"จินเฉิงอู่หนีรอดไปได้พวกเจ้าทำงานกันเช่นไร"ใต้เท้าตู้คุกเข่าเบื้องหน้า“ฝ่าบาท แผนการที่วางไว้นับว่ารัดกุมไม่น้อยแต่หทารและองครักษ์ของอ๋องห้านับว่าฝีมือเก่งกาจอีกทั้งไม่กลัวตายยอมสละชีวิตเพื่ออ๋องห้าได้ทุกคน แม้กระทั่งตอนนี้ เรายังจับตัวหัวหน้าองครักษ์คังซื่อฮั่นไม่ได้ กองทัพของอ๋องห้าที่เรากักตัวไว้ก็ทลายค่ายออกมา หนีกระจัดกระจายยากตามตัวได้”“ท่านตู้ท่านเองก็นับว่าใกล้ชิดจินเฉิงอู่มาไม่น้อย กลยุทธ์ของเขา ไม่อยากเชื่อว่าท่านตามไม่ทัน ข้าเห็นทีต้องยอมแพ้เขาเช่นนั้นหรือ ในเมื่อจนป่านนี้เบาะแสของจินเฉิงอู่แม้แต่น้อยก็ไม่มี”“ขอฝ่าบาทโปรดอภัย อ๋องห้าแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าดุดันแข็งแกร่ง แต่บางครั้งก็ อ่อนโยนจนเป็นที่รักของเหล่าทหารในกองทัพ”“เช่นนั้นข้าต้องชื่นชมเขาด้วยหรือไร หรือว่าให้ข้า คืนความเป็นธรรมให้เขาแล้วเรียกเขากลับเข้าวัง ไว้ใช้งานแทนพวกเจ้าที่เหลือ”โทสะโมโหแทบขาดสะบั้นความเงียบงันบังเกิดขึ้น“ใต้เท้าตู้ท่านขอข้าทำให้ แต่ข้าไหว้วานท่านกับทำไม่สำเร็จ อีกไม่นานโยวเสวียนบุตรีเจ้าข้าแต่งตั้งเป็นกุ้ยเฟย หากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถทำได้เกรงว่า กุ้ยเฟยคงไม่ได้รับการโปรดปรานจากข้าเท่าท
โยวเสวียนขังตัวเองในห้อง ไร้แสงเดือนแสงตะวัน ลมหนาวพัดโชยเหน็บหนาวเดียวดาย"พระชายา""เจ้ายังกล้าเรียกข้าพระชายาอีกหรือในเมื่อท่านอ๋องไม่แม้แต่จะคำนึงถึงข้าคนนี้ หนีไปกับนางแพศยาราวกับไม่เคยเป็นสามีภรรยากัน""พระนาง อีกไม่นานท่านจะถูกแต่งตั้งเป็นสนมของฝ่าบาทยศตำแหน่งสูงส่ง ข้าน้อยเชื่อว่าพระนางจะเป็นที่โปรดปรานอย่างแน่นอน""จะโปรดปรานหรือไม่ข้าไม่แยแส พี่เฉิงอู่เป็นเพียงชายเดียวที่ข้า...มอบทั้งใจและกาย""พระนางคำพูดนี้ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยิน หากฝ่าบาทรู้ว่าพระนางบุตรีของใต้เท้าตู้ยังฝักใฝ่อยู่กับอ๋องไร้จวนผู้นั้น เกรงว่าใต้เท้าตู้ที่รับรองแข็งขันจะไม่อาจอยู่ในตำแหน่งได้นาน""ท่านพ่อตามใจข้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ที่บอกให้ข้าเลิกคร่ำครวญและภักดีต่อฝ่าบาท"สาวใช้กอดปลอบโยวเสวียนที่ใบหน้าเศร้าสร้อยเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้ไม่ปาน"พระนางเรื่องแค่นี้ ท่านต้องผ่านมันไปให้ได้ หากได้รับการโปรดปรานทุกอย่างย่อมวางอยู่แทบเท้า""ถึงข้าไม่อยากทำเพียงใดก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เจิ้งเหมยนางต้องได้รับบทเรียนจากข้าในโทษฐานที่นางแย่งรักจากท่านอ๋องไป"ดวงตาสวยทว่ามีแววเคียดแค้นเกินจะบรรยายได้ "เฉิงหวาง
จินเฉิงหวางแต่งตั้งโยวเสวียนเป็นสนมเอก แม้จะเป็นกากเดนของจินเฉิงอู่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดโยวเสวียนกลับสามารถปรับตัวได้ดีไม่น้อย"ฝ่าบาท"น้ำเสียงออดอ้อน มือใหญ่เชยคางมองสบสายตาที่ไม่สามารถอ่านออกนั่นนิ่ง"ข้ารอเวลานี้มานาน"ก้มลงจุมพิตริมฝีปาก"ฝ่าบาทพูดเหมือนดั่ง หมายปองโยวเสวียนมานาน""นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่เคยใส่ใจ หญิงนางเดียวที่ข้าใฝ่ฝันครอบครองมาตลอดมีเพียงเจ้าโยวเสวียน"รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก หลับตาทอดกายลงบนแท่นนอน โยวเสวียนมั่นใจว่าตอนนี้มือบอบบางของนางได้กุมหัวใจบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ไม่ใช่คำพูดยามต้องการร่วมรักแต่เพราะความอ่อนโยนและบทสวาทที่โยวเสวียนได้รับ เหมือนดังตัวเองเป็นดั่งนางสวรรค์คังซื่อฮั่น รวบรวมกำลังพลระหว่างทาง"ท่านหัวหน้าองครักษ์ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่"แม่ทัพใหญ่ถามด้วยความห่วงใย"ท่านอ๋องตอนนี้ เดินทางสู่หน้าด่าน พร้อมกับองครักษ์เหลียงซานป๋อ ในระหว่างนี้ข้ากับท่าน เพียงรวบรวมกำลังพลที่กระจัดกระจาย แล้วนำกำลังสมทบท่านอ๋องที่หน้าด่าน ที่นั่นมีผู้ที่ภักดีกับท่านอ๋องไม่น้อย""เช่นนั้นอย่ารอช้า ครั้งนั้นพวกเราเสียรู้ตู้เฉินกักตัวในค่าย บอกใ
จุมพิตหวานซอกซอน ปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระพืออีกครั้ง"ท่านอ๋อง... เจิ้งเหมยจะตายเสียได้""ใครกันจะปล่อยเจ้าตาย"ยังโอบกอดประคองให้นอนหนุนแขน มือก็ลูบไล้แผ่นหลังเปลือย ปากอุ่นพรมจูบไปทั่วร่างเปลือยเปล่า"ท่านอ๋อง…..พอเสียทีเถิด""ข้ารักเจ้าหวางเฟย รักมาแสนนานต้องการเจ้ามาก็แสนนานใจคอเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้าแค่เพียงครั้งเช่นนั้นหรือ"ยันอกกว้างไว้เมื่ออีกคนก้มลงหมายจะบดขยี้ริมฝีปากอีกครั้ง"ท่านอ๋องบาดเจ็บ ยังกล้าใช้ร่างกายเพียงนี้""หวางเฟย...ของข้า ยอมอุ่นเตียงให้ข้าแม้ตายข้าก็ยอม""เจิ้งเหมยเป็นของท่านอ๋องแล้ว และจะเป็นของท่านอ๋องตลอดไปไม่ว่าเมื่อไหร่เราสองก็ยังเคียงข้างกันโอกาสมีอีกมาก ตอนนี้แผลของท่านอ๋องจะแย่เอาได้"จุมพิตที่ริมฝีปากช่างเจรจาหาข้ออ้าง"ข้าเชื่อเจ้าตามใจเจ้า หวางเฟยของข้า หากหายดีเมื่อไหร่ต้องเป็นเจ้าที่เชื่อข้าตามใจข้า ห้ามขัดใจจนกว่าข้าจะพอใจและอิ่มหนำ"เจิ้งเหมยยิ้ม จินเฉิงอู่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ยิ้มสมหวังจากนี้ไม่ต้องการสิ่งใดแล้วขอเพียงมีเจิ้งเหมยข้างกายก็พอวังหลวง…"ฝ่าบาท โยวเสวียน อยากรู้ว่ามีข่าวคราวของจินเฉิงอู่บ้างไหม”รอยยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก“เจ้ายังห่วงใยเ
ไทฮองไทเฮา นอนเหยียดขายาวอยู่บนแท่นนอนนางกำนัลกำลังบีบนวดให้อยู่ อีกคนกำลังพัดให้“เสด็จย่า”โยวเสวียนเดินนวยนาดเข้ามาไม่แม้จะ ย่อตัวถวายพระพร“อ๋อโยวเสวียน เจ้าวันนี้ไม่ต้องปรนนิบัติฝ่าบาทหรือไร”ดีใจกับเรื่องฝ่าบาทโปรดปรานโยวเสวียน“โยวเสวียนมีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ”ยิ้มหวานหยดย้อย ดวงตาฉายแวว สาใจโบกมือไล่นางกำนัลข้างกาย ไทฮองไทเฮาให้ออกไป“ย่ากำลังคิดว่าดีเหลือเกินฝ่าบาทโปรดปรานเจ้า อย่างน้อยเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมานำความขมขื่นมาให้เจ้าก็จะสามารถลืมเลือนมันง่ายดาย”“โยวเสวียน ไม่แยแสเรื่องเหล่านั้นอยู่แล้ว ในตอนนี้นับว่าเป็นโชคดีของโยวเสวียนเรื่องอื่นนับว่าไม่สำคัญ ช่วงเวลาที่เหลือเป็นเพียงช่วงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวความสุข”ไทฮองไทเฮายิ้ม นางกำนัลข้างกายโยวเสวียนยกชาร้อนมีไอลอยวนเข้ามาข้างใน“วันนี้ โยวเสวียนมาดื่มชาเป็นเพื่อนสเด็จย่า ต่อแต่นี้ไปเรื่องราวบาดหมางใดใด ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ต้องใส่ใจอีก” นางกำนัลรินชา สองจอกส่งให้โยวเสวียนและไทฮองไทเฮา"ย่าดีใจที่เจ้ามีความสุขในวังหลวงแห่งนี้"“โยวเสวียน คารวะเสด็จย่าชานี้เป็นชาดี จากตะวันตกพ่อค้าต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานกว่าจะได้มันมา”ย
"ท่านอ๋อง โปรดไตร่ตรอง"เสี่ยวป๋อห้ามเพราะกลัวว่าที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า"พระชายาท่านห้ามท่านอ๋องด้วย""ท่านอ๋อง อย่าวู่วาม เรื่องบางเรื่องแม้เราวิ่งเข้าใส่ก็ใช่ว่าจะทันมัน""เสด็จย่าจากไปไม่ได้ร่ำลา ตั้งแต่เสด็จแม่ตายไปเสด็จย่าเป็นคนเดียวที่ดูแลและเข้าใจข้ามากที่สุด""เจิ้งเหมย อยากให้ท่านอ๋องพึงระลึกว่าไทฮองไทเฮารักและหวังดีกับท่านอ๋องแค่ไหนไทฮองไทเฮาคงไม่อยากเห็นท่านอ๋อง ต้องเสียที""เสด็จย่าไม่มีทางที่จะคิดสั้นอย่างนั้น และเสด็จย่าจะไม่มีทางเสียใจที่ข้าทำแบบนี้ ตั้งแต่จินเฉิงหวางครองบัลลังก์ ชาวบ้านทุกข์เข็ญเรียกเก็บภาษีเสียจนชาวบ้านแทบไม่มีจะกิน แม้แต่ขุนนางยังโดนตัดเบี้ยวัตร ราชสำนักมีเงินเต็มคลังหลวง นำเงินเหล่านั้นปรนเปรอสนมนางใน เรียกหญิงสาวคัดตัวปีละสองครั้งซึ่งผิดธรรมเนียม แล้วนำเงินบางส่วนมาบำรุงกองทัพสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง จวนอ๋องเปิดเป็นโรงทานเพื่อชาวบ้านที่อดอยากกลับหาว่าข้าซ่องสุมกำลังพลก่อกบฏ สั่งลดเงินเบี้ยเลี้ยงของข้าและกองทัพอ๋องบีบบังคับทุกทางเรื่องเช่นนี้เสด็จย่ารู้ดี เสด็จย่าไม่มีทางเสียใจที่ข้าทำเช่นนี้"เจิ้งเหมยสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยรู้สึกได้ถึงความรัน
“ข้า จินเฉิงอู่คารวะทุกท่านนับจากนี้ร่วมเป็นร่วมตายหากพวกท่านตายข้าก็ไม่อาจอยู่ พวกท่านอยู่ข้าก็ไม่อาจตาย”เหล่าทหารกล้าก้มหัวจรดพื้น“ท่านอ๋องห้าปรีชา ต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”คั่งซื่อฮั่นพูดแทนทุกคนที่ตำหนักฮ่องเต้โยวเสวียนนอนหมดสติจากพิษที่นางดื่มเข้าไปเพียงเล็กน้อย จินเฉิงหวางดูแลนางอย่างใกล้ชิดทุกค่ำเช้าเป็นเวลาสองวันแล้วที่เขาเฝ้ากุมมือโยวเสวียนไม่ห่างไปไหนก่อนหน้านั้น“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้ไม่ได้ หม่อมฉันต้องการให้มีการไต่สวน”“เจ้ายังมีสิทธิมาร้องขอความเป็นธรรมอีกหรือเจ้า อิจฉานางที่ข้าโปรดปรานนางทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้นางจงใจให้นางตาย ชั่วช้าเลวทราม”“ฝ่าบาท เราสองเป็นผัวเมียกันมาแรมปี ฝ่าบาททรงมองย้อนไปครั้งเก่าก่อน หม่อมฉันหลี่อิงฝานไม่เคย คิดการใดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้”“นั่นเพราะเจ้าอยู่ในตำแหน่งฮองเฮา และโยวเสวียนยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นสนมแต่ตอนนี้ ข้ารักและโปรดปรานนาง เจ้ามีใจริษยา”“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง ฮองเฮาและข้าน้อยภักดีมาตลอด ยานั่นฮองเฮาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน พระสนมนางเป็นคนนำยานั่นมาเองฝ่าบาทโปรดสอบสวนด้วย”ใต้เท้าหลี่จงอดที่จะพูดแทนหลี่อิงฝานเสียไม่ได้“หลี่จงเจ้ากล้าใส่ร
ท่านอ๋องบรรจงจูบอ่อนหวาน เหมือนจะจดจำทุกอย่างไว้บทจูบอ่อนหวานเล้าโลม เจิ้งเหมยตาปรืออิ่มสุข มือใหญ่แกะปลดสายคาดเอวอย่างอ่อนโยน พรมจูบทั่วร่างเปลือยเปล่า เจิ้งเหมยเขินอายดึงผ้าฝืนบางห่มคลุมอีกคนกับยื้อยุดก่อนจะโยนมันทิ้งข้างแท่นนอน ร่างเย็นเฉียบถูกทาบทับด้วยร่างใหญ่อันอบอุ่น ฉกลิ้นเข้าไปด้านในควานหาความหวาน มือไม้ไม่อยู่สุขเคล้นคลึงลูบไล้จนขนลุกไปทั่วร่าง ความอ่อนโยนยังไม่หายไปความดุดันกลับเข้ามาแทนที่ ขาแข็งแรงเบียดแทรกตรึงขาเรียวไว้กับแท่นนอน สอดแทรกความหวานเข้าไปภายใน เจิ้งเหมยครางผะแผ่ว แต่จินเฉิงอู่ไม่เปิดโอกาสบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหายเหมือนกับจงใจจะให้แดดิ้นลงไปต่อหน้า“ท่านอ๋อง...ได้โปรด”เล็บคมจิกลงบนแผ่นหลังใหญ่เปลือยเปล่า แต่อีกคนกลับรุกเร้ารุนแรงหมายจะสุขสม“หวางเฟย...ที่รักของข้า ข้ารักเจ้า”เสียงกระซิบคำรักดังข้างหูลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอระหงลิ้นสากเลาะเล็มต้นคอระหง จนร้อนผะผ่าวทั่วใบหน้าจะว่าหนาวก็เหมือนจะอบอุ่น เจิ้งเหมยกอดรัดร่างใหญ่เหมือนกลัวว่าตัวเองที่เบาดั่งปุยนุ่นพร้อมจะหลุดลอยสู่ฟากฟ้ากว้างใหญ่ ท่ามกลางทุ่งดอกชิวอิง (ดอกคอสมอส ดอกดาวกระจายสีชมพู) จินเฉิงอู่พรม
“เฉิงเจินควรไปรอพบฟูจินที่ด้านหน้าประตูวัง ส่วนพวกท่านสองคน ข้าหลายวันมานี้อ่านฎีกาจนปวดเมื่อย ตำหนักใหญ่เงียบเหงาหลายวันเราสามคนร่ำสุราผูกสัมพันเช่นเก่าก่อน”เหลียงซานป๋ออมยิ้ม“ไท่จือท่านอย่าทำพลาดอีกนะ ฝ่าบาทอุตส่าห์ลงมือเองเพียงนี้”เฉิงเจินประสานมือตรงหน้าอมยิ้มแก้มปริ“ข้าลาทุกท่าน รับรองด้วยการฝึกปรือจากเสด็จพ่อท่านอาทั้งสอง เฉิงเจินไม่มีทางทำให้ผิดหวังแน่”คนทั้งหมดส่ายหน้าไปมาประตูวัง จินเฉิงเจินเดินวนไปเวียนมาราวกับเสือติดจั่นเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จึงยิ้มได้ ฟูจินดึงบังเหียนม้าให้หยุดตรงหน้า“ไท่จือท่าน ฝ่าบาทมีเรื่องใดกันจึงบัญชาฟูจินกลับเข้าวังหลวงโดยเร็วหรือว่าฮองเฮา”สีหน้าร้อนรนเฉิงเจินยิ้มคว้าข้อมือบางกระชากลงจากหลังม้า ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน“ไท่จือ อย่าทำแบบนี้ ฟูจินมิใช่เด็กๆแล้วและเราสองคนก็โตกันแล้ว”“เราสองคนโตแล้วจึงเหมาะที่จะสร้างครอบครัว”ฟูจินขมวดคิ้ว“ปล่อยฟูจินก่อนเจ้าค่ะ”ดิ้นรนในอ้อมแขนแข็งแรง“ข้ารึ เป็นทุกข์อยู่เสียนานกลัวว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะ กีดกันแต่มาวันนี้ทั้งสองพระองค์ไม่ใช่แค่ไม่กีดกันยังส่งเสริมข้ากับเจ้า”ส่งฟูจินขึ้นบนหลังม้ากระโดดข
“ฟูจินรับบัญชาฮองเฮาสิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้วสำหรับฟูจิน”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทว่าเศร้าสร้อย เจิ้งเหมยยิ้มฟูจินมักว่าง่ายเสมอ“เฉิงเจินกำลังจะแต่งไท่จือเฟยเจ้าเองคงเหงาและใจหายข้าจึงตั้งใจให้เจ้าแต่งกับบุตรชายแม่ทัพเว่ย เสียพร้อมกันจัดงานมงคลขึ้นพร้อมกัน”ฟูจินยิ้มเศร้าๆ“ฟูจิน ไยจึงมีสีหน้าเศร้าสร้อยเพียงนั้น หากไม่เต็มใจ ข้าจึงไม่บังคับเจ้า"ฟูจินย่อกายลงงดงาม"สิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้ว ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองฟูจินเกิดมาก็ได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทและฮองเฮาอยู่สุขสบายเหมือนองค์หญิงเรื่องใดที่เป็นหน้าที่พึงกระทำเพื่อตอบแทนคุณ”เจิ้งเหมยโอบกอดฟูจินอย่างอ่อนโยน“ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณที่มีเจ้าเป็น ดังลูกสาวคังฟูจินหากมีสิ่งใดที่เจ้า หนักใจ บอกกับข้ามาเถิด” ลูบหลังไหล่ให้ ฟูจินสะอื้นเบาๆ เจิ้งเหมยผลักร่างของฟูจินถอยห่างสบตาค้นหาความจริงในดวงตาสีโศกยามเย็นย่ำจินเฉิงเจินเร่งฝีเท้ามายังตำหนักชิงหนิงกงเหลือบแลหาฟูจินแต่ไม่พบนาง“เสด็จแม่”เจิ้งเหมยเงยหน้าขึ้นจากการเย็บถุงหอม“มาแล้วหรือให้ใครตามตั้งแต่บ่ายเพิ่งจะมาถึง ไม่เห็นว่าการพบแม่สำคัญหรือไร คงต้องพูดเรื่องกา
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจิ้งเหมยอมยิ้ม ไท่จือมองฟูจินด้วยสายตาเจ็บซ้ำ“ฟูจินอายุน้อยกว่าเจ้า นางยังเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ไท่จือลูกเองก็น่าจะเข้าใจ ตอนนี้เองไท่จือก็ไม่ได้มีผู้ใดในใจมิใช่หรือ อย่างนั้นหากได้พบองค์หญิงปี่เหยาเจ้าอาจเปลี่ยนใจก็ได้” ไท่จือแม้จะขัดใจเพียงใดแต่ก็ไม่อาจโต้แย้ง นึกน้อยใจฟูจินที่ไม่ช่วยเขาแล้วยังเข้าข้างเจิ้งเหมยที่เป็นมารดาอีก“ ให้เสด็จแม่รู้ไว้ด้วยเถิดว่าลูกไม่เคยจะเต็มใจที่จะแต่งไท่จือเฟยตามที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เห็นสมควร ลูกต้องการที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และเลือกเองเพียงลำพังลูกพูดเพียงแค่นี้ ลูกทูลลา” ขยับตัวลุกขึ้น เหลือบมองฟูจิน สิ่งที่ฟูจินเห็นในนั้นคือแววน้อยใจ ที่ทำเอาฟูจินโศกสลดไม่แพ้กันเจิ้งเหมยส่ายหน้าช้าๆ"ยังทำตัวเหมือนองค์ชายน้อยไม่เปลี่ยน"ฟูจินแสร้งขบขันทางเดินทอดยาว ฟูจินตั้งใจออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่เศร้าหมองหาสาเหตุไม่ได้ เดินเรื่อยไปตามทาง ดวงอาทิตย์อัสดงไปแล้วภาพความทรงจำเก่าๆ ที่เคยวิ่งเล่นอยู่บริเวณนี้กับเฉิงเจิน เสียงหัวเราสอดประสาน พลันร่างอ้วนป้อมของฟูจินก็ล้มลงไปกองกับพื้น"บอกแล้วอย่างไรอย่าวิ่งตาม เห็นไหมบา
มิอาจพูดว่ารักฟูจิน จัดการหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบเรียบร้อย ฮองเฮานั่งอยู่บนแท่นนั่งอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าใกล้“ฟูจินนวดให้ไหมเพคะ”เจิ้งเหมยในวัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับงดงามอ่อนกว่าวัย ยิ้มน้อยๆ“ไม่มีครั้งไหนที่ข้าจะปฏิเสธมีเจ้าเพียงผู้เดียวฟูจินที่นวดได้ถูกใจข้าเหลือเกิน”ฟูจินยิ้มหวาน ออดอ้อนซบหน้าลงบนตักกว้าง“ฮองเฮาเมตตาฟูจิน จนฟูจิน ไม่เคยโหยหาความรักจากมารดาทั้งๆ ที่ ไม่เคยมีมารดากับเขา”เจิ้งเหมยลูบศีรษะเบาเบาจะไม่เมตตาได้อย่างไรก็ในเมื่อคังซื่อฮั่น หอบเอาห่อผ้าที่มีทารกน้อยมา ยื่นส่งให้ตรงหน้าจินเฉิงอู่พร้อมกับ พูดเพียงสั้นๆว่าดูแลเขาแทนข้าด้วย ใบหน้าน้อยๆ ริมฝีปากแดงระเรื่อดวงตากลมใส ที่ยัดนิ้วโป้งเข้าไปดูดด้วยความหิว แก้มป่องใสดวงตาพิสุทธิ์ใครกันจะไม่หลงใหลนาง องค์ชายน้อยชะโงกหน้ามอง ฟูจินด้วยแววตาสงนฉนเท่ห์“ท่านแม่ น้องข้าใช่หรือไม่”เจิ้งเหมยยิ้มกอดองค์ชายไว้ในอ้อมแขน“ นางเป็นน้องสาวของเจ้า”จินเฉิงอู่ตอบขึ้นเบาๆ คังซื่อฮั่นเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันมามอง ด้วยอะไรเจิ้งเหมยรู้ดี เขาตัดใจกับทารกน้อยคนนี้ไม่ได้ หากหันกลับมามอง เห็นทีต้องอุ้มนางกลับไปเร่ร่อนเช่นเดียวกับเขา“เฉิ
จินเฉิงเจิน ในวัย18ปีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของ จินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทว่าอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเหมือนหญิงสาวก็ไม่ปาน ยืนมองทุ่งหญ้าเขียวขจีงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบการขึ้นครองราชย์ของจินเฉิงอู่กับตำแหน่งไท่จือที่จินเฉิงเจินจะถูกแต่งตั้งในวันนี้สายตาคมทอดมองไปไกล เรื่องราวที่ผ่านมามากมายให้ระลึกถึง ในโลกนี้จะมีใครรักและภักดีต่อกันได้เท่าพ่อกับแม่ของเขากันอีก จินเฉิงอู่ไม่ยอมมีสนมนางใน แม้จะมีเขาเป็นโอรสเพียงคนเดียว ก็ไม่เคยร่ำร้องอยากจะมีหญิงอื่นเพิ่มพูน เช่นไรเขาถึงจะรักใครสักคนให้ได้เท่ากับที่จินเฉิงอู่รักเสด็จแม่เจิ้งเหมยของเขา ใบหญ้าสีเขียวขจีลู่ลมน่ามอง เสื้อคลุมถูกถอดออกคลุมให้ฟูจินรวบผมยาวสลวยสอดเสื้อคลุมเข้าไปใต้ไรผม ใบหน้างดงามดวงตาเศร้าสร้อยไม่ต่างจากสายตา ของคังซื่อฮั่น ดวงหน้าผุดผาดริมฝีปากบางใสน่าสัมผัสจนคนมองต้องเผลอขบเม้มฝีปากตัวเอง“ไม่ต้องแล้ว ฟูจินไม่ได้หนาวขนาดนั้นอากาศเย็นสบายดี”เลิกคิ้วสูงยิ้มบางๆ“เจ้ายังเป็นน้องเล็กของข้าอยู่ เมื่อใดที่แต่งออกไปจึงค่อยมาแข็งข้อกับข้า”กระชับเสื้อคลุมให้อย่างอ่อนโยน“ไปเถอะสายมากแล้วใกล้ได้เวลา
ใบหน้าเรียบเฉยทว่าใจกลับสั่นไหว คังซื่อฮั่นแปลกใจว่าตัวเขาเป็นอะไรไปกันแน่ ในเมื่อกับเจิ้งเหมยมีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดได้ห่วงใยและคอยปกป้อง แต่กลับรู้สึกเป็นสุขเมื่อเจิ้งเหมยมีรอยยิ้มและดีใจเมื่อเจิ้งเหมยมีความสุขซึ่งเขาคิดว่ามันคือความรัก แล้วแบบนี้เล่าคืออะไรกันทำไมรู้สึกว่าไม่อาจห้ามใจ กับความซุกซนของอี้หลิน“พอใจหรือยัง”อี้หลิน เงื้อมือตั้งจะจะฟาดลงบนใบหน้าของคังซื่อฮั่นแก้เขิน คังซื่อฮั่นใช้ความไวคว้าข้อมือไว้ยิ้มยียวน“วันพรุ่งนี้ข้าจะรับบัญชาฝ่าบาทรั้งอยู่ที่นี่แล้วก็ตกลงใจที่จะรับเจ้าเป็นภรรยาตามที่เจ้าต้องการ” อี้หลิน ไม่กล้าสบตาก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ใครจะแต่งกับท่านกัน”“อ้าวเจ้าพูดเองว่าฝ่าบาทประทานสมรส ห้ามข้าเฉยชาใส่เจ้าแล้วยัง ...มาลวนลามข้าก่อน พอข้าเอาคืนกลับทำท่าทีไม่พอใจเสียอย่างนั้นเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”จมูกรั้นเชิดหยิ่ง“ข้าก็ไม่เห็นจะง้อท่านเลยไม่แต่งก็ได้”ก้าวขากำลังจะออกจากห้องไปคังซื่อฮั่นรวบเอวบางจากด้านหลัง ฉวยโอกาสกอดไว้แน่น“ไม่ทันแล้ว หากเจ้ารู้จักข้าดี ก็จะรู้ว่าคนอย่างคังซื่อฮั่นยึดมั่นคำสัจเพียงใดพูดคำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยนใจ เ
เมื่อมาถึงห้องพัก คังซื่อฮั่นเริ่มคิดหาคำพูดที่จะพูดคุยกับอี้หลิน“เจ้าชื่อแซ่อะไรข้าลืมไปเสียหมดแล้ว”“ท่านคังท่าน ช่างเป็นบุรุษที่หลงลืมง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ หากท่านจะมีความจำสักนิดก็จะรู้ว่า อี้หลินเคยพบท่านมาก่อน”“อี้หลิน”อี้หลินพยักหน้า“เคยพบกันที่แห่งใด”ใบหน้าฉงนสนเท่ห์“จนกว่าท่านคังจะจำได้ อี้หลินจึงจะบอกว่าเราพบกันตอนไหน”คังซื่อฮั่นถอนใจ“ไม่ถาม แล้วก็ไม่ต้องการคำตอบแล้ว”คนพูดน้อยเผอเรอหลงลืมไปว่าตัวเอง ไม่ชอบเซ้าซี้ใครพอนึกได้ก็เปลี่ยนท่าทีทันทีเช่นกัน อี้หลินเบ้ปากคนอะไรไม่ชอบ ที่จะเล่นสนุกกับผู้ใด นานแค่ไหนแล้วที่คังซื่อฮั่นปลีกตัวออกไปอยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ ถึงท่านคังไม่อยากรู้แต่อี้หลินก็จะบอก”“ว่ามา”ใบหน้าเฉยชา หยิบน่องไก่ในจานมาพิศดูความทรงจำลอยวนเข้ามาในความคิด น่องไก่ที่ยื่นส่งให้เจิ้งเหมยในวันนั้น เหลียงซานป๋อกับเขาพากันกัดแทะลำตัวไก่เสียหมด ไว้แกล้มสุราจนเริ่มมีความกล้าในภารกิจครั้งนั้น ก็ในเมื่อคนที่ต้องนำน่องไก่ไปให้เจิ้งเหมยเป็นเขาตามความเห็นของจินเฉิงอู่และเหลียงซานป๋อ คังซื่อฮั่นเผลอยิ้มให้น่องไก่อวบ“ยิ้มทำไม”“ ไม่ใช่ ธุระอะไรของเจ้า”อี้หลินหน้าเง้า“เ
พลันแสงสว่างข้างกายกลับมืดมิด เมื่ออี้หลินเดินถือถาดขนมในมือเข้ามาทุกสิ่งมืดมิดลงทันที่มีเพียงรอบกายของอี้หลินเท่านั้นที่สว่างเรืองรอง คังซื่อฮั่นอ้าปากค้าง ดวงตาพร่ามัว"คังซื่อฮั่น"เสียงเรียกจากจินเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายกลับเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล และเหมือนกับเสียงนั้นเอ่ยออกมาเชื่องช้าด้วยเวลาในขณะนั้นถูกหยุดหรือถูงดึงให้ช้าลงไป"อี้หลินถวายพระพร ฝ่าบาทฮองเฮา องค์ชายน้อย คารวะท่านเหลียงซานป๋อ และท่าน.."หันไปทางคังซื่อฮั่น"คังซื่อฮั่น"เอ่ยปากเบาๆ จนเกือบกลายเป็นกระซิบ แต่ตายังจ้องมองที่อี้หลินตาไม่กะพริบ จินเฉิงอู่เจิ้งเหมยกับเหลียงซานป๋อปิดปากหัวเราะพร้อมกันจินเฉิงเจิน ฟูจินหันมองหน้ากันแบบงงๆ ว่าคนทั้งหมดกำลังหัวเราะอะไรคังซื่อฮั่น"อี้หลิน เจ้านำทางท่านคังไปที่พำนักและช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านคังด้วย"เจิ้งเหมยออกคำสั่งอี้หลินย่อตัวทำความเคารพ"เชิญท่านคังตามข้ามา"คังซื่อฮั่นเดินตามไปอย่างงงๆ เจิ้งเหมยรับเอาฟูจินมาอุ้มไว้จินเฉิงเจินกับฟูจินวิ่งลงจากอ้อมแขนหยิบขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย“เห็นไหม องค์ชายอี้หลินนางทำขนมได้ถูกใจเราสองคนที่สุด”ปากเล็กเคี้ยวขนมไม่หยุด องค์ชายน้อยย
อิงฝานเดินจากไปยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก ความเจ็บแค้นทั้งหมดสูญสลายไปหมดอโหสิกรรมให้โยวเสวียน ชาติหน้าอย่าได้พบกันอีกเลย คนอย่างโยวเสวียน หากยังมีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่มีสิ้นสุดตราบใดที่นางยังหายใจนางก็จะทำให้ คนอื่นต้องสูญเสียชีวิตอีกกี่คนกันเล่าดอกเหมยงดงามสองข้างทางกลับสีชมพูแดงร่วงหล่นลงบนทางเดินทอดยาววกวน องค์ชายน้อยจินเฉิงเจิน วิ่งไล่จับแมลงปอที่บินวนไปมา เสียงหัวเราะสนุกสนาน ดังไปทั่วบริเวณ เหล่าขันทีและนางกำนัล วิ่งตามด้วยกลัวจะหกล้มหกลุกแต่เรี่ยวแรงมากมายวิ่งจนทั่ววังหลวงที่กว้างขวาง“องค์ชาย รอฟูจินด้วย”เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งตาม“ตามข้ามา ฟูจิน”เสียงเล็กๆใสใสกวักมือให้ตามไป แต่ฟูจินหกล้มหัวเข่ากระแทกเลือดไหลซึม“คุณหนูฟูจิน จะวิ่งทำไมคะ”นางกำนัลรีบวิ่งมาอุ้ม จินเฉิงเจินวิ่งลับตาไปยังคงตามจับแมลงปอตัวสวย“องค์ชายใจร้าย”ฟูจินตัดพ้อปาดคราบน้ำตานางกำนัลให้ฟูจินขี่หลัง เจิ้งเหมยเดินมารับเอาคุณหนูฟูจินตัวอ้วนป้อม มากอดแนบอกลูบหลังไหล่ให้ ยกเขาเล็กขึ้นมาเป่าที่แผลเบาๆ“ฮองเฮา องค์ชายไม่รอฟูจิน”มืออ้วนป้อมกอดรอบคอซบหน้าลงบนไหล่อุ่น เจิ้งเหมยยิ้มอ่อนโยน“ปล่อย