบุรุษต่างกำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดเพราะเรื่องราวต่อจากนี้หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น หนึ่งในนั้นคือบุรุษสูงศักดิ์ของแคว้นหมิง ผู้สูญเสียความทรงจำและวรยุทธ์ร่วมอยู่ด้วยฮ่องเต้แคว้นถังที่เขียนพระราชสาส์นด้วยลายพระหัตถ์ มอบให้แก่องครักษ์ฝีมือดีส่งมอบให้ถึงพระหัตถ์ขององค์ฮ่องเต้แคว้นหมิงพร้อมด้วยหยกพกประจำกายของชินอ๋องหมิงเว่ยหรง เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องที่พระองค์เขียนบอกไปในสาส์นลับฉบับนั้นตอนนี้ภายในราชสำนักแคว้นหมิงกำลังเกิดคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ บัลลังก์มังกรกำลังระส่ำระสาย เมื่อตระกูลที่เป็นขั้วอำนาจกำลังคิดโค่นบัลลังก์ ฉวยโอกาสในตอนที่ชินอ๋องผู้ปกป้องบัลลังก์มังกรไร้ซึ่งความสามารถก่อกบฏ แม้จะไม่อยากสอดมือไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายในของแคว้นอื่น แต่เมื่อถูกลากให้เข้าไปข้องเกี่ยวเห็นที