วังหลวง….“จินเฉิงอู่ วันนี้เจ้ามีเวลามาพูดคุย กับข้านับว่าไม่เลว ความสัมพันธ์พี่ใหญ่น้องเล็กของสองเรา นับวันยิ่งห่าง”พูดรื้อฟื้นความสัมพันธ์“ฝ่าบาท กังวลเกินไปแล้วจินเฉิงอู่ก็ยังเป็นจินเฉิงอู่ไม่มีมีสิ่งใดจะเปลี่ยนได้”“บัลลังก์นี้ มีไว้เพื่อเราสองพี่น้อง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเช่นกัน”“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้วบัลลังก์นี้เป็นของฝ่าบาท ไม่มีใครแบ่งแยกมันไปได้”ฮ่องเต้ยิ้มเยือกเย็น“บุตรีใต้เท้าเจิ้งอยู่สบายดีในจวนของเจ้า จนทำให้ใต้เท้าเจิ้งละเลยบางอย่างไป”“ฝ่าบาท ทรงทราบดีว่าจินเฉิงอู่ไม่ได้ รับนางเข้าไปในตำแหน่งชายารอง เพียงแต่รับด้วยความเสียมิได้ ให้นางอยู่ในตำแหน่งสาวใช้เท่านั้น”“เช่นนั้นใต้เท้าเจิ้งก็คงคาดหวังให้เจ้าดีกับนาง จึงยอมทำตามสิ่งที่เจ้าขอข้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม”จินเฉิงอู่ยิ้ม“การที่บิดาคนหนึ่งจะทำเพื่อบุตรีมิใช่เรื่องแปลก เหมือนที่ใต้เท้าไป๋ตกลงใจเลือกข้างอีกครั้ง เมื่อฝ่าบาทแต่งตั้งสนมเอกคนใหม่”แววตาขึ้งโกรธจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ชัดเจน..จวนอ๋อง …..ใต้เท้าไป๋และใต้เท้าตู้เพิ่งกลับไป หลังจากที่พูดคุยกับจินเฉิงอู่ม้วนกระดาษเล็กสอดเข้าไปผูกไว้กับขาของ นกพิราบแล้วปล่อยให้มั
"พระชายา ในที่สุดสิ่งที่พระชายาทุ่มเทก็เป็นผล ท่านอ๋องสั่งขังนางแม้ไทฮองไทเฮายังไม่กล้ายุ่ง""ดี นับว่าเป็นข่าวดี ข้าสมควรจะไปพบท่านอ๋องเสียหน่อยต่อไปนี้มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ เพื่อท่านอ๋องจะได้หมดความไว้วางใจในตัวนาง"ไทฮองไทเฮานั่งทอดอาลัย"เฉิงอู่ หากจะมีอะไรสักอย่างที่บดบังสายตาของเจ้าก็คงเป็นความรัก"ไทฮองไทเฮาถอนใจ"ท่านอ๋องให้นำย่าหนามาอยู่รับใช้ไทฮองไทเฮาแทนแม่นางเจิ้ง ห้องพักของแม่นางเจิ้งถูกปิดตายย่าหนานจึงต้องมาพักกับไทฮองไทเฮา"ถอนหายใจอีกรอบ"เหลียงซานป๋อ เจ้าส่งอาหารให้นางมากหน่อย แวะไปพูดคุยกับนางบ้างบอกว่าข้ากำลังหาทางช่วยเหลือนางอยู่"เสี่ยวป๋อยิ้มเดินออกจากห้องไปสวนกับจินเฉิงอู่"เสด็จย่า หลานรู้สึกเหมือน….โดนหักหลัง""มาหาย่าใกล้ๆ สิ"เดินเข้าไปซบลงที่ตัก"เฉิงอู่แต่เล็กเจ้าก็อยู่กับย่ามาตลอด เรื่องราวไหนที่เกินรับไหวย่าแบกรับไว้ให้จนสิ้น ไม่ว่าจะแม่เจ้าตายหรือเรื่องราวการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่พลาดหวัง ทุกอย่างย่าล้วนไม่ปล่อยให้เจ้าเผชิญมันเพียงลำพัง แต่เรื่องหัวใจย่าจนปัญญาช่วยเจ้า ใช้หัวใจของเจ้าจินเฉิงอู่ ใช้หัวใจของเจ้ามองปัญหานางจะเป็นใครก็ช่าง เป็นคนของตระก
“ท่านอ๋องท่านทำอะไรลงไปโยวเสวียนดีกับท่านทุกอย่าง แต่สิ่งที่ท่านอ๋องตอบแทนโยวเสวียนคือการ แต่งนางเข้าจวนอ๋องในตำแหน่งชายาเหมือนกันกับโยวเสวียนอย่างนั้นหรือ”“ข้า ไม่เคยบอกเจ้าหรือไร ความสัมพันธ์ของเราสองคน อย่างที่ข้าเคยบอกเราทั้งสองต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เจ้าต้องการตัวข้าต้องการเป็นชายาอ๋องเจ้าก็ได้เป็นแล้ว แต่หัวใจข้าขอให้มันเป็นอิสระได้ไหม”โยวเสวียนแววตาเจ็บซ้ำ“ท่านอ๋อง…. รักนาง…. เช่นนั้นหรือ…..เป็นไปได้อย่างไร”จินเฉิงอู่นิ่งไม่โต้ตอบ โยวเสวียนเดินออกจากห้องไปอย่างไร้เรี่ยวแรง แทบทรงตัวไม่อยู่จินเฉิงอู่ยกมือขึ้นกุมขมับ“เพล้ง”โยวเสวียน ปาข้าวของในห้องแตกกระจายสาวใช้รีบวิ่งเข้ามาดูปิ่นปักผมที่จินเฉิงอู่ปักให้ในวันที่แต่งเข้าจวนอ๋องถูกปาจนหักเป็นสองท่อน“นางจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเจ็บปวดอาจมากกว่าด้วยซ้ำ ข้าโยวเสวียนไม่มีทางยอมแพ้แก่เจ้า”.......................……………...“เปิดประตู”จินเฉิงอู่ยืนอยู่หน้าห้องพักที่ขังเจิ้งเหมยไว้“นำอาหารเข้ามา”เสี่ยวป๋อรีบยกอาหารคาวหวานมาวางบนโต๊ะ“เขาว่าเจ้าไม่ดื่มกินเอาแต่นั่งทอดอาลัย”นั่งหันหลังให้ไม่สนใจ ท่านอ๋องโบกมือไล่เสี่ยวป๋อที่อ
จวนอ๋องถูกประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดงผูกติดเป็นริ้วสวยงาม โคมไฟสีแดงทุกอย่างล้วนเป็นสีแดง เจิ้งเหมยนั่งอยู่ในห้องสวมชุดสีแดงสด ไทฮองไทเฮานั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมหงอกขาวโพลนแต่ ก็สวมชุดสีแดงเป็นมงคล ย่าหนานกำลังแต่งตัวให้เจิ้งเหมยพร้อมกับสาวใช้สองคนไทฮองไทเฮาคอยสั่งให้เป็นตามที่ต้องการ"ย่าดีใจ ที่เจ้าไม่ปฏิเสธเฉิงอู่ความรักหากดื้อรั้นเกินไปมักจะไม่ได้พบกับความสุข""เจิ้งเหมยขอบพระทัยไทฮองไทเฮาที่สั่งสอน"“เฉิงอู่ไม่ได้ไม่เต็มใจแต่งเจ้าจำคำของย่าไว้”เจิ้งเหมยน้ำตารื้นขอบตา"จินเฉิงอู่ ปากแข็งตั้งแต่เล็กแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่เคยจะร้อง บางอย่างแม้ฝืนใจเขาก็จะทำ หากเจ้ามองเขาดีๆจะรู้ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร"จินเฉิงอู่ สวมชุดแดงขลิบทองที่ชายเสื้อ ความสุขฉายออกมาจากแววตาเปล่งประกายมุ่งหวัง"เสี่ยวป๋อใกล้ได้เวลาหรือยัง"น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่อาจฝืนใจเสี่ยวป๋อยิ้ม"ท่านอ๋องใจร้อนไปแล้ว"กระสับกระส่ายร้อนรน"นางสวยไหม""สวยที่สุด ไทฮองไทเฮาทรงอยู่ดูการแต่งตัวของนางเอง"ยิ้มสมใจแววตามุ่งหวังเสี่ยวป๋อขำกับท่าทีเหมือนหนุ่มน้อยนั้น รู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็นความต้องการของจินเฉิงอู่ เพราะเป็น
"คงต้องแยกกันตรงนี้เสี่ยวป๋อระวังตัวด้วยหากเดินทางมากคนยิ่งเป็นจุดสนใจ""ท่านอ๋องพระชายาระวังตัวด้วย"เสี่ยวป๋อจากไป"อย่าเศร้าเสียใจไปเลย ใต้เท้าเจิ้งคงจะเสียใจหากทราบว่าเจ้าเป็นทุกข์""ท่านพ่อและตระกูลเจิ้งภักดีมายาวนานบัดนี้กลับตายไปพร้อมกับคำว่ากบฎ""การเมืองและการแย่งชิงอำนาจมักนำมาซึ่งความเจ็บปวดและวีรบุรุษ ข้าสัญญาจะคืนความเป็นธรรมให้ตระกูลเจิ้ง"เจิ้งเหมยมองสบตาจินเฉิงอู่เหมือนจะค้นหาความเคลือบแคลงในนั้น……………………..การเดินทางผ่านป่าเขารกเรื้อบังเกิดความเมื่อยล้า จินเฉิงอู่บังคับม้าให้หยุดใต้ร่มไม้ใหญ่"เจ้าเป็นหวางเฟย ที่ลำบากที่สุดต้องระหกระเหินเกรงว่าจะได้รับความลำบากไม่น้อย""ข้าผ่านความลำบากมามาก เกรงแต่ท่านอ๋องผู้ไม่เคยตรากตรำจะผ่านความลำบากนี้ไปคงยากไม่น้อยเช่นกัน""มีเจ้าข้างกาย ความลำบากข้าหากลัวไม่"ยิ้มดวงตาเป็นประกาย"ท่านอ๋องจงใจให้ข้าเป็นสาวใช้ข้างกาย ทั้งที่แต่งข้าเป็นชายาแล้วเช่นนั้นหรือไม่อยุติธรรมไปหน่อยหรือ""หากเจ้ากลัวจะเป็นเช่นนั้น ไม่สู้ให้ข้ารับใช้เจ้ามีสิ่งใดที่นายหญิงต้องการโปรดบัญชาเสี่ยวเฉิงอู่ยืนดีรับบัญชา""ดี เช่นนั้นตอนนี้ข้าหิวมากแล้ว เจ้าไปหาของกิ
"จินเฉิงอู่หนีรอดไปได้พวกเจ้าทำงานกันเช่นไร"ใต้เท้าตู้คุกเข่าเบื้องหน้า“ฝ่าบาท แผนการที่วางไว้นับว่ารัดกุมไม่น้อยแต่หทารและองครักษ์ของอ๋องห้านับว่าฝีมือเก่งกาจอีกทั้งไม่กลัวตายยอมสละชีวิตเพื่ออ๋องห้าได้ทุกคน แม้กระทั่งตอนนี้ เรายังจับตัวหัวหน้าองครักษ์คังซื่อฮั่นไม่ได้ กองทัพของอ๋องห้าที่เรากักตัวไว้ก็ทลายค่ายออกมา หนีกระจัดกระจายยากตามตัวได้”“ท่านตู้ท่านเองก็นับว่าใกล้ชิดจินเฉิงอู่มาไม่น้อย กลยุทธ์ของเขา ไม่อยากเชื่อว่าท่านตามไม่ทัน ข้าเห็นทีต้องยอมแพ้เขาเช่นนั้นหรือ ในเมื่อจนป่านนี้เบาะแสของจินเฉิงอู่แม้แต่น้อยก็ไม่มี”“ขอฝ่าบาทโปรดอภัย อ๋องห้าแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าดุดันแข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ อ่อนโยนจนเป็นที่รักของเหล่าทหารในกองทัพ”“เช่นนั้นข้าต้องชื่นชมเขาด้วยหรือไร หรือว่าให้ข้า คืนความเป็นธรรมให้เขาแล้วเรียกเขากลับเข้าวัง ไว้ใช้งานแทนพวกเจ้าที่เหลือ”โทสะโมโหแทบขาดสะบั้นความเงียบงันบังเกิดขึ้น“ใต้เท้าตู้ท่านขอข้าทำให้ แต่ข้าไหว้วานท่านกับทำไม่สำเร็จ อีกไม่นานโยวเสวียนบุตรีเจ้าข้าแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย หากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำได้เกรงว่า กุ้ยเฟยคงไม่ได้รับการโปรดปรานจากข้าเท่าท
โยวเสวียนขังตัวเองในห้อง ไร้แสงเดือนแสงตะวัน ลมหนาวพัดโชยเหน็บหนาวเดียวดาย"พระชายา""เจ้ายังกล้าเรียกข้าพระชายาอีกหรือในเมื่อท่านอ๋องไม่แม้แต่จะคำนึงถึงข้าคนนี้ หนีไปกับนางแพศยาราวกับไม่เคยเป็นสามีภรรยากัน""พระนาง อีกไม่นานท่านจะถูกแต่งตั้งเป็นสนมของฝ่าบาทยศตำแหน่งสูงส่ง ข้าน้อยเชื่อว่าพระนางจะเป็นที่โปรดปรานอย่างแน่นอน""จะโปรดปรานหรือไม่ข้าไม่แยแส พี่เฉิงอู่เป็นเพียงชายเดียวที่ข้า...มอบทั้งใจและกาย""พระนางคำพูดนี้ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยิน หากฝ่าบาทรู้ว่าพระนางบุตรีของใต้เท้าตู้ยังฝักใฝ่อยู่กับอ๋องไร้จวนผู้นั้น เกรงว่าใต้เท้าตู้ที่รับรองแข็งขันจะไม่อาจอยู่ในตำแหน่งได้นาน""ท่านพ่อตามใจข้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ที่บอกให้ข้าเลิกคร่ำครวญและภักดีต่อฝ่าบาท"สาวใช้กอดปลอบโยวเสวียนที่ใบหน้าเศร้าสร้อยเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้ไม่ปาน"พระนางเรื่องแค่นี้ ท่านต้องผ่านมันไปให้ได้ หากได้รับการโปรดปรานทุกอย่างย่อมวางอยู่แทบเท้า""ถึงข้าไม่อยากทำเพียงใดก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เจิ้งเหมยนางต้องได้รับบทเรียนจากข้าในโทษฐานที่นางแย่งรักจากท่านอ๋องไป"ดวงตาสวยทว่ามีแววเคียดแค้นเกินจะบรรยายได้ "เฉิงหวาง
จินเฉิงหวางแต่งตั้งโยวเสวียนเป็นสนมเอก แม้จะเป็นกากเดนของจินเฉิงอู่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดโยวเสวียนกลับสามารถปรับตัวได้ดีไม่น้อย"ฝ่าบาท"น้ำเสียงออดอ้อน มือใหญ่เชยคางมองสบสายตาที่ไม่สามารถอ่านออกนั่นนิ่ง"ข้ารอเวลานี้มานาน"ก้มลงจุมพิตริมฝีปาก"ฝ่าบาทพูดเหมือนดั่ง หมายปองโยวเสวียนมานาน""นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่เคยใส่ใจ หญิงนางเดียวที่ข้าใฝ่ฝันครอบครองมาตลอดมีเพียงเจ้าโยวเสวียน"รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก หลับตาทอดกายลงบนแท่นนอน โยวเสวียนมั่นใจว่าตอนนี้มือบอบบางของนางได้กุมหัวใจบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ไม่ใช่คำพูดยามต้องการร่วมรักแต่เพราะความอ่อนโยนและบทสวาทที่โยวเสวียนได้รับ เหมือนดังตัวเองเป็นดั่งนางสวรรค์คังซื่อฮั่น รวบรวมกำลังพลระหว่างทาง"ท่านหัวหน้าองครักษ์ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่"แม่ทัพใหญ่ถามด้วยความห่วงใย"ท่านอ๋องตอนนี้ เดินทางสู่หน้าด่าน พร้อมกับองครักษ์เหลียงซานป๋อ ในระหว่างนี้ข้ากับท่าน เพียงรวบรวมกำลังพลที่กระจัดกระจาย แล้วนำกำลังสมทบท่านอ๋องที่หน้าด่าน ที่นั่นมีผู้ที่ภักดีกับท่านอ๋องไม่น้อย""เช่นนั้นอย่ารอช้า ครั้งนั้นพวกเราเสียรู้ตู้เฉินกักตัวในค่าย บอกใ
“เฉิงเจินควรไปรอพบฟูจินที่ด้านหน้าประตูวัง ส่วนพวกท่านสองคน ข้าหลายวันมานี้อ่านฎีกาจนปวดเมื่อย ตำหนักใหญ่เงียบเหงาหลายวันเราสามคนร่ำสุราผูกสัมพันเช่นเก่าก่อน”เหลียงซานป๋ออมยิ้ม“ไท่จือท่านอย่าทำพลาดอีกนะ ฝ่าบาทอุตส่าห์ลงมือเองเพียงนี้”เฉิงเจินประสานมือตรงหน้าอมยิ้มแก้มปริ“ข้าลาทุกท่าน รับรองด้วยการฝึกปรือจากเสด็จพ่อท่านอาทั้งสอง เฉิงเจินไม่มีทางทำให้ผิดหวังแน่”คนทั้งหมดส่ายหน้าไปมาประตูวัง จินเฉิงเจินเดินวนไปเวียนมาราวกับเสือติดจั่นเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จึงยิ้มได้ ฟูจินดึงบังเหียนม้าให้หยุดตรงหน้า“ไท่จือท่าน ฝ่าบาทมีเรื่องใดกันจึงบัญชาฟูจินกลับเข้าวังหลวงโดยเร็วหรือว่าฮองเฮา”สีหน้าร้อนรนเฉิงเจินยิ้มคว้าข้อมือบางกระชากลงจากหลังม้า ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน“ไท่จือ อย่าทำแบบนี้ ฟูจินมิใช่เด็กๆแล้วและเราสองคนก็โตกันแล้ว”“เราสองคนโตแล้วจึงเหมาะที่จะสร้างครอบครัว”ฟูจินขมวดคิ้ว“ปล่อยฟูจินก่อนเจ้าค่ะ”ดิ้นรนในอ้อมแขนแข็งแรง“ข้ารึ เป็นทุกข์อยู่เสียนานกลัวว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะ กีดกันแต่มาวันนี้ทั้งสองพระองค์ไม่ใช่แค่ไม่กีดกันยังส่งเสริมข้ากับเจ้า”ส่งฟูจินขึ้นบนหลังม้ากระโดดข
“ฟูจินรับบัญชาฮองเฮาสิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้วสำหรับฟูจิน”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทว่าเศร้าสร้อย เจิ้งเหมยยิ้มฟูจินมักว่าง่ายเสมอ“เฉิงเจินกำลังจะแต่งไท่จือเฟยเจ้าเองคงเหงาและใจหายข้าจึงตั้งใจให้เจ้าแต่งกับบุตรชายแม่ทัพเว่ย เสียพร้อมกันจัดงานมงคลขึ้นพร้อมกัน”ฟูจินยิ้มเศร้าๆ“ฟูจิน ไยจึงมีสีหน้าเศร้าสร้อยเพียงนั้น หากไม่เต็มใจ ข้าจึงไม่บังคับเจ้า"ฟูจินย่อกายลงงดงาม"สิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้ว ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองฟูจินเกิดมาก็ได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทและฮองเฮาอยู่สุขสบายเหมือนองค์หญิงเรื่องใดที่เป็นหน้าที่พึงกระทำเพื่อตอบแทนคุณ”เจิ้งเหมยโอบกอดฟูจินอย่างอ่อนโยน“ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณที่มีเจ้าเป็น ดังลูกสาวคังฟูจินหากมีสิ่งใดที่เจ้า หนักใจ บอกกับข้ามาเถิด” ลูบหลังไหล่ให้ ฟูจินสะอื้นเบาๆ เจิ้งเหมยผลักร่างของฟูจินถอยห่างสบตาค้นหาความจริงในดวงตาสีโศกยามเย็นย่ำจินเฉิงเจินเร่งฝีเท้ามายังตำหนักชิงหนิงกงเหลือบแลหาฟูจินแต่ไม่พบนาง“เสด็จแม่”เจิ้งเหมยเงยหน้าขึ้นจากการเย็บถุงหอม“มาแล้วหรือให้ใครตามตั้งแต่บ่ายเพิ่งจะมาถึง ไม่เห็นว่าการพบแม่สำคัญหรือไร คงต้องพูดเรื่องกา
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจิ้งเหมยอมยิ้ม ไท่จือมองฟูจินด้วยสายตาเจ็บซ้ำ“ฟูจินอายุน้อยกว่าเจ้า นางยังเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ไท่จือลูกเองก็น่าจะเข้าใจ ตอนนี้เองไท่จือก็ไม่ได้มีผู้ใดในใจมิใช่หรือ อย่างนั้นหากได้พบองค์หญิงปี่เหยาเจ้าอาจเปลี่ยนใจก็ได้” ไท่จือแม้จะขัดใจเพียงใดแต่ก็ไม่อาจโต้แย้ง นึกน้อยใจฟูจินที่ไม่ช่วยเขาแล้วยังเข้าข้างเจิ้งเหมยที่เป็นมารดาอีก“ ให้เสด็จแม่รู้ไว้ด้วยเถิดว่าลูกไม่เคยจะเต็มใจที่จะแต่งไท่จือเฟยตามที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เห็นสมควร ลูกต้องการที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และเลือกเองเพียงลำพังลูกพูดเพียงแค่นี้ ลูกทูลลา” ขยับตัวลุกขึ้น เหลือบมองฟูจิน สิ่งที่ฟูจินเห็นในนั้นคือแววน้อยใจ ที่ทำเอาฟูจินโศกสลดไม่แพ้กันเจิ้งเหมยส่ายหน้าช้าๆ"ยังทำตัวเหมือนองค์ชายน้อยไม่เปลี่ยน"ฟูจินแสร้งขบขันทางเดินทอดยาว ฟูจินตั้งใจออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่เศร้าหมองหาสาเหตุไม่ได้ เดินเรื่อยไปตามทาง ดวงอาทิตย์อัสดงไปแล้วภาพความทรงจำเก่าๆ ที่เคยวิ่งเล่นอยู่บริเวณนี้กับเฉิงเจิน เสียงหัวเราสอดประสาน พลันร่างอ้วนป้อมของฟูจินก็ล้มลงไปกองกับพื้น"บอกแล้วอย่างไรอย่าวิ่งตาม เห็นไหมบา
มิอาจพูดว่ารักฟูจิน จัดการหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบเรียบร้อย ฮองเฮานั่งอยู่บนแท่นนั่งอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าใกล้“ฟูจินนวดให้ไหมเพคะ”เจิ้งเหมยในวัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับงดงามอ่อนกว่าวัย ยิ้มน้อยๆ“ไม่มีครั้งไหนที่ข้าจะปฏิเสธมีเจ้าเพียงผู้เดียวฟูจินที่นวดได้ถูกใจข้าเหลือเกิน”ฟูจินยิ้มหวาน ออดอ้อนซบหน้าลงบนตักกว้าง“ฮองเฮาเมตตาฟูจิน จนฟูจิน ไม่เคยโหยหาความรักจากมารดาทั้งๆ ที่ ไม่เคยมีมารดากับเขา”เจิ้งเหมยลูบศีรษะเบาเบาจะไม่เมตตาได้อย่างไรก็ในเมื่อคังซื่อฮั่น หอบเอาห่อผ้าที่มีทารกน้อยมา ยื่นส่งให้ตรงหน้าจินเฉิงอู่พร้อมกับ พูดเพียงสั้นๆว่าดูแลเขาแทนข้าด้วย ใบหน้าน้อยๆ ริมฝีปากแดงระเรื่อดวงตากลมใส ที่ยัดนิ้วโป้งเข้าไปดูดด้วยความหิว แก้มป่องใสดวงตาพิสุทธิ์ใครกันจะไม่หลงใหลนาง องค์ชายน้อยชะโงกหน้ามอง ฟูจินด้วยแววตาสงนฉนเท่ห์“ท่านแม่ น้องข้าใช่หรือไม่”เจิ้งเหมยยิ้มกอดองค์ชายไว้ในอ้อมแขน“ นางเป็นน้องสาวของเจ้า”จินเฉิงอู่ตอบขึ้นเบาๆ คังซื่อฮั่นเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันมามอง ด้วยอะไรเจิ้งเหมยรู้ดี เขาตัดใจกับทารกน้อยคนนี้ไม่ได้ หากหันกลับมามอง เห็นทีต้องอุ้มนางกลับไปเร่ร่อนเช่นเดียวกับเขา“เฉิ
จินเฉิงเจิน ในวัย18ปีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของ จินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทว่าอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเหมือนหญิงสาวก็ไม่ปาน ยืนมองทุ่งหญ้าเขียวขจีงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบการขึ้นครองราชย์ของจินเฉิงอู่กับตำแหน่งไท่จือที่จินเฉิงเจินจะถูกแต่งตั้งในวันนี้สายตาคมทอดมองไปไกล เรื่องราวที่ผ่านมามากมายให้ระลึกถึง ในโลกนี้จะมีใครรักและภักดีต่อกันได้เท่าพ่อกับแม่ของเขากันอีก จินเฉิงอู่ไม่ยอมมีสนมนางใน แม้จะมีเขาเป็นโอรสเพียงคนเดียว ก็ไม่เคยร่ำร้องอยากจะมีหญิงอื่นเพิ่มพูน เช่นไรเขาถึงจะรักใครสักคนให้ได้เท่ากับที่จินเฉิงอู่รักเสด็จแม่เจิ้งเหมยของเขา ใบหญ้าสีเขียวขจีลู่ลมน่ามอง เสื้อคลุมถูกถอดออกคลุมให้ฟูจินรวบผมยาวสลวยสอดเสื้อคลุมเข้าไปใต้ไรผม ใบหน้างดงามดวงตาเศร้าสร้อยไม่ต่างจากสายตา ของคังซื่อฮั่น ดวงหน้าผุดผาดริมฝีปากบางใสน่าสัมผัสจนคนมองต้องเผลอขบเม้มฝีปากตัวเอง“ไม่ต้องแล้ว ฟูจินไม่ได้หนาวขนาดนั้นอากาศเย็นสบายดี”เลิกคิ้วสูงยิ้มบางๆ“เจ้ายังเป็นน้องเล็กของข้าอยู่ เมื่อใดที่แต่งออกไปจึงค่อยมาแข็งข้อกับข้า”กระชับเสื้อคลุมให้อย่างอ่อนโยน“ไปเถอะสายมากแล้วใกล้ได้เวลา
ใบหน้าเรียบเฉยทว่าใจกลับสั่นไหว คังซื่อฮั่นแปลกใจว่าตัวเขาเป็นอะไรไปกันแน่ ในเมื่อกับเจิ้งเหมยมีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดได้ห่วงใยและคอยปกป้อง แต่กลับรู้สึกเป็นสุขเมื่อเจิ้งเหมยมีรอยยิ้มและดีใจเมื่อเจิ้งเหมยมีความสุขซึ่งเขาคิดว่ามันคือความรัก แล้วแบบนี้เล่าคืออะไรกันทำไมรู้สึกว่าไม่อาจห้ามใจ กับความซุกซนของอี้หลิน“พอใจหรือยัง”อี้หลิน เงื้อมือตั้งจะจะฟาดลงบนใบหน้าของคังซื่อฮั่นแก้เขิน คังซื่อฮั่นใช้ความไวคว้าข้อมือไว้ยิ้มยียวน“วันพรุ่งนี้ข้าจะรับบัญชาฝ่าบาทรั้งอยู่ที่นี่แล้วก็ตกลงใจที่จะรับเจ้าเป็นภรรยาตามที่เจ้าต้องการ” อี้หลิน ไม่กล้าสบตาก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ใครจะแต่งกับท่านกัน”“อ้าวเจ้าพูดเองว่าฝ่าบาทประทานสมรส ห้ามข้าเฉยชาใส่เจ้าแล้วยัง ...มาลวนลามข้าก่อน พอข้าเอาคืนกลับทำท่าทีไม่พอใจเสียอย่างนั้นเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”จมูกรั้นเชิดหยิ่ง“ข้าก็ไม่เห็นจะง้อท่านเลยไม่แต่งก็ได้”ก้าวขากำลังจะออกจากห้องไปคังซื่อฮั่นรวบเอวบางจากด้านหลัง ฉวยโอกาสกอดไว้แน่น“ไม่ทันแล้ว หากเจ้ารู้จักข้าดี ก็จะรู้ว่าคนอย่างคังซื่อฮั่นยึดมั่นคำสัจเพียงใดพูดคำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยนใจ เ
เมื่อมาถึงห้องพัก คังซื่อฮั่นเริ่มคิดหาคำพูดที่จะพูดคุยกับอี้หลิน“เจ้าชื่อแซ่อะไรข้าลืมไปเสียหมดแล้ว”“ท่านคังท่าน ช่างเป็นบุรุษที่หลงลืมง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ หากท่านจะมีความจำสักนิดก็จะรู้ว่า อี้หลินเคยพบท่านมาก่อน”“อี้หลิน”อี้หลินพยักหน้า“เคยพบกันที่แห่งใด”ใบหน้าฉงนสนเท่ห์“จนกว่าท่านคังจะจำได้ อี้หลินจึงจะบอกว่าเราพบกันตอนไหน”คังซื่อฮั่นถอนใจ“ไม่ถาม แล้วก็ไม่ต้องการคำตอบแล้ว”คนพูดน้อยเผอเรอหลงลืมไปว่าตัวเอง ไม่ชอบเซ้าซี้ใครพอนึกได้ก็เปลี่ยนท่าทีทันทีเช่นกัน อี้หลินเบ้ปากคนอะไรไม่ชอบ ที่จะเล่นสนุกกับผู้ใด นานแค่ไหนแล้วที่คังซื่อฮั่นปลีกตัวออกไปอยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ ถึงท่านคังไม่อยากรู้แต่อี้หลินก็จะบอก”“ว่ามา”ใบหน้าเฉยชา หยิบน่องไก่ในจานมาพิศดูความทรงจำลอยวนเข้ามาในความคิด น่องไก่ที่ยื่นส่งให้เจิ้งเหมยในวันนั้น เหลียงซานป๋อกับเขาพากันกัดแทะลำตัวไก่เสียหมด ไว้แกล้มสุราจนเริ่มมีความกล้าในภารกิจครั้งนั้น ก็ในเมื่อคนที่ต้องนำน่องไก่ไปให้เจิ้งเหมยเป็นเขาตามความเห็นของจินเฉิงอู่และเหลียงซานป๋อ คังซื่อฮั่นเผลอยิ้มให้น่องไก่อวบ“ยิ้มทำไม”“ ไม่ใช่ ธุระอะไรของเจ้า”อี้หลินหน้าเง้า“เ
พลันแสงสว่างข้างกายกลับมืดมิด เมื่ออี้หลินเดินถือถาดขนมในมือเข้ามาทุกสิ่งมืดมิดลงทันที่มีเพียงรอบกายของอี้หลินเท่านั้นที่สว่างเรืองรอง คังซื่อฮั่นอ้าปากค้าง ดวงตาพร่ามัว"คังซื่อฮั่น"เสียงเรียกจากจินเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายกลับเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล และเหมือนกับเสียงนั้นเอ่ยออกมาเชื่องช้าด้วยเวลาในขณะนั้นถูกหยุดหรือถูงดึงให้ช้าลงไป"อี้หลินถวายพระพร ฝ่าบาทฮองเฮา องค์ชายน้อย คารวะท่านเหลียงซานป๋อ และท่าน.."หันไปทางคังซื่อฮั่น"คังซื่อฮั่น"เอ่ยปากเบาๆ จนเกือบกลายเป็นกระซิบ แต่ตายังจ้องมองที่อี้หลินตาไม่กะพริบ จินเฉิงอู่เจิ้งเหมยกับเหลียงซานป๋อปิดปากหัวเราะพร้อมกันจินเฉิงเจิน ฟูจินหันมองหน้ากันแบบงงๆ ว่าคนทั้งหมดกำลังหัวเราะอะไรคังซื่อฮั่น"อี้หลิน เจ้านำทางท่านคังไปที่พำนักและช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านคังด้วย"เจิ้งเหมยออกคำสั่งอี้หลินย่อตัวทำความเคารพ"เชิญท่านคังตามข้ามา"คังซื่อฮั่นเดินตามไปอย่างงงๆ เจิ้งเหมยรับเอาฟูจินมาอุ้มไว้จินเฉิงเจินกับฟูจินวิ่งลงจากอ้อมแขนหยิบขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย“เห็นไหม องค์ชายอี้หลินนางทำขนมได้ถูกใจเราสองคนที่สุด”ปากเล็กเคี้ยวขนมไม่หยุด องค์ชายน้อยย
อิงฝานเดินจากไปยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก ความเจ็บแค้นทั้งหมดสูญสลายไปหมดอโหสิกรรมให้โยวเสวียน ชาติหน้าอย่าได้พบกันอีกเลย คนอย่างโยวเสวียน หากยังมีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่มีสิ้นสุดตราบใดที่นางยังหายใจนางก็จะทำให้ คนอื่นต้องสูญเสียชีวิตอีกกี่คนกันเล่าดอกเหมยงดงามสองข้างทางกลับสีชมพูแดงร่วงหล่นลงบนทางเดินทอดยาววกวน องค์ชายน้อยจินเฉิงเจิน วิ่งไล่จับแมลงปอที่บินวนไปมา เสียงหัวเราะสนุกสนาน ดังไปทั่วบริเวณ เหล่าขันทีและนางกำนัล วิ่งตามด้วยกลัวจะหกล้มหกลุกแต่เรี่ยวแรงมากมายวิ่งจนทั่ววังหลวงที่กว้างขวาง“องค์ชาย รอฟูจินด้วย”เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งตาม“ตามข้ามา ฟูจิน”เสียงเล็กๆใสใสกวักมือให้ตามไป แต่ฟูจินหกล้มหัวเข่ากระแทกเลือดไหลซึม“คุณหนูฟูจิน จะวิ่งทำไมคะ”นางกำนัลรีบวิ่งมาอุ้ม จินเฉิงเจินวิ่งลับตาไปยังคงตามจับแมลงปอตัวสวย“องค์ชายใจร้าย”ฟูจินตัดพ้อปาดคราบน้ำตานางกำนัลให้ฟูจินขี่หลัง เจิ้งเหมยเดินมารับเอาคุณหนูฟูจินตัวอ้วนป้อม มากอดแนบอกลูบหลังไหล่ให้ ยกเขาเล็กขึ้นมาเป่าที่แผลเบาๆ“ฮองเฮา องค์ชายไม่รอฟูจิน”มืออ้วนป้อมกอดรอบคอซบหน้าลงบนไหล่อุ่น เจิ้งเหมยยิ้มอ่อนโยน“ปล่อย