"พี่สาวเจิ้งเหมย ท่านอ๋องให้ท่านสวมชุดนี้ตามเข้าวัง"
เสี่ยวป๋อส่งชุดเรียบหรูในแบบ ที่ใช้ในราชสำนักให้กับเจิ้งเหมย
ก่อนหน้านั้น
"ท่านอ๋อง จำเป็นต้องเป็นนางด้วยหรือ"
"ฝ่าบาทจะด้วยจงใจหรือไม่ แต่ทรงระบุมาว่าให้ข้าพานางไปรับไทฮองไทเฮาในวังหลวง"โยวเสวียนยิ้มเศร้าๆ
"ข้าร่างกายอ่อนแอ เรื่องเช่นนี้ยังไม่อาจแบ่งเบาท่านอ๋องจึงต้องฝืนใจพานางเข้าวังรับไทฮองไทเฮา"
"หวางเฟย อีกไม่นานก็จะแข็งแรงและเมื่อนั้นต้องเป็นเจ้าที่ข้างกายข้างทุกยาม"
เกี้ยวหลังใหญ่ รอท่าอยู่ที่หน้าจวนอ๋อง เจิ้งเหมยในชุดผ้าแพรบางเบาพลิ้วไหวงดงามราวรูปวาดพู่กันจีนช่างเขียนภาพอันดับหนึ่ง ใบหน้าสว่างสดใสหากไม่ติดที่ดวงตาเศร้าสร้อยของนาง จินเฉิงอู่ขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวเสี่ยวป๋อเปิดผ้ากั้นผายมือเชิญเจิ้งเหมยที่ทำท่าจะเดินตามเกี้ยว
กระซิบเบาๆ
"พี่สาว ขึ้นไปนั่งข้างบนเถิดวันนี้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่สู้ดีนัก"
เจิ้งเหมยก้าวขาขึ้นไปบนเกี้ยว จินเฉิงอู่นั่งชิดริมหน้าต่างอีกด้าน เจิ้งเหมยจึงเลือกที่จะนั่งชิดอีกฝั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่าง
"เดินทาง"
เหลียงซานป๋อสั่งคนหามเกี้ยวดังๆ ท่านอ๋องห้ายังนั่งหลับตานิ่งเหมือนคนหลับ ส่วนเจิ่งเหมยเปิดหน้าต่างยื่นหน้ามารับลมเย็นในเหมันตฤดู เผลอยิ้มด้วยความเพลิดเพลินเพราะไม่เคยออกจวนไปไหน
จินเฉิงอู่เหลือบตามองใบหน้ายามยิ้มแย้มที่ทำโลกทั้งโลกสว่างสดใส
เกี้ยวเคลื่อนผ่านเข้าไปยังตลาด
"หยุดเกี้ยว"
จินเฉิงอู่สั่งให้เกี้ยวหยุด เสี่ยวป๋อเปิดผ้าเข้ามาเพื่อจะถามความประสงค์
"ซานซาเชื่อม"
เสี่ยวป๋ออมยิ้มลงจากเกี้ยววิ่งเหยาะๆ ไปที่ร้านขายซานซาเชื่อมเสียบไม้รวบซื้อมาจนหมดเท่าที่มี โผล่หน้าเข้าไปยื่นผลซานซาเชื่อมเสียบไม้ให้จินเฉิงอู่ที่นั่งนิ่งแต่พยักหน้าไปทางเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อกลั้นหัวเราะก่อนจะยื่นผลซานซาเชื่อมเสียบไม้ทั้งหมดให้เจิ้งเหมย รับมาอย่างงงๆแต่ก็ลองลิ้มรสดู
จินเฉิงอู่ยังหลับตานิ่ง
ในที่สุดก็เข้าเขตวังหลวง เหลียงซานป๋อวางบันไดที่ทางลง
จินเฉิงอู่คว้ามือเจิ้งเหมยมากำไว้ดึงลงจากเกี้ยว เจิ้งเหมยแข็งขืนเขากลับบีบมือให้รู้สึกเจ็บ
ขุนนางหลายคนต่างทยอยลงจากเกี้ยวหลายคนจับตามอง จินเฉิงอู่กับเจิ้งเหมย
"คารวะท่านอ๋อง แม่นางผู้นี่คงเป็นบุตรีของใต้เท้าเจิ้งใช่หรือไม่"
"ไม่ผิดแน่ นางรับใช้อยู่ในจวนอ๋อง"
ผู้ถามอมยิ้ม เหมือนกับจะถามเพื่อความแน่ใจในข่าวที่ได้ยินมา
"ฮ่องเต้ ไทฮองไทเฮา ฮองเฮาเสด็จจจจจจจ"
เหล่าขุนนางต่างคุกเข่า จินเฉิงอู่กระตุกมือเจิ้งเหมยให้ทำความเคารพแต่ไม่ได้คุกเข่า
ฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์สูงสุด สายตาสะดุดเข้ากับเจิ้งเหมยที่จินเฉิงอู่กุมมือไว้
"555 เช่นไรกันจินเฉิงอู่.. ไหนเจ้าบอกว่ารับนางเป็นเพียงสาวใช้ในจวน ที่ข้าเห็นวันนี้ความรักใคร่ห่วงใยนั้นคืออะไร"
เจิ้งเหมยก้มหน้านิ่ง
"นางเป็นหญิงงามที่ฝ่าบาททรงประทาน เมื่อรับนางเข้าจวนอ๋องแล้วไม่ว่าตำแหน่งไหน นางก็เป็นคนของข้าเป็นคนของจวนอ๋อง อีกทั้งฝ่าบาทมีบัญชาให้ข้าจินเฉิงอู่พานางเข้าวัง ความประสงค์ของฝ่าบาทจินเฉงอู่ไม่กล้าขัด"ฮ่องเต้ยิ้มน้อยๆ
"ข้าแต่เดิมจงใจให้เจ้ารับนางเป็นชายารอง ความคิดของข้านางก็ยังเหมาะที่จะเป็นชายารองของเจ้า ถึงเจ้าจะรับนางเป็นเพียงสาวใช้ในจวน หาได้เกรงใจใต้เท้าเจิ้งไม่ ข้าก็ยังรู้สึกว่านางเป็นชายารองของเจ้าอยู่ดี"
จินเฉิงอู่ยิ้มที่มุมปาก
"แม้นางไม่ได้เป็นชายารองอย่างที่ฝ่าบาทจงใจให้เป็น แต่นางก็เป็นคนของข้าและเชื่อฟังข้าไม่น้อย ขอฝ่าบาทอย่าได้กังวลเกี่ยวกับนาง"
"เฉิงอู่ ย่าเห็นสายตาเจ้ายามมองนางจะทำเป็นปากแข็งเขินอายไปไย ชายาของเจ้าก็ร่างกายอ่อนแอ ทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่ย่าจะมีเหลนไอ้ย่า! อ๋องห้าเจ้านี่ปากแข็งจริงๆ "
จินเฉิงอู่มีท่าทีเหมือนเด็กๆ ที่โดนจับได้ว่าทำผิด ออกอาการเขินอายจริงจังๆ
"เสด็จย่า ...หลานแค่ขอตัดสินใจเรื่องนี้เพียงลำพัง"
"เอาน่า นานไปนางจะน้อยใจเอาได้ ย่าดูลักษณะของนางแล้ว ต้องมีลูกชายให้เจ้าได้แน่5555"
"จริงสิ จินเฉิงอู่ข้าเองก็ทนไม่ไหวหากเจ้าจะไร้ทายาทอยู่เช่นนี้"
ฮ่องเต้หนุ่มพูดยิ้มๆ ทั้งราชสำนักบัดนี้กับมีแต่เสียงหัวเราะ บ้างก็อมยิ้มทั้งๆที่ภายในจิตใจแบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย นั่นคือหนุนหลังจินเฉิงอู่และอีกฝ่ายที่ภักดีต่อฮ่องเต้แต่กลับพร้อมใจในเรื่องชายารองของท่านอ๋อง
เกี้ยวของไทฮองไทเฮาเร่งฝีเท้ากลับจวนอ๋อง จินเฉิงอู่สั่งให้เกี้ยวที่เขากับเจิ้งเหมยนั่งไปอีกทาง เจิ้งเหมยกระสับกระส่ายหวั่นใจว่าจินเฉิ้งอู๋จะพาไปที่แห่งใด
เกี้ยวจอดตรงชายป่าฝั่งซ้ายเป็นลำธารใสทอดยาว ดึงมือเจิ้งเหมยลงจากเกี้ยว เสียงฝีเท้าม้าควบมาใกล้เข้าเรื่อยๆ คังซื่อฮั่นควบม้าและจูงม้าอีกตัวมาด้วย เสี่ยวป๋อรับบังเหียนม้ามาถือไว้ คังซื่อฮั่นเหลือบตามองเจิ้งเหมยที่ถูกจินเฉิงอู่กำมือไว้
"กลับจวน ข้ากับนางต้องเดินทางต่อ"
"ท่านอ๋อง ให้ข้าอารักขาท่านอ๋อง"คังซื่อฮั่นอาสา
"ไม่จำเป็น"
คว้ากระบี่ในเกี้ยวมาถือไว้ จับเอวบางส่งขึ้นไปบนหลังม้ากระโดดขึ้นคร่อมหลังม้ามือข้างหนึ่งกอดเอวบางดึงรั้งเข้าหาตัวรับบังเหียนจากเสี่ยวป๋อกระตุกบังเหียนให้ม้าพุ่งทะยานไปข้างหน้า
เจิ้งเหมยหันหน้าหันหลังด้วยความตกใจ
เจิ้งเหมยดิ้นรนฮัดฮัดในอ้อมกอด จินเฉิงอู่กดคางลงบนไหล่บางจงใจให้เจิ้งเหมยรู้สึกเจ็บ"อย่าดิ้น"ยังแกะมือข้างที่กอดออกจากเอวไม่ยอมฟังคำเตือน"ท่านอ๋อง ปล่อย""เจ้า มันก็แค่สาวใช้ เช่นไรกล้าออกคำสั่งกับข้า"ใบหน้าเศร้าสร้อยกับคำกล่าวนั้น แต่ยังไม่อยู่นิ่งดึงบังเหียนให้ม้าหยุดวิ่งปล่อยให้ม้าเหยาะย่างตามใจดึงรั้งเอวบางชิดเอวหนา"อย่างไร อยู่กับข้าสองต่อสองกล้าดีอย่างไรถึงกล้าไม่ฟังคำสั่ง"เกยคางลงบนไหล่บางปล่อยให้สันจมูกโด่งเลาะเล็มอยู่ข้างแก้ม"เจิ้งเหมยเป็นเพียงสาวใช้ท่านอ๋องได้โปรด…."พูดได้เพียงแค่นั้นจินเฉิงอู่เอี้ยวตัวใช้ปากอุ่นประกบปากบาง บดขยี้อย่างที่ไม่อาจหักห้ามใจมือใหญ่ช้อนรับที่ต้นคอระหงตรึงไว้กับที่ไม่ให้ขยับบรรจงจูบจนหนำใจ จึงปล่อยเจิ้งเหมยเป็นอิสระทั้งที่เสียดายรสจูบหอมหวานนั้นเหลือเกิน แต่เจิ้งเหมยกลับอ่อนระทวยในอ้อมแขน ทั้งเขินอายและตกใจ"คราวนี้คงอยู่นิ่งได้เสียที"จินเฉิ้งอู๋ยิ้มอย่างผู้ชนะ สวมกอดแนบแน่นกระตุกบังเหียนม้าให้ทะยานไปข้างหน้า…..บ้านตระกูลเจิ้ง…..ฮูหยินตะกูลเจิ้ง และเจิ้งหมิงพี่สาวร่วมบิดากับเจิ้งเหมย ออกมารับจินเฉิงอู่หน้าบ้าน แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเจิ้
วันส่งตัวเข้าวังเพื่อคัดนางใน ….ผู้คัดตัวนางในหลายสิบคนลงจากเกี้ยวที่หน้าประตูวังจินเฉิงอู่เข้ามาในวังแต่เช้าตรู่เช่นกัน ข้างๆกันนั้นเกี้ยวของเจิ้งเหมยหยุดก่อนถึงประตูวังตามธรรมเนียมร่างเล็กบอบบางก้าวลงจากเกี้ยวด้วยสายตาหวาดหวั่น หันมาร่ำลากับสาวใช้ที่มาส่งหันกลับมาอีกทีชนเข้ากับร่างใหญ่ของจินเฉิงอู่เข้าอย่างจัง รวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนสบตากลมที่มีแววเศร้าสร้อยภายในนิ่งนานบางอย่างบอกเขาว่า นางช่างมีใบหน้างดงามนัก เสียดายคงจะไม่รอดพ้นสายตาของฝ่าบาทถูกคัดไปเป็นสนมของฝ่าบาทอย่าแน่นอน"ขออภัยใต้เท้า" หลบตาคมที่ส่งสายตาพึงพอใจในใบหน้างดงามยามเขินอายยิ่งน่ามอง จินเฉิงอู่เผลออมยิ้มเจิ้งเหมยเดินหลบเข้าไปในวังปล่อยเขายืนเก้ออยู่ตรงนั้นเจิ้งเหมยหลบตาคมที่มองมาอย่างคาดคั้น"ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง เราสองคนแต่เดิมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเหตุใดเจิ้งเหมยต้องอยากมาอยู่จวนอ๋องหากไม่ใช่บัญชาของฝ่าบาท""เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จริงอย่างที่เจ้าพูดเช่นนั้นวันนี้ข้าจะถือว่าข้าไม่ใช่อ๋อง เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น"จูบรุนแรงป่าเถื่อนเจิ้งเหมยดิ้นรนแต่กลับถูกกอดรัดมือกำแน่นทุบลงบนอกกว้างมือใหญ่กำมื
จินเฉิงอู่อุ้มร่างบางเปียกปอนของเจิ้งเหมยวางบนตลิ่ง โยวเสวียนว่ายน้ำเข้าฝั่งเพียงลำพัง เหตุใดเขาจะไม่รู้เล่าว่าโยวเสวียนว่ายน้ำเป็น ก็ในเมื่อยังเยาว์วัยโยวเสวียนและเขามักจะพาก้นไปว่ายน้ำที่สระในวังหลวงเสมอ แต่เจิ้งเหมยที่นอนสลบอยู่นี่กับไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้เสี่ยวป๋อนำเสื้อคลุมมาให้เขา โยวเสวียนมองมาที่จินเฉิงอู่ที่นั่งมองเจิ้งเหมย สายตาแม้เฉยเมยแต่โยวเสวียนกลับไม่วางใจ"ตามหมอ"ผุดลุกขึ้นเดินไปที่โยวเสวียน"น้ำเย็นมาก หวางเฟยรีบกลับไปแช่น้ำอุ่นแล้วจิบน้ำขิงเสียหน่อย เสี่ยวป๋อสั่งห้องครัวต้มน้ำขิงให้พระชายา"คังซื่อฮั่นอุ้มเจิ้งเหมยกลับไปที่ห้องพัก ย่าหนานวิ่งตามด้วยความเป็นห่วงคังซื่อฮั่น รีบรุดไปที่ห้องของจินเฉิงอู่"พระชายาจงใจแกล้งเสี่ยวเหมย""เสี่ยวเหมย"ยิ้มมุมปากเหมือนยิ้มเยาะให้กับตัวเอง"ดูท่าเจ้าจะสนิทสนมกับนางไม่น้อยถึงกับเรียกนางแบบนั้น เช่นนั้นหากจะโกรธแทนนางใส่ร้ายพระชายาก็ไม่แปลก""ท่านอ๋อง พระชายาว่ายน้ำเก่งท่านก็รู้"จินเฉิงอู่นิ่ง"นางเป็นตะคลิว"โยวเสวียนเข้ามาในห้อง"ท่านอ๋อง โยวเสวียนถูกน้ำเย็นจัดจนเป็นตะคริวดังที่ท่านอ๋องสงสัย จึงร้องให้นางช่วย หากท่าน
“ไทฮองไทเฮารับนางไว้รับใช้ข้างกายอีกหน่อยท่านอ๋องยกฐานะนางขึ้นเป็นชายารองได้ไม่ยาก”ใต้เท้าตู้พูดเหมือนตั้งใจหยั่งเชิงจินเฉิงอู่ว่า ยังมีรักให้กับโยวเสวียนอยู่ไหม“ชายารอง เดิมทีข้าไม่เคยคิดจะมีชายารอง ข้าไม่ชมชอบการมีใจสองเที่ยวแบ่งปันความรักให้ใคร”“หากโยวเสวียนมาได้ยินคำนี้นางคงต้องดีใจแน่ ท่านอ๋องนับว่าเป็นมหาบุรุษทีเดียว ยากยิ่งที่จะไม่หวั่นไหวกับสาวงาม”จินเฉิงอู่ยิ้มบางๆ“เจิ้งเหมย ย่าให้เจ้าเย็บถุงเครื่องหอม เสร็จหรือยัง”“ไทฮองไทเฮาเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ดี สีฟ้าเป็นสีที่เฉิงอู่ชอบมาก เจ้านำถุงเครื่องหอมอันนี้ไปที่ห้องท่านอ๋องส่งให้เหลียงซานป๋อบอกว่าข้าให้นำมามอบให้ท่านอ๋อง”“แต่ไทฮองไทเฮา เจิ้งเหมย”“อย่าปฏิเสธย่า...ไปได้แล้ว มัวแต่ชักช้ามืดค่ำป่านนี้อากาศเย็นกลับมาเจ้าต้องมานวดให้ย่าอีก อย่ามัวแต่ช้า”เจิ้งเหมยรีบรุดไปทันทีที่หน้าห้องนอน (โยวเสวียนออกกฏห้ามสาวใช้ในจวนเข้าไปในห้องนอนท่านอ๋อง เรื่องหลับนอนนางเป็นคนดูแลเอง) ไร้เงาของเสี่ยวป๋อ ข้างในเงียบสะงัดเหมือนร้างไร้ผู้คน เจิ้งเหมยเปิดประตูเข้าไปเบาๆ เดินย่องเข้าไปข้างในมือกำถุงเครื่องหอมแน่น แสงเทียนภายในส่องแสงนวลไม่สว่
"พระชายาเกลียดนาง ได้แต่อย่าให้ท่านอ๋องกับไทฮองไทเฮารู้ เพราะในสายตาของท่านอ๋องพระชายาอ่อนหวานงดงาม""ท่านพ่อพูดกับข้าเรื่องนี้เสมอ ให้ข้าอดทนหากช่วยให้ท่านอ๋องครองบัลลังก์ได้วันไหน ตำแหน่งฮองเฮาย่อมต้องตกเป็นของข้า ส่งขนมอี้ (แทนความรักความสุขสงบกลมเกลียวในครอบครัว) ไปให้ท่านอ๋องที่ห้อง"นางกำนัลข้างกายรีบรุดไปทันทีห้องนอนท่านอ๋อง"เสี่ยวป๋อขนมที่ห้องครัวให้เขาส่งมาที่ห้องข้า"เสี่ยวป๋อวิ่งหัวหมุนร่างอักษรพร้อมกับเหลือบตามองเจิ้งเหมยไปด้วยเสี่ยวป๋อยกขนมมาถาดใหญ่ วางตรงหน้าท่านอ๋อง"เสี่ยวป๋อให้นางพักเข่ามากินขนมก่อน"เจิ้งเหมยทำเป็นไม่ได้ยิน เสี่ยวป๋อมองคนนู้นที่คนนี้ทีก็ในเมื่อเจิ้งเหมยได้ยินแล้วทำไมยังให้เขาพูดอีกก่อนจะพูดขึ้นดังๆ"พี่สาวเจิ้งเหมยท่านอ๋องให้ท่านพักเข่ากินขนมก่อน""บอกท่านอ๋อง ข้ายังไม่อยากพักและไม่อยากกิน""บอกนางรีบๆ มากินเสียข้าลดโทษให้ระหว่างกินขนม จะไม่นับเวลาไว้ให้นางคุกเขาอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ไปนอนได้แล้ว"เสี่ยวป๋อเกาหัวแกรกๆ เดินไปกระซิบเจิ้งเหมย"พี่สาว ข้าว่าท่านรีบไปกินเสียเถอะตอนท่านอ๋องกำลังอารมณ์ดี หากท่านอ๋องกริ้วขึ้นมาอาจสั่งเพิ่มโทษพี่สาวอาจไม่ไ
“ตระกูลไป๋ตอนนี้ ส่งลูกสาวเข้าวัง แต่เดิมมักจะแลกเปลี่ยนพูดคุยกันกับท่านอ๋องเสมอ แต่หลายวันมานี่แม้ชวนให้มาหารือพร้อมกับท่านพ่อของข้า ใต้เท้าไป๋กลับปฏิเสธอ้างว่าไม่สบาย”โยวเสวียนยิ้ม“เกรงว่าใต้เท้าไป๋จะแปรพักตร์เสียแล้ว ข้าคงต้องหาวิธีอื่นที่จะเอาชนะฝ่าบาท”มือยังบีบนวดอยู่อย่างนั้น“ท่านพ่อสนิทสนมกับใต้เท้าไป๋ให้โยวเวียนลองเอ่ยปากดูสักครั้ง ท่านอ๋องเมตตา โยวเสวียนไม่เปลี่ยน โยวเสวียนซาบซึ้งใจนักเรื่องบางเรื่องหากแบ่งเบาได้โยวเสวียนเต็มใจทำ”จินเฉิงอู่ยิ้มคังซื่อฮั่นกับเจิ้งเหมยเดินเที่ยวตลาดด้วยกันอย่างสนุกสนานคังซื่อฮั่นชี้ชวนให้เจิ้งเหมยดูของต่างๆ แปลกตาบ้างก็สวยงาม ยอมจับจ่ายเพื่อซิ้อของให้เจิ้งเหมยกลับมาที่จวนพร้อมกัน คังซื่อฮั่นเดินไปส่งที่พักของไทฮองไทเฮาซึ่งบัดนี้ จินเฉิงอู่อยู่ที่นั่น เหมือนกับรออะไรบางอย่าง..นานแล้ว“คารวะท่านอ๋อง”คังซื่อฮั่นเหมือนจะมองอารมณ์ออกว่าอีกคน กำลังอยู่ในอารมณ์ไหน“เจ้าเป็นองครักษ์ของข้าหรือของนางกันแน่”คังซื่อฮั่นอมยิ้ม“เสี่ยวเหมย ไว้ข้าพาเจ้าออกไปข้างนอกอีกหากเจ้าต้องการ”จินเฉิงอู่เอามือไพล่หันหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากเห็น“ขอบคุณซื่อฮั่น”คัง
"อย่างนั้นเจิ้งเหมยยกให้ท่านอ๋องเพราะเจิ้งเหมยเพิ่งจะกินเมื่อคราวนั้นจนเบื่อ"จินเฉิงอู่เอื้อมมือคว้าข้อมือที่มีผลซานซาเชื่อมเสียบไม้ แล้วจ้องมองดวงตากลมอย่างมีความหมาย เจิ้งเหมยหลบสายตาคมเกี้ยวมาถึงจวนอ๋อง โยวเสวียนยืนรอรับอยู่ข้างหน้า"ท่านอ๋อง"สายตาไม่ได้จับจ้องที่เจิ้งเหมยอย่างที่ควรจะเป็น"โยวเสวียนเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงออกมายืนตากลมทำไม"ถอดเสื้อคลุมห่มไหล่ให้โยวเสวียนเจิ้งเหมยเดินหลบเข้าไปภายใน เจ็บแปลบที่หัวใจ"เดี๋ยว ข้าอยากกินตุ๋นรากบัว เจ้าช่วยไปบอกห้องครัวจัดมาให้ข้าด้วย"โยวเสวียนสั่งเจิ้งเหมยทำกำลังจะเข้าไปข้างในจินเฉิงอู่ที่กำลังจะพยุงโยวเสวียน กลับเดินเข้าไปในจวนทันทีเจิ้งเหมยไปที่ห้องครัวอยู่รอจนแม่ครัวตุ๋นรากบัวเสร็จ จินเฉิงอู่ฉุดมือเจิ้งเหมยให้ตามเขามา"เจ้ากลับไปหาเสด็จย่าเดี๋ยวนี้""ทำไม""ไม่ต้องถามตุ๋นรากบัวธรรมดาแต่เมื่อโยวเสวียนกินมันเข้าไปมันจะไม่ธรรมดา ไปหาเสด็จย่าเดี๋ยวนี้ ทางนี้ข้าจัดการเอง""ท่านอ๋อง กังวลเกินไปหรือเปล่า""เจิ้งเหมย ข้ารู้จักโยวเสวียนดีกว่าเจ้า"จินเฉิงอู่เดินนำให้เสี่ยวป๋อถือตุ๋นรากบัวไปยังห้องของโยวเสวียนยิ้มแย้มเมื่อเข้ามาในห้องของโย
วังหลวง….“จินเฉิงอู่ วันนี้เจ้ามีเวลามาพูดคุย กับข้านับว่าไม่เลว ความสัมพันธ์พี่ใหญ่น้องเล็กของสองเรา นับวันยิ่งห่าง”พูดรื้อฟื้นความสัมพันธ์“ฝ่าบาท กังวลเกินไปแล้วจินเฉิงอู่ก็ยังเป็นจินเฉิงอู่ไม่มีมีสิ่งใดจะเปลี่ยนได้”“บัลลังก์นี้ มีไว้เพื่อเราสองพี่น้อง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเช่นกัน”“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้วบัลลังก์นี้เป็นของฝ่าบาท ไม่มีใครแบ่งแยกมันไปได้”ฮ่องเต้ยิ้มเยือกเย็น“บุตรีใต้เท้าเจิ้งอยู่สบายดีในจวนของเจ้า จนทำให้ใต้เท้าเจิ้งละเลยบางอย่างไป”“ฝ่าบาท ทรงทราบดีว่าจินเฉิงอู่ไม่ได้ รับนางเข้าไปในตำแหน่งชายารอง เพียงแต่รับด้วยความเสียมิได้ ให้นางอยู่ในตำแหน่งสาวใช้เท่านั้น”“เช่นนั้นใต้เท้าเจิ้งก็คงคาดหวังให้เจ้าดีกับนาง จึงยอมทำตามสิ่งที่เจ้าขอข้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม”จินเฉิงอู่ยิ้ม“การที่บิดาคนหนึ่งจะทำเพื่อบุตรีมิใช่เรื่องแปลก เหมือนที่ใต้เท้าไป๋ตกลงใจเลือกข้างอีกครั้ง เมื่อฝ่าบาทแต่งตั้งสนมเอกคนใหม่”แววตาขึ้งโกรธจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ชัดเจน..จวนอ๋อง …..ใต้เท้าไป๋และใต้เท้าตู้เพิ่งกลับไป หลังจากที่พูดคุยกับจินเฉิงอู่ม้วนกระดาษเล็กสอดเข้าไปผูกไว้กับขาของ นกพิราบแล้วปล่อยให้มั
เสี่ยวป๋อรีบคว้ามากำไว้ในมือไม่อยากให้จินเฉิงอู่เห็น“ใครให้เจ้ามา.. เสี่ยวป๋อ”น้ำเสียงคาดคั้น“เออ..เออ.คือ”“เอามาดู”เสี่ยวป๋อจำต้องแกะออกมาให้ดูจินเฉิงอู่สูดดมกลิ่นหอมคุ้นเคยนั้นคังซื่อฮั่นเข้ามาอีกคน ที่เอวของคังซือฮั่นก็มีถุงหอมสีม่วงสวยอีกอันกรุ่นกลิ่นเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน จินเฉิงอู่มองถุงหอมสองอันสลับกันไปมา“คังซื่อฮั่น เจ้าได้ถุงหอมแบบนี้มาจากไหน”คังซื่อฮั่นมองหน้าเสี่ยวป๋อที่ขยิบตาให้ คังซื่อฮั่นเก็บความลับไม่เก่งเท่าเสี่ยวป๋อ“คือ...ท่านผู้ช่วยหมอ.เสี่ยว..ซงให้เราสองคนมาคนละอัน”ขมวดคิ้ว ลวดลายในถุงหอมเขาจดจำได้ไม่ลืม รอยสัมผัสที่เขาเฝ้าลูบไล้ลวดลายละเอียดสวยงามของมัน กลิ่นหอมแบบนี้กับรสจูบที่หวานฉ่ำในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงในใจ ลุกออกจากห้องไปในทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อยกมือขึ้น ทำท่าบอกคังซื่อฮั่น หมายถึงคอขาดแน่ ก่อนจะวิ่งตามจินเฉิงอู่ไป แต่กลับวิ่งชนประตูห้องเจิ้งเหมยเมื่อจินเฉิงอู่เปิดประตูทันทีที่เข้าไปและเสี่ยวป๋อยั้งตัวไม่ทันเจิ้งเหมยตกใจสุดขีดแต่อีกคนกลับย่างสามขุมเข้าหา หนีไปจนชิดผนังห้อง มือใหญ่ค้ำอยู่บนหัวยื่นถุงหอมไปตรงหน้าเจิ้งเหมย“ เจ้าคื
“จะมีปรโยชน์อะไรในเมื่อ เขายังมีโยวเสวียนข้างกายจะสลัดนางทิ้งไปก็ใช่ที่ นางเป็นคนที่ส่งเสริมให้ฝ่าบาทได้นั่งบนบัลลังก์มังกรแห่งนี้”“พระชายากินน่องไก่เสียก่อน น่องไก่จานนี้เป็นฝ่าบาทที่สั่งให้ห้องเครื่องนำมาให้ท่าน ข้าแอบชิมไปแล้วเกรงว่าจะมียาพิษ ต้องระวังป้องกันพระชายาอย่างที่สุด”“อร่อยไหม”“เสี่ยวป๋อยืนยันว่าอร่อยเพราะเสี่ยวป๋อเองก็เกรงว่าจะมียาพิษเช่นกัน” หัวเราะขบขันพร้อมกัน“อันนี้มอบให้ท่าน”ส่งถุงหอมที่เย็บเสร็จแล้วให้คังซื่อฮั่น ที่รับมาพิจารณา ใบหน้าแสดงความพึงพอใจและรู้สึกขอบคุณ“พระชายา ช่างมีน้ำใจ”“อันนี้ของเสี่ยวป๋อ”ความภูมิใจลดลงครึ่งหนึ่ง“ท่านทั้งสอง ดีกับข้าไม่น้อยโดยเฉพาะท่านคังซื่อฮั่นหากไม่มีท่าน ข้าคงไร้ลมหายใจได้มาพบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”คนอะไรชอบฉวยโอกาส รังแกกันให้ใจสั่นไหว คอยดูนะจะแกล้งเอาบ้างหากจำได้ขึ้นมาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเจิ้งเหมยหน้าเง้า“อีกสามชั่วยาม มาใหม่เกรงว่ายายังคงรสชาติแย่เหมือนเดิมแน่ๆ ”เจิ้งเหมยค้อนหลุบตาต่ำขนตางอนงามน่ามอง“เช่นนั้นให้ ท่านเหลียงเป็นคนนำยามา”“ท่านผู้ช่วยหมอจะผิดสัญญากับอาจารย์หรืออย่างไร อาจารย์อุตส่าห์ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า
ยกมือกุมขมับ จูบบุรุษด้วยกันอย่างนั้นหรือใบหน้าหวานกับร่างอ้อนแอ้นแนบชิดในอ่างน้ำ บอกเขาว่าสมควรแล้วที่เขาเผลอไป แต่ทำไมในภาพจำเขากลับจำว่าเสี่ยวซงเป็นหญิงเล่าคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างเปลือย"ออกไป"ไล่เสียดื้อๆ เจิ้งเหมยเม้มริมฝีปากไม่ขอโทษสักคำที่จูบ จูบเพราะอะไร หรือว่าจงใจแกล้ง หรือว่ารู้ว่าเจิ้งเหมยเป็นผู้หญิง"ยา"ยกถาดยาดันเข้าใส่อกแน่นสะบัดตัวออกจากห้องไปทั้งที่เปียกปอน คนอะไรชอบรังแกคนอื่นจำไม่ได้ไม่ว่า แต่มาทำแบบนี้เหมือนกับรังแกกันชัดๆ"ซานป๋อ เสี่ยวป๋อ เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อวิ่งลนลานเข้ามาข้างใน"ต่อไป อย่าให้เจ้าหมอนั่นเข้ามาในห้องข้าอีก""เกรงว่า เกรงว่าจะไม่ได้ คือท่านหมอสั่งให้ ท่านผู้ช่วยคอยตรวจอาการป่วยอีกทั้งให้ท่านผู้ช่วย จับชีพจรให้ฝ่าบาททุกๆ สามชั่วยาม""เจ้ากลัวท่านหมอ หรือว่ากลัวข้า""เสี่ยวป๋อกลัวว่า ฝ่าบาทจะไม่หายจากอาการประชวร""เสี่ยวป๋อ""ฝ่าบาท ท่านผู้ช่วยหมอท่านนั้นก็ ไม่มีพิษสงอะไรฝ่าบาททำไมต้องจงเกลียดจงชังเขาด้วย""จงเกลียดจงชังเช่นนั้นหรือ ข้าเพียงแค่….รู้สึกว่าเห็นหน้าแล้วข้ามักจะปวดศีรษะเท่านั้นเอง""อย่างนั้นเสี่ยวป๋อคิดว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
“ข้านับเวลาไว้นี่สองชั่วยามผ่านไปแล้วเกรงว่าเจ้าจะเคี่ยวยาให้ข้าทันหรือไม่”คนทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปมา คังซื่อฮั่นผายมือเชิญชงเมิ่ง และท่านหมอ“ข้ากับท่านหมอเห็นทีต้องกล่าวคำอาลาฝ่าบาท เสียที”จินเฉิงอู่ยิ้มมุมปาก“เกรงว่า องค์รัชทายาทที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ถูกเนื้อต้องตัวศิษย์รักของท่านหมอแบบนี้ใจคอจะจากแคว้นซ่งไปง่ายดายเชียวหรือ สมควรรั้งอยู่ที่นี่อย่างไรเสียแคว้นซ่งยินดีต้อนรับองค์รัชทายาทเสมอ หากท่านจะแวะเวียนมาหรืออยู่ที่นี่นานหน่อยข้าจินเฉิงอู่ก็ไม่ขัดข้อง” เสี่ยวป๋อยิ้มแหยๆรู้นิสัยของจินเฉิงอู่ดีว่าหากได้ไม่พอใจสิ่งใดมักจะแสดงออกแบบนี้ ถึงแม้จะจำไม่ได้ว่าเจิ้งเหมยคือพระชายาหากวันไหนจำได้ขึ้นมา ยิ่งน่ากลัวกว่านี้หากใครถูกเนื้อต้องตัวชายาของจินเฉิงอู่ถึงเพียงนี้“ชงเมิ่งอำลาเขาแค่ในแบบของสหาย แต่กลับบางคนมิใช่สหายแต่ก็อยากทำตัวเยี่ยงสหาย”จินเฉิงอู่ขยับตัว หมายจะต่อคำ“ฝ่าบาท เสียเวลามากแล้วให้เสี่ยวซงเคี่ยวยาให้ฝ่าบาทจะดีกว่า”ท่านหมอชิงตัดบทเพราะทั้งสองคนที่กำลังโต้เถียงกันตอนนี้หากมีกระบี่ในมือคงห่ำหั่นกันไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าจินเฉิงอู่ต้องตาเจิ้งเหมยไม่น้อยหรือด้วยความทรงจำ
เสี่ยวป๋อรีบเดินตามเจิ้งเหมยออกไปทันที“พระชายา"ประสานมือคารวะด้วยความคิดถึง“ข้าสบายดี ดีใจที่พบท่านอีกครั้ง”เจิ้งเหมยพูดยิ้มๆ“ข้าเป็นห่วงพระชายาแทบแย่ส่งคนออกตามหาแต่ไร้ข่าวคราว ดีหน่อยที่องครักษ์หน้าหล่อนั่น แจ้งข่าวเสียก่อน”หมายถึงคังซื่อฮั่น เจิ้งเหมยอดขำกับคำเรียกคังซื่อฮั่นไม่ได้“เสี่ยวป๋อท่านช่างภักดีไม่เปลี่ยน หากฝ่าบาทไม่มีท่านข้างกายคงแย่”“ข้าจะทำทุกวิถีทางให้ฝ่าบาทฟื้นความจำโดยเร็ว พระชายาอย่าได้กังวลฝ่าบาทต้องจำท่านได้แน่”"ฝ่าบาท อาการของท่านนับว่าแปลกมาก ร่างกายแม้จะไม่ได้ป่วยไข้แต่กลับเหมือนเกิดอาการสับสนงุนงง ฝ่าบาทหมอหลวงเคยบอกหรือไม่ถึงอาการป่วยของฝ่าบาท"เยียนฉือพยายามชี้นำให้จินเฉิงอู่เกิดความสงสัย"บอกเพียงแต่ว่าอาการป่วยไข้ ของข้าดีขึ้นแต่ยังต้องอาศัยยาบำรุงร่างกายเข้าช่วย""ฝ่าบาท ทรงเชื่อใจเราชาวแคว้นฉินที่เสด็จพ่อของพระองค์กับฮ่องเต้ของเราทรงเป็นพระสหายกันมาก่อนหรือไม่ หากฝ่าบาททรงเชื่อใจแคว้นฉิน ประทานอนุญาตให้เยียนฉือดูแลอาการป่วยของฝ่าบาท"จินเฉิงอู่ถอนหายใจ"หมอหลวงรักษา แต่อาการปวดศีรษะของข้ายังอยู่"อยากจะบอกว่าโยวเสวียน บอแต่เพียงว่าอีกไม่นานอาการ
เสี่ยวป๋อหยิบเสื้อคลุมมังกร ที่สวมให้จินเฉิงอู่ ดูแลความเรียบร้อยให้อีกที ใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสัน กับผิวขาวสะอาดตา ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ออกจากห้อง มุ่งไปยังท้องพระโรง ขบวนของชงเมิ่งเดินผ่านประตูวังเข้ามาข้างใน คังซื่อฮั่นแยกตัวออกไปเจิ้งเหมยเดินอยู่ลำดับท้ายสุด ทางเดินทอดยาวเข้าสู่ตัวพระราชวังใหญ่ ป้ายเหนือหัวเป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่สลักคำว่า ...อุดมคติอันสูงส่ง..บนหน้ามุขสูงใหญ่นั่น จินเฉิงอู่ยืนมองขบวนของชงเมิ่งที่เคลื่อนผ่านเข้ามา ร่างเล็กเดินรั้งท้ายสุด อ้อนแอ้นงดงาม ...คุ้นตาจินเฉิงอู่จ้องมองอย่างกับ ...เคยคุ้นเคย.. อาการปวดศีรษะรุมเร้ายกมือขึ้นกุมขมับ อะไรบางอย่างหมุนวนในหัวจนปวดหนึบ มันคือความขัดแย้งกันในสมองส่วนความทรงจำ ที่ฝั่งหนึ่งพยายามจะลืมเพราะฤิทธิ์ยาแต่อีกฝั่งพยายามจะจำเพราะความรักฝั่งตรึง…..หากข้าใช้สมองจดจำเจ้า คงลืมเลือนง่ายดาย แต่ข้าใช้หัวใจเก็บฝังเรื่องราวของเราสอง…..“ฝ่าบาท ขุนนางและเหล่าราชทูตรอฝ่าบาทที่ท้องพระโรงแล้ว”เสียงเสี่ยวป๋อฉุดดึงความคิดทั้งหมดให้สะดุดลง หันหลังก้าวเดินจากตรงนั้นไปทันทีภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่เหล่าขุนนางยืนเรียงรายสองฝั่งเบื้องบนบัลลังก
คังซื่อฮั่นหย่อนตัวลงไปช้าๆ ไฟในห้องบรรทมไม่ได้สว่างแต่ทว่าก็พอจะทำให้มองเห็นว่าเสี่ยวป๋อยืนอยู่ไม่ห่างจากที่จินเฉิงอู่นั่งอยู่เสี่ยวป๋อคว้ากระบี่อย่างรวดเร็วตวัดเข้าใส่คังซื่อฮั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หันมามองคังซื่อฮั่นชักกระบี่ออกมากั้นไว้เสียงคมกระบี่กระทบกับดัง แสบแก้วหู"เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อชะงักหันไปมองเมื่อพบว่าเป็นคังซื่อฮั่น ก็ฉีกยิ้มกว้าง"ท่านคัง"จินเฉิงอู่หันมองตามความปีติไม่น้อยไปกว่าเสี่ยวป๋อ"ข้าคิดว่าท่านจะตายเสียแล้วซื่อฮั่น""ข้า ไม่เคยคิดที่จะทิ้งใครไว้ข้างหลัง"น้ำเสียงตัดพ้อ"เจ้าหายไปไหนมา"จินเฉิงอู่ถามในแบบที่คิด คังซื่อฮั่นหันมองเสี่ยวป๋อที่มองอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะบอกว่า เอาไว้คุยกันทีหลัง"ฝ่าบาท คังซื่อฮั่นเพียงแค่จากไปเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา"เสี่ยวป๋อตอบคำถามแทน"เช่นนั้นต่อจากนี้ ข้าต้องรบกวนเจ้าให้อยู่ข้างกาย นอกจากเหลียงซานป๋อตอนนี้ก็มีเพียงเจ้าคังซื่อฮั่นที่ข้าวางใจ"“คังซื่อฮั่นลาฝ่าบาทออกไปจัดการเรื่องราวบางอย่างหวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาต”จินเฉิงอู่เพียงแต่ยิ้มๆ หมาป่าเดียวดาย เจ้าจะเร่ร่อนรอนแรมจนกว่าจะพอใจเสี่ยวป๋อเดินออกมาส่ง“ฝ่าบาท สูญเสียคว
จินเฉิงอู่ ยืนสงบนิ่งหน้าโลงศพของจินเฉิงหวาง“เสด็จย่า”“ไทฮองไทเฮาทรงแขวนพระศอกับขื่อคา”“เสด็จย่าทำไมถึงได้คิดสั้นเช่นนั้น”“ไทฮองไทเฮาทรงเป็นกังวลเรื่องที่ท่านอ๋องป่วยหนักและ ฝ่าบาททรงประชวร”ในใจเขาเวลานี้มีคำถามมากมาย จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำบอกเล่า แม้คำตอบจะแสนขัดแย้งหากแต่จะถามใครได้ในเวลานี้ เสี่ยวป๋อที่เอาแต่นิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดกับใต้เท้าตู้ที่ควบคุมกำลังองครักษ์และทหารทั้งหมด คนของจินเฉิงหวางหายไปจากราชสำนักจนแทบหมดเหลือเพียงคนที่ยอมก้มหัวให้โยวเสวียนและใต้เท้าตู้เหล่าขุนนางน้อยใหญ่แวะเวียนถวายพระพรแก่จินเฉิงหวางเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีสนมนางในไม่มีกุ้ยเหริน กุ้ยเฟยแม้แต่สนมเอกตระกูลไป๋ยังถูกกีดกัน ไร้ซึ่งทายาทและองค์ชายองค์หญิง มีเพียงจินเฉิงอู่ที่ยืนสงบนิ่งพร้อมกับโยวเสวียน และใต้เท้าตู้ไม่มีใครกล้าปริปาก แม้กระทั่งตำแหน่งฮองเฮา ขันทีนางในถูกเปลี่ยนตัวจนหมดหากใครแข็งข้อโยวเสวียน ให้ลากตัวไปให้ม้าแยกร่างจนทุกอย่างเงียบเชียบราบเรียบเกินไป ไม่มีการโต้แย้งไม่มีแข็งขืน ใต้เท้าตู้ตรึงกำลัง ทั้งองครักษ์และทัพหลวงยากที่จะย่างกรายเข้าไปได้“คังซื่อฮั่น ข้าไม่เคยได้พบเ
เหลียงซานป๋อส่ายหน้า"ท่านอ๋อง หากท่านยังรักเสี่ยวป๋อยังเห็นว่าเสี่ยวป๋อเป็นคนสนิท ขอร้องท่านอ๋อง ว่าอย่าบอก..โยวเสวียน...พระชายาโยวเสวียนว่าเสี่ยวป๋อแวะมา"จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วมีหลายเรื่องที่เขาสงสัย โยวเสวียนอ้างว่าพาเขามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้วทำไมไม่ให้เสี่ยวป๋อมาคอยรับใช้ แล้วยังจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการกลับไปที่จวนอ๋อง แล้วยังจะเสี่ยวป๋อที่มีท่าทีแปลกไป"ข้าอยากพบคังซื่อฮั่น"เสี่ยวป๋อส่ายหน้าไปมา"ท่านอ๋องท่านรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน"ไม่แน่ใจว่าโยวเสวียนให้จินเฉิงอู่กินยาชนิดไหนกันถึงลืมเลือนพระชายาเจิ้งเหมยเสียสิ้น"เสี่ยวป๋อ จำต้องจากไปสักพักระหว่างนี้ ท่านอ๋องรักษาตัว"จินเฉิงอู่ครุ่นคิดเวียนวน ทำไมเสี่ยวป๋อทำอย่างนี้เหลียงซานป๋อที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแสนนาน ประสานมือคุกเข่าตรงหน้าก้มลงคารวะ ก่อนจะทะยานออกจากตรงนั้นไปทันที เสี่ยวป๋อรีบรุดไปยังร้านยานำถ้วยยาวางตรงหน้า ท่านหมอหยิบขึ้นมาสูดดม"ยาสลายความจำ"เสี่ยวป๋อยิ้มแห้งๆ"หากกินไปนานวันจะเกิดอะไรขึ้น""กินเพียงนิดทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่อยากจะจดจำ ยานี้ใช้กับคนที่มีความทุกข์ตรมจนไม่อยากจดจำปกติใช้เพียงเล็กน้อย แต่