ภาพโฉมสะคราญในชุดสีแดงช่างดูงดงามเย้ายวนยิ่งนัก ภพก่อนใช่ว่านางจะเฉิ่มเชยเพียงแต่ว่าเสื้อผ้าที่ใส่นั้นไม่มีไซร์ ใส่อะไรก็ไม่สวยจึงทำให้เลือกเสื้อผ้าที่ใส่แล้วสบายตัว จึงทำให้ดูเฉิ่มเชย แต่ตอนนี้รูปร่างของนางงดงามสมส่วนเสียขนาดนี้ ใส่อะไรก็ดูสวยไปหมด ต่อไปนี้เมิ่งเสี่ยวหลานผู้นี้จะเป็นเมิ่งเสี่ยวหลานคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม
ยืนหมุนกายหน้ากระจกหนึ่งรอบก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้เงาสะท้อนในกระจกด้วยรอยยิ้มเซ็กซี่กระชากใจ
"เป๊ะอะ"
ก่อนคนงามที่สร้างความประหลาดใจให้บรรดาสาวใช้ทั้งหลายจะเยื้องย่างกรีดกรายพาร่างงามเย้ายวน เดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยพื้นกระเบื้อง สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยมวลดอกไม้นานาพันธุ์ ด้วยกิริยาอ่อนช้อย โดยปกติแล้วหากท่านแม่ทัพมาเยือนยังจวนคราใด คุณหนูใหญ่ของจวนคงต้องรีบเร่งไปพบมิให้อีกฝ่ายต้องคอย แต่ครั้งนี้กลับมิได้ดูเร่งรีบอย่างที่ควรจะเป็น และยังสวมอาภรณ์ที่มิใช่สีขาวอย่างทุกครั้ง ในความทรงจำของร่างนี้ความจริงนางมิได้ชมชอบสีขาวแต่ที่ต้องสวมใส่สีขาวเพราะต้องการประชันกับผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาเท่านั้นที่นางผู้นั้นชอบสวมใส่สีขาวจนเป็นภาพชินตา ผู้คนต่างยกยอปอปั้นว่าน้องสาวนางนั้นเหมาะกับสีขาว เมื่อสวมใส่ก็ดูงดงามดังดอกบัวขาวบริสุทธิ์ และที่สำคัญ
ท่านแม่ทัพ? ท่านแม่ทัพ? ชื่ออะไรแล้วนางก็นึกไม่ออก บุรุษผู้นั้นคือชายที่ร่างนี้ปักใจรักข่าวว่าเขาก็ชมชอบสีขาว อาภรณ์สีขาวจึงเป็นอาภรณ์ประจำกายของนาง นางก็มิได้ไม่ชอบสีขาวหรอกนะแต่มันไม่มีสีสัน อาภรณ์หลากสีนั้นดูมีชีวิตชีวากว่าเป็นไหนๆ
เมื่อมาถึงยังเรือนใหญ่ร่างบางที่หยุดอยู่ตรงประตูเรือนสูดลมหายใจรวบรวมสติด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ การสวมบทบาทเป็นเมิ่งเสี่ยวหลานของนางมิรู้จะรอดหรือจะร่วง แต่เมื่อครั้งที่ท่านพ่อท่านแม่พาท่านหมอมาดูอาการของนาง นางที่แกล้งจำได้บ้างมิได้บ้างจนทำให้หมอผู้นั้นแจ้งว่าศีรษะนางได้รับการกระทบกระเทือนอาจจะทำให้หลงลืมบางสิ่งบางอย่างไป ดังนั้นจึงมิเป็นปัญหามากนักหากนางจะดูเปลี่ยนไป
ภาพโฉมสะคราญในชุดสีแดงที่ปรากฏตัวขึ้นทำให้ภายในห้องที่กำลังสนทนากันอยู่อย่างออกรสเงียบเสียงลงจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ความเงียบที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ผู้ที่ตกเป็นเป้าสายตาขยับกายอย่างอึดอัด ก่อนดวงตากลมโตจะกวาดมองบุคคลที่นั่งอยู่ภายในห้องนั้นอย่างสำรวจ บุรุษและสตรีวัยกลางคนที่ยังคงความสง่างามแม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้ว ผู้ที่คอยแวะเวียนเฝ้าดูแลนางอยู่มิเคยห่างด้วยความห่วงใยเมื่อครั้งที่นางยังแกล้งล้มป่วยคงเป็นใครไปมิได้ บิดามารดาของนางที่กำลังส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ถัดมาเป็นสตรีวัยใกล้เคียงกับมารดา ฮูหยินรอง เจียวหว่านชิง สตรีผู้นี้นั้นดูร้อนแรงยิ่งนัก หากเปรียบเทียบมารดานางกับฮูหยินรองผู้นี้ ก็คงเปรียบมารดานางดังสายน้ำที่เยือกเย็น ส่วนฮูหยินรองเปรียบดังเปลวไฟที่ร้อนแรง ส่วนสตรีที่นั่งอยู่ด้านข้างฮูหยินรองที่นางพึ่งได้พบหน้าค่าตาเป็นครั้งแรก ดรุณีน้อยใบหน้าก็...งั้นๆ การแต่งกายช่างขัดกับผู้เป็นมารดานัก เมิ่งเหลียนฮวา แม่ดอกบัวขาวที่ดวงตาที่มองมายังนางนั้นดุจนางอสรพิษ นางคงต้องทำความรู้จักกับน้องสาวผู้นี้ให้มากเสียแล้ว ส่วนบุรุษที่นั่งอยู่อีกฝั่ง บุรุษผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับนางอยู่หลายส่วน บุรุษที่ทำให้นางเลือดกำเดาแทบกระฉูดมาแล้วครั้งหนึ่ง น่าเสียดายเหลือเกินที่บุรุษผู้นี้เป็นพี่ชายของนาง ยิ่งมองรอยยิ้มที่คนตรงหน้าส่งมาให้ อื้อ อยากผิดศีลธรรม
ก่อนสายตากลมโตจะเลื่อนมาปะทะเข้ากับสายตาดุดัน ที่มีใบหน้าหล่อเหลากร้าวใจยิ่งนัก หัวใจดวงน้อยพลันกระตุกสั่นไหวรุนแรง เสียงพี่ป้างลอยเข้ามาในหัวกระแทกใจอย่างจัง
~หัวใจเต้นแรง หน้าแดงทุกที
ใช่เธอหรือนี่ ที่คอยตลอดมา
ควบคุมไม่อยู่ รู้เลยว่าตัวสั่น
แค่เจอไม่นาน ถูกใจฉันเหลือเกิน~
กร้าวใจเหลือเกินทูนหัวของบ่าว มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถ พร้อมเปย์นะคะ
~รักเค้า~
เห็นสายตาที่จ้องมองมายังนาง ยิ่งรู้สึกกระชุ่มกระชวย จึงขยิบตาส่งไปให้บุรุษผู้เป็นสเปคในฝัน แต่กลับได้รับการถลึงตาส่งมาให้อย่างดุดัน ช่างเถื่อนได้ใจอะไรอย่างนี้ ถูกใจ ถูกใจ
"หลานเอ๋อ มาแล้วหรือ มา มา มานั่งข้างๆ บิดานี่"
เสียงของท่านพ่อช่วยฉุดดึงนางให้หลุดจากภวังค์ กว่าจะดึงสายตาจากใบหน้าบุรุษในฝันได้ช่างยากเย็นยิ่งนัก
แม่ทัพซ่งที่มองสตรีไร้ยางอายที่วันนี้ดูแปลกไปแม้ทุกครั้งที่เจอกันนางจะแสดงออกว่าหลงใหลในตัวเขาแต่ก็มิเคยแสดงกิริยาเช่นนี้ นางขยิบตาให้เขา นางเป็นสตรีเช่นใดกัน สงสัยจะตกน้ำจนวิปลาสอย่างที่เขารู้ข่าวมา คงมิใช่แค่สูญเสียความทรงจำกระมัง ที่เขามาในวันนี้มิใช่ว่าจะมาเยี่ยมนางดังที่แจ้ง เขาแค่จะมาพูดคุยกับนางมิให้นางฉวยโอกาส ใช้ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นด้วยเหตุสุดวิสัยที่เขาได้ช่วยนางตอนนางตกน้ำมาบีบให้เขาต้องรับผิดชอบในตัวนาง ด้วยหญิงชายมิควรใกล้ชิด แม้เขาจะเห็นเนื้อตัวนางแต่นั่นเพราะมันเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เขาแค่ผ่านไปตอนนางพลัดตกน้ำจึงต้องให้ความช่วยเหลือเพราะเห็นว่านางเป็นน้องสาวของสหายสนิท หากนางใช้โอกาสนี้บีบให้เขาต้องรับผิดชอบคงยากที่จะหลีกเลี่ยง ยิ่งสตรีร้ายกาจเช่นนางคงมิปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือเป็นแน่
แม่ทัพใหญ่ซ่งหลงเย่ ผู้ที่ช่วยเหลือนางเอาไว้จากการตกน้ำ ตอนนี้กำลังเดินอยู่ด้านหน้าของนางห่างเพียงหนึ่งก้าว เมื่อบุรุษผู้นี้แจ้งว่าอยากคุยกับนางเป็นการส่วนตัว จึงได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบิดามารดาของนาง ตอนนี้ทั้งสองจึงมาเดินอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ช่างโรแมนติกยิ่งนัก เสี่ยวหลานที่มองแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างเลื่อนลอย คนอะไรบึกบึนน่าซบอะไรอย่างนี้ โดนใจ โดนใจ มองแค่แผ่นหลังยังกร้าวใจขนาดนี้ ด้านหน้าจะเป็นเช่นไรหนอ~จุ้กกรู้ ~... อยากเห็นอยากสัมผัส อยากได้คนนี้อะค่ะใบหน้างามเพ้อฝันที่ตอนนี้กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความคิดของตน กลับต้องชะงักเพราะเสียงทุ้มที่กล่าวขึ้นทำให้นางถึงกับสะอึกใบหน้างามแข็งค้าง มองใบหน้าหล่อเหลาที่หันมาประจันหน้ากับตนอย่างโง่งม"ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ใช้โอกาสในครั้งนี้บีบบังคับให้ข้าต้องรับผิดชอบเจ้าหรอกนะ""......"ดอกที่หนึ่งถึงกับตกตะลึง"ข้าคงมิต้องกล่าวให้มากความ ข้าคิดว่าเจ้าก็คงรู้แจ้งแก่ใจว่าข้ามิได้รักใคร่ เสน่หาในตัวเจ้า และมิเคยคิดที่จะรัก""......"ดอกที่สองรู้สึกจุก กับคำพูดกระแทกใจอย่างแรงแล้วความทรงจำบางอย่างก็บอกนางว่า บุรุษผู้น
"เห้อ! เบื่อ"ร่างบางที่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องกว้างอย่างเบื่อหน่าย นางอุดอู้อยู่แต่ในห้องอยู่หลายวันแล้ว พ่อยอดยาหยีของนางตั้งแต่วันนั้นก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่โผล่มาให้นางได้ชื่นฉ่ำหัวใจเลย สงสัยจะแค้นใจนางจนอกแตกตายไปแล้วกระมัง เล่นกับใครไม่เล่น ริจะมาลองของกับแม่ เป็นไงละเจอลูกยั่วของนางเข้าไปถึงกับน็อคกลางอากาศไปเลย บอกแล้วว่านางแซ่บ หุหุไม่ไหวแล้วหากยังอุดอู้อยู่แต่ในนี้นางต้องอกแตกตายแน่ๆ นิยงนิยายก็ไม่มีให้อ่าน บ่าวรับใช้คนสนิทก็ไม่มีให้สนทนา สองคนนั่นก็เหมือนหุ่นยนต์มีชีวิต อะไรจะอยู่ในกรอบปานนั้น เกิดใหม่มาสวยหุ่นแซ่บทั้งที ไม่ออกไปแรดบ้างก็เสียดายแย่ คิดได้ดังนั้นร่างบางจึงรีบตรงไปยังเรือนใหญ่ วันนี้นางต้องได้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก จะมัวแต่นั่งกินนอนกินไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงได้เฉาตายเป็นแน่ อุตส่าห์ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ทั้งที ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากันหน่อยเมื่อมาถึงเรือนใหญ่ยังมิทันได้ก้าวเข้าไปในเรือน สายตาก็ไปปะทะกับร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายที่ดูจากการแต่งกายแล้วคงกำลังจะไปข้างนอกเป็นแน่ ไม่รอช้าจึงพาร่างงามตรงเข้าไปเกาะแขนแกร่งพร้อมด้วยน้ำเสียงออดอ้อน"พี่ใหญ่ กำลังจะไปไหนหรือ
เสี่ยวหลาน ที่ส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้สหายของพี่ชายทั้งสามคนที่มองมายังนาง มือเล็กขาวผ่องยกขึ้นโบกไปมาพร้อมเสียงหวานกล่าวขึ้น"Hi""....."เห็นสามหนุ่มมองนางอย่างตกตะลึงอ้าปากค้างจึงได้สติรีบหดมือเล็กลงผสานไว้ด้านหน้าอย่างสำรวมแต่สายตานั้นกลับซุกซนยิ่งนัก พร้อมค้อมศีรษะลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว "สวัสดีเจ้าค่ะ"กิริยาของสาวงามตรงหน้า เรียกรอยยิ้มเอ็นดูกับความน่ารักของสาวเจ้าจากสหายทั้งสามของหมิงห้าวได้เป็นอย่างดี ผู้เป็นพี่ชายที่เห็นอาการของสหายที่มองน้องสาวตนตาปรอยเลยรีบกล่าวขึ้นใบหน้าขรึมด้วยความหวงน้องสาว"นี่น้องสาวข้าเอง เมิ่งเสี่ยวหลาน"ก่อนผู้เป็นพี่ชายเช่นเขาจะแนะนำให้ทั้งหมดได้รู้จักกันอย่างจำใจ"ได้ข่าวว่าหลานเอ๋อพลัดตกน้ำจนล้มป่วย หายดีแล้วหรอกหรือ"กุนซือเกาโม่ชาง ผู้ฉลาดหลักแหลม ใบหน้าหล่อเหลาดังคุณชายผู้ทรงภูมิเอ่ยถามเสียงละมุน "เหตุใดเจ้าถึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงเช่นนั้นด้วยโม่ชาง ข้าฟังแล้วรู้สึกขนลุกพิลึก ""หลานเอ๋อเจ้าอย่าได้เชื่อสิ่งที่ตาเห็นเชียว"รองแม่ทัพอวิ๋นซ่านจง ที่ได้ฟังสหายผู้เป็นกุนซือแห่งกองทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงละมุนไม่เหมือนยามพูดปกติที่มักเอ่ยด้วยเสียง
สายตาที่สบประสานกันทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับชะงัก ใบหน้างดงามของสตรีที่ทำให้เขาข่มตาไม่หลับมาหลายค่ำคืน เพียงแค่หลับตาลงใบหน้าและสายตาของนางในวันนั้นก็ลอยเด่นมาก่อกวนให้รู้สึกยุบยับในหัวใจ บางค่ำคืนถึงขั้นต้องลุกไปอาบน้ำกลางดึก อาการประหลาดนั้นพึ่งจะได้ทุเลาลง ในวันนี้กลับต้องมาพบเจอนางอีก เขาหรือสู้อุตส่าห์หลีกเลี่ยงไม่ไปเยือนจวนเสนาบดี ทั้งที่รู้สึกกระวนกระวายนั่งไม่ติดจิตใจมันร่ำๆแต่จะไปเยือนเสียให้ได้ แต่ก็กดข่มใจเอาไว้ จนร้อนรุ่มไปหมด เขาคงโดนนางทำคุณไสยมนต์ดำใส่แน่แล้ว มองใบหน้างดงามที่ส่งยิ้มหวานมาให้จึงได้แต่ตีหน้าขรึมกลับไป พยายามกดข่มจิตใจที่ตอนนี้กำลังเต้นอย่างกับกลองศึก ก้าวอย่างมั่นคงไปนั่งยังที่ว่างที่ดันอยู่ตรงกันข้ามกับสตรีมากเล่ห์เสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าใส่บุรุษที่ทำหน้าดุใส่นาง นางรึอุตส่าห์คิดถึง ที่ไม่เจอหลายวันกลับมาตีหน้ายักษ์ใส่นางเสียนี่ แต่ให้ตายเถอะขนาดทำหน้าโหดแล้วยังหล่อกะซวกไส้ หล่อวัวตายควายล้ม เหล่าบุรุษที่รายล้อมนางอยู่นี้ว่าหล่อเหลาแล้ว พ่อเทพบุตรซาตานของนางกลับกลบรัศมีจนดูจืดชืดไปเสียหมด คิดแล้วเศร้าใจนัก มือบางจึงหยิบจอกสุราของผู้เป็นพี่ชายยกซดเสียหมดจอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองก่อนจะมีเสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามารายงาน"ขออภัยขอรับ มีคนของท่านเสนาบดีเมิ่งมาขอพบคุณชายเมิ่งหมิงห้าวขอรับ"หมิงห้าวที่ขมวดคิ้วมุ่น คนของท่านพ่อหรือมีอันใดกัน"ให้เข้ามา"แล้วคนที่บิดาส่งมาก็เข้ามารายงานทันที"คุณชายใหญ่ ท่านเสนาให้มาเรียนว่าให้ท่านเข้าวังด่วนขอรับ ท่านเสนาจะล่วงหน้าไปก่อน"ท่านพ่อมีเหตุอันใดเร่งด่วนกัน ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายเป็นการรับรู้ หันมามองน้องสาวตนที่เขารับปากนางเอาไว้ว่าจะพานางไปเลือกบ่าวเสี่ยวหลานที่เห็นว่าผู้เป็นพี่ชายกังวลเรื่องตนจึงเอ่ยขึ้น"รีบไปเถอะเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ ไม่ต้องห่วงข้า ข้ากลับเองได้""ได้อย่างไรกัน พี่กลับไปส่งเจ้าก่อนจะดีกว่า ไว้วันหน้าพี่จะพาเจ้ามาเลือกบ่าวอีกที""แต่ท่านพ่อคงจะมีเรื่องด่วนนะเจ้าคะ อีกอย่างจวนเรากับวังหลวงก็คนละทางกัน"แม่ทัพซ่งหลงเย่ที่มองสองพี่น้องถกเถียงกันอยู่ นั้น กลับเห็นว่าหยวนหยุนฟง ผู้เป็นสหายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จึงรีบกล่าวขึ้น"ข้าจะไปส่งนางให้เอง"ทุกสายตาพลันหันมามองบุรุษผู้เป็นเจ้าของคำพูดนั้น เพราะต่างรู้ดีว่าสหายผู้นี้ไม่ชมชอบในตัวคุณหนูใหญ่เมิ่งเสี่ยวห
ร่างบางที่มัวแต่สนใจสองข้างทาง จนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนไม่ได้มาคนเดียว หันไปมองรอบกายอีกทีปรากฏว่าบุรุษที่มากับนางได้หายตัวไปแล้วไหนบอกกับพี่ชายของนางว่าจะส่งนางให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างไรเล่า เจ้าแม่ทัพสัพปรับนึกว่าข้าจะแคร์หรือ รู้จักน้ำขิงน้อยไปเสียแล้ว นี่ใคร นี่คือคุณหนูใหญ่จวนเสนาบดีเมิ่งผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในเมืองนี้เชียวนะ สตรีที่ทั้ง สวย รวย เก่ง ขนาดนี้ กล้าเมินข้าได้เช่นไรกัน หึ กลับเองก็ได้วะ เสี่ยวหลานที่หาได้แคร์กับการที่ถูกบุรุษผู้นั้นทิ้ง มองร้านรวงสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ ยิ่งร้านเครื่องประดับตรงหน้าที่มีเครื่องประดับงดงามกำลังส่องประกายระยิบระยับอยู่นั้น ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับ นางอยากได้ปิ่นประดับอัญมณีที่ถูกวางอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่อันนั้น โดยไม่ให้เป็นการเสียเวลาเท้าเล็กก็มุ่งหน้าไปยังสิ่งล่อตาล่อใจตรงหน้า มือเล็กบอบบางพลันตบลงไปบนเอวบางถุงเงินฮื้อ นางลืมไปเสียสนิทว่านางไม่ได้พกถุงเงินมา ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าจะแยกกันกับผู้เป็นพี่ชาย ทำไงดีล่ะทีนี้หยกพก ใช่หยกพกประจำตัวของนาง แค่เพียงแสดงหยกของนาง ก็สามารถซื้อเครื่องประดับทั้งร้านนี้ก็ยังได้ คนใ
ร่างบางเมื่อได้สติ ก็รีบวิ่งตามแผ่นหลังกว้างออกไป แก้มนวลนั้นขึ้นสีระเรื่อไม่รู้ว่าเพราะวิ่งหรือเพราะขัดเขินบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้ากันแน่"รอด้วยเจ้าค่ะ"เสียงหวานที่ดังไล่หลังมา ทำให้บุรุษที่ก้าวเดินอยู่ด้านหน้าต้องหันกลับไปมองร่างเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขา อัญมณีหลากสีที่ส่องประกายวิบวับอยู่บนศีรษะนางล้อกับแสงตะวันดูงดงามแต่ก็มิอาจงามเท่าใบหน้านวลที่ซับสีแดงระเรื่อที่ส่งยิ้มจนดวงตากลมโตคู่งามเปล่งประกายวิบวับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี"ท่านแม่ทัพ มีอะไรหรือไม่เจ้าคะ"เสี่ยวหลานเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างแกร่ง แต่เขากลับเอาแต่จ้องหน้านาง โดยไม่ยอมก้าวเดินเสียที จึงได้เอ่ยถามขึ้น แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบราวกับตกอยู่ในภวังค์ นิ้วเรียวสวยจึงยกขึ้นจิ้มไปบนอกแกร่งที่แน่นตึง จนใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วขึ้น"ข้างามจนท่านถึงกับตกตะลึงเชียวหรือเจ้าคะ"ภาพใบหน้างามที่ส่งยิ้มมาให้เขาอย่างล้อเลียน ทำให้บุรุษที่พึ่งได้สติถึงกับทำตัวไม่ถูกกระแอมไอขึ้นแก้เก้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ"ชักช้า"แล้วก้าวเดินต่อ แต่ก็ยอมก้าวช้าลงเพื่อให้นางได้เดินไปพร้อมกันเสี่ยวหลานที่มุ่ยหน้าให้บุรุษที่เดินอยู่ด
เสี่ยวหลานที่โอบแขนเรียวรอบลำคอแกร่ง ตอนนี้ใบหน้าเล็กที่แนบใบหน้ากับแผ่นหลังกว้างแข็งแกร่งนั้นกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ในหัวน้อยๆกำลังคิดถึงกลวิธี อ่อยยังไงให้ได้ผู้ ที่นางศึกษามาตลอดแต่ไม่เคยได้ใช้ วันนี้นางจะนำกลยุทธ์ทั้งหมด ตกแม่ทัพผู้นี้กลับเรือนให้จงได้ แต่พอได้อยู่ใกล้บุรุษแบบแนบชิดเช่นนี้ ภายในหัวมันกลับตีบตันไปเสียหมด กลิ่นหอมของบุรุษเพศที่กรุ่นอยู่ในจมูกยิ่งทำให้นางไปไม่เป็น ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แต่ความคิดทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดของสตรีนางหนึ่ง ที่กำลังถูกมัดไว้กับต้นไม้และมีผู้ชายตัวโตเท่าควายใช้หวายเฆี่ยนตีนางอย่างโหดร้ายอยู่"หยุดๆ ปล่อยข้าลง"ร่างเล็กที่ดีดดิ้นลงจากแผ่นหลังแกร่ง โดยไม่ทันตั้งตัวร่างเล็กก็ปรี่เข้าไปผลักบุรุษร่างใหญ่โตเต็มแรงจนล้มลงก้นจั้มเบ้ากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง"พลั๊ก!!""โอ้ย!"เสียงร้องอย่างเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ของชายร่างยักษ์นั่นหรอกนะ แต่เป็นของนางเองที่ผลักผู้อื่นแต่กลับเป็นนางที่ล้มลงเจ็บชะมัด ตัวโตอย่างกับควายแล้วยังทรงโจรอีก"คนสวย แส่ไม่เข้าเรื่องนะเจ้า"ร่างใหญ่โตที่กำลังย่างสามขุมตรงมาหาร่าง
นิ้วเรียวยาวที่แยกกลีบดอกตูมเต่งออกจากกัน บุปผางามบานแย้มปรากฏสู่สายตา เรียวปากหนาประกบนาบลงบนใจกลางบุปผางาม ลิ้นร้อนสากระคายกดลึกแหย่ลงในช่องทางรักเล็กแคบจุ่มจ้วงดุนดันลึกสุดโคนลิ้น กระดกเรียวลิ้นถี่รัว จนกายบางผวาเฮือกเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ริมฝีปากอุ่นชื้นดูดดุนปาดป่ายตุ่มเกสรงามที่เบ่งบานตูมเต่งรับสัมผัสอย่างซ่านกระสัน เสี่ยวหลานบิดส่ายสะโพกไปมาด้วยความซ่านเสียว ความกระสันแล่นแปลบปลาบไปทั่วทั้งตัว มือบางขยุ้มลงบนที่นอนนุ่มจนยับย่นสลับขึ้นมาขยุ้มเรือนผมดำเงาที่ซุกซบอยู่ตรงหว่างขาเรียว ความหวามไหววิ่งวนตรงกลางร่างเสียวแปลบปลาบลามไปทั่วทั้งช่องท้อง จังหวะปลายลิ้นร้อนที่กดลึกทำนางแทบขาดใจ บุปผางามคายน้ำหวานมากมายเพียงใดลิ้นหนากลับกวาดเลียเสียหมดทุกหยาดหยด ริมฝีปากร้อนผ่าวที่เลื่อนขึ้นมาทาบจูบบนหน้าท้องแบนราบ ไล่ขึ้นมาคลอเคลียทรวงอกอวบอิ่ม รวบปลายยอดที่หดรัดแข็งเกร็งดูดดื่มจนเกิดเสียงคละเคล้าน้ำลาย ปาดป่ายเรียวลิ้นสลับดูดเลียอย่างเท่าเทียมทั้งสองข้าง ฝ่ามือหนาเลื่อนลงมาลูบไล้บุปผางามเบื้องล่าง สอดไล้ก้านนิ้วเรียวยาวกดลึกลงในความร้อนรุ่มที่บีบรัดแน่น ช่องทางรักภายในอุ่นร้อนนุ่มนิ่มบีบร
ริมฝีปากหนาที่ผละออกอย่างช้าๆ จ้องมองใบหน้างามของโฉมสะคราญในอ้อมแขนอย่างรักใคร่หลงใหล"หวานที่สุด วันนี้เจ้างดงามมากรู้ตัวหรือไม่"เสียงแหบพร่าที่กล่าวขึ้นราวกับละเมอ เลื่อนปลายนิ้วเรียวมาแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา ดวงตาพยัคฆ์เต็มไปด้วยความปรารถนาร้อนแรงมือบอบบางที่วันนี้ช่างดูเกะกะยิ่งนัก ไม่รู้ว่านางจะเอาไปวางไว้ตรงที่ใดดี ถูกมือหนากอบกุมเอาไว้ ยกขึ้นจรดริมฝีปากร้อนผ่าว จุมพิตมือขาวนวลอย่างอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาแตะจูบปลายจมูกเล็ก เลื่อนมาหอมแก้มนวลที่แดงระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนจะเข้าครอบครองเรียวปากนุ่มอีกครั้งอย่างมิรู้เบื่อ ฝ่าเท้าเรียวเล็กเหยียบลงบนหลังเท้าใหญ่แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจูบนั้นอย่างอ่อนหวาน เผยอริมฝีปากให้เขาสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้ามาเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของนางด้วยความวาบหวาม นางสูงแค่อกของคนตัวโตเท่านั้นช่างไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด หึหึหึเสียงหัวเราะของคนตัวโตที่ดังขึ้นอย่างขบขันคนงามที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนได้รับค้อนวงโตจากโฉมสะคราญ"มิได้เป็นปัญหาเลยสักนิด"จมูกโด่งที่ก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวผ่องกระซิบชิดใบหูเล็กขาวสะอาด ขบเม้มติ่งหูนุ่มอย่างหยอกเย้า"พี่จะพิสูจน์ให้
วันมงคลของแม่ทัพหนุ่มถูกกำหนดขึ้นในอีกเจ็ดวันข้างหน้า แม้จะอยากแต่งเสียเดี๋ยวนี้แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องให้เวลาว่าที่เจ้าสาวได้เตรียมตัว แม้จะมีเวลาเพียงเจ็ดวันแต่งานมงคลในครั้งนี้กลับถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างไร้ที่ติและมันเป็นเจ็ดวันที่แม่ทัพหนุ่มทุกข์ทรมานแสนสาหัส เพราะว่าที่พ่อตาราวกับจะรู้เท่าทันความคิดของเขา วางกำลังรอบจวนเอาไว้อย่างแน่นหนา จนเขาแทบจะคลั่งตาย ไม่เห็นหน้านางมาแรมเดือน เจอกันเพียงครู่ยังไม่ได้กอดไม่ได้หอมให้หายคิดถึง กลับถูกว่าที่พ่อตากลั่นแกล้งเข้าเสียแล้ว โธ่ ซ่งหลงเย่ หนอ ซ่งหลงเย่ แล้วเขาจะไปทำอันใดได้ เกิดยังฝืนดึงดัน ว่าที่พ่อตาคงได้ขุ่นเคืองใจแล้วในที่สุดวันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึง ขบวนสินสอดของจวนแม่ทัพว่ายาวมากแล้ว ขบวนสินเดิมเจ้าสาวยิ่งยาวสุดลูกหูลูกตาเสียยิ่งกว่า เสนาบดีเมิ่งกลัวบุตรีจะลำบากหรืออย่างไรกัน ช่างสมกับเป็นงานมงคลของคุณหนูใหญ่ของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งแคว้น เกี้ยวเจ้าสาวแปดคนหามถูกประดับตกแต่งอย่างหรูหรา ชุดมงคลของเจ้าสาวงดงามสูงค่า หากมิใช่คุณหนูเมิ่งเสี่ยวหลานคงมิมีโอกาสจะได้สวมใส่ ยิ่งได้อยู่บนเรือนร่างงดงามของสตรีผู้สะคราญโฉมที่สุดในแคว้น ยิ่งส
แม่ทัพหนุ่มที่มองเห็นร่างบางของสตรีคนรักที่นั่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายมือของบัลลังก์ที่จัดเอาไว้สำหรับเหล่าสตรีพลันยกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าใบหน้างามล่มเมืองนั้นกำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ใบหน้าที่วันนี้ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามจนบุรุษที่มาร่วมงานล้วนต่างจ้องมองนาง เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดนางให้หายคิดถึงนัก อยากเข้าไปแสดงความเป็นเจ้าของ บุรุษอื่นจะได้มิกล้าจ้องมองนางอีก ยิ่งพิศมองเรียวปากอวบอิ่มที่วันนี้ถูกแต้มด้วยชาดสีแดงเรื่อนั้น ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มถึงกับยกมือขึ้นลูบปลายจมูกโด่งอย่างเสียอาการ กายแกร่งร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นหลังจากที่ฮ่องเต้แห่งแคว้นถังประกาศราชโองการประทานสมรสให้ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงและคุณหนูรองเมิ่งเหลียนฮวาเป็นที่เรียบร้อย ต่อไปจึงเป็นการประกาศคุณงามความดีของแม่ทัพแห่งแคว้น แม่ทัพซ่งหลงเย่ บุรุษที่ก้าวเดินมาคุกเข่าตรงหน้าพระพักตร์อย่างสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เหล่าสตรีที่ได้มองต่างพากันเขินอาย เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างอยากที่จะเป็นสตรีของบุรุษผู้นี้ที่ยังคงไม่มีฮูหยินเคียงกาย แม้แต่สตรีอุ่นเตียงก็ยังไม่มีแม้แต่นางเดียว ผู้เป็นใหญ่ที่นั่งอยู่เหนือบัลลังก์พ
ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เตรียมพร้อมออกเดินทางมุ่งหน้าสู่แคว้นหมิง ในขบวนล้วนเต็มไปด้วยคนของแม่ทัพซ่งหลงเย่แห่งแคว้นถัง และคนของชินอ๋องน่าหมั่นไส้มิงเว่ยหรง ส่วนคนของตระกูลต้วนนั้นตอนนี้ถูกสับเปลี่ยนไปเกือบหมดโดยที่อีกฝ่ายไม่เอะใจเลยสักนิดชินอ๋องหมิงเว่ยหรราบรื่นที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าชะงักเท้าลง เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นถังกำลังเดินตรงมาด้วยรอยยิ้มเบิกบานอย่างน่าหมั่นไส้ ข้างกายนั้นเคียงคู่มากับท่านหญิงคนงามตระกูลต้วน ต้วนหรูหลิน ที่ใบหน้างามนั้นแดงซ่านประดับไปด้วยรอยยิ้มเอียงอายที่ได้รับความเอาใจจากแม่ทัพหนุ่มสองหนุ่มสาวที่ทำความเคารพบุรุษสูงศักดิ์อย่างมิอาจหลีกเลี่ยง ก่อนจะขอตัวไปขึ้นรถม้า"เมื่อคืนนี้ท่านแม่ทัพซ่งคงหลับสบายกระมัง วันนี้ถึงได้ดูสดชื่นยิ่งนัก"ชินอ๋องหมิงเว่ยหรงที่เอ่ยขึ้นปรายตามองสหายร่วมทางที่ทำเพียงยกยิ้มให้อย่างยียวนมิตอบสิ่งใด ก่อนจะส่งโฉมงามขึ้นรถม้าอย่างเอาใจใส่ท่านหญิงต้วนหรูหลินที่เห็นความไม่ลงรอยของบุรุษทั้งสองยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ มิได้ล่วงรู้เลยว่ามันเป็นเพียงแผนลวงเท่านั้น รวมทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนและสายตาหลงใหลที่มองมายังนางของแม่ทัพหน
แม่ทัพหนุ่มที่สูดลมหายใจเข้าลึก มองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล โฉมสะคราญที่ใบหน้านวลนั้นแดงก่ำ สะบัดผมดำสลวยตัดกับผิวขาวผ่องรวบเอาไปไว้ด้านหลังด้วยมือขาวนวลเนียนราวหยกเนื้อดี ทรวงอกอวบใหญ่ขาวผุดผาดแต่งแต้มด้วยยอดสีแดงบวมช้ำดูงดงามพุ่งชูชันจนยากที่จะถอนสายตา มองดูริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังจรดลงบนท่อนเนื้ออวบยาวใหญ่ที่ผงาดกล้าแข็งชูชันร้อนผ่าวดังแท่งเหล็กอังไฟ ที่ตอนนี้ตกอยู่ในอุ้งมือเล็กนุ่มนิ่มที่กอบกุมท่อนลำขนาดไม่ธรรมดาเอาไว้ไม่รอบ ส่วนหัวหยักแดงลื่นที่หลุบหายเข้าไปในโพรงปากอุ่นร้อน ทำให้คนตัวโตครางต่ำเสียงแหบห้าว กัดฟันกรอดอย่างเสียวซ่าน"อ่าาาส์"มือเล็กที่กอบกุมเอ็นอุ่น ครอบครองความแข็งกร้าวด้วยเรียวปากอ่อนนุ่ม ริมฝีปากจิ้มลิ้มเสียดสีกับกายแกร่งที่คับแน่นในปากเล็ก น้ำลายเหนียวใสไหลอาบชโลมท่อนลำใหญ่จนเปียกชุ่ม แกนกายใหญ่โตผลุบเข้าผลุบออกในโพรงปากร้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ลิ้นเล็กๆ เสียดสีไล้เลียบนหัวหยักบานจนกายหนาหยัดเกร็งครางกระหึ่ม เสียงครางต่ำลึกในลำคอยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งฮึกเหิม ราวกับชัยชนะเหนือคนตัวโตกำลังรออยู่ข้างหน้า"ซี๊ด..."กายหนาที่หยัดสะโพกเกร็งขึ้นซี๊ดปากอย่างซ่านสยิว มองอ
แม่ทัพหนุ่มที่จับพลิกร่างบางลงเบื้องล่าง พากายหนาที่ตอนนี้เหลือเพียงกางเกงตัวในเพียงตัวเดียว อวดเรือนร่างกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวอย่างสวยงาม ใบหน้าหล่อเหลาเคล้าเคลียซอกคอขาวหอมกรุ่น ละเลื่อยมาตามทรวงอกอวบอิ่มที่โผล่พ้นเอี๊ยมบังทรงตัวน้อย ก่อนมือหนาจะดึงรั้งสะกิดเพียงแผ่วเบา เอี๊ยมตัวงามก็หลุดออกจากร่าง เปิดเปลือยเนินเนื้ออวบอิ่มขาวผ่องแลเห็นยอดทรวงสีชมพูระเรื่ออวดความงดงาม ที่ถูกอากาศหนาวเย็นและความเสียวซ่านเล่นงานจนหดรัดตูมเต่งแข็งเป็นไต ริมฝีปากหนาผ่าวร้อนไม่รอช้าจรดลงไล้เลียแนบชิด ปลายลิ้นอุ่นร้อนเปียกชื้นปาดเลียจนร่างบางครางกระเส่า อุ้งปากอุ่นอ้างับดูดกลืนยอดเม็ดทรวงงามอย่างหิวกระหาย ดูดเลียจนเกิดเสียงน่าอาย มือหนาส่งขึ้นมาฟ้อนเฟ้นบีบเคล้นเนื้ออวบที่เอ่อล้นฝ่ามือหนา มือบางขยุ้มเส้นผมหนานุ่มของคนเหนือร่างระบายความเสียวซ่านที่แล่นพล่านมารวมกันตรงจุดอ่อนไหวกลางร่างเรียวลิ้นสากดูดกลืนทรวงคู่งามจนพอใจก็ผละออก ไล้ปลายลิ้นมาตามหน้าท้องแบนราบที่หดเกร็ง จุ่มจ้วงลงในสะดือบุ๋มเล็กอย่างหยอกเย้า ไล้เลียปลายลิ้นมาถึงเนินเนื้ออวบอิ่มที่มีซับในตัวบางปกปิดหมิ่มเหม่ มือหนาดึงรูดซับในตัวน้
ในค่ำคืนนี้เสี่ยวหลานที่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เพราะวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ขบวนเสด็จของชินอ๋องหมิงเว่ยหรงจะเสด็จกลับแคว้นหมิง และชายคนรักจะต้องเดินทางไปกับขบวนเสด็จด้วย แต่นางที่เป็นสตรีกลับไม่ล่วงรู้ถึงแผนการที่เหล่าบุรุษวางไว้แม้แต่น้อย ช่างน่าขัดใจยิ่งนัก เพียงแค่เห็นว่านางเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ จึงกีดกันนางให้ออกห่าง อ้างถึงความปลอดภัยและความห่วงใย คนยุคนี้นี่ยังไงกัน สตรีเช่นนางนี่แหละที่รู้เรื่องราวการรบ การทำศึก เล่ห์กลต่างๆมานักต่อนักแล้วประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศก็ผ่านตามาหมดแล้ว หึ น่าโมโหชะมัด เกิดแม่ทัพผู้เป็นคนรักไม่ทันเล่ห์กลของสตรีนางนั้นจะทำเช่นไร ฝีมือการรบของเขานั้นนางไม่ห่วงหรอกนะ กลัวก็แต่จะพลาดท่าเสียทีแม่หญิงงามนางนั้นเสียมากกว่า นิยายที่นางอ่านมาก็ล้วนเป็นเช่นนั้น บุรุษผู้กล้าทั้งหลาย ล้วนแพ้พ่ายให้แก่หญิงงามร่างบางที่นอนกระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงทำให้ผู้ที่มาเยือนในยามวิกาลต้องยกยิ้มขึ้น เหตุใดเขาจะไม่รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้โฉมสะคราญนอนไม่หลับ คงไม่พ้นกังวลเรื่องการเดินทางไปแคว้นหมิงเป็นแน่"หลานเอ๋อ"เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยขึ้นใกล้ใบหูเล็ก ทำให้ร่างบางขนลุกซ
ตอนนี้ในเมืองหลวงแคว้นถัง ผู้คนต่างล่ำลือกันไปทั่ว ว่าสตรีแคว้นถังคงต้องหลั่งน้ำตาเพราะแม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นหลงใหลในตัวท่านหญิงต่างแคว้นเข้าเสียแล้ว และยังหลงใหลเป็นอย่างมากอีกด้วย คาดว่าอีกไม่นานคงจะมีข่าวมงคลระหว่างสองแคว้นเป็นแน่ต่างจากห้องทรงอักษรของฮ่องเต้แคว้นถังที่ในตอนนี้ เหล่าบุรุษต่างกำลังหารือกันอย่างเคร่งเครียดเพราะเรื่องราวต่อจากนี้หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น หนึ่งในนั้นคือบุรุษสูงศักดิ์ของแคว้นหมิง ผู้สูญเสียความทรงจำและวรยุทธ์ร่วมอยู่ด้วยฮ่องเต้แคว้นถังที่เขียนพระราชสาส์นด้วยลายพระหัตถ์ มอบให้แก่องครักษ์ฝีมือดีส่งมอบให้ถึงพระหัตถ์ขององค์ฮ่องเต้แคว้นหมิงพร้อมด้วยหยกพกประจำกายของชินอ๋องหมิงเว่ยหรง เพื่อใช้เป็นเครื่องยืนยันถึงเรื่องที่พระองค์เขียนบอกไปในสาส์นลับฉบับนั้นตอนนี้ภายในราชสำนักแคว้นหมิงกำลังเกิดคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่ บัลลังก์มังกรกำลังระส่ำระสาย เมื่อตระกูลที่เป็นขั้วอำนาจกำลังคิดโค่นบัลลังก์ ฉวยโอกาสในตอนที่ชินอ๋องผู้ปกป้องบัลลังก์มังกรไร้ซึ่งความสามารถก่อกบฏ แม้จะไม่อยากสอดมือไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายในของแคว้นอื่น แต่เมื่อถูกลากให้เข้าไปข้องเกี่ยวเห็นที