โยวเสวียนขังตัวเองในห้อง ไร้แสงเดือนแสงตะวัน ลมหนาวพัดโชยเหน็บหนาวเดียวดาย"พระชายา""เจ้ายังกล้าเรียกข้าพระชายาอีกหรือในเมื่อท่านอ๋องไม่แม้แต่จะคำนึงถึงข้าคนนี้ หนีไปกับนางแพศยาราวกับไม่เคยเป็นสามีภรรยากัน""พระนาง อีกไม่นานท่านจะถูกแต่งตั้งเป็นสนมของฝ่าบาทยศตำแหน่งสูงส่ง ข้าน้อยเชื่อว่าพระนางจะเป็นที่โปรดปรานอย่างแน่นอน""จะโปรดปรานหรือไม่ข้าไม่แยแส พี่เฉิงอู่เป็นเพียงชายเดียวที่ข้า...มอบทั้งใจและกาย""พระนางคำพูดนี้ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยได้ยิน หากฝ่าบาทรู้ว่าพระนางบุตรีของใต้เท้าตู้ยังฝักใฝ่อยู่กับอ๋องไร้จวนผู้นั้น เกรงว่าใต้เท้าตู้ที่รับรองแข็งขันจะไม่อาจอยู่ในตำแหน่งได้นาน""ท่านพ่อตามใจข้ามาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ที่บอกให้ข้าเลิกคร่ำครวญและภักดีต่อฝ่าบาท"สาวใช้กอดปลอบโยวเสวียนที่ใบหน้าเศร้าสร้อยเหมือนแบกโลกทั้งใบไว้ไม่ปาน"พระนางเรื่องแค่นี้ ท่านต้องผ่านมันไปให้ได้ หากได้รับการโปรดปรานทุกอย่างย่อมวางอยู่แทบเท้า""ถึงข้าไม่อยากทำเพียงใดก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด เจิ้งเหมยนางต้องได้รับบทเรียนจากข้าในโทษฐานที่นางแย่งรักจากท่านอ๋องไป"ดวงตาสวยทว่ามีแววเคียดแค้นเกินจะบรรยายได้ "เฉิงหวาง
จินเฉิงหวางแต่งตั้งโยวเสวียนเป็นสนมเอก แม้จะเป็นกากเดนของจินเฉิงอู่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใดโยวเสวียนกลับสามารถปรับตัวได้ดีไม่น้อย"ฝ่าบาท"น้ำเสียงออดอ้อน มือใหญ่เชยคางมองสบสายตาที่ไม่สามารถอ่านออกนั่นนิ่ง"ข้ารอเวลานี้มานาน"ก้มลงจุมพิตริมฝีปาก"ฝ่าบาทพูดเหมือนดั่ง หมายปองโยวเสวียนมานาน""นี่เจ้าไม่รู้หรือว่าไม่เคยใส่ใจ หญิงนางเดียวที่ข้าใฝ่ฝันครอบครองมาตลอดมีเพียงเจ้าโยวเสวียน"รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก หลับตาทอดกายลงบนแท่นนอน โยวเสวียนมั่นใจว่าตอนนี้มือบอบบางของนางได้กุมหัวใจบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ไม่ใช่คำพูดยามต้องการร่วมรักแต่เพราะความอ่อนโยนและบทสวาทที่โยวเสวียนได้รับ เหมือนดังตัวเองเป็นดั่งนางสวรรค์คังซื่อฮั่น รวบรวมกำลังพลระหว่างทาง"ท่านหัวหน้าองครักษ์ท่านอ๋องปลอดภัยดีหรือไม่"แม่ทัพใหญ่ถามด้วยความห่วงใย"ท่านอ๋องตอนนี้ เดินทางสู่หน้าด่าน พร้อมกับองครักษ์เหลียงซานป๋อ ในระหว่างนี้ข้ากับท่าน เพียงรวบรวมกำลังพลที่กระจัดกระจาย แล้วนำกำลังสมทบท่านอ๋องที่หน้าด่าน ที่นั่นมีผู้ที่ภักดีกับท่านอ๋องไม่น้อย""เช่นนั้นอย่ารอช้า ครั้งนั้นพวกเราเสียรู้ตู้เฉินกักตัวในค่าย บอกใ
จุมพิตหวานซอกซอน ปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระพืออีกครั้ง"ท่านอ๋อง... เจิ้งเหมยจะตายเสียได้""ใครกันจะปล่อยเจ้าตาย"ยังโอบกอดประคองให้นอนหนุนแขน มือก็ลูบไล้แผ่นหลังเปลือย ปากอุ่นพรมจูบไปทั่วร่างเปลือยเปล่า"ท่านอ๋อง…..พอเสียทีเถิด""ข้ารักเจ้าหวางเฟย รักมาแสนนานต้องการเจ้ามาก็แสนนานใจคอเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้าแค่เพียงครั้งเช่นนั้นหรือ"ยันอกกว้างไว้เมื่ออีกคนก้มลงหมายจะบดขยี้ริมฝีปากอีกครั้ง"ท่านอ๋องบาดเจ็บ ยังกล้าใช้ร่างกายเพียงนี้""หวางเฟย...ของข้า ยอมอุ่นเตียงให้ข้าแม้ตายข้าก็ยอม""เจิ้งเหมยเป็นของท่านอ๋องแล้ว และจะเป็นของท่านอ๋องตลอดไปไม่ว่าเมื่อไหร่เราสองก็ยังเคียงข้างกันโอกาสมีอีกมาก ตอนนี้แผลของท่านอ๋องจะแย่เอาได้"จุมพิตที่ริมฝีปากช่างเจรจาหาข้ออ้าง"ข้าเชื่อเจ้าตามใจเจ้า หวางเฟยของข้า หากหายดีเมื่อไหร่ต้องเป็นเจ้าที่เชื่อข้าตามใจข้า ห้ามขัดใจจนกว่าข้าจะพอใจและอิ่มหนำ"เจิ้งเหมยยิ้ม จินเฉิงอู่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ยิ้มสมหวังจากนี้ไม่ต้องการสิ่งใดแล้วขอเพียงมีเจิ้งเหมยข้างกายก็พอวังหลวง…"ฝ่าบาท โยวเสวียน อยากรู้ว่ามีข่าวคราวของจินเฉิงอู่บ้างไหม”รอยยิ้มเหยียดที่ริมฝีปาก“เจ้ายังห่วงใยเ
ไทฮองไทเฮา นอนเหยียดขายาวอยู่บนแท่นนอนนางกำนัลกำลังบีบนวดให้อยู่ อีกคนกำลังพัดให้“เสด็จย่า”โยวเสวียนเดินนวยนาดเข้ามาไม่แม้จะ ย่อตัวถวายพระพร“อ๋อโยวเสวียน เจ้าวันนี้ไม่ต้องปรนนิบัติฝ่าบาทหรือไร”ดีใจกับเรื่องฝ่าบาทโปรดปรานโยวเสวียน“โยวเสวียนมีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ”ยิ้มหวานหยดย้อย ดวงตาฉายแวว สาใจโบกมือไล่นางกำนัลข้างกาย ไทฮองไทเฮาให้ออกไป“ย่ากำลังคิดว่าดีเหลือเกินฝ่าบาทโปรดปรานเจ้า อย่างน้อยเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมานำความขมขื่นมาให้เจ้าก็จะสามารถลืมเลือนมันง่ายดาย”“โยวเสวียน ไม่แยแสเรื่องเหล่านั้นอยู่แล้ว ในตอนนี้นับว่าเป็นโชคดีของโยวเสวียนเรื่องอื่นนับว่าไม่สำคัญ ช่วงเวลาที่เหลือเป็นเพียงช่วงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวความสุข”ไทฮองไทเฮายิ้ม นางกำนัลข้างกายโยวเสวียนยกชาร้อนมีไอลอยวนเข้ามาข้างใน“วันนี้ โยวเสวียนมาดื่มชาเป็นเพื่อนสเด็จย่า ต่อแต่นี้ไปเรื่องราวบาดหมางใดใด ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ต้องใส่ใจอีก” นางกำนัลรินชา สองจอกส่งให้โยวเสวียนและไทฮองไทเฮา"ย่าดีใจที่เจ้ามีความสุขในวังหลวงแห่งนี้"“โยวเสวียน คารวะเสด็จย่าชานี้เป็นชาดี จากตะวันตกพ่อค้าต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานกว่าจะได้มันมา”ย
"ท่านอ๋อง โปรดไตร่ตรอง"เสี่ยวป๋อห้ามเพราะกลัวว่าที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า"พระชายาท่านห้ามท่านอ๋องด้วย""ท่านอ๋อง อย่าวู่วาม เรื่องบางเรื่องแม้เราวิ่งเข้าใส่ก็ใช่ว่าจะทันมัน""เสด็จย่าจากไปไม่ได้ร่ำลา ตั้งแต่เสด็จแม่ตายไปเสด็จย่าเป็นคนเดียวที่ดูแลและเข้าใจข้ามากที่สุด""เจิ้งเหมย อยากให้ท่านอ๋องพึงระลึกว่าไทฮองไทเฮารักและหวังดีกับท่านอ๋องแค่ไหนไทฮองไทเฮาคงไม่อยากเห็นท่านอ๋อง ต้องเสียที""เสด็จย่าไม่มีทางที่จะคิดสั้นอย่างนั้น และเสด็จย่าจะไม่มีทางเสียใจที่ข้าทำแบบนี้ ตั้งแต่จินเฉิงหวางครองบัลลังก์ ชาวบ้านทุกข์เข็ญเรียกเก็บภาษีเสียจนชาวบ้านแทบไม่มีจะกิน แม้แต่ขุนนางยังโดนตัดเบี้ยวัตร ราชสำนักมีเงินเต็มคลังหลวง นำเงินเหล่านั้นปรนเปรอสนมนางใน เรียกหญิงสาวคัดตัวปีละสองครั้งซึ่งผิดธรรมเนียม แล้วนำเงินบางส่วนมาบำรุงกองทัพสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง จวนอ๋องเปิดเป็นโรงทานเพื่อชาวบ้านที่อดอยากกลับหาว่าข้าซ่องสุมกำลังพลก่อกบฏ สั่งลดเงินเบี้ยเลี้ยงของข้าและกองทัพอ๋องบีบบังคับทุกทางเรื่องเช่นนี้เสด็จย่ารู้ดี เสด็จย่าไม่มีทางเสียใจที่ข้าทำเช่นนี้"เจิ้งเหมยสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยรู้สึกได้ถึงความรัน
“ข้า จินเฉิงอู่คารวะทุกท่านนับจากนี้ร่วมเป็นร่วมตายหากพวกท่านตายข้าก็ไม่อาจอยู่ พวกท่านอยู่ข้าก็ไม่อาจตาย”เหล่าทหารกล้าก้มหัวจรดพื้น“ท่านอ๋องห้าปรีชา ต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”คั่งซื่อฮั่นพูดแทนทุกคนที่ตำหนักฮ่องเต้โยวเสวียนนอนหมดสติจากพิษที่นางดื่มเข้าไปเพียงเล็กน้อย จินเฉิงหวางดูแลนางอย่างใกล้ชิดทุกค่ำเช้าเป็นเวลาสองวันแล้วที่เขาเฝ้ากุมมือโยวเสวียนไม่ห่างไปไหนก่อนหน้านั้น“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้ไม่ได้ หม่อมฉันต้องการให้มีการไต่สวน”“เจ้ายังมีสิทธิมาร้องขอความเป็นธรรมอีกหรือเจ้า อิจฉานางที่ข้าโปรดปรานนางทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้นางจงใจให้นางตาย ชั่วช้าเลวทราม”“ฝ่าบาท เราสองเป็นผัวเมียกันมาแรมปี ฝ่าบาททรงมองย้อนไปครั้งเก่าก่อน หม่อมฉันหลี่อิงฝานไม่เคย คิดการใดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้”“นั่นเพราะเจ้าอยู่ในตำแหน่งฮองเฮา และโยวเสวียนยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นสนมแต่ตอนนี้ ข้ารักและโปรดปรานนาง เจ้ามีใจริษยา”“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง ฮองเฮาและข้าน้อยภักดีมาตลอด ยานั่นฮองเฮาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน พระสนมนางเป็นคนนำยานั่นมาเองฝ่าบาทโปรดสอบสวนด้วย”ใต้เท้าหลี่จงอดที่จะพูดแทนหลี่อิงฝานเสียไม่ได้“หลี่จงเจ้ากล้าใส่ร
ท่านอ๋องบรรจงจูบอ่อนหวาน เหมือนจะจดจำทุกอย่างไว้บทจูบอ่อนหวานเล้าโลม เจิ้งเหมยตาปรืออิ่มสุข มือใหญ่แกะปลดสายคาดเอวอย่างอ่อนโยน พรมจูบทั่วร่างเปลือยเปล่า เจิ้งเหมยเขินอายดึงผ้าฝืนบางห่มคลุมอีกคนกับยื้อยุดก่อนจะโยนมันทิ้งข้างแท่นนอน ร่างเย็นเฉียบถูกทาบทับด้วยร่างใหญ่อันอบอุ่น ฉกลิ้นเข้าไปด้านในควานหาความหวาน มือไม้ไม่อยู่สุขเคล้นคลึงลูบไล้จนขนลุกไปทั่วร่าง ความอ่อนโยนยังไม่หายไปความดุดันกลับเข้ามาแทนที่ ขาแข็งแรงเบียดแทรกตรึงขาเรียวไว้กับแท่นนอน สอดแทรกความหวานเข้าไปภายใน เจิ้งเหมยครางผะแผ่ว แต่จินเฉิงอู่ไม่เปิดโอกาสบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหายเหมือนกับจงใจจะให้แดดิ้นลงไปต่อหน้า“ท่านอ๋อง...ได้โปรด”เล็บคมจิกลงบนแผ่นหลังใหญ่เปลือยเปล่า แต่อีกคนกลับรุกเร้ารุนแรงหมายจะสุขสม“หวางเฟย...ที่รักของข้า ข้ารักเจ้า”เสียงกระซิบคำรักดังข้างหูลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอระหงลิ้นสากเลาะเล็มต้นคอระหง จนร้อนผะผ่าวทั่วใบหน้าจะว่าหนาวก็เหมือนจะอบอุ่น เจิ้งเหมยกอดรัดร่างใหญ่เหมือนกลัวว่าตัวเองที่เบาดั่งปุยนุ่นพร้อมจะหลุดลอยสู่ฟากฟ้ากว้างใหญ่ ท่ามกลางทุ่งดอกชิวอิง (ดอกคอสมอส ดอกดาวกระจายสีชมพู) จินเฉิงอู่พรม
“ข้าเองก็คิดถึงเจ้าเช่นเดียวกัน”“เฮ้อ... คิดถึงกันเพียงสองคน เสี่ยวป๋อไร้ซึ่งผู้ที่คำนึงหา”เจิ้งเหมยกับย่าหนานหัวเราะพร้อมกัน ความสนุกสนานหอมหวานยั่งยืน มักเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาแต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่ามันจะโดนพรากไปเมื่อใดหิมะโปรยปรายจน พื้นดินกลายเป็นสีขาวโพลนจินเฉิงอู่จูงมือเจิ้งเหมยเดินฝ่าดงหิมะ วิ่งไล่จับกระต่ายป่าสีเดียวกับหิมะ เสียงหัวเราะรื่นเริงร่างบางล้มลุกคลุกคลาน จินเฉิงอู่ฉุดร่างบางขึ้นแต่กลับปล่อยมือ ล้มทับกดร่างบนลงบนพื้นหิมะนุ่ม เกล็ดหิมะหนาวเหน็บแต่ลมหายใจร้อนผะผ่าวยังวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก ตาสบตาบอกความหมายบางอย่างเจิ้งเหมยหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย จินเฉิงอู่ก้มลงประทับริมฝีปากบดเบียดอ่อนโยน จูบของใครจะอบอุ่นมากมายได้ขนาดนี้ เจิ้งเหมยจดจำได้ทุกสัมผัส ทว่ากลับโหยหามันทุกครั้งที่เข้าใกล้ จินเฉิงอู่ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ ขนตางอนดกดำริมฝีปากอุ่นอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเบาๆ ฝ่ามืออุ่นประคองสองแก้ม ก้มลงสัมผัสความหวาน เนิ่นนานเมฆดำข้างบนหยุดนิ่งเหมือนทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งตามไปด้วย จินเฉิงอู่อยากหยุดเวลาไว้เสียตรงนี้ ดึงเจิ้งเหมยให้ลุกขึ้น“ข้าอนุญาตให้หวางเฟยขี่หลัง”“เจิ้งเหมย เก
เสี่ยวป๋อรีบคว้ามากำไว้ในมือไม่อยากให้จินเฉิงอู่เห็น“ใครให้เจ้ามา.. เสี่ยวป๋อ”น้ำเสียงคาดคั้น“เออ..เออ.คือ”“เอามาดู”เสี่ยวป๋อจำต้องแกะออกมาให้ดูจินเฉิงอู่สูดดมกลิ่นหอมคุ้นเคยนั้นคังซื่อฮั่นเข้ามาอีกคน ที่เอวของคังซือฮั่นก็มีถุงหอมสีม่วงสวยอีกอันกรุ่นกลิ่นเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน จินเฉิงอู่มองถุงหอมสองอันสลับกันไปมา“คังซื่อฮั่น เจ้าได้ถุงหอมแบบนี้มาจากไหน”คังซื่อฮั่นมองหน้าเสี่ยวป๋อที่ขยิบตาให้ คังซื่อฮั่นเก็บความลับไม่เก่งเท่าเสี่ยวป๋อ“คือ...ท่านผู้ช่วยหมอ.เสี่ยว..ซงให้เราสองคนมาคนละอัน”ขมวดคิ้ว ลวดลายในถุงหอมเขาจดจำได้ไม่ลืม รอยสัมผัสที่เขาเฝ้าลูบไล้ลวดลายละเอียดสวยงามของมัน กลิ่นหอมแบบนี้กับรสจูบที่หวานฉ่ำในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงในใจ ลุกออกจากห้องไปในทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อยกมือขึ้น ทำท่าบอกคังซื่อฮั่น หมายถึงคอขาดแน่ ก่อนจะวิ่งตามจินเฉิงอู่ไป แต่กลับวิ่งชนประตูห้องเจิ้งเหมยเมื่อจินเฉิงอู่เปิดประตูทันทีที่เข้าไปและเสี่ยวป๋อยั้งตัวไม่ทันเจิ้งเหมยตกใจสุดขีดแต่อีกคนกลับย่างสามขุมเข้าหา หนีไปจนชิดผนังห้อง มือใหญ่ค้ำอยู่บนหัวยื่นถุงหอมไปตรงหน้าเจิ้งเหมย“ เจ้าคื
“จะมีปรโยชน์อะไรในเมื่อ เขายังมีโยวเสวียนข้างกายจะสลัดนางทิ้งไปก็ใช่ที่ นางเป็นคนที่ส่งเสริมให้ฝ่าบาทได้นั่งบนบัลลังก์มังกรแห่งนี้”“พระชายากินน่องไก่เสียก่อน น่องไก่จานนี้เป็นฝ่าบาทที่สั่งให้ห้องเครื่องนำมาให้ท่าน ข้าแอบชิมไปแล้วเกรงว่าจะมียาพิษ ต้องระวังป้องกันพระชายาอย่างที่สุด”“อร่อยไหม”“เสี่ยวป๋อยืนยันว่าอร่อยเพราะเสี่ยวป๋อเองก็เกรงว่าจะมียาพิษเช่นกัน” หัวเราะขบขันพร้อมกัน“อันนี้มอบให้ท่าน”ส่งถุงหอมที่เย็บเสร็จแล้วให้คังซื่อฮั่น ที่รับมาพิจารณา ใบหน้าแสดงความพึงพอใจและรู้สึกขอบคุณ“พระชายา ช่างมีน้ำใจ”“อันนี้ของเสี่ยวป๋อ”ความภูมิใจลดลงครึ่งหนึ่ง“ท่านทั้งสอง ดีกับข้าไม่น้อยโดยเฉพาะท่านคังซื่อฮั่นหากไม่มีท่าน ข้าคงไร้ลมหายใจได้มาพบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”คนอะไรชอบฉวยโอกาส รังแกกันให้ใจสั่นไหว คอยดูนะจะแกล้งเอาบ้างหากจำได้ขึ้นมาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเจิ้งเหมยหน้าเง้า“อีกสามชั่วยาม มาใหม่เกรงว่ายายังคงรสชาติแย่เหมือนเดิมแน่ๆ ”เจิ้งเหมยค้อนหลุบตาต่ำขนตางอนงามน่ามอง“เช่นนั้นให้ ท่านเหลียงเป็นคนนำยามา”“ท่านผู้ช่วยหมอจะผิดสัญญากับอาจารย์หรืออย่างไร อาจารย์อุตส่าห์ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า
ยกมือกุมขมับ จูบบุรุษด้วยกันอย่างนั้นหรือใบหน้าหวานกับร่างอ้อนแอ้นแนบชิดในอ่างน้ำ บอกเขาว่าสมควรแล้วที่เขาเผลอไป แต่ทำไมในภาพจำเขากลับจำว่าเสี่ยวซงเป็นหญิงเล่าคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างเปลือย"ออกไป"ไล่เสียดื้อๆ เจิ้งเหมยเม้มริมฝีปากไม่ขอโทษสักคำที่จูบ จูบเพราะอะไร หรือว่าจงใจแกล้ง หรือว่ารู้ว่าเจิ้งเหมยเป็นผู้หญิง"ยา"ยกถาดยาดันเข้าใส่อกแน่นสะบัดตัวออกจากห้องไปทั้งที่เปียกปอน คนอะไรชอบรังแกคนอื่นจำไม่ได้ไม่ว่า แต่มาทำแบบนี้เหมือนกับรังแกกันชัดๆ"ซานป๋อ เสี่ยวป๋อ เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อวิ่งลนลานเข้ามาข้างใน"ต่อไป อย่าให้เจ้าหมอนั่นเข้ามาในห้องข้าอีก""เกรงว่า เกรงว่าจะไม่ได้ คือท่านหมอสั่งให้ ท่านผู้ช่วยคอยตรวจอาการป่วยอีกทั้งให้ท่านผู้ช่วย จับชีพจรให้ฝ่าบาททุกๆ สามชั่วยาม""เจ้ากลัวท่านหมอ หรือว่ากลัวข้า""เสี่ยวป๋อกลัวว่า ฝ่าบาทจะไม่หายจากอาการประชวร""เสี่ยวป๋อ""ฝ่าบาท ท่านผู้ช่วยหมอท่านนั้นก็ ไม่มีพิษสงอะไรฝ่าบาททำไมต้องจงเกลียดจงชังเขาด้วย""จงเกลียดจงชังเช่นนั้นหรือ ข้าเพียงแค่….รู้สึกว่าเห็นหน้าแล้วข้ามักจะปวดศีรษะเท่านั้นเอง""อย่างนั้นเสี่ยวป๋อคิดว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
“ข้านับเวลาไว้นี่สองชั่วยามผ่านไปแล้วเกรงว่าเจ้าจะเคี่ยวยาให้ข้าทันหรือไม่”คนทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปมา คังซื่อฮั่นผายมือเชิญชงเมิ่ง และท่านหมอ“ข้ากับท่านหมอเห็นทีต้องกล่าวคำอาลาฝ่าบาท เสียที”จินเฉิงอู่ยิ้มมุมปาก“เกรงว่า องค์รัชทายาทที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ถูกเนื้อต้องตัวศิษย์รักของท่านหมอแบบนี้ใจคอจะจากแคว้นซ่งไปง่ายดายเชียวหรือ สมควรรั้งอยู่ที่นี่อย่างไรเสียแคว้นซ่งยินดีต้อนรับองค์รัชทายาทเสมอ หากท่านจะแวะเวียนมาหรืออยู่ที่นี่นานหน่อยข้าจินเฉิงอู่ก็ไม่ขัดข้อง” เสี่ยวป๋อยิ้มแหยๆรู้นิสัยของจินเฉิงอู่ดีว่าหากได้ไม่พอใจสิ่งใดมักจะแสดงออกแบบนี้ ถึงแม้จะจำไม่ได้ว่าเจิ้งเหมยคือพระชายาหากวันไหนจำได้ขึ้นมา ยิ่งน่ากลัวกว่านี้หากใครถูกเนื้อต้องตัวชายาของจินเฉิงอู่ถึงเพียงนี้“ชงเมิ่งอำลาเขาแค่ในแบบของสหาย แต่กลับบางคนมิใช่สหายแต่ก็อยากทำตัวเยี่ยงสหาย”จินเฉิงอู่ขยับตัว หมายจะต่อคำ“ฝ่าบาท เสียเวลามากแล้วให้เสี่ยวซงเคี่ยวยาให้ฝ่าบาทจะดีกว่า”ท่านหมอชิงตัดบทเพราะทั้งสองคนที่กำลังโต้เถียงกันตอนนี้หากมีกระบี่ในมือคงห่ำหั่นกันไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าจินเฉิงอู่ต้องตาเจิ้งเหมยไม่น้อยหรือด้วยความทรงจำ
เสี่ยวป๋อรีบเดินตามเจิ้งเหมยออกไปทันที“พระชายา"ประสานมือคารวะด้วยความคิดถึง“ข้าสบายดี ดีใจที่พบท่านอีกครั้ง”เจิ้งเหมยพูดยิ้มๆ“ข้าเป็นห่วงพระชายาแทบแย่ส่งคนออกตามหาแต่ไร้ข่าวคราว ดีหน่อยที่องครักษ์หน้าหล่อนั่น แจ้งข่าวเสียก่อน”หมายถึงคังซื่อฮั่น เจิ้งเหมยอดขำกับคำเรียกคังซื่อฮั่นไม่ได้“เสี่ยวป๋อท่านช่างภักดีไม่เปลี่ยน หากฝ่าบาทไม่มีท่านข้างกายคงแย่”“ข้าจะทำทุกวิถีทางให้ฝ่าบาทฟื้นความจำโดยเร็ว พระชายาอย่าได้กังวลฝ่าบาทต้องจำท่านได้แน่”"ฝ่าบาท อาการของท่านนับว่าแปลกมาก ร่างกายแม้จะไม่ได้ป่วยไข้แต่กลับเหมือนเกิดอาการสับสนงุนงง ฝ่าบาทหมอหลวงเคยบอกหรือไม่ถึงอาการป่วยของฝ่าบาท"เยียนฉือพยายามชี้นำให้จินเฉิงอู่เกิดความสงสัย"บอกเพียงแต่ว่าอาการป่วยไข้ ของข้าดีขึ้นแต่ยังต้องอาศัยยาบำรุงร่างกายเข้าช่วย""ฝ่าบาท ทรงเชื่อใจเราชาวแคว้นฉินที่เสด็จพ่อของพระองค์กับฮ่องเต้ของเราทรงเป็นพระสหายกันมาก่อนหรือไม่ หากฝ่าบาททรงเชื่อใจแคว้นฉิน ประทานอนุญาตให้เยียนฉือดูแลอาการป่วยของฝ่าบาท"จินเฉิงอู่ถอนหายใจ"หมอหลวงรักษา แต่อาการปวดศีรษะของข้ายังอยู่"อยากจะบอกว่าโยวเสวียน บอแต่เพียงว่าอีกไม่นานอาการ
เสี่ยวป๋อหยิบเสื้อคลุมมังกร ที่สวมให้จินเฉิงอู่ ดูแลความเรียบร้อยให้อีกที ใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสัน กับผิวขาวสะอาดตา ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ออกจากห้อง มุ่งไปยังท้องพระโรง ขบวนของชงเมิ่งเดินผ่านประตูวังเข้ามาข้างใน คังซื่อฮั่นแยกตัวออกไปเจิ้งเหมยเดินอยู่ลำดับท้ายสุด ทางเดินทอดยาวเข้าสู่ตัวพระราชวังใหญ่ ป้ายเหนือหัวเป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่สลักคำว่า ...อุดมคติอันสูงส่ง..บนหน้ามุขสูงใหญ่นั่น จินเฉิงอู่ยืนมองขบวนของชงเมิ่งที่เคลื่อนผ่านเข้ามา ร่างเล็กเดินรั้งท้ายสุด อ้อนแอ้นงดงาม ...คุ้นตาจินเฉิงอู่จ้องมองอย่างกับ ...เคยคุ้นเคย.. อาการปวดศีรษะรุมเร้ายกมือขึ้นกุมขมับ อะไรบางอย่างหมุนวนในหัวจนปวดหนึบ มันคือความขัดแย้งกันในสมองส่วนความทรงจำ ที่ฝั่งหนึ่งพยายามจะลืมเพราะฤิทธิ์ยาแต่อีกฝั่งพยายามจะจำเพราะความรักฝั่งตรึง…..หากข้าใช้สมองจดจำเจ้า คงลืมเลือนง่ายดาย แต่ข้าใช้หัวใจเก็บฝังเรื่องราวของเราสอง…..“ฝ่าบาท ขุนนางและเหล่าราชทูตรอฝ่าบาทที่ท้องพระโรงแล้ว”เสียงเสี่ยวป๋อฉุดดึงความคิดทั้งหมดให้สะดุดลง หันหลังก้าวเดินจากตรงนั้นไปทันทีภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่เหล่าขุนนางยืนเรียงรายสองฝั่งเบื้องบนบัลลังก
คังซื่อฮั่นหย่อนตัวลงไปช้าๆ ไฟในห้องบรรทมไม่ได้สว่างแต่ทว่าก็พอจะทำให้มองเห็นว่าเสี่ยวป๋อยืนอยู่ไม่ห่างจากที่จินเฉิงอู่นั่งอยู่เสี่ยวป๋อคว้ากระบี่อย่างรวดเร็วตวัดเข้าใส่คังซื่อฮั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หันมามองคังซื่อฮั่นชักกระบี่ออกมากั้นไว้เสียงคมกระบี่กระทบกับดัง แสบแก้วหู"เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อชะงักหันไปมองเมื่อพบว่าเป็นคังซื่อฮั่น ก็ฉีกยิ้มกว้าง"ท่านคัง"จินเฉิงอู่หันมองตามความปีติไม่น้อยไปกว่าเสี่ยวป๋อ"ข้าคิดว่าท่านจะตายเสียแล้วซื่อฮั่น""ข้า ไม่เคยคิดที่จะทิ้งใครไว้ข้างหลัง"น้ำเสียงตัดพ้อ"เจ้าหายไปไหนมา"จินเฉิงอู่ถามในแบบที่คิด คังซื่อฮั่นหันมองเสี่ยวป๋อที่มองอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะบอกว่า เอาไว้คุยกันทีหลัง"ฝ่าบาท คังซื่อฮั่นเพียงแค่จากไปเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา"เสี่ยวป๋อตอบคำถามแทน"เช่นนั้นต่อจากนี้ ข้าต้องรบกวนเจ้าให้อยู่ข้างกาย นอกจากเหลียงซานป๋อตอนนี้ก็มีเพียงเจ้าคังซื่อฮั่นที่ข้าวางใจ"“คังซื่อฮั่นลาฝ่าบาทออกไปจัดการเรื่องราวบางอย่างหวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาต”จินเฉิงอู่เพียงแต่ยิ้มๆ หมาป่าเดียวดาย เจ้าจะเร่ร่อนรอนแรมจนกว่าจะพอใจเสี่ยวป๋อเดินออกมาส่ง“ฝ่าบาท สูญเสียคว
จินเฉิงอู่ ยืนสงบนิ่งหน้าโลงศพของจินเฉิงหวาง“เสด็จย่า”“ไทฮองไทเฮาทรงแขวนพระศอกับขื่อคา”“เสด็จย่าทำไมถึงได้คิดสั้นเช่นนั้น”“ไทฮองไทเฮาทรงเป็นกังวลเรื่องที่ท่านอ๋องป่วยหนักและ ฝ่าบาททรงประชวร”ในใจเขาเวลานี้มีคำถามมากมาย จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำบอกเล่า แม้คำตอบจะแสนขัดแย้งหากแต่จะถามใครได้ในเวลานี้ เสี่ยวป๋อที่เอาแต่นิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดกับใต้เท้าตู้ที่ควบคุมกำลังองครักษ์และทหารทั้งหมด คนของจินเฉิงหวางหายไปจากราชสำนักจนแทบหมดเหลือเพียงคนที่ยอมก้มหัวให้โยวเสวียนและใต้เท้าตู้เหล่าขุนนางน้อยใหญ่แวะเวียนถวายพระพรแก่จินเฉิงหวางเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีสนมนางในไม่มีกุ้ยเหริน กุ้ยเฟยแม้แต่สนมเอกตระกูลไป๋ยังถูกกีดกัน ไร้ซึ่งทายาทและองค์ชายองค์หญิง มีเพียงจินเฉิงอู่ที่ยืนสงบนิ่งพร้อมกับโยวเสวียน และใต้เท้าตู้ไม่มีใครกล้าปริปาก แม้กระทั่งตำแหน่งฮองเฮา ขันทีนางในถูกเปลี่ยนตัวจนหมดหากใครแข็งข้อโยวเสวียน ให้ลากตัวไปให้ม้าแยกร่างจนทุกอย่างเงียบเชียบราบเรียบเกินไป ไม่มีการโต้แย้งไม่มีแข็งขืน ใต้เท้าตู้ตรึงกำลัง ทั้งองครักษ์และทัพหลวงยากที่จะย่างกรายเข้าไปได้“คังซื่อฮั่น ข้าไม่เคยได้พบเ
เหลียงซานป๋อส่ายหน้า"ท่านอ๋อง หากท่านยังรักเสี่ยวป๋อยังเห็นว่าเสี่ยวป๋อเป็นคนสนิท ขอร้องท่านอ๋อง ว่าอย่าบอก..โยวเสวียน...พระชายาโยวเสวียนว่าเสี่ยวป๋อแวะมา"จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วมีหลายเรื่องที่เขาสงสัย โยวเสวียนอ้างว่าพาเขามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้วทำไมไม่ให้เสี่ยวป๋อมาคอยรับใช้ แล้วยังจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการกลับไปที่จวนอ๋อง แล้วยังจะเสี่ยวป๋อที่มีท่าทีแปลกไป"ข้าอยากพบคังซื่อฮั่น"เสี่ยวป๋อส่ายหน้าไปมา"ท่านอ๋องท่านรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน"ไม่แน่ใจว่าโยวเสวียนให้จินเฉิงอู่กินยาชนิดไหนกันถึงลืมเลือนพระชายาเจิ้งเหมยเสียสิ้น"เสี่ยวป๋อ จำต้องจากไปสักพักระหว่างนี้ ท่านอ๋องรักษาตัว"จินเฉิงอู่ครุ่นคิดเวียนวน ทำไมเสี่ยวป๋อทำอย่างนี้เหลียงซานป๋อที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแสนนาน ประสานมือคุกเข่าตรงหน้าก้มลงคารวะ ก่อนจะทะยานออกจากตรงนั้นไปทันที เสี่ยวป๋อรีบรุดไปยังร้านยานำถ้วยยาวางตรงหน้า ท่านหมอหยิบขึ้นมาสูดดม"ยาสลายความจำ"เสี่ยวป๋อยิ้มแห้งๆ"หากกินไปนานวันจะเกิดอะไรขึ้น""กินเพียงนิดทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่อยากจะจดจำ ยานี้ใช้กับคนที่มีความทุกข์ตรมจนไม่อยากจดจำปกติใช้เพียงเล็กน้อย แต่