วังหลวง….“จินเฉิงอู่ วันนี้เจ้ามีเวลามาพูดคุย กับข้านับว่าไม่เลว ความสัมพันธ์พี่ใหญ่น้องเล็กของสองเรา นับวันยิ่งห่าง”พูดรื้อฟื้นความสัมพันธ์“ฝ่าบาท กังวลเกินไปแล้วจินเฉิงอู่ก็ยังเป็นจินเฉิงอู่ไม่มีมีสิ่งใดจะเปลี่ยนได้”“บัลลังก์นี้ มีไว้เพื่อเราสองพี่น้อง ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเช่นกัน”“ฝ่าบาท กล่าวเกินไปแล้วบัลลังก์นี้เป็นของฝ่าบาท ไม่มีใครแบ่งแยกมันไปได้”ฮ่องเต้ยิ้มเยือกเย็น“บุตรีใต้เท้าเจิ้งอยู่สบายดีในจวนของเจ้า จนทำให้ใต้เท้าเจิ้งละเลยบางอย่างไป”“ฝ่าบาท ทรงทราบดีว่าจินเฉิงอู่ไม่ได้ รับนางเข้าไปในตำแหน่งชายารอง เพียงแต่รับด้วยความเสียมิได้ ให้นางอยู่ในตำแหน่งสาวใช้เท่านั้น”“เช่นนั้นใต้เท้าเจิ้งก็คงคาดหวังให้เจ้าดีกับนาง จึงยอมทำตามสิ่งที่เจ้าขอข้าได้ยินมาไม่ผิดใช่ไหม”จินเฉิงอู่ยิ้ม“การที่บิดาคนหนึ่งจะทำเพื่อบุตรีมิใช่เรื่องแปลก เหมือนที่ใต้เท้าไป๋ตกลงใจเลือกข้างอีกครั้ง เมื่อฝ่าบาทแต่งตั้งสนมเอกคนใหม่”แววตาขึ้งโกรธจนอีกฝ่ายรู้สึกได้ชัดเจน..จวนอ๋อง …..ใต้เท้าไป๋และใต้เท้าตู้เพิ่งกลับไป หลังจากที่พูดคุยกับจินเฉิงอู่ม้วนกระดาษเล็กสอดเข้าไปผูกไว้กับขาของ นกพิราบแล้วปล่อยให้มั
"พระชายา ในที่สุดสิ่งที่พระชายาทุ่มเทก็เป็นผล ท่านอ๋องสั่งขังนางแม้ไทฮองไทเฮายังไม่กล้ายุ่ง""ดี นับว่าเป็นข่าวดี ข้าสมควรจะไปพบท่านอ๋องเสียหน่อยต่อไปนี้มีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ เพื่อท่านอ๋องจะได้หมดความไว้วางใจในตัวนาง"ไทฮองไทเฮานั่งทอดอาลัย"เฉิงอู่ หากจะมีอะไรสักอย่างที่บดบังสายตาของเจ้าก็คงเป็นความรัก"ไทฮองไทเฮาถอนใจ"ท่านอ๋องให้นำย่าหนามาอยู่รับใช้ไทฮองไทเฮาแทนแม่นางเจิ้ง ห้องพักของแม่นางเจิ้งถูกปิดตายย่าหนานจึงต้องมาพักกับไทฮองไทเฮา"ถอนหายใจอีกรอบ"เหลียงซานป๋อ เจ้าส่งอาหารให้นางมากหน่อย แวะไปพูดคุยกับนางบ้างบอกว่าข้ากำลังหาทางช่วยเหลือนางอยู่"เสี่ยวป๋อยิ้มเดินออกจากห้องไปสวนกับจินเฉิงอู่"เสด็จย่า หลานรู้สึกเหมือน….โดนหักหลัง""มาหาย่าใกล้ๆ สิ"เดินเข้าไปซบลงที่ตัก"เฉิงอู่แต่เล็กเจ้าก็อยู่กับย่ามาตลอด เรื่องราวไหนที่เกินรับไหวย่าแบกรับไว้ให้จนสิ้น ไม่ว่าจะแม่เจ้าตายหรือเรื่องราวการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่พลาดหวัง ทุกอย่างย่าล้วนไม่ปล่อยให้เจ้าเผชิญมันเพียงลำพัง แต่เรื่องหัวใจย่าจนปัญญาช่วยเจ้า ใช้หัวใจของเจ้าจินเฉิงอู่ ใช้หัวใจของเจ้ามองปัญหานางจะเป็นใครก็ช่าง เป็นคนของตระก
“ท่านอ๋องท่านทำอะไรลงไปโยวเสวียนดีกับท่านทุกอย่าง แต่สิ่งที่ท่านอ๋องตอบแทนโยวเสวียนคือการ แต่งนางเข้าจวนอ๋องในตำแหน่งชายาเหมือนกันกับโยวเสวียนอย่างนั้นหรือ”“ข้า ไม่เคยบอกเจ้าหรือไร ความสัมพันธ์ของเราสองคน อย่างที่ข้าเคยบอกเราทั้งสองต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เจ้าต้องการตัวข้าต้องการเป็นชายาอ๋องเจ้าก็ได้เป็นแล้ว แต่หัวใจข้าขอให้มันเป็นอิสระได้ไหม”โยวเสวียนแววตาเจ็บซ้ำ“ท่านอ๋อง…. รักนาง…. เช่นนั้นหรือ…..เป็นไปได้อย่างไร”จินเฉิงอู่นิ่งไม่โต้ตอบ โยวเสวียนเดินออกจากห้องไปอย่างไร้เรี่ยวแรง แทบทรงตัวไม่อยู่จินเฉิงอู่ยกมือขึ้นกุมขมับ“เพล้ง”โยวเสวียน ปาข้าวของในห้องแตกกระจายสาวใช้รีบวิ่งเข้ามาดูปิ่นปักผมที่จินเฉิงอู่ปักให้ในวันที่แต่งเข้าจวนอ๋องถูกปาจนหักเป็นสองท่อน“นางจะต้องเจ็บปวดเหมือนที่ข้าเจ็บปวดอาจมากกว่าด้วยซ้ำ ข้าโยวเสวียนไม่มีทางยอมแพ้แก่เจ้า”.......................……………...“เปิดประตู”จินเฉิงอู่ยืนอยู่หน้าห้องพักที่ขังเจิ้งเหมยไว้“นำอาหารเข้ามา”เสี่ยวป๋อรีบยกอาหารคาวหวานมาวางบนโต๊ะ“เขาว่าเจ้าไม่ดื่มกินเอาแต่นั่งทอดอาลัย”นั่งหันหลังให้ไม่สนใจ ท่านอ๋องโบกมือไล่เสี่ยวป๋อที่อ
จวนอ๋องถูกประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดงผูกติดเป็นริ้วสวยงาม โคมไฟสีแดงทุกอย่างล้วนเป็นสีแดง เจิ้งเหมยนั่งอยู่ในห้องสวมชุดสีแดงสด ไทฮองไทเฮานั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมหงอกขาวโพลนแต่ ก็สวมชุดสีแดงเป็นมงคล ย่าหนานกำลังแต่งตัวให้เจิ้งเหมยพร้อมกับสาวใช้สองคนไทฮองไทเฮาคอยสั่งให้เป็นตามที่ต้องการ"ย่าดีใจ ที่เจ้าไม่ปฏิเสธเฉิงอู่ความรักหากดื้อรั้นเกินไปมักจะไม่ได้พบกับความสุข""เจิ้งเหมยขอบพระทัยไทฮองไทเฮาที่สั่งสอน"“เฉิงอู่ไม่ได้ไม่เต็มใจแต่งเจ้าจำคำของย่าไว้”เจิ้งเหมยน้ำตารื้นขอบตา"จินเฉิงอู่ ปากแข็งตั้งแต่เล็กแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ไม่เคยจะร้อง บางอย่างแม้ฝืนใจเขาก็จะทำ หากเจ้ามองเขาดีๆจะรู้ว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไร"จินเฉิงอู่ สวมชุดแดงขลิบทองที่ชายเสื้อ ความสุขฉายออกมาจากแววตาเปล่งประกายมุ่งหวัง"เสี่ยวป๋อใกล้ได้เวลาหรือยัง"น้ำเสียงตื่นเต้นอย่างไม่อาจฝืนใจเสี่ยวป๋อยิ้ม"ท่านอ๋องใจร้อนไปแล้ว"กระสับกระส่ายร้อนรน"นางสวยไหม""สวยที่สุด ไทฮองไทเฮาทรงอยู่ดูการแต่งตัวของนางเอง"ยิ้มสมใจแววตามุ่งหวังเสี่ยวป๋อขำกับท่าทีเหมือนหนุ่มน้อยนั้น รู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ เป็นความต้องการของจินเฉิงอู่ เพราะเป็น
"คงต้องแยกกันตรงนี้เสี่ยวป๋อระวังตัวด้วยหากเดินทางมากคนยิ่งเป็นจุดสนใจ""ท่านอ๋องพระชายาระวังตัวด้วย"เสี่ยวป๋อจากไป"อย่าเศร้าเสียใจไปเลย ใต้เท้าเจิ้งคงจะเสียใจหากทราบว่าเจ้าเป็นทุกข์""ท่านพ่อและตระกูลเจิ้งภักดีมายาวนานบัดนี้กลับตายไปพร้อมกับคำว่ากบฎ""การเมืองและการแย่งชิงอำนาจมักนำมาซึ่งความเจ็บปวดและวีรบุรุษ ข้าสัญญาจะคืนความเป็นธรรมให้ตระกูลเจิ้ง"เจิ้งเหมยมองสบตาจินเฉิงอู่เหมือนจะค้นหาความเคลือบแคลงในนั้น……………………..การเดินทางผ่านป่าเขารกเรื้อบังเกิดความเมื่อยล้า จินเฉิงอู่บังคับม้าให้หยุดใต้ร่มไม้ใหญ่"เจ้าเป็นหวางเฟย ที่ลำบากที่สุดต้องระหกระเหินเกรงว่าจะได้รับความลำบากไม่น้อย""ข้าผ่านความลำบากมามาก เกรงแต่ท่านอ๋องผู้ไม่เคยตรากตรำจะผ่านความลำบากนี้ไปคงยากไม่น้อยเช่นกัน""มีเจ้าข้างกาย ความลำบากข้าหากลัวไม่"ยิ้มดวงตาเป็นประกาย"ท่านอ๋องจงใจให้ข้าเป็นสาวใช้ข้างกาย ทั้งที่แต่งข้าเป็นชายาแล้วเช่นนั้นหรือไม่อยุติธรรมไปหน่อยหรือ""หากเจ้ากลัวจะเป็นเช่นนั้น ไม่สู้ให้ข้ารับใช้เจ้ามีสิ่งใดที่นายหญิงต้องการโปรดบัญชาเสี่ยวเฉิงอู่ยืนดีรับบัญชา""ดี เช่นนั้นตอนนี้ข้าหิวมากแล้ว เจ้าไปหาของกิ
"จินเฉิงอู่หนีรอดไปได้พวกเจ้าทำงานกันเช่นไร"ใต้เท้าตู้คุกเข่าเบื้องหน้า“ฝ่าบาท แผนการที่วางไว้นับว่ารัดกุมไม่น้อยแต่หทารและองครักษ์ของอ๋องห้านับว่าฝีมือเก่งกาจอีกทั้งไม่กลัวตายยอมสละชีวิตเพื่ออ๋องห้าได้ทุกคน แม้กระทั่งตอนนี้ เรายังจับตัวหัวหน้าองครักษ์คังซื่อฮั่นไม่ได้ กองทัพของอ๋องห้าที่เรากักตัวไว้ก็ทลายค่ายออกมา หนีกระจัดกระจายยากตามตัวได้”“ท่านตู้ท่านเองก็นับว่าใกล้ชิดจินเฉิงอู่มาไม่น้อย กลยุทธ์ของเขา ไม่อยากเชื่อว่าท่านตามไม่ทัน ข้าเห็นทีต้องยอมแพ้เขาเช่นนั้นหรือ ในเมื่อจนป่านนี้เบาะแสของจินเฉิงอู่แม้แต่น้อยก็ไม่มี”“ขอฝ่าบาทโปรดอภัย อ๋องห้าแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าดุดันแข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ อ่อนโยนจนเป็นที่รักของเหล่าทหารในกองทัพ”“เช่นนั้นข้าต้องชื่นชมเขาด้วยหรือไร หรือว่าให้ข้า คืนความเป็นธรรมให้เขาแล้วเรียกเขากลับเข้าวัง ไว้ใช้งานแทนพวกเจ้าที่เหลือ”โทสะโมโหแทบขาดสะบั้นความเงียบงันบังเกิดขึ้น“ใต้เท้าตู้ท่านขอข้าทำให้ แต่ข้าไหว้วานท่านกับทำไม่สำเร็จ อีกไม่นานโยวเสวียนบุตรีเจ้าข้าแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย หากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำได้เกรงว่า กุ้ยเฟยคงไม่ได้รับการโปรดปรานจากข้าเท่าท
โยวเสวียนขังตัวเองในห้อง ไร้แสงเดือนแสงตะวัน ลมหนาวพัดโชยเหน็บหนาวเดียวดาย"พระชายา""เจ้ายังกล้าเรียกข้าพระชายาอีกหรือในเมื่อท่านอ๋องไม่แม้แต่จะคำนึงถึงข้าคนนี้ หนีไปกับนางแพศยาราวกับไม่เคยเป็นสามีภรรยากัน""พระนาง อีกไม่นานท่านจะถูกแต่งตั้งเป็นสนมของฝ่าบาทยศตำแหน่งสูงส่ง ข้าน้อยเชื่อว่าพระนางจะเป็นที่โปรดปรานอย่างแน่นอน""จะโปรดปรานหรือไม่ข้าไม่แยแส พี่เฉิงอู่เป็นเพียงชายเดียวที่ข้า...มอบทั้งใจและกาย""พระนางคำพูดนี้ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยิน หากฝ่าบาทรู้ว่าพระนางบุตรีของใต้เท้าตู้ยังฝักใฝ่อยู่กับอ๋องไร้จวนผู้นั้น เกรงว่าใต้เท้าตู้ที่รับรองแข็งขันจะไม่อาจอยู่ในตำแหน่งได้นาน""ท่านพ่อตามใจข้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ที่บอกให้ข้าเลิกคร่ำครวญและภักดีต่อฝ่าบาท"สาวใช้กอดปลอบโยวเสวียนที่ใบหน้าเศร้าสร้อยเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้ไม่ปาน"พระนางเรื่องแค่นี้ ท่านต้องผ่านมันไปให้ได้ หากได้รับการโปรดปรานทุกอย่างย่อมวางอยู่แทบเท้า""ถึงข้าไม่อยากทำเพียงใดก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เจิ้งเหมยนางต้องได้รับบทเรียนจากข้าในโทษฐานที่นางแย่งรักจากท่านอ๋องไป"ดวงตาสวยทว่ามีแววเคียดแค้นเกินจะบรรยายได้ "เฉิงหวาง
จินเฉิงหวางแต่งตั้งโยวเสวียนเป็นสนมเอก แม้จะเป็นกากเดนของจินเฉิงอู่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดโยวเสวียนกลับสามารถปรับตัวได้ดีไม่น้อย"ฝ่าบาท"น้ำเสียงออดอ้อน มือใหญ่เชยคางมองสบสายตาที่ไม่สามารถอ่านออกนั่นนิ่ง"ข้ารอเวลานี้มานาน"ก้มลงจุมพิตริมฝีปาก"ฝ่าบาทพูดเหมือนดั่ง หมายปองโยวเสวียนมานาน""นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่เคยใส่ใจ หญิงนางเดียวที่ข้าใฝ่ฝันครอบครองมาตลอดมีเพียงเจ้าโยวเสวียน"รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก หลับตาทอดกายลงบนแท่นนอน โยวเสวียนมั่นใจว่าตอนนี้มือบอบบางของนางได้กุมหัวใจบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ไม่ใช่คำพูดยามต้องการร่วมรักแต่เพราะความอ่อนโยนและบทสวาทที่โยวเสวียนได้รับ เหมือนดังตัวเองเป็นดั่งนางสวรรค์คังซื่อฮั่น รวบรวมกำลังพลระหว่างทาง"ท่านหัวหน้าองครักษ์ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่"แม่ทัพใหญ่ถามด้วยความห่วงใย"ท่านอ๋องตอนนี้ เดินทางสู่หน้าด่าน พร้อมกับองครักษ์เหลียงซานป๋อ ในระหว่างนี้ข้ากับท่าน เพียงรวบรวมกำลังพลที่กระจัดกระจาย แล้วนำกำลังสมทบท่านอ๋องที่หน้าด่าน ที่นั่นมีผู้ที่ภักดีกับท่านอ๋องไม่น้อย""เช่นนั้นอย่ารอช้า ครั้งนั้นพวกเราเสียรู้ตู้เฉินกักตัวในค่าย บอกใ
เสี่ยวป๋อรีบคว้ามากำไว้ในมือไม่อยากให้จินเฉิงอู่เห็น“ใครให้เจ้ามา.. เสี่ยวป๋อ”น้ำเสียงคาดคั้น“เออ..เออ.คือ”“เอามาดู”เสี่ยวป๋อจำต้องแกะออกมาให้ดูจินเฉิงอู่สูดดมกลิ่นหอมคุ้นเคยนั้นคังซื่อฮั่นเข้ามาอีกคน ที่เอวของคังซือฮั่นก็มีถุงหอมสีม่วงสวยอีกอันกรุ่นกลิ่นเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน จินเฉิงอู่มองถุงหอมสองอันสลับกันไปมา“คังซื่อฮั่น เจ้าได้ถุงหอมแบบนี้มาจากไหน”คังซื่อฮั่นมองหน้าเสี่ยวป๋อที่ขยิบตาให้ คังซื่อฮั่นเก็บความลับไม่เก่งเท่าเสี่ยวป๋อ“คือ...ท่านผู้ช่วยหมอ.เสี่ยว..ซงให้เราสองคนมาคนละอัน”ขมวดคิ้ว ลวดลายในถุงหอมเขาจดจำได้ไม่ลืม รอยสัมผัสที่เขาเฝ้าลูบไล้ลวดลายละเอียดสวยงามของมัน กลิ่นหอมแบบนี้กับรสจูบที่หวานฉ่ำในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงในใจ ลุกออกจากห้องไปในทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อยกมือขึ้น ทำท่าบอกคังซื่อฮั่น หมายถึงคอขาดแน่ ก่อนจะวิ่งตามจินเฉิงอู่ไป แต่กลับวิ่งชนประตูห้องเจิ้งเหมยเมื่อจินเฉิงอู่เปิดประตูทันทีที่เข้าไปและเสี่ยวป๋อยั้งตัวไม่ทันเจิ้งเหมยตกใจสุดขีดแต่อีกคนกลับย่างสามขุมเข้าหา หนีไปจนชิดผนังห้อง มือใหญ่ค้ำอยู่บนหัวยื่นถุงหอมไปตรงหน้าเจิ้งเหมย“ เจ้าคื
“จะมีปรโยชน์อะไรในเมื่อ เขายังมีโยวเสวียนข้างกายจะสลัดนางทิ้งไปก็ใช่ที่ นางเป็นคนที่ส่งเสริมให้ฝ่าบาทได้นั่งบนบัลลังก์มังกรแห่งนี้”“พระชายากินน่องไก่เสียก่อน น่องไก่จานนี้เป็นฝ่าบาทที่สั่งให้ห้องเครื่องนำมาให้ท่าน ข้าแอบชิมไปแล้วเกรงว่าจะมียาพิษ ต้องระวังป้องกันพระชายาอย่างที่สุด”“อร่อยไหม”“เสี่ยวป๋อยืนยันว่าอร่อยเพราะเสี่ยวป๋อเองก็เกรงว่าจะมียาพิษเช่นกัน” หัวเราะขบขันพร้อมกัน“อันนี้มอบให้ท่าน”ส่งถุงหอมที่เย็บเสร็จแล้วให้คังซื่อฮั่น ที่รับมาพิจารณา ใบหน้าแสดงความพึงพอใจและรู้สึกขอบคุณ“พระชายา ช่างมีน้ำใจ”“อันนี้ของเสี่ยวป๋อ”ความภูมิใจลดลงครึ่งหนึ่ง“ท่านทั้งสอง ดีกับข้าไม่น้อยโดยเฉพาะท่านคังซื่อฮั่นหากไม่มีท่าน ข้าคงไร้ลมหายใจได้มาพบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”คนอะไรชอบฉวยโอกาส รังแกกันให้ใจสั่นไหว คอยดูนะจะแกล้งเอาบ้างหากจำได้ขึ้นมาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเจิ้งเหมยหน้าเง้า“อีกสามชั่วยาม มาใหม่เกรงว่ายายังคงรสชาติแย่เหมือนเดิมแน่ๆ ”เจิ้งเหมยค้อนหลุบตาต่ำขนตางอนงามน่ามอง“เช่นนั้นให้ ท่านเหลียงเป็นคนนำยามา”“ท่านผู้ช่วยหมอจะผิดสัญญากับอาจารย์หรืออย่างไร อาจารย์อุตส่าห์ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า
ยกมือกุมขมับ จูบบุรุษด้วยกันอย่างนั้นหรือใบหน้าหวานกับร่างอ้อนแอ้นแนบชิดในอ่างน้ำ บอกเขาว่าสมควรแล้วที่เขาเผลอไป แต่ทำไมในภาพจำเขากลับจำว่าเสี่ยวซงเป็นหญิงเล่าคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างเปลือย"ออกไป"ไล่เสียดื้อๆ เจิ้งเหมยเม้มริมฝีปากไม่ขอโทษสักคำที่จูบ จูบเพราะอะไร หรือว่าจงใจแกล้ง หรือว่ารู้ว่าเจิ้งเหมยเป็นผู้หญิง"ยา"ยกถาดยาดันเข้าใส่อกแน่นสะบัดตัวออกจากห้องไปทั้งที่เปียกปอน คนอะไรชอบรังแกคนอื่นจำไม่ได้ไม่ว่า แต่มาทำแบบนี้เหมือนกับรังแกกันชัดๆ"ซานป๋อ เสี่ยวป๋อ เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อวิ่งลนลานเข้ามาข้างใน"ต่อไป อย่าให้เจ้าหมอนั่นเข้ามาในห้องข้าอีก""เกรงว่า เกรงว่าจะไม่ได้ คือท่านหมอสั่งให้ ท่านผู้ช่วยคอยตรวจอาการป่วยอีกทั้งให้ท่านผู้ช่วย จับชีพจรให้ฝ่าบาททุกๆ สามชั่วยาม""เจ้ากลัวท่านหมอ หรือว่ากลัวข้า""เสี่ยวป๋อกลัวว่า ฝ่าบาทจะไม่หายจากอาการประชวร""เสี่ยวป๋อ""ฝ่าบาท ท่านผู้ช่วยหมอท่านนั้นก็ ไม่มีพิษสงอะไรฝ่าบาททำไมต้องจงเกลียดจงชังเขาด้วย""จงเกลียดจงชังเช่นนั้นหรือ ข้าเพียงแค่….รู้สึกว่าเห็นหน้าแล้วข้ามักจะปวดศีรษะเท่านั้นเอง""อย่างนั้นเสี่ยวป๋อคิดว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
“ข้านับเวลาไว้นี่สองชั่วยามผ่านไปแล้วเกรงว่าเจ้าจะเคี่ยวยาให้ข้าทันหรือไม่”คนทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปมา คังซื่อฮั่นผายมือเชิญชงเมิ่ง และท่านหมอ“ข้ากับท่านหมอเห็นทีต้องกล่าวคำอาลาฝ่าบาท เสียที”จินเฉิงอู่ยิ้มมุมปาก“เกรงว่า องค์รัชทายาทที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ถูกเนื้อต้องตัวศิษย์รักของท่านหมอแบบนี้ใจคอจะจากแคว้นซ่งไปง่ายดายเชียวหรือ สมควรรั้งอยู่ที่นี่อย่างไรเสียแคว้นซ่งยินดีต้อนรับองค์รัชทายาทเสมอ หากท่านจะแวะเวียนมาหรืออยู่ที่นี่นานหน่อยข้าจินเฉิงอู่ก็ไม่ขัดข้อง” เสี่ยวป๋อยิ้มแหยๆรู้นิสัยของจินเฉิงอู่ดีว่าหากได้ไม่พอใจสิ่งใดมักจะแสดงออกแบบนี้ ถึงแม้จะจำไม่ได้ว่าเจิ้งเหมยคือพระชายาหากวันไหนจำได้ขึ้นมา ยิ่งน่ากลัวกว่านี้หากใครถูกเนื้อต้องตัวชายาของจินเฉิงอู่ถึงเพียงนี้“ชงเมิ่งอำลาเขาแค่ในแบบของสหาย แต่กลับบางคนมิใช่สหายแต่ก็อยากทำตัวเยี่ยงสหาย”จินเฉิงอู่ขยับตัว หมายจะต่อคำ“ฝ่าบาท เสียเวลามากแล้วให้เสี่ยวซงเคี่ยวยาให้ฝ่าบาทจะดีกว่า”ท่านหมอชิงตัดบทเพราะทั้งสองคนที่กำลังโต้เถียงกันตอนนี้หากมีกระบี่ในมือคงห่ำหั่นกันไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าจินเฉิงอู่ต้องตาเจิ้งเหมยไม่น้อยหรือด้วยความทรงจำ
เสี่ยวป๋อรีบเดินตามเจิ้งเหมยออกไปทันที“พระชายา"ประสานมือคารวะด้วยความคิดถึง“ข้าสบายดี ดีใจที่พบท่านอีกครั้ง”เจิ้งเหมยพูดยิ้มๆ“ข้าเป็นห่วงพระชายาแทบแย่ส่งคนออกตามหาแต่ไร้ข่าวคราว ดีหน่อยที่องครักษ์หน้าหล่อนั่น แจ้งข่าวเสียก่อน”หมายถึงคังซื่อฮั่น เจิ้งเหมยอดขำกับคำเรียกคังซื่อฮั่นไม่ได้“เสี่ยวป๋อท่านช่างภักดีไม่เปลี่ยน หากฝ่าบาทไม่มีท่านข้างกายคงแย่”“ข้าจะทำทุกวิถีทางให้ฝ่าบาทฟื้นความจำโดยเร็ว พระชายาอย่าได้กังวลฝ่าบาทต้องจำท่านได้แน่”"ฝ่าบาท อาการของท่านนับว่าแปลกมาก ร่างกายแม้จะไม่ได้ป่วยไข้แต่กลับเหมือนเกิดอาการสับสนงุนงง ฝ่าบาทหมอหลวงเคยบอกหรือไม่ถึงอาการป่วยของฝ่าบาท"เยียนฉือพยายามชี้นำให้จินเฉิงอู่เกิดความสงสัย"บอกเพียงแต่ว่าอาการป่วยไข้ ของข้าดีขึ้นแต่ยังต้องอาศัยยาบำรุงร่างกายเข้าช่วย""ฝ่าบาท ทรงเชื่อใจเราชาวแคว้นฉินที่เสด็จพ่อของพระองค์กับฮ่องเต้ของเราทรงเป็นพระสหายกันมาก่อนหรือไม่ หากฝ่าบาททรงเชื่อใจแคว้นฉิน ประทานอนุญาตให้เยียนฉือดูแลอาการป่วยของฝ่าบาท"จินเฉิงอู่ถอนหายใจ"หมอหลวงรักษา แต่อาการปวดศีรษะของข้ายังอยู่"อยากจะบอกว่าโยวเสวียน บอแต่เพียงว่าอีกไม่นานอาการ
เสี่ยวป๋อหยิบเสื้อคลุมมังกร ที่สวมให้จินเฉิงอู่ ดูแลความเรียบร้อยให้อีกที ใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสัน กับผิวขาวสะอาดตา ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ออกจากห้อง มุ่งไปยังท้องพระโรง ขบวนของชงเมิ่งเดินผ่านประตูวังเข้ามาข้างใน คังซื่อฮั่นแยกตัวออกไปเจิ้งเหมยเดินอยู่ลำดับท้ายสุด ทางเดินทอดยาวเข้าสู่ตัวพระราชวังใหญ่ ป้ายเหนือหัวเป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่สลักคำว่า ...อุดมคติอันสูงส่ง..บนหน้ามุขสูงใหญ่นั่น จินเฉิงอู่ยืนมองขบวนของชงเมิ่งที่เคลื่อนผ่านเข้ามา ร่างเล็กเดินรั้งท้ายสุด อ้อนแอ้นงดงาม ...คุ้นตาจินเฉิงอู่จ้องมองอย่างกับ ...เคยคุ้นเคย.. อาการปวดศีรษะรุมเร้ายกมือขึ้นกุมขมับ อะไรบางอย่างหมุนวนในหัวจนปวดหนึบ มันคือความขัดแย้งกันในสมองส่วนความทรงจำ ที่ฝั่งหนึ่งพยายามจะลืมเพราะฤิทธิ์ยาแต่อีกฝั่งพยายามจะจำเพราะความรักฝั่งตรึง…..หากข้าใช้สมองจดจำเจ้า คงลืมเลือนง่ายดาย แต่ข้าใช้หัวใจเก็บฝังเรื่องราวของเราสอง…..“ฝ่าบาท ขุนนางและเหล่าราชทูตรอฝ่าบาทที่ท้องพระโรงแล้ว”เสียงเสี่ยวป๋อฉุดดึงความคิดทั้งหมดให้สะดุดลง หันหลังก้าวเดินจากตรงนั้นไปทันทีภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่เหล่าขุนนางยืนเรียงรายสองฝั่งเบื้องบนบัลลังก
คังซื่อฮั่นหย่อนตัวลงไปช้าๆ ไฟในห้องบรรทมไม่ได้สว่างแต่ทว่าก็พอจะทำให้มองเห็นว่าเสี่ยวป๋อยืนอยู่ไม่ห่างจากที่จินเฉิงอู่นั่งอยู่เสี่ยวป๋อคว้ากระบี่อย่างรวดเร็วตวัดเข้าใส่คังซื่อฮั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หันมามองคังซื่อฮั่นชักกระบี่ออกมากั้นไว้เสียงคมกระบี่กระทบกับดัง แสบแก้วหู"เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อชะงักหันไปมองเมื่อพบว่าเป็นคังซื่อฮั่น ก็ฉีกยิ้มกว้าง"ท่านคัง"จินเฉิงอู่หันมองตามความปีติไม่น้อยไปกว่าเสี่ยวป๋อ"ข้าคิดว่าท่านจะตายเสียแล้วซื่อฮั่น""ข้า ไม่เคยคิดที่จะทิ้งใครไว้ข้างหลัง"น้ำเสียงตัดพ้อ"เจ้าหายไปไหนมา"จินเฉิงอู่ถามในแบบที่คิด คังซื่อฮั่นหันมองเสี่ยวป๋อที่มองอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะบอกว่า เอาไว้คุยกันทีหลัง"ฝ่าบาท คังซื่อฮั่นเพียงแค่จากไปเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา"เสี่ยวป๋อตอบคำถามแทน"เช่นนั้นต่อจากนี้ ข้าต้องรบกวนเจ้าให้อยู่ข้างกาย นอกจากเหลียงซานป๋อตอนนี้ก็มีเพียงเจ้าคังซื่อฮั่นที่ข้าวางใจ"“คังซื่อฮั่นลาฝ่าบาทออกไปจัดการเรื่องราวบางอย่างหวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาต”จินเฉิงอู่เพียงแต่ยิ้มๆ หมาป่าเดียวดาย เจ้าจะเร่ร่อนรอนแรมจนกว่าจะพอใจเสี่ยวป๋อเดินออกมาส่ง“ฝ่าบาท สูญเสียคว
จินเฉิงอู่ ยืนสงบนิ่งหน้าโลงศพของจินเฉิงหวาง“เสด็จย่า”“ไทฮองไทเฮาทรงแขวนพระศอกับขื่อคา”“เสด็จย่าทำไมถึงได้คิดสั้นเช่นนั้น”“ไทฮองไทเฮาทรงเป็นกังวลเรื่องที่ท่านอ๋องป่วยหนักและ ฝ่าบาททรงประชวร”ในใจเขาเวลานี้มีคำถามมากมาย จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำบอกเล่า แม้คำตอบจะแสนขัดแย้งหากแต่จะถามใครได้ในเวลานี้ เสี่ยวป๋อที่เอาแต่นิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดกับใต้เท้าตู้ที่ควบคุมกำลังองครักษ์และทหารทั้งหมด คนของจินเฉิงหวางหายไปจากราชสำนักจนแทบหมดเหลือเพียงคนที่ยอมก้มหัวให้โยวเสวียนและใต้เท้าตู้เหล่าขุนนางน้อยใหญ่แวะเวียนถวายพระพรแก่จินเฉิงหวางเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีสนมนางในไม่มีกุ้ยเหริน กุ้ยเฟยแม้แต่สนมเอกตระกูลไป๋ยังถูกกีดกัน ไร้ซึ่งทายาทและองค์ชายองค์หญิง มีเพียงจินเฉิงอู่ที่ยืนสงบนิ่งพร้อมกับโยวเสวียน และใต้เท้าตู้ไม่มีใครกล้าปริปาก แม้กระทั่งตำแหน่งฮองเฮา ขันทีนางในถูกเปลี่ยนตัวจนหมดหากใครแข็งข้อโยวเสวียน ให้ลากตัวไปให้ม้าแยกร่างจนทุกอย่างเงียบเชียบราบเรียบเกินไป ไม่มีการโต้แย้งไม่มีแข็งขืน ใต้เท้าตู้ตรึงกำลัง ทั้งองครักษ์และทัพหลวงยากที่จะย่างกรายเข้าไปได้“คังซื่อฮั่น ข้าไม่เคยได้พบเ
เหลียงซานป๋อส่ายหน้า"ท่านอ๋อง หากท่านยังรักเสี่ยวป๋อยังเห็นว่าเสี่ยวป๋อเป็นคนสนิท ขอร้องท่านอ๋อง ว่าอย่าบอก..โยวเสวียน...พระชายาโยวเสวียนว่าเสี่ยวป๋อแวะมา"จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วมีหลายเรื่องที่เขาสงสัย โยวเสวียนอ้างว่าพาเขามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้วทำไมไม่ให้เสี่ยวป๋อมาคอยรับใช้ แล้วยังจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการกลับไปที่จวนอ๋อง แล้วยังจะเสี่ยวป๋อที่มีท่าทีแปลกไป"ข้าอยากพบคังซื่อฮั่น"เสี่ยวป๋อส่ายหน้าไปมา"ท่านอ๋องท่านรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน"ไม่แน่ใจว่าโยวเสวียนให้จินเฉิงอู่กินยาชนิดไหนกันถึงลืมเลือนพระชายาเจิ้งเหมยเสียสิ้น"เสี่ยวป๋อ จำต้องจากไปสักพักระหว่างนี้ ท่านอ๋องรักษาตัว"จินเฉิงอู่ครุ่นคิดเวียนวน ทำไมเสี่ยวป๋อทำอย่างนี้เหลียงซานป๋อที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแสนนาน ประสานมือคุกเข่าตรงหน้าก้มลงคารวะ ก่อนจะทะยานออกจากตรงนั้นไปทันที เสี่ยวป๋อรีบรุดไปยังร้านยานำถ้วยยาวางตรงหน้า ท่านหมอหยิบขึ้นมาสูดดม"ยาสลายความจำ"เสี่ยวป๋อยิ้มแห้งๆ"หากกินไปนานวันจะเกิดอะไรขึ้น""กินเพียงนิดทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่อยากจะจดจำ ยานี้ใช้กับคนที่มีความทุกข์ตรมจนไม่อยากจดจำปกติใช้เพียงเล็กน้อย แต่