ไทฮองไทเฮา นอนเหยียดขายาวอยู่บนแท่นนอนนางกำนัลกำลังบีบนวดให้อยู่ อีกคนกำลังพัดให้“เสด็จย่า”โยวเสวียนเดินนวยนาดเข้ามาไม่แม้จะ ย่อตัวถวายพระพร“อ๋อโยวเสวียน เจ้าวันนี้ไม่ต้องปรนนิบัติฝ่าบาทหรือไร”ดีใจกับเรื่องฝ่าบาทโปรดปรานโยวเสวียน“โยวเสวียนมีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ”ยิ้มหวานหยดย้อย ดวงตาฉายแวว สาใจโบกมือไล่นางกำนัลข้างกาย ไทฮองไทเฮาให้ออกไป“ย่ากำลังคิดว่าดีเหลือเกินฝ่าบาทโปรดปรานเจ้า อย่างน้อยเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมานำความขมขื่นมาให้เจ้าก็จะสามารถลืมเลือนมันง่ายดาย”“โยวเสวียน ไม่แยแสเรื่องเหล่านั้นอยู่แล้ว ในตอนนี้นับว่าเป็นโชคดีของโยวเสวียนเรื่องอื่นนับว่าไม่สำคัญ ช่วงเวลาที่เหลือเป็นเพียงช่วงเวลาที่จะเก็บเกี่ยวความสุข”ไทฮองไทเฮายิ้ม นางกำนัลข้างกายโยวเสวียนยกชาร้อนมีไอลอยวนเข้ามาข้างใน“วันนี้ โยวเสวียนมาดื่มชาเป็นเพื่อนสเด็จย่า ต่อแต่นี้ไปเรื่องราวบาดหมางใดใด ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ต้องใส่ใจอีก” นางกำนัลรินชา สองจอกส่งให้โยวเสวียนและไทฮองไทเฮา"ย่าดีใจที่เจ้ามีความสุขในวังหลวงแห่งนี้"“โยวเสวียน คารวะเสด็จย่าชานี้เป็นชาดี จากตะวันตกพ่อค้าต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานกว่าจะได้มันมา”ย
"ท่านอ๋อง โปรดไตร่ตรอง"เสี่ยวป๋อห้ามเพราะกลัวว่าที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า"พระชายาท่านห้ามท่านอ๋องด้วย""ท่านอ๋อง อย่าวู่วาม เรื่องบางเรื่องแม้เราวิ่งเข้าใส่ก็ใช่ว่าจะทันมัน""เสด็จย่าจากไปไม่ได้ร่ำลา ตั้งแต่เสด็จแม่ตายไปเสด็จย่าเป็นคนเดียวที่ดูแลและเข้าใจข้ามากที่สุด""เจิ้งเหมย อยากให้ท่านอ๋องพึงระลึกว่าไทฮองไทเฮารักและหวังดีกับท่านอ๋องแค่ไหนไทฮองไทเฮาคงไม่อยากเห็นท่านอ๋อง ต้องเสียที""เสด็จย่าไม่มีทางที่จะคิดสั้นอย่างนั้น และเสด็จย่าจะไม่มีทางเสียใจที่ข้าทำแบบนี้ ตั้งแต่จินเฉิงหวางครองบัลลังก์ ชาวบ้านทุกข์เข็ญเรียกเก็บภาษีเสียจนชาวบ้านแทบไม่มีจะกิน แม้แต่ขุนนางยังโดนตัดเบี้ยวัตร ราชสำนักมีเงินเต็มคลังหลวง นำเงินเหล่านั้นปรนเปรอสนมนางใน เรียกหญิงสาวคัดตัวปีละสองครั้งซึ่งผิดธรรมเนียม แล้วนำเงินบางส่วนมาบำรุงกองทัพสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง จวนอ๋องเปิดเป็นโรงทานเพื่อชาวบ้านที่อดอยากกลับหาว่าข้าซ่องสุมกำลังพลก่อกบฏ สั่งลดเงินเบี้ยเลี้ยงของข้าและกองทัพอ๋องบีบบังคับทุกทางเรื่องเช่นนี้เสด็จย่ารู้ดี เสด็จย่าไม่มีทางเสียใจที่ข้าทำเช่นนี้"เจิ้งเหมยสวมกอดจากด้านหลัง ด้วยรู้สึกได้ถึงความรัน
“ข้า จินเฉิงอู่คารวะทุกท่านนับจากนี้ร่วมเป็นร่วมตายหากพวกท่านตายข้าก็ไม่อาจอยู่ พวกท่านอยู่ข้าก็ไม่อาจตาย”เหล่าทหารกล้าก้มหัวจรดพื้น“ท่านอ๋องห้าปรีชา ต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”คั่งซื่อฮั่นพูดแทนทุกคนที่ตำหนักฮ่องเต้โยวเสวียนนอนหมดสติจากพิษที่นางดื่มเข้าไปเพียงเล็กน้อย จินเฉิงหวางดูแลนางอย่างใกล้ชิดทุกค่ำเช้าเป็นเวลาสองวันแล้วที่เขาเฝ้ากุมมือโยวเสวียนไม่ห่างไปไหนก่อนหน้านั้น“ฝ่าบาทจะทำอย่างนี้ไม่ได้ หม่อมฉันต้องการให้มีการไต่สวน”“เจ้ายังมีสิทธิมาร้องขอความเป็นธรรมอีกหรือเจ้า อิจฉานางที่ข้าโปรดปรานนางทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้นางจงใจให้นางตาย ชั่วช้าเลวทราม”“ฝ่าบาท เราสองเป็นผัวเมียกันมาแรมปี ฝ่าบาททรงมองย้อนไปครั้งเก่าก่อน หม่อมฉันหลี่อิงฝานไม่เคย คิดการใดที่โหดเหี้ยมเช่นนี้”“นั่นเพราะเจ้าอยู่ในตำแหน่งฮองเฮา และโยวเสวียนยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นสนมแต่ตอนนี้ ข้ารักและโปรดปรานนาง เจ้ามีใจริษยา”“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง ฮองเฮาและข้าน้อยภักดีมาตลอด ยานั่นฮองเฮาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน พระสนมนางเป็นคนนำยานั่นมาเองฝ่าบาทโปรดสอบสวนด้วย”ใต้เท้าหลี่จงอดที่จะพูดแทนหลี่อิงฝานเสียไม่ได้“หลี่จงเจ้ากล้าใส่ร
ท่านอ๋องบรรจงจูบอ่อนหวาน เหมือนจะจดจำทุกอย่างไว้บทจูบอ่อนหวานเล้าโลม เจิ้งเหมยตาปรืออิ่มสุข มือใหญ่แกะปลดสายคาดเอวอย่างอ่อนโยน พรมจูบทั่วร่างเปลือยเปล่า เจิ้งเหมยเขินอายดึงผ้าฝืนบางห่มคลุมอีกคนกับยื้อยุดก่อนจะโยนมันทิ้งข้างแท่นนอน ร่างเย็นเฉียบถูกทาบทับด้วยร่างใหญ่อันอบอุ่น ฉกลิ้นเข้าไปด้านในควานหาความหวาน มือไม้ไม่อยู่สุขเคล้นคลึงลูบไล้จนขนลุกไปทั่วร่าง ความอ่อนโยนยังไม่หายไปความดุดันกลับเข้ามาแทนที่ ขาแข็งแรงเบียดแทรกตรึงขาเรียวไว้กับแท่นนอน สอดแทรกความหวานเข้าไปภายใน เจิ้งเหมยครางผะแผ่ว แต่จินเฉิงอู่ไม่เปิดโอกาสบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหายเหมือนกับจงใจจะให้แดดิ้นลงไปต่อหน้า“ท่านอ๋อง...ได้โปรด”เล็บคมจิกลงบนแผ่นหลังใหญ่เปลือยเปล่า แต่อีกคนกลับรุกเร้ารุนแรงหมายจะสุขสม“หวางเฟย...ที่รักของข้า ข้ารักเจ้า”เสียงกระซิบคำรักดังข้างหูลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอระหงลิ้นสากเลาะเล็มต้นคอระหง จนร้อนผะผ่าวทั่วใบหน้าจะว่าหนาวก็เหมือนจะอบอุ่น เจิ้งเหมยกอดรัดร่างใหญ่เหมือนกลัวว่าตัวเองที่เบาดั่งปุยนุ่นพร้อมจะหลุดลอยสู่ฟากฟ้ากว้างใหญ่ ท่ามกลางทุ่งดอกชิวอิง (ดอกคอสมอส ดอกดาวกระจายสีชมพู) จินเฉิงอู่พรม
“ข้าเองก็คิดถึงเจ้าเช่นเดียวกัน”“เฮ้อ... คิดถึงกันเพียงสองคน เสี่ยวป๋อไร้ซึ่งผู้ที่คำนึงหา”เจิ้งเหมยกับย่าหนานหัวเราะพร้อมกัน ความสนุกสนานหอมหวานยั่งยืน มักเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาแต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่ามันจะโดนพรากไปเมื่อใดหิมะโปรยปรายจน พื้นดินกลายเป็นสีขาวโพลนจินเฉิงอู่จูงมือเจิ้งเหมยเดินฝ่าดงหิมะ วิ่งไล่จับกระต่ายป่าสีเดียวกับหิมะ เสียงหัวเราะรื่นเริงร่างบางล้มลุกคลุกคลาน จินเฉิงอู่ฉุดร่างบางขึ้นแต่กลับปล่อยมือ ล้มทับกดร่างบนลงบนพื้นหิมะนุ่ม เกล็ดหิมะหนาวเหน็บแต่ลมหายใจร้อนผะผ่าวยังวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก ตาสบตาบอกความหมายบางอย่างเจิ้งเหมยหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย จินเฉิงอู่ก้มลงประทับริมฝีปากบดเบียดอ่อนโยน จูบของใครจะอบอุ่นมากมายได้ขนาดนี้ เจิ้งเหมยจดจำได้ทุกสัมผัส ทว่ากลับโหยหามันทุกครั้งที่เข้าใกล้ จินเฉิงอู่ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ ขนตางอนดกดำริมฝีปากอุ่นอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเบาๆ ฝ่ามืออุ่นประคองสองแก้ม ก้มลงสัมผัสความหวาน เนิ่นนานเมฆดำข้างบนหยุดนิ่งเหมือนทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งตามไปด้วย จินเฉิงอู่อยากหยุดเวลาไว้เสียตรงนี้ ดึงเจิ้งเหมยให้ลุกขึ้น“ข้าอนุญาตให้หวางเฟยขี่หลัง”“เจิ้งเหมย เก
จินเฉิงอู่สั่งเสี่ยวป๋อตามแผนที่คิดไว้“ท่านอ๋องเสี่ยวป๋อร่วมเดินทาง อารักขาท่านอ๋อง”“ครั้งนี้ ข้างหน้ามีคังซื่อฮั่นที่ข้าจะอาศัยเขาได้ ยามคับขันเชื่อว่าคังซื่อฮั่นก็ยังเป็นคังซื่อฮั่น”“รักษาตัวด้วยท่านอ๋อง”กระบี่ในมือพร้อมด้วยม้าคู่กายตะบึงออกจาก ค่ายหน้าด่านดั่งลูกดอกพุ่งสู่เป้าหมายใจเขาตอนนี้ไม่ได้อยู่ร่างกายนี้ หากแต่อยู่กับเจิ้งเหมย หวังว่าจะพบนางก่อนที่ จะถูกส่งตัวเข้าวังหลวง อยู่ในเงื้อมมือของโยวเสวียนเมื่อนั้นหัวใจเขาคงสลายโยวเสวียนในอ้อมกอดของจินเฉิงหวาง“ฝ่าบาทม้าเร็วแจ้งข่าวดีแก่ข้าแล้ว บัดนี้จับตัวชายาของจินเฉิงอู่ได้แล้ว กำลังนำตัวกลับวังหลวง เพื่อใช้เป็นเหยื่อหล่อให้จินเฉิงอู่ติดกับในไม่ช้า”“เจ้ากระทำการได้รวดเร็วยิ่งนักฮองเฮา คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าทุกอย่างภายใต้การดูแลของเจ้าประสบผลสำเร็จงดงาม555” โยวเสวียนยิ้มหวานตามแบบของนาง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่จินเฉิงหวางชื่นชมว่าช่างงดงามเหลือเกิน“ต้องยกความดีให้ท่านพ่อ การคุมกองกำลังทหาร ด้วยกลยุทธ์รบเร็วชนะเร็ว ของจินเฉิงอู่ที่เคยใช้เป็นประจำแต่เขากับคิดไม่ได้ ปล่อยให้ท่านพ่อใช้กลยุทธ์นี้จัดการกับค่ายหน้าด่านจนย่อยยับ”กุมมือโยวเ
เจิ้งเหมยกับย่าหนานนั่งพิงกรงขังด้วยความเมื่อล้า อาหารที่ได้กินมีเพียงแป้งย่างไฟรสชาติจืดชืด ในขณะที่เหล่าทหารกิน กระต่ายป่าและไก่ป่าย่างอย่าเอร็ดอร่อย ร่างกายซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด จนคังซื่อฮั่นทอดถอนใจด้วยความสงสาร กองทหารอิ่มหนำสำราญเนื้อกระต่ายป่าย่างเหลืออยู่บนเตา คังซื่อฮั่นฉีกขากระต่าย ทั้งสองขาเดินไปที่กรงขังเจิ้งเหมยและย่าหนาน ด้วยท่าทีระวังภัยยืนหันหลังพิงกงขังทำทมีเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะส่งเนื้อกระต่ายเข้าไปในกรง“กินเสีย”เจิ้งเหมยลืมตาตื่นขยับตัวออกห่างจากกรงด้วยมองไม่เห็นใบหน้าของคังซื่อฮั่น“เจ้าเป็นใคร”ย่าหนานตื่นขึ้นมาบ้าง ใช้มือกางกั้นตัวเจิ้งเหมยให้ออกห่างกระซิบเบาๆ“พระชายา มันอาจมียาพิษ”“เฮ้อ เรารึอุตส่าห์สงสารดันแปรเจตนาเป็นอื่น”ดึงหมวกออกจากใบหน้า“ท่านองครักษ์ คังซื่อฮั่น”อุทานพร้อมกันทั้งคู่คังซื่อฮั่นจุ๊ปากให้เงียบ“ท่านมาช่วยพวกเราใช่ไหม รีบช่วยเราสองคนออกไปเดี๋ยวนี้เลย”ย่าหนานร้อนรน“อันตรายหากจะช่วยคนสองคน ด้วยคนคนเดียว กองทหารมีกำลังนับร้อยข้าคงต้องรอจังหวะ และคาดว่าท่านอ๋องต้องตามมาช่วยพระชายาแน่ เมื่อพร้อมข้าจะช่วยแน่ แต่ตอนนี้พอจะดูแลความปลอดภัยให้ได
"ฝ่าบาทโยวเสวียน มีเรื่องที่ขอประทานอนุญาตจากฝ่าบาท"กอดรอบเอวจากด้านหลังจินเฉิงหวางซบหน้าลงบนแผ่นหลัง"ใต้หล้าไม่มีสิ่งใดที่ข้าให้เจ้าไม่ได้"หันหน้าเชยคางมนมาสบตาจะหาเล่ห์กลใดในสายตาของโยวเสวียนคงไม่เจอ ด้วยความลุ่มหลงบดบังสายตาจนสิ้น“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ปลดเสื้อคลุมให้ร่วงหล่นลงกับพื้นเผยให้เห็นไหล่เนียนขาวร่างเกือบเปลือยเปล่า อาภรณ์ผ้าแพรบางเบามองเห็นเนื้อเนียนขาวจินเฉิงหวางบรรจงจูบเบาๆ ที่ไหล่เนียนไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆกองทหารเดินทางถึงเขตวังหลวงคังซื่อฮั่นภาวนาให้จินเฉิงอู่มาช่วยโดยเร็วแต่ทว่ากลับไร้วี่แววขบวนทหาร ถึงยังวังหลวงโยวเสวียนยืนรออยู่หน้าประตูวัง กรงขังถูกวางลงกลางลานกว้าง เจิ้งเหมยไม่แสดงสีหน้าว่าตื่นตกใจ สลบนิ่งจนคังซื่อฮั่นนึกชื่นชมในใจว่าช่างเป็นยอดหญิง หากเป็นหญิงอื่นคงฟูมฟายหรือแสดงความหวาดกลัว“ในที่สุด ...ในที่สุด เจ้าแม้จะหนี ไปไกลแสนไกลแค่ไหน ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของข้า”โยวเสวียนหัวเราะเหมือนคนเสียสติ“ฮองเฮา เรื่องบางเรื่อง แม้จะเก็บมาใส่ใจยิ่งทำให้ใจเป็นทุกข์”ตั้งใจเตือนสติโยวเสวียน“ข้ายินดี ยิ่งเป็นทุกข์ยิ่งหล่อเลี้ยงให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นเจ้า ในวั
“เฉิงเจินควรไปรอพบฟูจินที่ด้านหน้าประตูวัง ส่วนพวกท่านสองคน ข้าหลายวันมานี้อ่านฎีกาจนปวดเมื่อย ตำหนักใหญ่เงียบเหงาหลายวันเราสามคนร่ำสุราผูกสัมพันเช่นเก่าก่อน”เหลียงซานป๋ออมยิ้ม“ไท่จือท่านอย่าทำพลาดอีกนะ ฝ่าบาทอุตส่าห์ลงมือเองเพียงนี้”เฉิงเจินประสานมือตรงหน้าอมยิ้มแก้มปริ“ข้าลาทุกท่าน รับรองด้วยการฝึกปรือจากเสด็จพ่อท่านอาทั้งสอง เฉิงเจินไม่มีทางทำให้ผิดหวังแน่”คนทั้งหมดส่ายหน้าไปมาประตูวัง จินเฉิงเจินเดินวนไปเวียนมาราวกับเสือติดจั่นเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จึงยิ้มได้ ฟูจินดึงบังเหียนม้าให้หยุดตรงหน้า“ไท่จือท่าน ฝ่าบาทมีเรื่องใดกันจึงบัญชาฟูจินกลับเข้าวังหลวงโดยเร็วหรือว่าฮองเฮา”สีหน้าร้อนรนเฉิงเจินยิ้มคว้าข้อมือบางกระชากลงจากหลังม้า ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน“ไท่จือ อย่าทำแบบนี้ ฟูจินมิใช่เด็กๆแล้วและเราสองคนก็โตกันแล้ว”“เราสองคนโตแล้วจึงเหมาะที่จะสร้างครอบครัว”ฟูจินขมวดคิ้ว“ปล่อยฟูจินก่อนเจ้าค่ะ”ดิ้นรนในอ้อมแขนแข็งแรง“ข้ารึ เป็นทุกข์อยู่เสียนานกลัวว่าเสด็จพ่อเสด็จแม่จะ กีดกันแต่มาวันนี้ทั้งสองพระองค์ไม่ใช่แค่ไม่กีดกันยังส่งเสริมข้ากับเจ้า”ส่งฟูจินขึ้นบนหลังม้ากระโดดข
“ฟูจินรับบัญชาฮองเฮาสิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้วสำหรับฟูจิน”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทว่าเศร้าสร้อย เจิ้งเหมยยิ้มฟูจินมักว่าง่ายเสมอ“เฉิงเจินกำลังจะแต่งไท่จือเฟยเจ้าเองคงเหงาและใจหายข้าจึงตั้งใจให้เจ้าแต่งกับบุตรชายแม่ทัพเว่ย เสียพร้อมกันจัดงานมงคลขึ้นพร้อมกัน”ฟูจินยิ้มเศร้าๆ“ฟูจิน ไยจึงมีสีหน้าเศร้าสร้อยเพียงนั้น หากไม่เต็มใจ ข้าจึงไม่บังคับเจ้า"ฟูจินย่อกายลงงดงาม"สิ่งที่ฮองเฮาเลือกให้ล้วนดีที่สุดแล้ว ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองฟูจินเกิดมาก็ได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทและฮองเฮาอยู่สุขสบายเหมือนองค์หญิงเรื่องใดที่เป็นหน้าที่พึงกระทำเพื่อตอบแทนคุณ”เจิ้งเหมยโอบกอดฟูจินอย่างอ่อนโยน“ข้าไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณที่มีเจ้าเป็น ดังลูกสาวคังฟูจินหากมีสิ่งใดที่เจ้า หนักใจ บอกกับข้ามาเถิด” ลูบหลังไหล่ให้ ฟูจินสะอื้นเบาๆ เจิ้งเหมยผลักร่างของฟูจินถอยห่างสบตาค้นหาความจริงในดวงตาสีโศกยามเย็นย่ำจินเฉิงเจินเร่งฝีเท้ามายังตำหนักชิงหนิงกงเหลือบแลหาฟูจินแต่ไม่พบนาง“เสด็จแม่”เจิ้งเหมยเงยหน้าขึ้นจากการเย็บถุงหอม“มาแล้วหรือให้ใครตามตั้งแต่บ่ายเพิ่งจะมาถึง ไม่เห็นว่าการพบแม่สำคัญหรือไร คงต้องพูดเรื่องกา
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เจิ้งเหมยอมยิ้ม ไท่จือมองฟูจินด้วยสายตาเจ็บซ้ำ“ฟูจินอายุน้อยกว่าเจ้า นางยังเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ ไท่จือลูกเองก็น่าจะเข้าใจ ตอนนี้เองไท่จือก็ไม่ได้มีผู้ใดในใจมิใช่หรือ อย่างนั้นหากได้พบองค์หญิงปี่เหยาเจ้าอาจเปลี่ยนใจก็ได้” ไท่จือแม้จะขัดใจเพียงใดแต่ก็ไม่อาจโต้แย้ง นึกน้อยใจฟูจินที่ไม่ช่วยเขาแล้วยังเข้าข้างเจิ้งเหมยที่เป็นมารดาอีก“ ให้เสด็จแม่รู้ไว้ด้วยเถิดว่าลูกไม่เคยจะเต็มใจที่จะแต่งไท่จือเฟยตามที่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่เห็นสมควร ลูกต้องการที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง และเลือกเองเพียงลำพังลูกพูดเพียงแค่นี้ ลูกทูลลา” ขยับตัวลุกขึ้น เหลือบมองฟูจิน สิ่งที่ฟูจินเห็นในนั้นคือแววน้อยใจ ที่ทำเอาฟูจินโศกสลดไม่แพ้กันเจิ้งเหมยส่ายหน้าช้าๆ"ยังทำตัวเหมือนองค์ชายน้อยไม่เปลี่ยน"ฟูจินแสร้งขบขันทางเดินทอดยาว ฟูจินตั้งใจออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่เศร้าหมองหาสาเหตุไม่ได้ เดินเรื่อยไปตามทาง ดวงอาทิตย์อัสดงไปแล้วภาพความทรงจำเก่าๆ ที่เคยวิ่งเล่นอยู่บริเวณนี้กับเฉิงเจิน เสียงหัวเราสอดประสาน พลันร่างอ้วนป้อมของฟูจินก็ล้มลงไปกองกับพื้น"บอกแล้วอย่างไรอย่าวิ่งตาม เห็นไหมบา
มิอาจพูดว่ารักฟูจิน จัดการหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบเรียบร้อย ฮองเฮานั่งอยู่บนแท่นนั่งอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าใกล้“ฟูจินนวดให้ไหมเพคะ”เจิ้งเหมยในวัยกลางคนทว่าใบหน้ากลับงดงามอ่อนกว่าวัย ยิ้มน้อยๆ“ไม่มีครั้งไหนที่ข้าจะปฏิเสธมีเจ้าเพียงผู้เดียวฟูจินที่นวดได้ถูกใจข้าเหลือเกิน”ฟูจินยิ้มหวาน ออดอ้อนซบหน้าลงบนตักกว้าง“ฮองเฮาเมตตาฟูจิน จนฟูจิน ไม่เคยโหยหาความรักจากมารดาทั้งๆ ที่ ไม่เคยมีมารดากับเขา”เจิ้งเหมยลูบศีรษะเบาเบาจะไม่เมตตาได้อย่างไรก็ในเมื่อคังซื่อฮั่น หอบเอาห่อผ้าที่มีทารกน้อยมา ยื่นส่งให้ตรงหน้าจินเฉิงอู่พร้อมกับ พูดเพียงสั้นๆว่าดูแลเขาแทนข้าด้วย ใบหน้าน้อยๆ ริมฝีปากแดงระเรื่อดวงตากลมใส ที่ยัดนิ้วโป้งเข้าไปดูดด้วยความหิว แก้มป่องใสดวงตาพิสุทธิ์ใครกันจะไม่หลงใหลนาง องค์ชายน้อยชะโงกหน้ามอง ฟูจินด้วยแววตาสงนฉนเท่ห์“ท่านแม่ น้องข้าใช่หรือไม่”เจิ้งเหมยยิ้มกอดองค์ชายไว้ในอ้อมแขน“ นางเป็นน้องสาวของเจ้า”จินเฉิงอู่ตอบขึ้นเบาๆ คังซื่อฮั่นเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันมามอง ด้วยอะไรเจิ้งเหมยรู้ดี เขาตัดใจกับทารกน้อยคนนี้ไม่ได้ หากหันกลับมามอง เห็นทีต้องอุ้มนางกลับไปเร่ร่อนเช่นเดียวกับเขา“เฉิ
จินเฉิงเจิน ในวัย18ปีใบหน้าหล่อเหลา ซึ่งเป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของ จินเฉิงอู่และเจิ้งเหมย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทว่าอ่อนโยน ริมฝีปากสีชมพูเหมือนหญิงสาวก็ไม่ปาน ยืนมองทุ่งหญ้าเขียวขจีงานเลี้ยงฉลองวันครบรอบการขึ้นครองราชย์ของจินเฉิงอู่กับตำแหน่งไท่จือที่จินเฉิงเจินจะถูกแต่งตั้งในวันนี้สายตาคมทอดมองไปไกล เรื่องราวที่ผ่านมามากมายให้ระลึกถึง ในโลกนี้จะมีใครรักและภักดีต่อกันได้เท่าพ่อกับแม่ของเขากันอีก จินเฉิงอู่ไม่ยอมมีสนมนางใน แม้จะมีเขาเป็นโอรสเพียงคนเดียว ก็ไม่เคยร่ำร้องอยากจะมีหญิงอื่นเพิ่มพูน เช่นไรเขาถึงจะรักใครสักคนให้ได้เท่ากับที่จินเฉิงอู่รักเสด็จแม่เจิ้งเหมยของเขา ใบหญ้าสีเขียวขจีลู่ลมน่ามอง เสื้อคลุมถูกถอดออกคลุมให้ฟูจินรวบผมยาวสลวยสอดเสื้อคลุมเข้าไปใต้ไรผม ใบหน้างดงามดวงตาเศร้าสร้อยไม่ต่างจากสายตา ของคังซื่อฮั่น ดวงหน้าผุดผาดริมฝีปากบางใสน่าสัมผัสจนคนมองต้องเผลอขบเม้มฝีปากตัวเอง“ไม่ต้องแล้ว ฟูจินไม่ได้หนาวขนาดนั้นอากาศเย็นสบายดี”เลิกคิ้วสูงยิ้มบางๆ“เจ้ายังเป็นน้องเล็กของข้าอยู่ เมื่อใดที่แต่งออกไปจึงค่อยมาแข็งข้อกับข้า”กระชับเสื้อคลุมให้อย่างอ่อนโยน“ไปเถอะสายมากแล้วใกล้ได้เวลา
ใบหน้าเรียบเฉยทว่าใจกลับสั่นไหว คังซื่อฮั่นแปลกใจว่าตัวเขาเป็นอะไรไปกันแน่ ในเมื่อกับเจิ้งเหมยมีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดได้ห่วงใยและคอยปกป้อง แต่กลับรู้สึกเป็นสุขเมื่อเจิ้งเหมยมีรอยยิ้มและดีใจเมื่อเจิ้งเหมยมีความสุขซึ่งเขาคิดว่ามันคือความรัก แล้วแบบนี้เล่าคืออะไรกันทำไมรู้สึกว่าไม่อาจห้ามใจ กับความซุกซนของอี้หลิน“พอใจหรือยัง”อี้หลิน เงื้อมือตั้งจะจะฟาดลงบนใบหน้าของคังซื่อฮั่นแก้เขิน คังซื่อฮั่นใช้ความไวคว้าข้อมือไว้ยิ้มยียวน“วันพรุ่งนี้ข้าจะรับบัญชาฝ่าบาทรั้งอยู่ที่นี่แล้วก็ตกลงใจที่จะรับเจ้าเป็นภรรยาตามที่เจ้าต้องการ” อี้หลิน ไม่กล้าสบตาก้มหน้ามองแผงอกกว้าง“ใครจะแต่งกับท่านกัน”“อ้าวเจ้าพูดเองว่าฝ่าบาทประทานสมรส ห้ามข้าเฉยชาใส่เจ้าแล้วยัง ...มาลวนลามข้าก่อน พอข้าเอาคืนกลับทำท่าทีไม่พอใจเสียอย่างนั้นเจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่”จมูกรั้นเชิดหยิ่ง“ข้าก็ไม่เห็นจะง้อท่านเลยไม่แต่งก็ได้”ก้าวขากำลังจะออกจากห้องไปคังซื่อฮั่นรวบเอวบางจากด้านหลัง ฉวยโอกาสกอดไว้แน่น“ไม่ทันแล้ว หากเจ้ารู้จักข้าดี ก็จะรู้ว่าคนอย่างคังซื่อฮั่นยึดมั่นคำสัจเพียงใดพูดคำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยนใจ เ
เมื่อมาถึงห้องพัก คังซื่อฮั่นเริ่มคิดหาคำพูดที่จะพูดคุยกับอี้หลิน“เจ้าชื่อแซ่อะไรข้าลืมไปเสียหมดแล้ว”“ท่านคังท่าน ช่างเป็นบุรุษที่หลงลืมง่ายดายเช่นนี้เชียวหรือ หากท่านจะมีความจำสักนิดก็จะรู้ว่า อี้หลินเคยพบท่านมาก่อน”“อี้หลิน”อี้หลินพยักหน้า“เคยพบกันที่แห่งใด”ใบหน้าฉงนสนเท่ห์“จนกว่าท่านคังจะจำได้ อี้หลินจึงจะบอกว่าเราพบกันตอนไหน”คังซื่อฮั่นถอนใจ“ไม่ถาม แล้วก็ไม่ต้องการคำตอบแล้ว”คนพูดน้อยเผอเรอหลงลืมไปว่าตัวเอง ไม่ชอบเซ้าซี้ใครพอนึกได้ก็เปลี่ยนท่าทีทันทีเช่นกัน อี้หลินเบ้ปากคนอะไรไม่ชอบ ที่จะเล่นสนุกกับผู้ใด นานแค่ไหนแล้วที่คังซื่อฮั่นปลีกตัวออกไปอยู่เพียงลำพัง“ก็ได้ ถึงท่านคังไม่อยากรู้แต่อี้หลินก็จะบอก”“ว่ามา”ใบหน้าเฉยชา หยิบน่องไก่ในจานมาพิศดูความทรงจำลอยวนเข้ามาในความคิด น่องไก่ที่ยื่นส่งให้เจิ้งเหมยในวันนั้น เหลียงซานป๋อกับเขาพากันกัดแทะลำตัวไก่เสียหมด ไว้แกล้มสุราจนเริ่มมีความกล้าในภารกิจครั้งนั้น ก็ในเมื่อคนที่ต้องนำน่องไก่ไปให้เจิ้งเหมยเป็นเขาตามความเห็นของจินเฉิงอู่และเหลียงซานป๋อ คังซื่อฮั่นเผลอยิ้มให้น่องไก่อวบ“ยิ้มทำไม”“ ไม่ใช่ ธุระอะไรของเจ้า”อี้หลินหน้าเง้า“เ
พลันแสงสว่างข้างกายกลับมืดมิด เมื่ออี้หลินเดินถือถาดขนมในมือเข้ามาทุกสิ่งมืดมิดลงทันที่มีเพียงรอบกายของอี้หลินเท่านั้นที่สว่างเรืองรอง คังซื่อฮั่นอ้าปากค้าง ดวงตาพร่ามัว"คังซื่อฮั่น"เสียงเรียกจากจินเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายกลับเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล และเหมือนกับเสียงนั้นเอ่ยออกมาเชื่องช้าด้วยเวลาในขณะนั้นถูกหยุดหรือถูงดึงให้ช้าลงไป"อี้หลินถวายพระพร ฝ่าบาทฮองเฮา องค์ชายน้อย คารวะท่านเหลียงซานป๋อ และท่าน.."หันไปทางคังซื่อฮั่น"คังซื่อฮั่น"เอ่ยปากเบาๆ จนเกือบกลายเป็นกระซิบ แต่ตายังจ้องมองที่อี้หลินตาไม่กะพริบ จินเฉิงอู่เจิ้งเหมยกับเหลียงซานป๋อปิดปากหัวเราะพร้อมกันจินเฉิงเจิน ฟูจินหันมองหน้ากันแบบงงๆ ว่าคนทั้งหมดกำลังหัวเราะอะไรคังซื่อฮั่น"อี้หลิน เจ้านำทางท่านคังไปที่พำนักและช่วยเตรียมน้ำอุ่นให้ท่านคังด้วย"เจิ้งเหมยออกคำสั่งอี้หลินย่อตัวทำความเคารพ"เชิญท่านคังตามข้ามา"คังซื่อฮั่นเดินตามไปอย่างงงๆ เจิ้งเหมยรับเอาฟูจินมาอุ้มไว้จินเฉิงเจินกับฟูจินวิ่งลงจากอ้อมแขนหยิบขนมใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย“เห็นไหม องค์ชายอี้หลินนางทำขนมได้ถูกใจเราสองคนที่สุด”ปากเล็กเคี้ยวขนมไม่หยุด องค์ชายน้อยย
อิงฝานเดินจากไปยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก ความเจ็บแค้นทั้งหมดสูญสลายไปหมดอโหสิกรรมให้โยวเสวียน ชาติหน้าอย่าได้พบกันอีกเลย คนอย่างโยวเสวียน หากยังมีชีวิตอยู่ต่อไปย่อมทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไม่มีสิ้นสุดตราบใดที่นางยังหายใจนางก็จะทำให้ คนอื่นต้องสูญเสียชีวิตอีกกี่คนกันเล่าดอกเหมยงดงามสองข้างทางกลับสีชมพูแดงร่วงหล่นลงบนทางเดินทอดยาววกวน องค์ชายน้อยจินเฉิงเจิน วิ่งไล่จับแมลงปอที่บินวนไปมา เสียงหัวเราะสนุกสนาน ดังไปทั่วบริเวณ เหล่าขันทีและนางกำนัล วิ่งตามด้วยกลัวจะหกล้มหกลุกแต่เรี่ยวแรงมากมายวิ่งจนทั่ววังหลวงที่กว้างขวาง“องค์ชาย รอฟูจินด้วย”เด็กหญิงตัวเล็กวิ่งตาม“ตามข้ามา ฟูจิน”เสียงเล็กๆใสใสกวักมือให้ตามไป แต่ฟูจินหกล้มหัวเข่ากระแทกเลือดไหลซึม“คุณหนูฟูจิน จะวิ่งทำไมคะ”นางกำนัลรีบวิ่งมาอุ้ม จินเฉิงเจินวิ่งลับตาไปยังคงตามจับแมลงปอตัวสวย“องค์ชายใจร้าย”ฟูจินตัดพ้อปาดคราบน้ำตานางกำนัลให้ฟูจินขี่หลัง เจิ้งเหมยเดินมารับเอาคุณหนูฟูจินตัวอ้วนป้อม มากอดแนบอกลูบหลังไหล่ให้ ยกเขาเล็กขึ้นมาเป่าที่แผลเบาๆ“ฮองเฮา องค์ชายไม่รอฟูจิน”มืออ้วนป้อมกอดรอบคอซบหน้าลงบนไหล่อุ่น เจิ้งเหมยยิ้มอ่อนโยน“ปล่อย