เสี่ยวหลานที่ตกตะลึงจนตาค้าง มือเล็กที่จะยกขึ้นผลักอีกฝ่ายในตอนแรก ตอนนี้กลับขยุ้มเสื้อตรงอกแกร่งจนยับย่น ปากอวบอิ่มรู้สึกผ่าวร้อนไปหมด จูบแรก จูบแรกเลยนะ การจูบมันให้ความรู้สึกดีเช่นนี้เองหรือ ริมฝีปากอ่อนนุ่มอุ่นร้อนที่ประทับลงมาทำให้ร่างกายของนางรู้สึกวาบหวิว จนต้องหลับตาพริ้ม หัวใจในอกข้างซ้ายเต้นกระหน่ำจนกลัวว่ามันจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอกลมหายใจผ่าวร้อนที่ดูเหมือนจะร้อนขึ้นเรื่อยๆนั้น ยิ่งทำให้นางเตลิด รู้สึกตื่นเต้นผสมกับความอยากรู้อยากลอง จนจูบตอบอีกฝ่ายอย่างเงอะงะ แต่กลับทำให้แม่ทัพหนุ่มพอใจไม่น้อย ที่นางไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากเขาเขายอมรับแล้วว่า พ่ายแพ้ให้แก่สตรีผู้นี้จนราบคาบ นางได้เข้ามาอยู่ในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็ดิ้นไม่หลุดเสียแล้ว ยิ่งเห็นนางให้ความใกล้ชิดสนิทสนมกับบุรุษอื่น ยิ่งรู้สึกร้อนรน กลัวเหลือเกินว่านางจะมีใจให้ชายอื่น ต่อจากนี้เขาจะไม่ผลักไสนางอีกต่อไปแล้ว และนางก็อย่าได้คิดที่จะผลักไสเขาเช่นกัน คิดได้ดังนั้น ริมฝีปากหนายิ่งทวีความเร่าร้อนจนรู้สึกถึงกายบางที่สั่นไหวและหัวใจนางที่เต้นตุบตุบอยู่ชิดอกของเขาลิ้นหนาที่แทรกเข้ามาเกาะเกี่ยวลิ้นเล็
เสี่ยวหลานที่ใช้ฝ่ามือเล็กตบลงบนบ่าแกร่งรัวๆเมื่อนางรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจโอ้! จูบนี้ช่างร้อนแรงยิ่งนัก ทำเอานางแทบขาดใจ แข้งขาสั่นเทาไปหมดแล้วเมื่อปากเล็กที่บ่วมเจ่อได้รับอิสระ นางจึงรีบหอบเอาอากาศเข้าปอด แต่ยังมิทันได้หายใจหายคอให้ชุ่มปอด ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็กำลังจะก้มลงมาอีกครั้ง จนนางต้องรีบยกฝ่ามือเล็กขึ้นขวางเอาไว้ เอ่ยห้ามอีกฝ่ายเสียงสั่น"พอก่อนเจ้าค่ะ หยุดก่อน"ซ่งหลงเย่ที่เห็นใบหน้างามของสตรีในอ้อมแขนซับสีเลือด แดงก่ำลามไปถึงลำคอและใบหูเล็ก ก็แทบจะอดใจเอาไว้ไม่ไหว เหตุใดเขาพึ่งจะเห็นว่านางน่าปรารถนาเอาตอนนี้นะ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางคอยตามตอแยเขามาตลอด แต่เขากลับไม่เคยคิดที่จะเกินเลยกับนางมากไปกว่าคิดว่านางเป็นน้องสาวของสหาย แต่ระยะหลังมานี้เขารู้สึกว่านางเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิม นางดูมีชีวิตชีวา สดใสและเป็นตัวของตัวเอง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แตกต่างแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดกลิ่นอายรอบตัวนางถึงเปลี่ยนไปได้มากจนแทบจะกลายเป็นคนละคนขนาดนี้ แต่เขามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองว่าหลงรักในตัวนางที่เป็นเช่นนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้วคิดได้ดังนั้นจึงกดริมฝีปากผ่าวร้อนลงบนฝ่ามือน
เมื่อทุกคนออกมาหน้าเรือนเห็นขบวนราชโองการจากวังหลวงได้แต่ออกอาการมึนงง เพราะนอกจากจะมีฉีกงกงผู้ถือราชโองการแล้ว ด้านหลังยังมีขบวนรถม้าที่บรรทุกหีบมาอีกหลายใบและที่สำคัญด้านข้างของหีบนั้นเป็นตราประทับของราชวงศ์แคว้นหมิง แคว้นมหาอำนาจที่เป็นดังเมืองพี่เมืองน้องกันมาหลายร้อยปี ท่านเสนาบดีเมิ่งที่ได้แต่ส่ายหน้าให้กับผู้เป็นฮูหยินและบุตรชาย เมื่อเห็นสายตาราวกับมีคำถามแต่เขาเองก็มิได้รู้เรื่องราวมาก่อนเช่นกันฉีกงกงเมื่อเห็นว่าทุกคนมากันพร้อมแล้ว จึงได้อ่านราชโองการ เขาเองก็รู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจนักเพราะสนิทสนมกับตระกูลเมิ่ง ตระกูลของเมิ่งฮองเฮามิน้อย และรับรู้มาโดยตลอดว่าคุณหนูใหญ่หลานรักของฮองเฮานั้นมิยอมออกเรือนเพราะปักใจรักในตัวแม่ทัพซ่งหลงเย่ แต่ราชโองการนี้ถูกเขียนขึ้นอย่างเร่งด่วนโดยไม่ได้หารือกัน หลังจากที่ฝ่าบาทได้รับราชสาส์นด่วนจากแคว้นหมิง"เสนาบดีฝ่ายซ้ายเมิ่งจินหลี่รับราชโองการ ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีพระราชบัญชาโปรดเกล้าฯให้บุตรีตระกูลเมิ่ง ผู้ซึ่งเป็นกุลสตรีรูปโฉมงดงาม เพียบพร้อมด้วยกิริยามารยาทและความรู้ความสามารถ สมเป็นทายาทของตระกูลคู่แผ่นดิน จึงโปรดเกล้าฯให้อภิเษกสมรสก
สองร่างที่ตระกองกอดกันอยู่ ถ่ายทอดความรักความห่วงหาอาทรที่มีต่อกัน จนมิได้ล่วงรู้เลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งที่กำลังมองคนทั้งสองด้วยแววตาอันลึกล้ำเงาร่างของใครบางคนที่ถอยออกมา หลังจากรับรู้ว่าเจ้าของเรือนมิได้อยู่เพียงลำพัง ก่อนจะหันหลังเดินหายลับไปลั่วซีที่เห็นแผ่นหลังบอบบางคุ้นตาได้แต่ทอดถอนใจ นางไม่เข้าใจความรักเลยจริงๆ มันดูยุ่งเหยิงไปเสียหมดดูท่าแล้วที่อาโฮ่วเจ้ายักษ์นั่นได้กล่าวไว้ว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ เห็นจะจริง เห็นอย่างนี้แล้วนางรู้สึกขยาดความรักนัก ขออยู่ตัวคนเดียวแบบนี้จะดีกว่าฮ่าฮ่าฮ่าเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของคนฟังยิ่งนัก ฮูหยินรองที่ยกน้ำชาขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดีหลังจากกลับจากเรือนใหญ่ ในที่สุดนางก็สามารถกำจัดหนามยอกอกออกไปได้โดยที่ไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ทุกวันนี้นางต้องอยู่อย่างหวาดผวา ไม่อาจที่จะข่มตาให้หลับลงได้ เพราะไม่รู้ว่าเมิ่งเสี่ยวหลานจะความทรงจำกลับมาเมื่อไหร่ หากวันใดที่ความทรงจำของเมิ่งเสี่ยวหลานกลับมาวันนั้นคงเป็นวันที่ชีวิตของนางจบสิ้นลง แต่ในที่สุดสวรรค์ก็อยู่ข้างนาง ที่ส่งเมิ่งเสี่ยวหลานไปให้ชินอ๋องแคว้นหมิง มีผู้
เมิ่งเสี่ยวหลาน ที่กำลังนั่งมองชุดเครื่องประดับล้ำค่าและชุดที่ถูกตัดขึ้นจากช่างมือหนึ่งของเมืองหลวงอย่างประณีตงดงามเข้าชุดกัน ด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย หากเป็นเวลาอื่น นางคงรู้สึกตื่นเต้นกับความงดงามตรงหน้าเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้นางไม่อยากไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับชินอ๋องอะไรนั่นเลยสักนิด นางนั้นครุ่นคิดอยู่ตลอดทั้งคืนก็ยังคิดไม่ตกว่าจะหาทางออกอย่างไรดีในขณะที่กำลังนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่นั้น หางตากลับเหลือบไปเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของคนสนิทที่กำลังทำลับๆล่อๆของลั่วซี ดูลุกลี้ลุกลนจนต้องแอบเดินตามออกไปดู"ลั่วซีออกมาทำสิ่งใดด้านหลังจวนกัน"ใบหน้างามที่หน้านิ่วคิ้วขมวด มองร่างเล็กที่เดินลัดเลาะออกมาหลังจวนอย่างสงสัยใคร่รู้เอ หรือลั่วซีจะแอบนัดแนะกับบุรุษ ใช่ย่อยเหมือนกันนะ ลูกสาวชั้น ก่อนจะเห็นว่าร่างเล็กนั้นเดินหายลับไปตรงประตูเล็กด้านหลังเรือน ขอดูหน้าเจ้าชายของลั่วซีสักหน่อยเถิดว่าจะหล่อเหลาหรือไม่ มือขาวเรียวที่ยกขึ้นปิดปากเล็กอวบอิ่มแล้วหัวเราะคิกคักอย่างถูกอกถูกใจ ก่อนจะค่อยๆ ย่องตามอีกฝ่ายไปอย่างน่าสงสัย "อาโฮ่ว เหตุใดถึงได้มาเองเล่า ประเดี๋ยวคุณหนูมาเห็นเข้าได้กลายเป็นเรื่องหรอก"ลั่วซีที่
เมิ่งเสี่ยวหลานที่ฟังความตั้งแต่ต้นจากปากลั่วซี ตั้งแต่ความเป็นมาของเจ้าตัวที่ได้มารับใช้ท่านแม่ทัพ จนกระทั่งถูกส่งมาให้เล่นละครตบตานาง เพื่อที่จะแฝงตัวเข้ามารับใช้ใกล้ชิด เพราะคิดว่านางมีแผนการชั่วร้ายบางอย่าง ใบหน้างามยิ่งดูมืดครึ้มลงเรื่อยๆ จนคนที่กำลังสาธยายอย่างออกรสออกชาตินั้นจำต้องสงบคำ บุรุษผู้นั้นคิดว่านางร้ายกาจจนถึงขนาดต้องส่งคนมาจับตามองเชียวหรือก่อนลั่วซีจะเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย เมื่อเห็นว่าใบหน้างามนั้นเริ่มบูดบึ้งขึ้นจนดูแทบไม่ได้"แม้ในตอนแรกท่านแม่ทัพจะส่งบ่าวมาจับตามองเพราะคิดว่าคุณหนูมีแผนร้ายบางอย่าง แต่ตอนนี้ท่านแม่ทัพนั้นรู้แล้วว่าคุณหนูมิได้ร้ายกาจดังเก่าอีกแล้ว และท่านแม่ทัพก็รู้ตัวเองแล้วว่ารักคุณหนูจากใจจริงนะเจ้าคะ และยังให้ลั่วซีคอยดูแลคุณหนูอีกด้วยเจ้าค่ะ"ลั่วซีที่แก้ตัวแทนผู้เป็นนาย มองนางตาปริบๆ"คุณหนูอย่าโกรธท่านแม่ทัพเลยนะเจ้าคะ"ความจริงนางก็มิได้โกรธเคืองอะไรอีกฝ่าย นางก็พอจะเข้าใจว่าท่านแม่ทัพอาจจะระแวง เพราะเมิ่งเสี่ยวหลานคนก่อนอาจจะเคยทำให้อีกฝ่ายฝังใจถึงความร้ายกาจของนาง จึงได้เกิดหวาดระแวงขึ้น เมื่อท่าทีและนิสัยใจคอของนางเปลี่ยนไปจากเดิม แต่อย่างไ
และแล้วก็มาถึงวันงาน โฉมสะคราญในอาภรณ์งดงามที่เดินเยื้องย่างออกมาจากเรือนเดินตรงไปยังเรือนใหญ่ ตลอดสองข้างทางที่เดินผ่านราวรอบกายหยุดชะงัก สิ่งรอบตัวหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ บรรดาบ่าวไพร่ต่างหันมองจนเหลียวหลังอย่างตื่นตะลึง ลืมกระทั่งกฎเกณฑ์ที่บ่าวรับใช้พึงมีว่ามิควรจ้องมองผู้เป็นนาย เมื่อรู้ตัวก็รีบก้มหน้าก้มตาหลบซ่อนสายตาที่กำลังไหวระริก ร่างบางที่ก้าวออกมาจากเรือน ก้าวเดินอย่างสง่างาม เยื้องย่างราวนางพญา พกพาความมั่นใจไปจนเต็มเปี่ยม จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่หน้าเรือนใหญ่ ที่มีรถม้าที่ดูหรูหราสมฐานะรถม้าของจวนตระกูลเมิ่ง ตระกูลของท่านเสนาบดีผู้มั่งคั่งและร่ำรวยที่สุดของแคว้น ร่างบางที่หยุดยืนรอคอยผู้เป็นใหญ่ของจวนอย่างสำรวม มิได้สนใจสายตาที่ลอบมองนาง หันมองบ่าวคนสนิทข้างกายที่ใบหน้าเล็กนั้นแดงก่ำ ราวกับกำลังกดข่มอารมณ์บางอย่าง จนต้องเอื้อมมือเรียวขาวบิดเอวอีกฝ่ายจนสะดุ้งสุดตัว"โอ๊ย! ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู"ลั่วซีที่รีบเอ่ยขอโทษคุณหนูของนาง แต่ใบหน้าจิ้มลิ้มยังคงแดงเรื่อ จนผู้เป็นนายถลึงตามองอย่างคาดโทษท่านเสนาบดีเมิ่งจินหลี่ที่เดินเคียงข้างมากับฮูหยินเอก เมิ่งหนิงเหมย ในอาภรณ์งดงามเข้
ร่างสูงสง่างามที่เยื้องย่างเข้ามาภายในงานเลี้ยง ใบหน้าหล่อเหลาที่ยกยิ้มขึ้นน้อยๆส่งให้ผู้คนในงานเลี้ยงนั้น ช่างล่อลวงให้ผู้คนหลงใหล โดยเฉพาะบรรดาสตรี เหล่าคุณหนูทั้งหลายที่มาร่วมงานต่างบิดกายด้วยความเขินอาย ส่งสายตาหวานเชื่อมให้อ๋องหนุ่มราวกับจะกลืนกิน อื้อหือ แต่ละนางนี่ ไม่เบาเหมือนกันนะนี่ นึกว่าจะมีแค่นางที่แรดอยู่ผู้เดียว ใบหน้าหล่อร้ายนั่นอีก จะโปรยเสน่ห์ไปถึงไหนกันพ่อคู๊ณ ดังกับซุปตาร์พบปะแฟนคลับอย่างไรอย่างนั้น เล่นซะนางนอสั่นระรัว"ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ"โอ้! หล่อยันเสียง หล่อตั้งแต่เส้นผมยันเล็บขบ"นับเป็นเกียรติของแคว้นถัง ที่มีโอกาสได้ต้อนรับเอกบุรุษเช่นชินอ๋องหมิงเว่ยหรง ตามสบายตามสบาย"หลังจากที่ทุกคนเข้าประจำที่ งานเลี้ยงก็ดำเนินขึ้น โดยดาวเด่นของงานนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากบุรุษสูงศักดิ์ต่างแคว้นใคร! ใครกัน! ผู้ใดเป็นผู้ปล่อยข่าวลือน่ารังเกียจเหล่านั้นกัน โหดเหี้ยม อำมหิต บ้างล่ะใบหน้าเหมือนหมีป่าบ้างล่ะใครกันช่างร้ายกาจยิ่งนัก ทำร้ายนางได้ลงคอ ดูสายตาคมที่หันมามองนางนั้นสิ แง้ ข้ามิได้จะมาแสดงละครลิงนะเจ้าคะเสี่ยวหลานที่อยากจะร้อง
นิ้วเรียวยาวที่แยกกลีบดอกตูมเต่งออกจากกัน บุปผางามบานแย้มปรากฏสู่สายตา เรียวปากหนาประกบนาบลงบนใจกลางบุปผางาม ลิ้นร้อนสากระคายกดลึกแหย่ลงในช่องทางรักเล็กแคบจุ่มจ้วงดุนดันลึกสุดโคนลิ้น กระดกเรียวลิ้นถี่รัว จนกายบางผวาเฮือกเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ริมฝีปากอุ่นชื้นดูดดุนปาดป่ายตุ่มเกสรงามที่เบ่งบานตูมเต่งรับสัมผัสอย่างซ่านกระสัน เสี่ยวหลานบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านเสียว ความกระสันแล่นแปลบปลาบไปทั่วทั้งตัว มือบางขยุ้มลงบนที่นอนนุ่มจนยับย่นสลับขึ้นมาขยุ้มเรือนผมดำเงาที่ซุกซบอยู่ตรงหว่างขาเรียว ความหวามไหววิ่งวนตรงกลางร่างเสียวแปลบปลาบลามไปทั่วทั้งช่องท้อง จังหวะปลายลิ้นร้อนที่กดลึกทำนางแทบขาดใจ บุปผางามคายน้ำหวานมากมายเพียงใดลิ้นหนากลับกวาดเลียเสียหมดทุกหยาดหยด ริมฝีปากร้อนผ่าวที่เลื่อนขึ้นมาทาบจูบบนหน้าท้องแบนราบ ไล่ขึ้นมาคลอเคลียทรวงอกอวบอิ่ม รวบปลายยอดที่หดรัดแข็งเกร็งดูดดื่มจนเกิดเสียงคละเคล้าน้ำลาย ปาดป่ายเรียวลิ้นสลับดูดเลียอย่างเท่าเทียมทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาลูบไล้บุปผางามเบื้องล่าง สอดไล้ก้านนิ้วเรียวยาวกดลึกลงในความร้อนรุ่มที่บีบรัดแน่น ช่องทางรักภายในอุ่นร้อนนุ่มนิ่มบีบร
ริมฝีปากหนาที่ผละออกอย่างช้าๆ จ้องมองใบหน้างามของโฉมสะคราญในอ้อมแขนอย่างรักใคร่หลงใหล"หวานที่สุด วันนี้เจ้างดงามมากรู้ตัวหรือไม่"เสียงแหบพร่าที่กล่าวขึ้นราวกับละเมอ เลื่อนปลายนิ้วเรียวมาแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา ดวงตาพยัคฆ์เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงมือบอบบางที่วันนี้ช่างดูเกะกะยิ่งนัก ไม่รู้ว่านางจะเอาไปวางไว้ตรงที่ใดดี ถูกมือหนากอบกุมเอาไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากร้อนผ่าว จุมพิตมือขาวนวลอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาแตะจูบปลายจมูกเล็ก เลื่อนมาหอมแก้มนวลที่แดงระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนจะเข้าครอบครองเรียวปากนุ่มอีกครั้งอย่างมิรู้เบื่อ ฝ่าเท้าเรียวเล็กเหยียบลงบนหลังเท้าใหญ่แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างอ่อนหวาน เผยอริมฝีปากให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของนางด้วยความวาบหวาม นางสูงแค่อกของคนตัวโตเท่านั้นช่างไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด หึหึหึเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่ดังขึ้นอย่างขบขันคนงามที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนได้รับค้อนวงโตจากโฉมสะคราญ"มิได้เป็นปัญหาเลยสักนิด"จมูกโด่งที่ก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวผ่องกระซิบชิดใบหูเล็กขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า"พี่จะพิสูจน์ให้
วันมงคลของแม่ทัพหนุ่มถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า แม้จะอยากแต่งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องให้เวลาว่าที่เจ้าสาวได้เตรียมตัว แม้จะมีเวลาเพียงเจ็ดวันแต่งานมงคลในครั้งนี้กลับถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างไร้ที่ติและมันเป็นเจ็ดวันที่แม่ทัพหนุ่มทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะว่าที่พ่อตาราวกับจะรู้เท่าทันความคิดของเขา วางกำลังรอบจวนเอาไว้อย่างแน่นหนา จนเขาแทบจะคลั่งตาย ไม่เห็นหน้านางมาแรมเดือน เจอกันเพียงครู่ยังไม่ได้กอดไม่ได้หอมให้หายคิดถึง กลับถูกว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเข้าเสียแล้ว โธ่ ซ่งหลงเย่ หนอ ซ่งหลงเย่ แล้วเขาจะไปทำอันใดได้ เกิดยังฝืนดึงดัน ว่าที่พ่อตาคงได้ขุ่นเคืองใจแล้วในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ขบวนสินสอดของจวนแม่ทัพว่ายาวมากแล้ว ขบวนสินเดิมเจ้าสาวยิ่งยาวสุดลูกหูลูกตาเสียยิ่งกว่า เสนาบดีเมิ่งกลัวบุตรีจะลำบากหรืออย่างไรกัน ช่างสมกับเป็นงานมงคลของคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้น เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ชุดมงคลของเจ้าสาวงดงามสูงค่า หากมิใช่คุณหนูเมิ่งเสี่ยวหลานคงมิมีโอกาสจะได้สวมใส่ ยิ่งได้อยู่บนเรือนร่างงดงามของสตรีผู้สะคราญโฉมที่สุดในแคว้น ยิ่งส
แม่ทัพหนุ่มที่มองเห็นร่างบางของสตรีคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายมือของบัลลังก์ที่จัดเอาไว้สำหรับเหล่าสตรีพลันยกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าใบหน้างามล่มเมืองนั้นกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าที่วันนี้ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามจนบุรุษที่มาร่วมงานล้วนต่างจ้องมองนาง เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดนางให้หายคิดถึงนัก อยากเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ บุรุษอื่นจะได้มิกล้าจ้องมองนางอีก ยิ่งพิศมองเรียวปากอวบอิ่มที่วันนี้ถูกแต้มด้วยชาดสีแดงเรื่อนั้น ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นลูบปลายจมูกโด่งอย่างเสียอาการ กายแกร่งร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นหลังจากที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นถังประกาศราชโองการประทานสมรสให้ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงและคุณหนูรองเมิ่งเหลียนฮวาเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปจึงเป็นการประกาศคุณงามความดีของแม่ทัพแห่งแคว้น แม่ทัพซ่งหลงเย่ บุรุษที่ก้าวเดินมาคุกเข่าตรงหน้าพระพักตร์อย่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เหล่าสตรีที่ได้มองต่างพากันเขินอาย เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างอยากที่จะเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้ที่ยังคงไม่มีฮูหยินเคียงกาย แม้แต่สตรีอุ่นเตียงก็ยังไม่มีแม้แต่นางเดียว ผู้เป็นใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือบัลลังก์พ
ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เตรียมพร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นหมิง ในขบวนล้วนเต็มไปด้วยคนของแม่ทัพซ่งหลงเย่แห่งแคว้นถัง และคนของชินอ๋องน่าหมั่นไส้มิงเว่ยหรง ส่วนคนของตระกูลต้วนนั้นตอนนี้ถูกสับเปลี่ยนไปเกือบหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่เอะใจเลยสักนิดชินอ๋องหมิงเว่ยหรราบรื่นที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าชะงักเท้าลง เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นถังกำลังเดินตรงมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานอย่างน่าหมั่นไส้ ข้างกายนั้นเคียงคู่มากับท่านหญิงคนงามตระกูลต้วน ต้วนหรูหลิน ที่ใบหน้างามนั้นแดงซ่านประดับไปด้วยรอยยิ้มเอียงอายที่ได้รับความเอาใจจากแม่ทัพหนุ่มสองหนุ่มสาวที่ทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้า"เมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพซ่งคงหลับสบายกระมัง วันนี้ถึงได้ดูสดชื่นยิ่งนัก"ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เอ่ยขึ้นปรายตามองสหายร่วมทางที่ทำเพียงยกยิ้มให้อย่างยียวนมิตอบสิ่งใด ก่อนจะส่งโฉมงามขึ้นรถม้าอย่างเอาใจใส่ท่านหญิงต้วนหรูหลินที่เห็นความไม่ลงรอยของบุรุษทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ มิได้ล่วงรู้เลยว่ามันเป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น รวมทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนและสายตาหลงใหลที่มองมายังนางของแม่ทัพหน
แม่ทัพหนุ่มที่สูดลมหายใจเข้าลึก มองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล โฉมสะคราญที่ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำ สะบัดผมดำสลวยตัดกับผิวขาวผ่องรวบเอาไปไว้ด้านหลังด้วยมือขาวนวลเนียนราวหยกเนื้อดี ทรวงอกอวบใหญ่ขาวผุดผาดแต่งแต้มด้วยยอดสีแดงบวมช้ำดูงดงามพุ่งชูชันจนยากที่จะถอนสายตา มองดูริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังจรดลงบนท่อนเนื้ออวบยาวใหญ่ที่ผงาดกล้าแข็งชูชันร้อนผ่าวดังแท่งเหล็กอังไฟ ที่ตอนนี้ตกอยู่ในอุ้งมือเล็กนุ่มนิ่มที่กอบกุมท่อนลำขนาดไม่ธรรมดาเอาไว้ไม่รอบ ส่วนหัวหยักแดงลื่นที่หลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน ทำให้คนตัวโตครางต่ำเสียงแหบห้าว กัดฟันกรอดอย่างเสียวซ่าน"อ่าาาส์"มือเล็กที่กอบกุมเอ็นอุ่น ครอบครองความแข็งกร้าวด้วยเรียวปากอ่อนนุ่ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเสียดสีกับกายแกร่งที่คับแน่นในปากเล็ก น้ำลายเหนียวใสไหลอาบชโลมท่อนลำใหญ่จนเปียกชุ่ม แกนกายใหญ่โตผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ลิ้นเล็กๆ เสียดสีไล้เลียบนหัวหยักบานจนกายหนาหยัดเกร็งครางกระหึ่ม เสียงครางต่ำลึกในลำคอยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งฮึกเหิม ราวกับชัยชนะเหนือคนตัวโตกำลังรออยู่ข้างหน้า"ซี๊ด..."กายหนาที่หยัดสะโพกเกร็งขึ้นซี๊ดปากอย่างซ่านสยิว มองอ
แม่ทัพหนุ่มที่จับพลิกร่างบางลงเบื้องล่าง พากายหนาที่ตอนนี้เหลือเพียงกางเกงตัวในเพียงตัวเดียว อวดเรือนร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวอย่างสวยงาม ใบหน้าหล่อเหลาเคล้าเคลียซอกคอขาวหอมกรุ่น ละเลื่อยมาตามทรวงอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ก่อนมือหนาจะดึงรั้งสะกิดเพียงแผ่วเบา เอี๊ยมตัวงามก็หลุดออกจากร่าง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบอิ่มขาวผ่องแลเห็นยอดทรวงสีชมพูระเรื่ออวดความงดงาม ที่ถูกอากาศหนาวเย็นและความเสียวซ่านเล่นงานจนหดรัดตูมเต่งแข็งเป็นไต ริมฝีปากหนาผ่าวร้อนไม่รอช้าจรดลงไล้เลียแนบชิด ปลายลิ้นอุ่นร้อนเปียกชื้นปาดเลียจนร่างบางครางกระเส่า อุ้งปากอุ่นอ้างับดูดกลืนยอดเม็ดทรวงงามอย่างหิวกระหาย ดูดเลียจนเกิดเสียงน่าอาย มือหนาส่งขึ้นมาฟ้อนเฟ้นบีบเคล้นเนื้ออวบที่เอ่อล้นฝ่ามือหนา มือบางขยุ้มเส้นผมหนานุ่มของคนเหนือร่างระบายความเสียวซ่านที่แล่นพล่านมารวมกันตรงจุดอ่อนไหวกลางร่างเรียวลิ้นสากดูดกลืนทรวงคู่งามจนพอใจก็ผละออก ไล้ปลายลิ้นมาตามหน้าท้องแบนราบที่หดเกร็ง จุ่มจ้วงลงในสะดือบุ๋มเล็กอย่างหยอกเย้า ไล้เลียปลายลิ้นมาถึงเนินเนื้ออวบอิ่มที่มีซับในตัวบางปกปิดหมิ่มเหม่ มือหนาดึงรูดซับในตัวน้
ในค่ำคืนนี้เสี่ยวหลานที่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงจะเสด็จกลับแคว้นหมิง และชายคนรักจะต้องเดินทางไปกับขบวนเสด็จด้วย แต่นางที่เป็นสตรีกลับไม่ล่วงรู้ถึงแผนการที่เหล่าบุรุษวางไว้แม้แต่น้อย ช่างน่าขัดใจยิ่งนัก เพียงแค่เห็นว่านางเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ จึงกีดกันนางให้ออกห่าง อ้างถึงความปลอดภัยและความห่วงใย คนยุคนี้นี่ยังไงกัน สตรีเช่นนางนี่แหละที่รู้เรื่องราวการรบ การทำศึก เล่ห์กลต่างๆมานักต่อนักแล้วประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศก็ผ่านตามาหมดแล้ว หึ น่าโมโหชะมัด เกิดแม่ทัพผู้เป็นคนรักไม่ทันเล่ห์กลของสตรีนางนั้นจะทำเช่นไร ฝีมือการรบของเขานั้นนางไม่ห่วงหรอกนะ กลัวก็แต่จะพลาดท่าเสียทีแม่หญิงงามนางนั้นเสียมากกว่า นิยายที่นางอ่านมาก็ล้วนเป็นเช่นนั้น บุรุษผู้กล้าทั้งหลาย ล้วนแพ้พ่ายให้แก่หญิงงามร่างบางที่นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงทำให้ผู้ที่มาเยือนในยามวิกาลต้องยกยิ้มขึ้น เหตุใดเขาจะไม่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้โฉมสะคราญนอนไม่หลับ คงไม่พ้นกังวลเรื่องการเดินทางไปแคว้นหมิงเป็นแน่"หลานเอ๋อ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นใกล้ใบหูเล็ก ทำให้ร่างบางขนลุกซ
ตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นถัง ผู้คนต่างล่ำลือกันไปทั่ว ว่าสตรีแคว้นถังคงต้องหลั่งน้ำตาเพราะแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหลงใหลในตัวท่านหญิงต่างแคว้นเข้าเสียแล้ว และยังหลงใหลเป็นอย่างมากอีกด้วย คาดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าวมงคลระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ต่างจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้แคว้นถังที่ในตอนนี้ เหล่าบุรุษต่างกำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดเพราะเรื่องราวต่อจากนี้หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น หนึ่งในนั้นคือบุรุษสูงศักดิ์ของแคว้นหมิง ผู้สูญเสียความทรงจำและวรยุทธ์ร่วมอยู่ด้วยฮ่องเต้แคว้นถังที่เขียนพระราชสาส์นด้วยลายพระหัตถ์ มอบให้แก่องครักษ์ฝีมือดีส่งมอบให้ถึงพระหัตถ์ขององค์ฮ่องเต้แคว้นหมิงพร้อมด้วยหยกพกประจำกายของชินอ๋องหมิงเว่ยหรง เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องที่พระองค์เขียนบอกไปในสาส์นลับฉบับนั้นตอนนี้ภายในราชสำนักแคว้นหมิงกำลังเกิดคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ บัลลังก์มังกรกำลังระส่ำระสาย เมื่อตระกูลที่เป็นขั้วอำนาจกำลังคิดโค่นบัลลังก์ ฉวยโอกาสในตอนที่ชินอ๋องผู้ปกป้องบัลลังก์มังกรไร้ซึ่งความสามารถก่อกบฏ แม้จะไม่อยากสอดมือไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายในของแคว้นอื่น แต่เมื่อถูกลากให้เข้าไปข้องเกี่ยวเห็นที