"จินเฉิงอู่หนีรอดไปได้พวกเจ้าทำงานกันเช่นไร"ใต้เท้าตู้คุกเข่าเบื้องหน้า“ฝ่าบาท แผนการที่วางไว้นับว่ารัดกุมไม่น้อยแต่หทารและองครักษ์ของอ๋องห้านับว่าฝีมือเก่งกาจอีกทั้งไม่กลัวตายยอมสละชีวิตเพื่ออ๋องห้าได้ทุกคน แม้กระทั่งตอนนี้ เรายังจับตัวหัวหน้าองครักษ์คังซื่อฮั่นไม่ได้ กองทัพของอ๋องห้าที่เรากักตัวไว้ก็ทลายค่ายออกมา หนีกระจัดกระจายยากตามตัวได้”“ท่านตู้ท่านเองก็นับว่าใกล้ชิดจินเฉิงอู่มาไม่น้อย กลยุทธ์ของเขา ไม่อยากเชื่อว่าท่านตามไม่ทัน ข้าเห็นทีต้องยอมแพ้เขาเช่นนั้นหรือ ในเมื่อจนป่านนี้เบาะแสของจินเฉิงอู่แม้แต่น้อยก็ไม่มี”“ขอฝ่าบาทโปรดอภัย อ๋องห้าแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าดุดันแข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ อ่อนโยนจนเป็นที่รักของเหล่าทหารในกองทัพ”“เช่นนั้นข้าต้องชื่นชมเขาด้วยหรือไร หรือว่าให้ข้า คืนความเป็นธรรมให้เขาแล้วเรียกเขากลับเข้าวัง ไว้ใช้งานแทนพวกเจ้าที่เหลือ”โทสะโมโหแทบขาดสะบั้นความเงียบงันบังเกิดขึ้น“ใต้เท้าตู้ท่านขอข้าทำให้ แต่ข้าไหว้วานท่านกับทำไม่สำเร็จ อีกไม่นานโยวเสวียนบุตรีเจ้าข้าแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย หากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำได้เกรงว่า กุ้ยเฟยคงไม่ได้รับการโปรดปรานจากข้าเท่าท
“จินเฉิงอู่ วันนี้ข้าเห็นสมควรเลือกหญิงงามที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกฝนการเป็นนางในเรียบร้อยแล้ว ประทานให้เจ้ารับนางเป็นชายารอง”สิ่งที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ไม่รับไม่ได้ ใครกันกล่าวไว้หากไม่รับก็เพียงแค่บ่ายเบี่ยงหรือยืดเวลาไว้ก็เท่านั้น แต่จินเฉิงอู่กลับไม่แยแส“นางเป็นเพียงลูกนอกสมรสของใต้เท้าเจิ้งประทานให้เป็นชายารองของอ๋องห้าแห่งแคว้นซ่ง มิสูงศักดิ์ไปหน่อยหรือ” ใต้เท้าเจิ้งยืนอยู่ที่นั่นด้วยถึงกับหนวดกระตุกไปเลยทีเดียวเจิ้งเหมยเพียงแต่ยิ้มที่มุมปากมิได้กล่าวคำใด เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว จะไปที่ใดไม่ต่างกันจะเป็นสนมกุ้ยเหรินกุ้ยเฟยนางในหรือสาวใช้ ไม่มีสิ่งใดมาโยกคลอนจิตใจของเจิ้งเหมยได้อีกแล้ว“เช่นนั้นจะให้ข้าบังคับเจ้าหาได้ไม่ ข้าประทานให้เจ้าแล้วจะนำนางไปไว้ในตำแหน่งไหนข้าก็มิอาจยุ่งเกี่ยวได้อีกต่อไปแต่นางมิใช่ไร้ฐานันดรโดยแท้ เป็นถึงบุตรสาวของใต้เท้าเจิ้งของสี่ตระกูลใหญ่ เจ้าใจคอจะไม่ให้เกียรติใต้เท้าเจิ้งหน่อยหรือ” คำพูดเหมือนกับลองใจ จินเฉินอู๋ประสานมือขึ้นเบื้องหน้า เหลือบตาคมกริบ บนใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ คิ้วเข้มเป็นลักษณะของผู้ห้าวหาญขึ้นมองเจิ้งเหมยเพียบแว๊บเดียว“ขอบพระทัยฝ่าบ
ค่ำคืนใน จวนอ๋องผ่านไปอย่างเรียบง่าย เช้าสดใส เจิ้งเหมยจัดการตัวเองและเตรียมพร้อมที่จะปัดกวาดในห้องทำงานที่ได้รับมอบหมายเสื้อผ้าชุดใหม่ไม่ได้มีสีสันมากนัก หน้าผมก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเหมือนตอนอยู่ในช่วงคัดนางใน หากแต่ปล่อยให้ใบหน้าสดใสไร้เครื่องแต่งแต้มใบหน้าผุดผาดดุจมู่หลานแรกแย้ม ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มใดๆก็สะดุดตามากพอชายาเอกนั่งชมสวนกับสาวใช้อีกสองคน เจิ้งเหมยกำลังจะเดินผ่าน"เจ้าใช่ไหม สาวใช้ในจวนคนใหม่"เจิ้งเหมยเดินเข้าไปยืนก้มหน้า ประสานมือคารวะโยวเสวี่ยนอย่างนอบน้อม ยิ้มพิมพ์ใจ"ห้องทำงานของท่านอ๋อง เป็นที่ที่ท่านอ๋องใช้เวลาส่วนมากที่นั่น ฉะนั้นเจ้าต้องตั้งใจที่จะดูแลมันให้ดี"เจิ้งเหมยย่อตัวลงช้าๆ"เจ้าค่ะเจิ้งเหมยน้อมรับคำสั่ง ต่อไปจะดูแลที่นั่นให้ดีไม่ให้บกพร่อง"โบกมือให้เจิ้งเหมยถอยออกไป ส่งเสียงไอสองสามที เจิ้งเหมย เดินลัดเลาะจนถึงห้องทำงาน ดีแล้วแบบนี้ดีแล้วอย่างน้อยก็หลุดออกมาจากฮูหยินใหญ่ ของท่านพ่อที่คอยกดขี่ไหนจะพี่ใหญ่ที่คอยจ้องจับผิด อยู่ตรงนี้ทุกอย่างคงจะไม่เลวร้ายกว่าที่ผ่านมาห้องใหญ่ ที่เหมือนถูกปิดทึบไปเสียทุกด้าน เจิ้งเหมยเดินเปิดช่องหน้าต่างและปัดกวาดจนไม่ม
“คังซื่อฮั่น คาระวะท่านอ๋อง”ร่างสูงชลูดใบหน้าคมคาย นับว่าหล่อเหลาไม่ใช่เล่น สายตาอ่อนโยนขัดกับกระบี่ที่อยู่ข้างกายที่ดื่มเลือดคนมาไม่น้อย รอยยิ้มบางๆดังอากาศธาตุสลายไปราวกับสายหมอกยามต้องแสงสุรีย์“ลุกขึ้น ข้าแทบจะทนคิดถึงเจ้าไม่ไหว หลายวันมานี่เรื่องราวมากมายให้ขบคิด"คังซื่อฮั่นยิ้ม“ข้าน้อยได้ข่าวฝ่าบาทประทานชายารองให้กับท่านอ๋อง”“ตอนนี้นางเป็นเพียงสาวใช้”“ฝ่าบาทต้องการ ที่จะทดสอบความภักดีของใต้เท้าเจิ้งทรงไม่ไว้ใจผู้ใด หากคิดในอีกมุมหนึ่งคิดว่าหากใต้เท้าเจิ้ง ยังภักดีต้องจงใจชี้แนะบางอย่างกับบุตรสาว”“จะป้องกันอย่างไรสิ่งที่ฝ่าบาทประทานให้ไม่รับไม่ได้ อีกทั้งใต้เท้าเจิ้งเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ หากหักหาญน้ำใจเกินไปก็เท่ากับไม่ให้เกียรติ”“ท่านอ๋องก็ให้นางเป็นเพียงสาวใช้ นับว่าสร้างความไม่พอใจกับใต้เท้าเจิ้งอย่างมากใต้เท้าเจิ้งดูแลคลังหลวง เป็นตำแหน่งที่ใครก็ต้องการหากจะมีใครที่จงใจให้ฝ่าบาท ไม่ไว้ใจใต้เท้าเจิ้งก็มิใช่เรื่องยาก”“ในตอนนั้น สถานการณ์บีบบังคับข้าไม่อาจคิดอะไรได้มากกว่านั้น"“ท่านอ๋องไม่จำเป็นต้องแยแส นางเพียงแค่สาวใช้หากวันไหนที่นางตกเป็นของท่านอ๋อง ข้าเชื่อว่า
เสี่ยวป๋อสาวเท้าอย่างรวดเร็วยังห้องพักของ เจิ้งเหมยเกรงว่าหากช้ากว่านี้ เจิ้งเหมยพี่สาวที่น่าสงสารคนนั้นจะถูกลงโทษอีก“พี่สาวเจิ้งเหมย ท่านอ๋องให้ท่านพักอยู่แต่ในห้องห้ามออกมาเดิน”หายใจหอบเหนื่อยแต่ก็ต้องรีบพูดเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้เพียงสักนิดเจิ้งเหมยยิ้ม นึกขำท่าทีร้อนรนของเสี่ยวป๋อ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ใบหน้าซื่อๆของเสี่ยวป๋อก็ทำให้เจิ้งเหมยมีรอยยิ้ม“ข้าเข้าใจ คงเกรงว่าข้าจะเผลอเอ่ยปากเรื่องถูกทำโทษ”เสี่ยวป๋อยิ้มด้วยความมละอายใจ รู้สึกว่าเจิ้งเหมยช่างเข้าใจอะไรได้ง่ายเสียจริง หารู้ไม่ว่าเจิ้งเหมยรู้ดีว่า สิ่งไหนควรพูดสิ่งไหนไม่ควรพูดในสถานะการเช่นนี้“พี่สาวเข้าใจข้าก็เบาใจ เช่นนั้นท่านพักรักษาตัวให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยออกมาทำงาน”เจิ้งเหมยรู้ดีว่าไม่ใช่ความผิดของเจิ้งเหมย หากองครักษ์ผู้นั้นไม่เดินมาถึงที่นี่ จวนอ๋องกว้างใหญ่หากเขาไม่จงใจใยจะเดินมาถึงที่กันดารที่สุดในจวน จินเฉิงอู่ยัดขวดยาสมานแผล ใบเล็กลงในมือของคังซื่อฮั่น ที่ทำสีหน้างงๆ“ เจ้ากำลังหาว่าข้า ใจคออำมหิตเช่นนั้นนี่คือยาสมานแผลที่ดีที่สุดที่ฝ่าบาทพระราชทานมา นำมันไปให้นางเสียบอกว่าเจ้าให้นางด้วยความหวังดี”
“น้องชาย เครื่องเสวยเช้าท่านอ๋อง พี่สาวรบกวนเจ้านำเข้าไปข้างในให้ด้วย เสี่ยวป๋อไม่รอช้ารีบรับเครื่องเสวย จากมือของเจิ้งเหมย“ให้นางนำเข้ามา”สั่งเสียงเฉียบขาดเหมือนกับตั้งใจฟังอยู่หลังประตูนั่น เสี่ยวป๋อดันถาดเครื่องเสวยส่งคืนเจิ้งเหมยอย่างรวดเร็ว พยักพเยิดให้เจิ้งเหมยเข้าไปเร็วๆ เพื่อความปลอดภัยตัวเองกลับวิ่งออกจากตรงนั้นไปทันทีเจิ้งเหมยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผลักประตูเข้าไป ชนเอาร่างใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้าเต็มแรงข้าวต้มร้อนๆ หกราดเสื้อผ้าของจินเฉิงอู่จนเปรอะเปื้อน เจิ้งเหมยถลาเข้าปัดเสื้อที่เลอะจนใบหน้าใสชนเอากับใบหน้าคมเข้มของท่านอ๋องอย่างไม่ทันระวัง จินเฉิงอู่จับมือบางไว้แน่นจนเจิ้งเหมยรู้สึกเจ็บ สายตาคมดุดันจ้องมอง คุกเข่าลงกระแทกพื้นอย่างแรงด้วยความเคยชิน จนรู้สึกเจ็บที่หัวเข่า แต่ก็กัดฟัน ข่มความเจ็บปวด“ท่านอ๋องโปรดอภัย”จินเฉิงอู่ส่ายหน้าปัดเศษข้าวต้มที่เลอะเสื้อ ดีที่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่มีหลายชั้นถอดเสื้อคลุมออก คังซื่อฮั่นกับเสี่ยวป๋อวิ่งมาพอดี เสี่ยวป๋อรีบไปรับเสื้อคลุมมาถือไว้ด้วยใบหน้าหวาดกลัว เจิ้งเหมยก้มหน้านิ่ง“ท่านอ๋องเสี่ยวป๋อไปสั่งห้องเครื่องนำเครื่องเสวยมา
"ข้าไม่เป็นไรแล้ว เชิญใต้เท้ากลับเถอะ"ลุกขึ้นตั้งใจจะเดินเข้าห้องแต่กลับกะเผลก คังซื่อฮั่นไม่รีรออุ้มเจิ้งเหมยเข้าห้องไปวางไว้ที่เก้าอี้"ร่างกายเจ็บปวดกับใช้งานไม่หยุดหย่อน หากเจ้าไม่ฝืนก็ไม่เจ็บ""ขอบคุณใต้เท้า เจิ้งเหมยจะจำใส่ใจ"คำพูดห่างเหินอย่างที่คังซื่อฮั่นไม่อยากได้ยิน"เจ้าคราวหลังก็อยู่ห่างท่านอ๋องไว้ บางอย่างในใจท่านอ๋องไม่มีผู้ใดล่วงรู้นับว่าเป็นคนผู้หนึ่งที่ไม่เปิดเผยตัวตน"เสี่ยวป๋อกับคังซื่อฮั่นนั่งอยู่ด้วยกันบนโต๊ะมี ไหสุรา"นาง มักยุ่งเกี่ยววนเวียนอยู่กับท่านอ๋องแม้จะเรื่องบังเอิญก็เหมือนจงใจอีกทั้งนางยังสาวและสวยจนชายใดที่ประสบพบนางไม่ชายตาเป็นไม่ได้ ใต้เท้าคังคิดหรือไรว่าท่านอ๋องจะ ...เพียงแค่ต้องการนางเป็นแค่สาวใช้ในจวนอย่างที่พูด"เสี่ยวป๋อหารือกับคังซื่อฮั่น ที่ยกจอกสุรากระดกลงคอถี่ๆ ด้วยความคิดหลากหลาย"ท่านอ๋อง หลายครั้งที่ปฏิเสธเรื่องชายารองจากฝ่าบาท ครั้งนี้หากยอมเป็นหมากเดินตามทางที่ฝ่าบาทตั้งใจวางไว้ นับว่าแผนหญิงงามที่เคยกล่าวไว้ตั้งแต่โบราณกาลกลับใช้ได้ผล""หากคิดในด้านดีฝ่าบาทอาจจะเห็นว่าท่านอ๋องตรากตรำทำงานเพื่อราชสำนักอีกทั้งพระชายายังร่างกายอ่อนแอไ
“เจิ้งเหมย ชายาเรียกเจ้า”ย่าหนานทำสีหน้ากังวล เจิ้งเหมยยิ้ม เดินมายังห้องพักที่เป็นทั้งที่อยู่ที่กิน“มาแล้วหรือเจิ้งเหมย”เจิ้งเหมย เดินเข้าไปย่อกามยต่อหน้าพระชายาที่นอนอยู่บนแท่นนอน เหมือนกำลังป่วย ยื่นขวดยาสมานแผลที่คังซื่อฮั่นมอบให้ตรงหน้าเจิ้งเหมย“ข้าลืมเลือนเสียสนิท องครักษ์คังให้ข้านำมันมามอบให้เจ้า ในคราวนั้น”เจิ้งเหมยรับมากำไว้ในมือ“เจิ้งเหมยซาบซึ้งใจยิ่งนัก ในน้ำใจของทุกคนที่นี่”พระชายายิ้มอ่อนหวานเหมือนจะไม่เคยโกรธใคร“เรื่องที่เจ้าถูกโบยถ้าหากจะโกรธใครสักคนขอให้เป็นข้าเถิด ท่านอ๋องเป็นคนที่ดุดันในแบบฉบับของแม่ทัพ ทุกอย่างในจวนล้วนมีกฏเกณฑ์ เพียงแค่เจ้าไม่ทำผิดข้าก็พอจะออกรับแทนได้ ครั้งนั้นหากไม่สั่งโบยเจ้าเสียก่อนเกรงว่าแม้แต่ชีวิตก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้”“เจิ้งเหมยจะจำคำสอนของพระชายา ต่อแต่นี้เจิ้งเหมยจะไม่ทำให้พระชายาลำบากใจ ”“หลายอย่างในจวนเจ้ายังต้องปรับตัวอีกมาก มีสิ่งใดที่ไม่สบายใจข้ายินดีรับฟังเสมอ คิดเสียว่าข้าเป็นดั่งพี่สาว เจ้าเองก็ใช่จะต่ำต้อยเป็นถึงบุตรตรีของใต้เท้าเจิ้ง จะให้อยู่อย่างสาวใช้เลยทีเดียวก็คงจะไม่เหมาะ”พูดเสียยืดยาว ออกจากห้องของชายาตามทางเด