ท่านอ๋องบรรจงจูบอ่อนหวาน เหมือนจะจดจำทุกอย่างไว้บทจูบอ่อนหวานเล้าโลม เจิ้งเหมยตาปรืออิ่มสุข มือใหญ่แกะปลดสายคาดเอวอย่างอ่อนโยน พรมจูบทั่วร่างเปลือยเปล่า เจิ้งเหมยเขินอายดึงผ้าฝืนบางห่มคลุมอีกคนกับยื้อยุดก่อนจะโยนมันทิ้งข้างแท่นนอน ร่างเย็นเฉียบถูกทาบทับด้วยร่างใหญ่อันอบอุ่น ฉกลิ้นเข้าไปด้านในควานหาความหวาน มือไม้ไม่อยู่สุขเคล้นคลึงลูบไล้จนขนลุกไปทั่วร่าง ความอ่อนโยนยังไม่หายไปความดุดันกลับเข้ามาแทนที่ ขาแข็งแรงเบียดแทรกตรึงขาเรียวไว้กับแท่นนอน สอดแทรกความหวานเข้าไปภายใน เจิ้งเหมยครางผะแผ่ว แต่จินเฉิงอู่ไม่เปิดโอกาสบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหิวกระหายเหมือนกับจงใจจะให้แดดิ้นลงไปต่อหน้า“ท่านอ๋อง...ได้โปรด”เล็บคมจิกลงบนแผ่นหลังใหญ่เปลือยเปล่า แต่อีกคนกลับรุกเร้ารุนแรงหมายจะสุขสม“หวางเฟย...ที่รักของข้า ข้ารักเจ้า”เสียงกระซิบคำรักดังข้างหูลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอระหงลิ้นสากเลาะเล็มต้นคอระหง จนร้อนผะผ่าวทั่วใบหน้าจะว่าหนาวก็เหมือนจะอบอุ่น เจิ้งเหมยกอดรัดร่างใหญ่เหมือนกลัวว่าตัวเองที่เบาดั่งปุยนุ่นพร้อมจะหลุดลอยสู่ฟากฟ้ากว้างใหญ่ ท่ามกลางทุ่งดอกชิวอิง (ดอกคอสมอส ดอกดาวกระจายสีชมพู) จินเฉิงอู่พรม
“ข้าเองก็คิดถึงเจ้าเช่นเดียวกัน”“เฮ้อ... คิดถึงกันเพียงสองคน เสี่ยวป๋อไร้ซึ่งผู้ที่คำนึงหา”เจิ้งเหมยกับย่าหนานหัวเราะพร้อมกัน ความสนุกสนานหอมหวานยั่งยืน มักเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาแต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่ามันจะโดนพรากไปเมื่อใดหิมะโปรยปรายจน พื้นดินกลายเป็นสีขาวโพลนจินเฉิงอู่จูงมือเจิ้งเหมยเดินฝ่าดงหิมะ วิ่งไล่จับกระต่ายป่าสีเดียวกับหิมะ เสียงหัวเราะรื่นเริงร่างบางล้มลุกคลุกคลาน จินเฉิงอู่ฉุดร่างบางขึ้นแต่กลับปล่อยมือ ล้มทับกดร่างบนลงบนพื้นหิมะนุ่ม เกล็ดหิมะหนาวเหน็บแต่ลมหายใจร้อนผะผ่าวยังวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก ตาสบตาบอกความหมายบางอย่างเจิ้งเหมยหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย จินเฉิงอู่ก้มลงประทับริมฝีปากบดเบียดอ่อนโยน จูบของใครจะอบอุ่นมากมายได้ขนาดนี้ เจิ้งเหมยจดจำได้ทุกสัมผัส ทว่ากลับโหยหามันทุกครั้งที่เข้าใกล้ จินเฉิงอู่ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ ขนตางอนดกดำริมฝีปากอุ่นอดไม่ได้ที่จะสัมผัสเบาๆ ฝ่ามืออุ่นประคองสองแก้ม ก้มลงสัมผัสความหวาน เนิ่นนานเมฆดำข้างบนหยุดนิ่งเหมือนทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งตามไปด้วย จินเฉิงอู่อยากหยุดเวลาไว้เสียตรงนี้ ดึงเจิ้งเหมยให้ลุกขึ้น“ข้าอนุญาตให้หวางเฟยขี่หลัง”“เจิ้งเหมย เก
จินเฉิงอู่สั่งเสี่ยวป๋อตามแผนที่คิดไว้“ท่านอ๋องเสี่ยวป๋อร่วมเดินทาง อารักขาท่านอ๋อง”“ครั้งนี้ ข้างหน้ามีคังซื่อฮั่นที่ข้าจะอาศัยเขาได้ ยามคับขันเชื่อว่าคังซื่อฮั่นก็ยังเป็นคังซื่อฮั่น”“รักษาตัวด้วยท่านอ๋อง”กระบี่ในมือพร้อมด้วยม้าคู่กายตะบึงออกจาก ค่ายหน้าด่านดั่งลูกดอกพุ่งสู่เป้าหมายใจเขาตอนนี้ไม่ได้อยู่ร่างกายนี้ หากแต่อยู่กับเจิ้งเหมย หวังว่าจะพบนางก่อนที่ จะถูกส่งตัวเข้าวังหลวง อยู่ในเงื้อมมือของโยวเสวียนเมื่อนั้นหัวใจเขาคงสลายโยวเสวียนในอ้อมกอดของจินเฉิงหวาง“ฝ่าบาทม้าเร็วแจ้งข่าวดีแก่ข้าแล้ว บัดนี้จับตัวชายาของจินเฉิงอู่ได้แล้ว กำลังนำตัวกลับวังหลวง เพื่อใช้เป็นเหยื่อหล่อให้จินเฉิงอู่ติดกับในไม่ช้า”“เจ้ากระทำการได้รวดเร็วยิ่งนักฮองเฮา คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าทุกอย่างภายใต้การดูแลของเจ้าประสบผลสำเร็จงดงาม555” โยวเสวียนยิ้มหวานตามแบบของนาง ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่จินเฉิงหวางชื่นชมว่าช่างงดงามเหลือเกิน“ต้องยกความดีให้ท่านพ่อ การคุมกองกำลังทหาร ด้วยกลยุทธ์รบเร็วชนะเร็ว ของจินเฉิงอู่ที่เคยใช้เป็นประจำแต่เขากับคิดไม่ได้ ปล่อยให้ท่านพ่อใช้กลยุทธ์นี้จัดการกับค่ายหน้าด่านจนย่อยยับ”กุมมือโยวเ
เจิ้งเหมยกับย่าหนานนั่งพิงกรงขังด้วยความเมื่อล้า อาหารที่ได้กินมีเพียงแป้งย่างไฟรสชาติจืดชืด ในขณะที่เหล่าทหารกิน กระต่ายป่าและไก่ป่าย่างอย่าเอร็ดอร่อย ร่างกายซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด จนคังซื่อฮั่นทอดถอนใจด้วยความสงสาร กองทหารอิ่มหนำสำราญเนื้อกระต่ายป่าย่างเหลืออยู่บนเตา คังซื่อฮั่นฉีกขากระต่าย ทั้งสองขาเดินไปที่กรงขังเจิ้งเหมยและย่าหนาน ด้วยท่าทีระวังภัยยืนหันหลังพิงกงขังทำทมีเหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะส่งเนื้อกระต่ายเข้าไปในกรง“กินเสีย”เจิ้งเหมยลืมตาตื่นขยับตัวออกห่างจากกรงด้วยมองไม่เห็นใบหน้าของคังซื่อฮั่น“เจ้าเป็นใคร”ย่าหนานตื่นขึ้นมาบ้าง ใช้มือกางกั้นตัวเจิ้งเหมยให้ออกห่างกระซิบเบาๆ“พระชายา มันอาจมียาพิษ”“เฮ้อ เรารึอุตส่าห์สงสารดันแปรเจตนาเป็นอื่น”ดึงหมวกออกจากใบหน้า“ท่านองครักษ์ คังซื่อฮั่น”อุทานพร้อมกันทั้งคู่คังซื่อฮั่นจุ๊ปากให้เงียบ“ท่านมาช่วยพวกเราใช่ไหม รีบช่วยเราสองคนออกไปเดี๋ยวนี้เลย”ย่าหนานร้อนรน“อันตรายหากจะช่วยคนสองคน ด้วยคนคนเดียว กองทหารมีกำลังนับร้อยข้าคงต้องรอจังหวะ และคาดว่าท่านอ๋องต้องตามมาช่วยพระชายาแน่ เมื่อพร้อมข้าจะช่วยแน่ แต่ตอนนี้พอจะดูแลความปลอดภัยให้ได
"ฝ่าบาทโยวเสวียน มีเรื่องที่ขอประทานอนุญาตจากฝ่าบาท"กอดรอบเอวจากด้านหลังจินเฉิงหวางซบหน้าลงบนแผ่นหลัง"ใต้หล้าไม่มีสิ่งใดที่ข้าให้เจ้าไม่ได้"หันหน้าเชยคางมนมาสบตาจะหาเล่ห์กลใดในสายตาของโยวเสวียนคงไม่เจอ ด้วยความลุ่มหลงบดบังสายตาจนสิ้น“ขอบพระทัยฝ่าบาท” ปลดเสื้อคลุมให้ร่วงหล่นลงกับพื้นเผยให้เห็นไหล่เนียนขาวร่างเกือบเปลือยเปล่า อาภรณ์ผ้าแพรบางเบามองเห็นเนื้อเนียนขาวจินเฉิงหวางบรรจงจูบเบาๆ ที่ไหล่เนียนไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆกองทหารเดินทางถึงเขตวังหลวงคังซื่อฮั่นภาวนาให้จินเฉิงอู่มาช่วยโดยเร็วแต่ทว่ากลับไร้วี่แววขบวนทหาร ถึงยังวังหลวงโยวเสวียนยืนรออยู่หน้าประตูวัง กรงขังถูกวางลงกลางลานกว้าง เจิ้งเหมยไม่แสดงสีหน้าว่าตื่นตกใจ สลบนิ่งจนคังซื่อฮั่นนึกชื่นชมในใจว่าช่างเป็นยอดหญิง หากเป็นหญิงอื่นคงฟูมฟายหรือแสดงความหวาดกลัว“ในที่สุด ...ในที่สุด เจ้าแม้จะหนี ไปไกลแสนไกลแค่ไหน ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของข้า”โยวเสวียนหัวเราะเหมือนคนเสียสติ“ฮองเฮา เรื่องบางเรื่อง แม้จะเก็บมาใส่ใจยิ่งทำให้ใจเป็นทุกข์”ตั้งใจเตือนสติโยวเสวียน“ข้ายินดี ยิ่งเป็นทุกข์ยิ่งหล่อเลี้ยงให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่เพื่อแก้แค้นเจ้า ในวั
"เช่นไรถึงเรียกว่าพ่ายแพ้555 ท่านประเมินข้าต่ำไปแล้วเฉิงอู่"โยวเสวียนพูดเบาๆ ได้ยินกันเพียงสองคน"ข้าพ่ายแพ้แก่เจ้า แต่สิ่งที่ทำคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่ อย่างน้อยเจ้าก็เห็นว่าข้ามีความรักอันยิ่งใหญ่ให้เจิ้งเหมยโดยไม่รักตัวกลัวตาย เจิ้งเหมยชนะเจ้าอย่างไม่มีข้อกังขา"โยวเสวียนยิ้มเยาะให้กับความเจ็บช้ำในใจของตน แววตาเจ็บช้ำห่อเหี่ยวจินเฉิงอู่ทิ้งกระบี่ในมือ ยอมให้องครักษ์หลวงคุมตัวโดยดี"คังซื่อฮั่น ท่านช่างไร้ยางอายปล่อยท่านอ๋องเผชิญเคราะห์กรรมเพียงลำพังไม่พอยังห้ามไม่ให้ข้าอยู่กับท่านอ๋อง"ทั้งผลักทั้งทุบคังซื่อฮั่นที่ก้มหน้านิ่ง ใจเขาตอนนี้น้อยใจกับคำพูดของเจิ้งเหมยอยากจะดึงร่างบางมากอดแล้วพร่ำบอกว่าเพราะเจ้า เพราะเจ้าคนเดียว ทั้งเขาและจินเฉิงอู่จึงกระทำการผิดพลาดไปหมด เพราะความรักที่มีให้เจ้าอย่างไรเล่าเจิ้งเหมย แต่ก็ปล่อยให้เป็นแค่เพียงความคิดคำนึง ไม่อาจพูดออกมาได้"พระชายา ท่านอ๋องจงใจให้เป็นเช่นนี้ให้คังซื่อฮั่นพาท่านหนีมา"เจิ้งเหมยหลับตาไล่หยาดน้ำตาที่หลั่งริน"กลับไปช่วยท่านอ๋อง""ข้าคังซื่อฮั่นรับบัญชาท่านอ๋องให้อารักขาดูแลพระชายาให้ปลอดภัย ไม่อาจขัดบัญชาท่านอ๋อง" "ข้า ขอร้อง
จินเฉิงอู่นั่งนิ่งไม่แม้แต่จะชายตามองแม้เพียงนิด โยวเสวียนไม่พอใจอย่างยิ่ง“ท่านอ๋องโกรธโยวเสวียนที่ยอมเป็นของฝ่าบาทใช่หรือไม่ เช่นนั้นโยวเสวียนมีแผนการบางอย่างที่จะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน” เฉิงอู่แกะมือโยวเสวียนออก“อย่าได้เย็นชากับโยวเสวียนเลย โยวเสวียนรักท่าน”น้ำเสียงเศร้าสร้อยจริงจัง“พอได้แล้วสิ่งที่เจ้าเรียกว่า.. ความรัก...มันทำให้ข้าหวาดกลัว”“เช่นนั้นต่อไปโยวเสวียนเชื่อฟังท่านอ๋องทุกอย่าง รอก่อนรออีกไม่นาน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โยวเสวียนรู้ท่านอ๋องต้องการบัลลังก์ โยวเสวียนยินดีนำมันมาให้ท่าน เราสองจะครองคู่กันตลอดไปขอเพียงท่านอ๋องลืมเลือนนางไปเสีย ตอนนี้ท่านพ่อดูแลทั้งกองทัพและองครักษ์ง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถนำบัลลังก์มาวางไว้แทบเท้าท่านอ๋อง”“เจ้าเสียสติไปแล้วโยวเสวียน จินเฉิงหวางไว้ใจเจ้ามอบความรักมอบทุกอย่างให้เจ้า แต่เจ้ากลับคิดหักหลังเขา เจ้าไม่ได้มีความรักที่แท้จริงให้กับผู้ใด”“ท่านอย่างไรล่ะ ..จินเฉิงอู่ ข้ารักท่านทำทุกทางให้ได้แต่งกับท่าน ไม่เคยผิดต่อท่านแต่ท่านกลับตอบแทนข้าด้วยการมีรักใหม่”ส่งเสียงดังลั่น“ข้าไม่เคบรักเจ้า เจ้าเคยได้ยินข้าพูดว่ารักเจ้าหรือไม่
เหลียงซานป๋อเดินทางจากหน้าด่านมาสมทบ การอารักขาเจิ้งเหมยสำคัญยิ่ง เขาทั้งสองรู้ดี รู้ดีว่าท่านอ๋องจะเป็นอย่างไรหากเจิ้งเหมยตกอยู่ในอันตราย"ตอนนี้ทัพของเราพร้อมที่จะเข้าชิงตัวท่านอ๋องแล้ว ยิ่งช้ายิ่งส่งผลเสีย ตอนนี้จินเฉิงหวางยังคงไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ทุกอย่างเหมือนคลื่นใต้น้ำโยวเสวียนเองก็นับว่าประมาทไม่ได้ นางมักมีแผนการที่คาดไม่ถึงตลอด"คังซื่อฮั่น ใต้เท้าหลี่และเหลียงซานป๋อนั่งหารือในห้องลับ"บุตรีของใต้เท้าถูกส่งเข้าตำหนักเย็นทนทุกข์ทรมาน หากกระทำการสำเร็จ ท่านอ๋องต้องคืนความเป็นธรรมให้อย่างแน่นอน"เหลียงซานป๋อพูดขึ้น"ข้าได้ส่งคนของเราจำนวนหนึ่งสับเปลี่ยน เข้าไปแทนองครักษ์ในวังหลวงเป็นบางส่วน""คืนพรุ่งนี้นับว่าไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป"เนินดินหลุมศพของย่าหนาน เหลียงซานป๋อผู้มีจิตใจคุณธรรมและอ่อนโยน คุกเข่าลงกับพื้นวางช่อดอกไม้สีม่วง"ข้ายินดีที่ได้รู้จักเจ้าย่าหนาน แต่เพียงไม่นานก็ต้องเอ่ยคำร่ำลาเสียแล้ว หากจะนับไปเจ้าช่างเป็นคนดีไม่น้อย ไม่เสียทีที่พวกเราวางใจเจ้าและไม่เสียใจที่รู้จักเจ้า ลาก่อน"ปล่อยหยาดน้ำตาร่วงลงพื้นดินเหลียงซานป๋อเร้นกายเข้าสู่เงามืด ใช้สันมือกระแทกหลังคอของ
เสี่ยวป๋อรีบคว้ามากำไว้ในมือไม่อยากให้จินเฉิงอู่เห็น“ใครให้เจ้ามา.. เสี่ยวป๋อ”น้ำเสียงคาดคั้น“เออ..เออ.คือ”“เอามาดู”เสี่ยวป๋อจำต้องแกะออกมาให้ดูจินเฉิงอู่สูดดมกลิ่นหอมคุ้นเคยนั้นคังซื่อฮั่นเข้ามาอีกคน ที่เอวของคังซือฮั่นก็มีถุงหอมสีม่วงสวยอีกอันกรุ่นกลิ่นเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน จินเฉิงอู่มองถุงหอมสองอันสลับกันไปมา“คังซื่อฮั่น เจ้าได้ถุงหอมแบบนี้มาจากไหน”คังซื่อฮั่นมองหน้าเสี่ยวป๋อที่ขยิบตาให้ คังซื่อฮั่นเก็บความลับไม่เก่งเท่าเสี่ยวป๋อ“คือ...ท่านผู้ช่วยหมอ.เสี่ยว..ซงให้เราสองคนมาคนละอัน”ขมวดคิ้ว ลวดลายในถุงหอมเขาจดจำได้ไม่ลืม รอยสัมผัสที่เขาเฝ้าลูบไล้ลวดลายละเอียดสวยงามของมัน กลิ่นหอมแบบนี้กับรสจูบที่หวานฉ่ำในค่ำคืนนั้นยังตราตรึงในใจ ลุกออกจากห้องไปในทันทีมุ่งตรงไปยังห้องของเจิ้งเหมย เสี่ยวป๋อยกมือขึ้น ทำท่าบอกคังซื่อฮั่น หมายถึงคอขาดแน่ ก่อนจะวิ่งตามจินเฉิงอู่ไป แต่กลับวิ่งชนประตูห้องเจิ้งเหมยเมื่อจินเฉิงอู่เปิดประตูทันทีที่เข้าไปและเสี่ยวป๋อยั้งตัวไม่ทันเจิ้งเหมยตกใจสุดขีดแต่อีกคนกลับย่างสามขุมเข้าหา หนีไปจนชิดผนังห้อง มือใหญ่ค้ำอยู่บนหัวยื่นถุงหอมไปตรงหน้าเจิ้งเหมย“ เจ้าคื
“จะมีปรโยชน์อะไรในเมื่อ เขายังมีโยวเสวียนข้างกายจะสลัดนางทิ้งไปก็ใช่ที่ นางเป็นคนที่ส่งเสริมให้ฝ่าบาทได้นั่งบนบัลลังก์มังกรแห่งนี้”“พระชายากินน่องไก่เสียก่อน น่องไก่จานนี้เป็นฝ่าบาทที่สั่งให้ห้องเครื่องนำมาให้ท่าน ข้าแอบชิมไปแล้วเกรงว่าจะมียาพิษ ต้องระวังป้องกันพระชายาอย่างที่สุด”“อร่อยไหม”“เสี่ยวป๋อยืนยันว่าอร่อยเพราะเสี่ยวป๋อเองก็เกรงว่าจะมียาพิษเช่นกัน” หัวเราะขบขันพร้อมกัน“อันนี้มอบให้ท่าน”ส่งถุงหอมที่เย็บเสร็จแล้วให้คังซื่อฮั่น ที่รับมาพิจารณา ใบหน้าแสดงความพึงพอใจและรู้สึกขอบคุณ“พระชายา ช่างมีน้ำใจ”“อันนี้ของเสี่ยวป๋อ”ความภูมิใจลดลงครึ่งหนึ่ง“ท่านทั้งสอง ดีกับข้าไม่น้อยโดยเฉพาะท่านคังซื่อฮั่นหากไม่มีท่าน ข้าคงไร้ลมหายใจได้มาพบกับฝ่าบาทอีกครั้ง”คนอะไรชอบฉวยโอกาส รังแกกันให้ใจสั่นไหว คอยดูนะจะแกล้งเอาบ้างหากจำได้ขึ้นมาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าเจิ้งเหมยหน้าเง้า“อีกสามชั่วยาม มาใหม่เกรงว่ายายังคงรสชาติแย่เหมือนเดิมแน่ๆ ”เจิ้งเหมยค้อนหลุบตาต่ำขนตางอนงามน่ามอง“เช่นนั้นให้ ท่านเหลียงเป็นคนนำยามา”“ท่านผู้ช่วยหมอจะผิดสัญญากับอาจารย์หรืออย่างไร อาจารย์อุตส่าห์ฝากฝังเจ้าไว้กับข้า
ยกมือกุมขมับ จูบบุรุษด้วยกันอย่างนั้นหรือใบหน้าหวานกับร่างอ้อนแอ้นแนบชิดในอ่างน้ำ บอกเขาว่าสมควรแล้วที่เขาเผลอไป แต่ทำไมในภาพจำเขากลับจำว่าเสี่ยวซงเป็นหญิงเล่าคว้าเสื้อคลุมมาคลุมร่างเปลือย"ออกไป"ไล่เสียดื้อๆ เจิ้งเหมยเม้มริมฝีปากไม่ขอโทษสักคำที่จูบ จูบเพราะอะไร หรือว่าจงใจแกล้ง หรือว่ารู้ว่าเจิ้งเหมยเป็นผู้หญิง"ยา"ยกถาดยาดันเข้าใส่อกแน่นสะบัดตัวออกจากห้องไปทั้งที่เปียกปอน คนอะไรชอบรังแกคนอื่นจำไม่ได้ไม่ว่า แต่มาทำแบบนี้เหมือนกับรังแกกันชัดๆ"ซานป๋อ เสี่ยวป๋อ เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อวิ่งลนลานเข้ามาข้างใน"ต่อไป อย่าให้เจ้าหมอนั่นเข้ามาในห้องข้าอีก""เกรงว่า เกรงว่าจะไม่ได้ คือท่านหมอสั่งให้ ท่านผู้ช่วยคอยตรวจอาการป่วยอีกทั้งให้ท่านผู้ช่วย จับชีพจรให้ฝ่าบาททุกๆ สามชั่วยาม""เจ้ากลัวท่านหมอ หรือว่ากลัวข้า""เสี่ยวป๋อกลัวว่า ฝ่าบาทจะไม่หายจากอาการประชวร""เสี่ยวป๋อ""ฝ่าบาท ท่านผู้ช่วยหมอท่านนั้นก็ ไม่มีพิษสงอะไรฝ่าบาททำไมต้องจงเกลียดจงชังเขาด้วย""จงเกลียดจงชังเช่นนั้นหรือ ข้าเพียงแค่….รู้สึกว่าเห็นหน้าแล้วข้ามักจะปวดศีรษะเท่านั้นเอง""อย่างนั้นเสี่ยวป๋อคิดว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง
“ข้านับเวลาไว้นี่สองชั่วยามผ่านไปแล้วเกรงว่าเจ้าจะเคี่ยวยาให้ข้าทันหรือไม่”คนทั้งหมดต่างมองหน้ากันไปมา คังซื่อฮั่นผายมือเชิญชงเมิ่ง และท่านหมอ“ข้ากับท่านหมอเห็นทีต้องกล่าวคำอาลาฝ่าบาท เสียที”จินเฉิงอู่ยิ้มมุมปาก“เกรงว่า องค์รัชทายาทที่ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ถูกเนื้อต้องตัวศิษย์รักของท่านหมอแบบนี้ใจคอจะจากแคว้นซ่งไปง่ายดายเชียวหรือ สมควรรั้งอยู่ที่นี่อย่างไรเสียแคว้นซ่งยินดีต้อนรับองค์รัชทายาทเสมอ หากท่านจะแวะเวียนมาหรืออยู่ที่นี่นานหน่อยข้าจินเฉิงอู่ก็ไม่ขัดข้อง” เสี่ยวป๋อยิ้มแหยๆรู้นิสัยของจินเฉิงอู่ดีว่าหากได้ไม่พอใจสิ่งใดมักจะแสดงออกแบบนี้ ถึงแม้จะจำไม่ได้ว่าเจิ้งเหมยคือพระชายาหากวันไหนจำได้ขึ้นมา ยิ่งน่ากลัวกว่านี้หากใครถูกเนื้อต้องตัวชายาของจินเฉิงอู่ถึงเพียงนี้“ชงเมิ่งอำลาเขาแค่ในแบบของสหาย แต่กลับบางคนมิใช่สหายแต่ก็อยากทำตัวเยี่ยงสหาย”จินเฉิงอู่ขยับตัว หมายจะต่อคำ“ฝ่าบาท เสียเวลามากแล้วให้เสี่ยวซงเคี่ยวยาให้ฝ่าบาทจะดีกว่า”ท่านหมอชิงตัดบทเพราะทั้งสองคนที่กำลังโต้เถียงกันตอนนี้หากมีกระบี่ในมือคงห่ำหั่นกันไปแล้ว เป็นไปได้มากว่าจินเฉิงอู่ต้องตาเจิ้งเหมยไม่น้อยหรือด้วยความทรงจำ
เสี่ยวป๋อรีบเดินตามเจิ้งเหมยออกไปทันที“พระชายา"ประสานมือคารวะด้วยความคิดถึง“ข้าสบายดี ดีใจที่พบท่านอีกครั้ง”เจิ้งเหมยพูดยิ้มๆ“ข้าเป็นห่วงพระชายาแทบแย่ส่งคนออกตามหาแต่ไร้ข่าวคราว ดีหน่อยที่องครักษ์หน้าหล่อนั่น แจ้งข่าวเสียก่อน”หมายถึงคังซื่อฮั่น เจิ้งเหมยอดขำกับคำเรียกคังซื่อฮั่นไม่ได้“เสี่ยวป๋อท่านช่างภักดีไม่เปลี่ยน หากฝ่าบาทไม่มีท่านข้างกายคงแย่”“ข้าจะทำทุกวิถีทางให้ฝ่าบาทฟื้นความจำโดยเร็ว พระชายาอย่าได้กังวลฝ่าบาทต้องจำท่านได้แน่”"ฝ่าบาท อาการของท่านนับว่าแปลกมาก ร่างกายแม้จะไม่ได้ป่วยไข้แต่กลับเหมือนเกิดอาการสับสนงุนงง ฝ่าบาทหมอหลวงเคยบอกหรือไม่ถึงอาการป่วยของฝ่าบาท"เยียนฉือพยายามชี้นำให้จินเฉิงอู่เกิดความสงสัย"บอกเพียงแต่ว่าอาการป่วยไข้ ของข้าดีขึ้นแต่ยังต้องอาศัยยาบำรุงร่างกายเข้าช่วย""ฝ่าบาท ทรงเชื่อใจเราชาวแคว้นฉินที่เสด็จพ่อของพระองค์กับฮ่องเต้ของเราทรงเป็นพระสหายกันมาก่อนหรือไม่ หากฝ่าบาททรงเชื่อใจแคว้นฉิน ประทานอนุญาตให้เยียนฉือดูแลอาการป่วยของฝ่าบาท"จินเฉิงอู่ถอนหายใจ"หมอหลวงรักษา แต่อาการปวดศีรษะของข้ายังอยู่"อยากจะบอกว่าโยวเสวียน บอแต่เพียงว่าอีกไม่นานอาการ
เสี่ยวป๋อหยิบเสื้อคลุมมังกร ที่สวมให้จินเฉิงอู่ ดูแลความเรียบร้อยให้อีกที ใบหน้าคมคายจมูกโด่งเป็นสัน กับผิวขาวสะอาดตา ร่างสูงก้าวเท้ายาวๆ ออกจากห้อง มุ่งไปยังท้องพระโรง ขบวนของชงเมิ่งเดินผ่านประตูวังเข้ามาข้างใน คังซื่อฮั่นแยกตัวออกไปเจิ้งเหมยเดินอยู่ลำดับท้ายสุด ทางเดินทอดยาวเข้าสู่ตัวพระราชวังใหญ่ ป้ายเหนือหัวเป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่สลักคำว่า ...อุดมคติอันสูงส่ง..บนหน้ามุขสูงใหญ่นั่น จินเฉิงอู่ยืนมองขบวนของชงเมิ่งที่เคลื่อนผ่านเข้ามา ร่างเล็กเดินรั้งท้ายสุด อ้อนแอ้นงดงาม ...คุ้นตาจินเฉิงอู่จ้องมองอย่างกับ ...เคยคุ้นเคย.. อาการปวดศีรษะรุมเร้ายกมือขึ้นกุมขมับ อะไรบางอย่างหมุนวนในหัวจนปวดหนึบ มันคือความขัดแย้งกันในสมองส่วนความทรงจำ ที่ฝั่งหนึ่งพยายามจะลืมเพราะฤิทธิ์ยาแต่อีกฝั่งพยายามจะจำเพราะความรักฝั่งตรึง…..หากข้าใช้สมองจดจำเจ้า คงลืมเลือนง่ายดาย แต่ข้าใช้หัวใจเก็บฝังเรื่องราวของเราสอง…..“ฝ่าบาท ขุนนางและเหล่าราชทูตรอฝ่าบาทที่ท้องพระโรงแล้ว”เสียงเสี่ยวป๋อฉุดดึงความคิดทั้งหมดให้สะดุดลง หันหลังก้าวเดินจากตรงนั้นไปทันทีภายในท้องพระโรงกว้างใหญ่เหล่าขุนนางยืนเรียงรายสองฝั่งเบื้องบนบัลลังก
คังซื่อฮั่นหย่อนตัวลงไปช้าๆ ไฟในห้องบรรทมไม่ได้สว่างแต่ทว่าก็พอจะทำให้มองเห็นว่าเสี่ยวป๋อยืนอยู่ไม่ห่างจากที่จินเฉิงอู่นั่งอยู่เสี่ยวป๋อคว้ากระบี่อย่างรวดเร็วตวัดเข้าใส่คังซื่อฮั่นทั้งๆ ที่ไม่ได้หันมามองคังซื่อฮั่นชักกระบี่ออกมากั้นไว้เสียงคมกระบี่กระทบกับดัง แสบแก้วหู"เหลียงซานป๋อ"เสี่ยวป๋อชะงักหันไปมองเมื่อพบว่าเป็นคังซื่อฮั่น ก็ฉีกยิ้มกว้าง"ท่านคัง"จินเฉิงอู่หันมองตามความปีติไม่น้อยไปกว่าเสี่ยวป๋อ"ข้าคิดว่าท่านจะตายเสียแล้วซื่อฮั่น""ข้า ไม่เคยคิดที่จะทิ้งใครไว้ข้างหลัง"น้ำเสียงตัดพ้อ"เจ้าหายไปไหนมา"จินเฉิงอู่ถามในแบบที่คิด คังซื่อฮั่นหันมองเสี่ยวป๋อที่มองอยู่ก่อนแล้วเหมือนจะบอกว่า เอาไว้คุยกันทีหลัง"ฝ่าบาท คังซื่อฮั่นเพียงแค่จากไปเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา"เสี่ยวป๋อตอบคำถามแทน"เช่นนั้นต่อจากนี้ ข้าต้องรบกวนเจ้าให้อยู่ข้างกาย นอกจากเหลียงซานป๋อตอนนี้ก็มีเพียงเจ้าคังซื่อฮั่นที่ข้าวางใจ"“คังซื่อฮั่นลาฝ่าบาทออกไปจัดการเรื่องราวบางอย่างหวังว่าฝ่าบาทจะประทานอนุญาต”จินเฉิงอู่เพียงแต่ยิ้มๆ หมาป่าเดียวดาย เจ้าจะเร่ร่อนรอนแรมจนกว่าจะพอใจเสี่ยวป๋อเดินออกมาส่ง“ฝ่าบาท สูญเสียคว
จินเฉิงอู่ ยืนสงบนิ่งหน้าโลงศพของจินเฉิงหวาง“เสด็จย่า”“ไทฮองไทเฮาทรงแขวนพระศอกับขื่อคา”“เสด็จย่าทำไมถึงได้คิดสั้นเช่นนั้น”“ไทฮองไทเฮาทรงเป็นกังวลเรื่องที่ท่านอ๋องป่วยหนักและ ฝ่าบาททรงประชวร”ในใจเขาเวลานี้มีคำถามมากมาย จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำบอกเล่า แม้คำตอบจะแสนขัดแย้งหากแต่จะถามใครได้ในเวลานี้ เสี่ยวป๋อที่เอาแต่นิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิดกับใต้เท้าตู้ที่ควบคุมกำลังองครักษ์และทหารทั้งหมด คนของจินเฉิงหวางหายไปจากราชสำนักจนแทบหมดเหลือเพียงคนที่ยอมก้มหัวให้โยวเสวียนและใต้เท้าตู้เหล่าขุนนางน้อยใหญ่แวะเวียนถวายพระพรแก่จินเฉิงหวางเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีสนมนางในไม่มีกุ้ยเหริน กุ้ยเฟยแม้แต่สนมเอกตระกูลไป๋ยังถูกกีดกัน ไร้ซึ่งทายาทและองค์ชายองค์หญิง มีเพียงจินเฉิงอู่ที่ยืนสงบนิ่งพร้อมกับโยวเสวียน และใต้เท้าตู้ไม่มีใครกล้าปริปาก แม้กระทั่งตำแหน่งฮองเฮา ขันทีนางในถูกเปลี่ยนตัวจนหมดหากใครแข็งข้อโยวเสวียน ให้ลากตัวไปให้ม้าแยกร่างจนทุกอย่างเงียบเชียบราบเรียบเกินไป ไม่มีการโต้แย้งไม่มีแข็งขืน ใต้เท้าตู้ตรึงกำลัง ทั้งองครักษ์และทัพหลวงยากที่จะย่างกรายเข้าไปได้“คังซื่อฮั่น ข้าไม่เคยได้พบเ
เหลียงซานป๋อส่ายหน้า"ท่านอ๋อง หากท่านยังรักเสี่ยวป๋อยังเห็นว่าเสี่ยวป๋อเป็นคนสนิท ขอร้องท่านอ๋อง ว่าอย่าบอก..โยวเสวียน...พระชายาโยวเสวียนว่าเสี่ยวป๋อแวะมา"จินเฉิงอู่ขมวดคิ้วมีหลายเรื่องที่เขาสงสัย โยวเสวียนอ้างว่าพาเขามาที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแล้วทำไมไม่ให้เสี่ยวป๋อมาคอยรับใช้ แล้วยังจะหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงการกลับไปที่จวนอ๋อง แล้วยังจะเสี่ยวป๋อที่มีท่าทีแปลกไป"ข้าอยากพบคังซื่อฮั่น"เสี่ยวป๋อส่ายหน้าไปมา"ท่านอ๋องท่านรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน"ไม่แน่ใจว่าโยวเสวียนให้จินเฉิงอู่กินยาชนิดไหนกันถึงลืมเลือนพระชายาเจิ้งเหมยเสียสิ้น"เสี่ยวป๋อ จำต้องจากไปสักพักระหว่างนี้ ท่านอ๋องรักษาตัว"จินเฉิงอู่ครุ่นคิดเวียนวน ทำไมเสี่ยวป๋อทำอย่างนี้เหลียงซานป๋อที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาแสนนาน ประสานมือคุกเข่าตรงหน้าก้มลงคารวะ ก่อนจะทะยานออกจากตรงนั้นไปทันที เสี่ยวป๋อรีบรุดไปยังร้านยานำถ้วยยาวางตรงหน้า ท่านหมอหยิบขึ้นมาสูดดม"ยาสลายความจำ"เสี่ยวป๋อยิ้มแห้งๆ"หากกินไปนานวันจะเกิดอะไรขึ้น""กินเพียงนิดทำให้ลืมเรื่องราวที่ไม่อยากจะจดจำ ยานี้ใช้กับคนที่มีความทุกข์ตรมจนไม่อยากจดจำปกติใช้เพียงเล็กน้อย แต่