“เจิ้งเหมย ชายาเรียกเจ้า”
ย่าหนานทำสีหน้ากังวล เจิ้งเหมยยิ้ม
เดินมายังห้องพักที่เป็นทั้งที่อยู่ที่กิน
“มาแล้วหรือเจิ้งเหมย”
เจิ้งเหมย เดินเข้าไปย่อกามยต่อหน้าพระชายาที่นอนอยู่บนแท่นนอน เหมือนกำลังป่วย ยื่นขวดยาสมานแผลที่คังซื่อฮั่นมอบให้ตรงหน้าเจิ้งเหมย
“ข้าลืมเลือนเสียสนิท องครักษ์คังให้ข้านำมันมามอบให้เจ้า ในคราวนั้น”
เจิ้งเหมยรับมากำไว้ในมือ
“เจิ้งเหมยซาบซึ้งใจยิ่งนัก ในน้ำใจของทุกคนที่นี่”
พระชายายิ้มอ่อนหวานเหมือนจะไม่เคยโกรธใคร
“เรื่องที่เจ้าถูกโบยถ้าหากจะโกรธใครสักคนขอให้เป็นข้าเถิด ท่านอ๋องเป็นคนที่ดุดันในแบบฉบับของแม่ทัพ ทุกอย่างในจวนล้วนมีกฏเกณฑ์ เพียงแค่เจ้าไม่ทำผิดข้าก็พอจะออกรับแทนได้ ครั้งนั้นหากไม่สั่งโบยเจ้าเสียก่อนเกรงว่าแม้แต่ชีวิตก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้”
“เจิ้งเหมยจะจำคำสอนของพระชายา ต่อแต่นี้เจิ้งเหมยจะไม่ทำให้พระชายาลำบากใจ ”
“หลายอย่างในจวนเจ้ายังต้องปรับตัวอีกมาก มีสิ่งใดที่ไม่สบายใจข้ายินดีรับฟังเสมอ คิดเสียว่าข้าเป็นดั่งพี่สาว เจ้าเองก็ใช่จะต่ำต้อยเป็นถึงบุตรตรีของใต้เท้าเจิ้ง จะให้อยู่อย่างสาวใช้เลยทีเดียวก็คงจะไม่เหมาะ”พูดเสียยืดยาว
ออกจากห้องของชายาตามทางเดินทอดยาวสู่ห้องพักแทนที่จะเดินผ่านห้องท่านอ๋องผู้นั้น เจิ้งเหมยเลือกที่จะเดินอ้อมไปอีกทาง สวนร่มรื่นจนน่านั่งทอดอาลัย เสียงน้ำในลำธารเล็กไหลรินไอร้อนลอยวนอยู่ด้านบน เจิ้งเหมยเดินตามธารน้ำอุ่นไหลลัดเลาะ ดอกไม่นานาพันธ์สวยงามเหมือนดั่งสวนสวรรค์ จวนอ๋องเนรมิตรสิ่งสวยงามเหล่านี้ไว้ภายในเหมือนกับการย่อขนาดวังหลวงมาไว้ที่นี่ น่าแปลกที่นี่ไร้ซึ่งสรรพเสียงมีแต่เพียงเสียงน้ำไหลผ่อนคลายอารมณ์ บ่อน้ำร้อนที่มีควันลอยอ้อยอิ่งอยู่ด้านบน เจิ้งเหมยจุ่มมือบางซีดขาวลงในน้ำอุ่นให้ความรู้สึกอุ่นสบายนั่งลงห้อยขาย่อนเท้าลงไปแช่น้ำอุ่นเท้ายังไม่ทันจะได้แช่ในน้ำ แขนข้างหนึ่งก็โดนกระซากอย่างแรงร่างบางร่วงลงไปในน้ำทั้งตัว จินเฉิงอู่ใช้มืออุ่นกอดรอบเอวบาง
ดิ้นรนแต่ไม่หลุดออกจากอ้อมแขนที่กอดรัดเหมือนกับอสรพิษรัดเหยื่อ
สันจมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม
ร่างเปลือยเปล่าหยดน้ำเกาะพราว อกแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้าม
"ที่แห่งนี้ ห้ามให้สาวใช้ในจวนเข้ามา ไม่มีใครบอกเจ้า หรือว่าเจ้าจงใจเข้ามา"
"ท่านอ๋องโปรดอภัย"
มือเล็กพยายามแกะมืออุ่นที่รัดรอบเอวอยู่แต่ยิ่งแกะยิ่งเหมือนกับถูกกอดรัดจนแน่น ยื้อยุดกับอยู่อย่างนั้น คางใหญ่กดลงบนไหล่บางปล่อยให้จมูกคมเป็นสันดอมดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาว
"ได้โปรดปล่อยข้าน้อย... ไปด้วยเถิด"
ร้อนๆหนาวๆเมื่อสัมผัสถึงร่างเปลือยไร้อาภรณ์ที่แช่อยู่ในน้ำอุ่นแล้วยังจะถูกกอดรัดแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
"ปล่อยเจ้า จะไม่ขี้ขลาดไปหน่อยหรือ เพียงแค่เจ้าพูดเพียงแค่นี้ข้าต้องปล่อยเชียวหรือ"
"ได้โปรด"
มือยังแกะมือใหญ่ออกอย่างนั้นด้วยความตื่นตระหนก จินเฉิงอู่พลิกร่างบางเปียกปอนให้หันหน้ามาสบตา ดวงตาใสซื่ออ่อนหวานยามนี้กลับตื่นตระหนกหวาดกลัว ริมฝีปากสีชมพูหยักได้รูป ก้มหน้ามองอกเปลือยไม่กล้าสบตา จิงเฉิงอู่เผลอขบเม้มริมฝีปากตัวเองโน้มตัวต่ำลงเรื่อยๆ หยุดนิ่งมองริมฝีปากบางน่าลิ้มรสอย่างแสนเสียดาย หันหลังปล่อยร่างบางก้าวขึ้นจากน้ำตวัดเสื้อคลุมคลุมร่างเปลือย ที่งดงามราวรูปปั้นของนักรบหนุ่ม แล้วฉุดดึงร่างบางขึ้นมาข้างบน โยนผ้าแห้งจงใจให้โดนใบหน้า
"เจ้าไปเสีย"
หันหลังให้ดึงสายรัดรัดเสื้อคลุม เจิ้งเหมยวิ่งออกจากตรงนั้นไปทันที
จินเฉิงอู่ก้มลงเก็บขวดยาสมานแผลขวดเล็ก จำได้ดีว่าเขาเคยให้คังซื่อฮั่นนำไปให้เจิ้งเหมย
หย่อนขวดยาเก็บไว้ในอกเสื้อ
ไม่นานต่อจากนั้น
"เจิ้งเหมย ข้าประเมินเจ้าสูงเกินไปคิดว่าพูดกับเจ้าแล้ว จะเชื่อฟังคำพูดข้า"
โยวเสวียน เรียกเจิ้งเหมยมาด้วยเรื่องที่เจิ้งเหมยเข้าไปในบ่อน้ำพุร้อน
"พระชายาโปรดอภัย เจิ้งเหมยจงใจเดินหลบไม่อยากผ่านห้องของท่านอ๋อง"
โยวเสวียนยิ้ม เจิ้งเหมยตั้งใจพูดความจริงซึ่งเป็นความจริงที่โยวเสวียนพอใจยิ่ง
"ดี เช่นนั้นจงจำไว้ตั้งแต่วันนี้ในจวนอ๋องห้ามีหลายที่ที่ห้ามสาวใช้เข้าไปเพ่นพ่าน ข้าจะถือว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจทำผิด ย่าหนานต่อไปเป็นเจ้าที่ต้องคอยดูแลนาง นางมาจากตระกูลใหญ่อาจไม่คุ้นเคยกับกฏระเบียบในแบบสาวใช้ หากคราวหน้านางทำผิดเจ้าต้องรับโทษแทนนางสองในสามส่วน"
ย่าหนานดึงมือเจิ้งเหมยให้ย่อกายน้อมรับคำสั่ง
"คุกเข่าห้าชั่วยาม เย็นนี้ห้ามใครนำอาหารมาให้นาง หากท่านอ๋องรู้ว่าข้าสั่งลงโทษเพียงแค่นี้อาจจะเพิ่มโทษแก่นาง ฉะนั้นห้ามใครแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป"
เจิ้งเหมยคุกเข่าลงบนพื้นก้มหน้านิ่ง โยวเสวียนจากไปพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยัน
ย่าหนานคุกเข่าลงข้างๆ
"เจ้าทำอะไรย่าหนาน"
ยิ้มจริงใจ
"ข้าผิดแต่แรก รู้ทั้งรู้ว่าบ่อน้ำพุร้อนห้ามสาวใช้เข้าออกแต่ข้ากลับลืมเตือนเจ้าเสียสนิท เช่นนั้นให้ข้าคุกเข่าเป็นเพื่อนเจ้า"
จินเฉิงอู่นั่งมองขวดยาที่วางไว้บนโต๊ะ มีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ นางไม่ได้ใช้ยาสมานแผลที่เขาให้และยังพกมันติดตัว โยวเสวียนเข้ามาในห้อง เหลือบตามองขวดยาบนโต๊ะจินเฉิงอู่เปิดหีบเล็กเก็บมันไว้ในนั้น
"ท่านอ๋อง อีกไม่กี่วันไทฮองไทเฮา จะกลับจากถือศีลบำเพ็ญเพียรครั้งนี้คงมาอยู่ที่จวนอ๋องของท่านอ๋องเหมือนเคย ท่านอ๋องต้องการให้โยวเสวียนเตรียมการต้อนรับหรือไม่"
"ลำบากเจ้าแล้วหวางเฟย สองสามวันมานี้สุขภาพของเจ้าไม่สู้ดี อย่าได้ลำบากอีกเลย เสด็จย่าใช้ชีวิตเรียบง่ายมาตลอด แม้ฝ่าบาทต้องการให้อยู่ในวังหลวงเสด็จย่ายังขอมาใช้ชีวิตในจวนอ๋อง ครั้งนี้ข้าซาบซึ้งที่เจ้าตั้งใจจะเตรียมการต้อนรับแต่เกรงว่า เจ้าจะเหนื่อยเกินไป"
"ท่านอ๋อง ดีกับโยวเสวียนถึงเพียงนี้มีหลายอย่างที่ทำเพื่อท่านอ๋องได้ แม้จะเหนื่อยเพียงใดก็ตาม"
จินเฉิงอู่จุมพิตที่หน้าผากเบาๆ โยวเสวียนซบหน้าลงบนอกกว้าง
เจิ้งเหมยกับย่าหนาน คุกเข่าอยู่ถึงสามชั่วยามแล้ว
"หิวหรือยังย่าหนาน"
ย่าหนานพยักหน้าท่าทีอิดโรยแม้แต่เสียงจะพูดยังไม่มี
"หิวก็ไปกิน พระชายาห้ามข้าไม่ให้กินแต่เจ้าไม่จำเป็นต้องอด"
"เจ้าไม่หิวหรือไรเจิ้งเหมย"
"ไม่ ข้าอยู่ที่บ้านมักจะถูกฮูหยินใหญ่ลงโทษให้อดข้าวเย็นบ่อยๆ ข้าทนได้ดีกว่าเจ้า"
"อย่างนั้นข้าไปกินก่อนเจ้าอย่าโกรธข้านะ”
เจิ้งเหมยยิ้ม ย่าหนานรีบลุกออกไปทันที
เจิ้งเหมยแหงนหน้ามองดวงจันทร์ส่องสว่างบนท้องฟ้า เผลอยิ้มอย่างขมขื่น
จินเฉิงอู่ยืนมือไพล่หลังมองอยู่ข้างหน้า ยื่นขวดยาขวดเดิมให้เจิ้งเหมย
"เจ้าทำตกไว้"
เจิ้งเหมยหลบตาก้มหน้ามองพื้น ไม่อยากคิดถึงเรื่องน่าอายที่บ่อน้ำพุร้อน ในความเงียบความคิดของคนสองคนตรงกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จินเฉิงอู่เดินจากไป เงียบๆ
ห้าชั่วยามผ่านไป คังซื่อฮั่นทะยานลงจากพุ่มไม้หนาพร้อมกับน่องไก่ชิ้นโต
"ข้านำมาให้เจ้าเสี่ยวเหมยหิวหรือยัง"
เจิ้งเหมยแปลกใจไม่น้อย แต่ก็รับน่องไก่มากัดกินด้วยความหิว
"ขอบคุณใต้เท้าคัง"
"ใต้เท้าคัง ท่านองครักษ์ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกเรียกข้าแบบนี้เสียที"
จะให้ข้าเรียกใต้เท้าคังว่าอย่างไร"
"ซื่อฮั่นก็พอ"
"ไม่บังอาจ"
เจิ้งเหมยพูดทีเล่นที่จริงรู้สึกผ่อนคลาย คังซื่อฮั่นยิ้ม
"เช่นนั้น เรียกข้าว่าเสี่ยวฮั่นก็ได้นายหญิง"
เจิ้งเหมยอดขำไม่ได้เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังในความเงียบงัน จินเฉิงอู่ยืนมองอยู่ในเงามืด
"พี่สาวเจิ้งเหมย ท่านอ๋องให้ท่านสวมชุดนี้ตามเข้าวัง"เสี่ยวป๋อส่งชุดเรียบหรูในแบบ ที่ใช้ในราชสำนักให้กับเจิ้งเหมยก่อนหน้านั้น"ท่านอ๋อง จำเป็นต้องเป็นนางด้วยหรือ""ฝ่าบาทจะด้วยจงใจหรือไม่ แต่ทรงระบุมาว่าให้ข้าพานางไปรับไทฮองไทเฮาในวังหลวง"โยวเสวียนยิ้มเศร้าๆ"ข้าร่างกายอ่อนแอ เรื่องเช่นนี้ยังไม่อาจแบ่งเบาท่านอ๋องจึงต้องฝืนใจพานางเข้าวังรับไทฮองไทเฮา""หวางเฟย อีกไม่นานก็จะแข็งแรงและเมื่อนั้นต้องเป็นเจ้าที่ข้างกายข้างทุกยาม"เกี้ยวหลังใหญ่ รอท่าอยู่ที่หน้าจวนอ๋อง เจิ้งเหมยในชุดผ้าแพรบางเบาพลิ้วไหวงดงามราวรูปวาดพู่กันจีนช่างเขียนภาพอันดับหนึ่ง ใบหน้าสว่างสดใสหากไม่ติดที่ดวงตาเศร้าสร้อยของนาง จินเฉิงอู่ขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวเสี่ยวป๋อเปิดผ้ากั้นผายมือเชิญเจิ้งเหมยที่ทำท่าจะเดินตามเกี้ยวกระซิบเบาๆ"พี่สาว ขึ้นไปนั่งข้างบนเถิดวันนี้ท่านอ๋องอารมณ์ไม่สู้ดีนัก"เจิ้งเหมยก้าวขาขึ้นไปบนเกี้ยว จินเฉิงอู่นั่งชิดริมหน้าต่างอีกด้าน เจิ้งเหมยจึงเลือกที่จะนั่งชิดอีกฝั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่าง"เดินทาง"เหลียงซานป๋อสั่งคนหามเกี้ยวดังๆ ท่านอ๋องห้ายังนั่งหลับตานิ่งเหมือนคนหลับ ส่วนเจิ่งเหมยเปิดหน้าต่างยื่นหน
เจิ้งเหมยดิ้นรนฮัดฮัดในอ้อมกอด จินเฉิงอู่กดคางลงบนไหล่บางจงใจให้เจิ้งเหมยรู้สึกเจ็บ"อย่าดิ้น"ยังแกะมือข้างที่กอดออกจากเอวไม่ยอมฟังคำเตือน"ท่านอ๋อง ปล่อย""เจ้า มันก็แค่สาวใช้ เช่นไรกล้าออกคำสั่งกับข้า"ใบหน้าเศร้าสร้อยกับคำกล่าวนั้น แต่ยังไม่อยู่นิ่งดึงบังเหียนให้ม้าหยุดวิ่งปล่อยให้ม้าเหยาะย่างตามใจดึงรั้งเอวบางชิดเอวหนา"อย่างไร อยู่กับข้าสองต่อสองกล้าดีอย่างไรถึงกล้าไม่ฟังคำสั่ง"เกยคางลงบนไหล่บางปล่อยให้สันจมูกโด่งเลาะเล็มอยู่ข้างแก้ม"เจิ้งเหมยเป็นเพียงสาวใช้ท่านอ๋องได้โปรด…."พูดได้เพียงแค่นั้นจินเฉิงอู่เอี้ยวตัวใช้ปากอุ่นประกบปากบาง บดขยี้อย่างที่ไม่อาจหักห้ามใจมือใหญ่ช้อนรับที่ต้นคอระหงตรึงไว้กับที่ไม่ให้ขยับบรรจงจูบจนหนำใจ จึงปล่อยเจิ้งเหมยเป็นอิสระทั้งที่เสียดายรสจูบหอมหวานนั้นเหลือเกิน แต่เจิ้งเหมยกลับอ่อนระทวยในอ้อมแขน ทั้งเขินอายและตกใจ"คราวนี้คงอยู่นิ่งได้เสียที"จินเฉิ้งอู๋ยิ้มอย่างผู้ชนะ สวมกอดแนบแน่นกระตุกบังเหียนม้าให้ทะยานไปข้างหน้า…..บ้านตระกูลเจิ้ง…..ฮูหยินตะกูลเจิ้ง และเจิ้งหมิงพี่สาวร่วมบิดากับเจิ้งเหมย ออกมารับจินเฉิงอู่หน้าบ้าน แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเจิ้
วันส่งตัวเข้าวังเพื่อคัดนางใน ….ผู้คัดตัวนางในหลายสิบคนลงจากเกี้ยวที่หน้าประตูวังจินเฉิงอู่เข้ามาในวังแต่เช้าตรู่เช่นกัน ข้างๆกันนั้นเกี้ยวของเจิ้งเหมยหยุดก่อนถึงประตูวังตามธรรมเนียมร่างเล็กบอบบางก้าวลงจากเกี้ยวด้วยสายตาหวาดหวั่น หันมาร่ำลากับสาวใช้ที่มาส่งหันกลับมาอีกทีชนเข้ากับร่างใหญ่ของจินเฉิงอู่เข้าอย่างจัง รวบร่างบางไว้ในอ้อมแขนสบตากลมที่มีแววเศร้าสร้อยภายในนิ่งนานบางอย่างบอกเขาว่า นางช่างมีใบหน้างดงามนัก เสียดายคงจะไม่รอดพ้นสายตาของฝ่าบาทถูกคัดไปเป็นสนมของฝ่าบาทอย่าแน่นอน"ขออภัยใต้เท้า" หลบตาคมที่ส่งสายตาพึงพอใจในใบหน้างดงามยามเขินอายยิ่งน่ามอง จินเฉิงอู่เผลออมยิ้มเจิ้งเหมยเดินหลบเข้าไปในวังปล่อยเขายืนเก้ออยู่ตรงนั้นเจิ้งเหมยหลบตาคมที่มองมาอย่างคาดคั้น"ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรอง เราสองคนแต่เดิมไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเหตุใดเจิ้งเหมยต้องอยากมาอยู่จวนอ๋องหากไม่ใช่บัญชาของฝ่าบาท""เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จริงอย่างที่เจ้าพูดเช่นนั้นวันนี้ข้าจะถือว่าข้าไม่ใช่อ๋อง เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น"จูบรุนแรงป่าเถื่อนเจิ้งเหมยดิ้นรนแต่กลับถูกกอดรัดมือกำแน่นทุบลงบนอกกว้างมือใหญ่กำมื
จินเฉิงอู่อุ้มร่างบางเปียกปอนของเจิ้งเหมยวางบนตลิ่ง โยวเสวียนว่ายน้ำเข้าฝั่งเพียงลำพัง เหตุใดเขาจะไม่รู้เล่าว่าโยวเสวียนว่ายน้ำเป็น ก็ในเมื่อยังเยาว์วัยโยวเสวียนและเขามักจะพาก้นไปว่ายน้ำที่สระในวังหลวงเสมอ แต่เจิ้งเหมยที่นอนสลบอยู่นี่กับไม่มีทีท่าว่าจะช่วยเหลือตัวเองได้เสี่ยวป๋อนำเสื้อคลุมมาให้เขา โยวเสวียนมองมาที่จินเฉิงอู่ที่นั่งมองเจิ้งเหมย สายตาแม้เฉยเมยแต่โยวเสวียนกลับไม่วางใจ"ตามหมอ"ผุดลุกขึ้นเดินไปที่โยวเสวียน"น้ำเย็นมาก หวางเฟยรีบกลับไปแช่น้ำอุ่นแล้วจิบน้ำขิงเสียหน่อย เสี่ยวป๋อสั่งห้องครัวต้มน้ำขิงให้พระชายา"คังซื่อฮั่นอุ้มเจิ้งเหมยกลับไปที่ห้องพัก ย่าหนานวิ่งตามด้วยความเป็นห่วงคังซื่อฮั่น รีบรุดไปที่ห้องของจินเฉิงอู่"พระชายาจงใจแกล้งเสี่ยวเหมย""เสี่ยวเหมย"ยิ้มมุมปากเหมือนยิ้มเยาะให้กับตัวเอง"ดูท่าเจ้าจะสนิทสนมกับนางไม่น้อยถึงกับเรียกนางแบบนั้น เช่นนั้นหากจะโกรธแทนนางใส่ร้ายพระชายาก็ไม่แปลก""ท่านอ๋อง พระชายาว่ายน้ำเก่งท่านก็รู้"จินเฉิงอู่นิ่ง"นางเป็นตะคลิว"โยวเสวียนเข้ามาในห้อง"ท่านอ๋อง โยวเสวียนถูกน้ำเย็นจัดจนเป็นตะคริวดังที่ท่านอ๋องสงสัย จึงร้องให้นางช่วย หากท่าน
“ไทฮองไทเฮารับนางไว้รับใช้ข้างกายอีกหน่อยท่านอ๋องยกฐานะนางขึ้นเป็นชายารองได้ไม่ยาก”ใต้เท้าตู้พูดเหมือนตั้งใจหยั่งเชิงจินเฉิงอู่ว่า ยังมีรักให้กับโยวเสวียนอยู่ไหม“ชายารอง เดิมทีข้าไม่เคยคิดจะมีชายารอง ข้าไม่ชมชอบการมีใจสองเที่ยวแบ่งปันความรักให้ใคร”“หากโยวเสวียนมาได้ยินคำนี้นางคงต้องดีใจแน่ ท่านอ๋องนับว่าเป็นมหาบุรุษทีเดียว ยากยิ่งที่จะไม่หวั่นไหวกับสาวงาม”จินเฉิงอู่ยิ้มบางๆ“เจิ้งเหมย ย่าให้เจ้าเย็บถุงเครื่องหอม เสร็จหรือยัง”“ไทฮองไทเฮาเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ดี สีฟ้าเป็นสีที่เฉิงอู่ชอบมาก เจ้านำถุงเครื่องหอมอันนี้ไปที่ห้องท่านอ๋องส่งให้เหลียงซานป๋อบอกว่าข้าให้นำมามอบให้ท่านอ๋อง”“แต่ไทฮองไทเฮา เจิ้งเหมย”“อย่าปฏิเสธย่า...ไปได้แล้ว มัวแต่ชักช้ามืดค่ำป่านนี้อากาศเย็นกลับมาเจ้าต้องมานวดให้ย่าอีก อย่ามัวแต่ช้า”เจิ้งเหมยรีบรุดไปทันทีที่หน้าห้องนอน (โยวเสวียนออกกฏห้ามสาวใช้ในจวนเข้าไปในห้องนอนท่านอ๋อง เรื่องหลับนอนนางเป็นคนดูแลเอง) ไร้เงาของเสี่ยวป๋อ ข้างในเงียบสะงัดเหมือนร้างไร้ผู้คน เจิ้งเหมยเปิดประตูเข้าไปเบาๆ เดินย่องเข้าไปข้างในมือกำถุงเครื่องหอมแน่น แสงเทียนภายในส่องแสงนวลไม่สว่
"พระชายาเกลียดนาง ได้แต่อย่าให้ท่านอ๋องกับไทฮองไทเฮารู้ เพราะในสายตาของท่านอ๋องพระชายาอ่อนหวานงดงาม""ท่านพ่อพูดกับข้าเรื่องนี้เสมอ ให้ข้าอดทนหากช่วยให้ท่านอ๋องครองบัลลังก์ได้วันไหน ตำแหน่งฮองเฮาย่อมต้องตกเป็นของข้า ส่งขนมอี้ (แทนความรักความสุขสงบกลมเกลียวในครอบครัว) ไปให้ท่านอ๋องที่ห้อง"นางกำนัลข้างกายรีบรุดไปทันทีห้องนอนท่านอ๋อง"เสี่ยวป๋อขนมที่ห้องครัวให้เขาส่งมาที่ห้องข้า"เสี่ยวป๋อวิ่งหัวหมุนร่างอักษรพร้อมกับเหลือบตามองเจิ้งเหมยไปด้วยเสี่ยวป๋อยกขนมมาถาดใหญ่ วางตรงหน้าท่านอ๋อง"เสี่ยวป๋อให้นางพักเข่ามากินขนมก่อน"เจิ้งเหมยทำเป็นไม่ได้ยิน เสี่ยวป๋อมองคนนู้นที่คนนี้ทีก็ในเมื่อเจิ้งเหมยได้ยินแล้วทำไมยังให้เขาพูดอีกก่อนจะพูดขึ้นดังๆ"พี่สาวเจิ้งเหมยท่านอ๋องให้ท่านพักเข่ากินขนมก่อน""บอกท่านอ๋อง ข้ายังไม่อยากพักและไม่อยากกิน""บอกนางรีบๆ มากินเสียข้าลดโทษให้ระหว่างกินขนม จะไม่นับเวลาไว้ให้นางคุกเขาอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ไปนอนได้แล้ว"เสี่ยวป๋อเกาหัวแกรกๆ เดินไปกระซิบเจิ้งเหมย"พี่สาว ข้าว่าท่านรีบไปกินเสียเถอะตอนท่านอ๋องกำลังอารมณ์ดี หากท่านอ๋องกริ้วขึ้นมาอาจสั่งเพิ่มโทษพี่สาวอาจไม่ไ
“ตระกูลไป๋ตอนนี้ ส่งลูกสาวเข้าวัง แต่เดิมมักจะแลกเปลี่ยนพูดคุยกันกับท่านอ๋องเสมอ แต่หลายวันมานี่แม้ชวนให้มาหารือพร้อมกับท่านพ่อของข้า ใต้เท้าไป๋กลับปฏิเสธอ้างว่าไม่สบาย”โยวเสวียนยิ้ม“เกรงว่าใต้เท้าไป๋จะแปรพักตร์เสียแล้ว ข้าคงต้องหาวิธีอื่นที่จะเอาชนะฝ่าบาท”มือยังบีบนวดอยู่อย่างนั้น“ท่านพ่อสนิทสนมกับใต้เท้าไป๋ให้โยวเวียนลองเอ่ยปากดูสักครั้ง ท่านอ๋องเมตตา โยวเสวียนไม่เปลี่ยน โยวเสวียนซาบซึ้งใจนักเรื่องบางเรื่องหากแบ่งเบาได้โยวเสวียนเต็มใจทำ”จินเฉิงอู่ยิ้มคังซื่อฮั่นกับเจิ้งเหมยเดินเที่ยวตลาดด้วยกันอย่างสนุกสนานคังซื่อฮั่นชี้ชวนให้เจิ้งเหมยดูของต่างๆ แปลกตาบ้างก็สวยงาม ยอมจับจ่ายเพื่อซิ้อของให้เจิ้งเหมยกลับมาที่จวนพร้อมกัน คังซื่อฮั่นเดินไปส่งที่พักของไทฮองไทเฮาซึ่งบัดนี้ จินเฉิงอู่อยู่ที่นั่น เหมือนกับรออะไรบางอย่าง..นานแล้ว“คารวะท่านอ๋อง”คังซื่อฮั่นเหมือนจะมองอารมณ์ออกว่าอีกคน กำลังอยู่ในอารมณ์ไหน“เจ้าเป็นองครักษ์ของข้าหรือของนางกันแน่”คังซื่อฮั่นอมยิ้ม“เสี่ยวเหมย ไว้ข้าพาเจ้าออกไปข้างนอกอีกหากเจ้าต้องการ”จินเฉิงอู่เอามือไพล่หันหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากเห็น“ขอบคุณซื่อฮั่น”คัง
"อย่างนั้นเจิ้งเหมยยกให้ท่านอ๋องเพราะเจิ้งเหมยเพิ่งจะกินเมื่อคราวนั้นจนเบื่อ"จินเฉิงอู่เอื้อมมือคว้าข้อมือที่มีผลซานซาเชื่อมเสียบไม้ แล้วจ้องมองดวงตากลมอย่างมีความหมาย เจิ้งเหมยหลบสายตาคมเกี้ยวมาถึงจวนอ๋อง โยวเสวียนยืนรอรับอยู่ข้างหน้า"ท่านอ๋อง"สายตาไม่ได้จับจ้องที่เจิ้งเหมยอย่างที่ควรจะเป็น"โยวเสวียนเจ้าไม่ค่อยแข็งแรงออกมายืนตากลมทำไม"ถอดเสื้อคลุมห่มไหล่ให้โยวเสวียนเจิ้งเหมยเดินหลบเข้าไปภายใน เจ็บแปลบที่หัวใจ"เดี๋ยว ข้าอยากกินตุ๋นรากบัว เจ้าช่วยไปบอกห้องครัวจัดมาให้ข้าด้วย"โยวเสวียนสั่งเจิ้งเหมยทำกำลังจะเข้าไปข้างในจินเฉิงอู่ที่กำลังจะพยุงโยวเสวียน กลับเดินเข้าไปในจวนทันทีเจิ้งเหมยไปที่ห้องครัวอยู่รอจนแม่ครัวตุ๋นรากบัวเสร็จ จินเฉิงอู่ฉุดมือเจิ้งเหมยให้ตามเขามา"เจ้ากลับไปหาเสด็จย่าเดี๋ยวนี้""ทำไม""ไม่ต้องถามตุ๋นรากบัวธรรมดาแต่เมื่อโยวเสวียนกินมันเข้าไปมันจะไม่ธรรมดา ไปหาเสด็จย่าเดี๋ยวนี้ ทางนี้ข้าจัดการเอง""ท่านอ๋อง กังวลเกินไปหรือเปล่า""เจิ้งเหมย ข้ารู้จักโยวเสวียนดีกว่าเจ้า"จินเฉิงอู่เดินนำให้เสี่ยวป๋อถือตุ๋นรากบัวไปยังห้องของโยวเสวียนยิ้มแย้มเมื่อเข้ามาในห้องของโย