จางซูฉีถูกมารดาโทรเร่งตลอดเวลา วันนี้เธอเพิ่งจะฉลองยอดขายอีบุ๊คตัวเอง ได้เกือบหนึ่งแสนหยวน ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นัดผู้ชายไว้ให้เธอคงดีใจกว่านี้ ไม่รู้ว่าจะอะไรกันนักกันหนา เพิ่งจะสามสิบเองแต่งงานก็ใช่ว่าชีวิตจะสมบูรณ์
ปกติอยู่แต่ในป่าในเขา ทำวิจัยเกษตรและพันธุ์พืช งานอดิเรกออกแบบเครื่องประดับ ให้กับแบรนด์ต่างๆ
วันนี้เธอขี้เกียจขับรถจึงมารถเมล์ หลังจากลงจากรถเมล์ก็เดินตรงไปยังคาเฟ่ที่นัดกันไว้ กำลังจะข้ามทางม้าลายก็ได้ยินเสียงหวอของรถตำรวจดังมาแต่ไกล
เธอชักเท้าที่กำลังจะข้ามทางม้าลาย มีรถเก๋งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว มีการไล่ยิงกันระหว่างตำรวจและคนร้าย ผู้คนบนถนนต่างวิ่งหลบแบบไม่คิดชีวิต
คนร้ายปล้นธนาคารใช้เส้นทางนี้หลบหนี ร้านกาแฟตรงหน้าปิดประตูทันที เสียงปืนดังขึ้นรัวๆจางซูฉีรู้สึกถึงมีอะไรอุ่นๆไหลออกจากอกเสื้อด้านซ้าย จากนั้นสติรับรู้ของเธอก็ดับทันที
เสียงร้องไห้ปลุกให้คนที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาเห็นคนใส่ชุดโบราณอายุน่าจะสิบสี่สิบห้านั่งร้องไห้อยู่
น้ำตาไหลพรากโอ้วแม่เจ้าสมจริงมากกองถ่ายไหนเนี่ย เห็นคนแต่งชุดโบราณหลายคนมองมาที่เธอรู้สึกคอแห้งจึงถามหาน้ำ
"มีน้ำไหมน้ำเปล่าก็ได้ ถ้าได้ชาไข่มุกจะดีมาก เจ๊หิวน้ำจะตายแล้ว"
"พระชายา ท่านฟื้นแล้ว ทรงกระหายน้ำหรือเพคะแล้วชาไข่มุกมันคือสิ่งใดเพคะ"
"ฮั่นแน่ๆเข้าฉากอยู่เหรอ น้องขอเจ๊กินน้ำหน่อยสิหิวจะตายแล้วจริงๆนะ วันนี้วันห่าอะไรวะซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ สงสัยคงไม่มีดวงเรื่องผู้ชายนัดบอดทีไรแม่งซวยทุกครั้งเลย"
มีเงาสูงทอดยาวทับลงตรงหน้าจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง แต่งตัวด้วยชุดโบราณสีม่วงปักด้วยดิ้นทองสวมกว๊านหยกแกะสลักงดงาม
จางซูฉียิ้มตาหยีจนแป้งบนใบหน้าย่นเป็นริ้วรอยจากนั้นก็ลุกขึ้นใช้มือเปียกน้ำลูบใบหน้าคมคาย หล่อ หล่อโว้ย
"เด็กใหม่เหรอไม่เคยเห็นหน้าในจอทีวีเลย นัดบอดก็ไม่สำเร็จ นี่ๆน้องรับงานเอ็นไหมเดี๋ยวเจ๊จ่ายให้หนักๆเลยนะ แค่บอกพ่อกับแม่ว่าเป็นแฟนเจ๊แค่นั้นเอง หล่อแบบนี้ถ้าเรื่องอื่นหลังไมค์กันได้ เจ๊จ่ายหนักนะเจ๊มีเงินหน้าตาดีแบบนี้เรียกเงินเดือนมาเลยเห็นแบบนี้เจ๊เวอร์จิ้นนะเงินหนาด้วย"
หนานกงเยี่ยหรือเยี่ยอ๋องกระชากมือบางที่กำลังจะถูกตัวเขาออกแรงบีบจนจางซูฉีนิ้วหน้า
"โอ๊ย เฮ้ยเป็นบ้าเหรอเจ็บนะโว้ยเป็นดาราแล้วไง หน้าใหม่แต่หยิ่งจังเดี๋ยวโพสต์ลงเว่ยป๋อให้อนาคตดับตั้งแต่ยังไม่เกิดเลยนี่"
"จาง ซู ฉี อย่ามาทำตัวปัญญาอ่อนที่นี่ สืออินจับนางไปโยนไว้ที่กระท่อมท้ายจวนห้ามนางเข้าออกจวนใหญ่ส่งแค่น้ำกับข้าววันละมื้อเจ้าไม่ควรปรากฏตัวที่นี่ "
หนานกงเยี่ยเค้นชื่อนางทีละคำก่อนจะสั่งองครักษ์ให้นำนางไปโยนไว้เรือนท้ายจวน
ขาดคำคนที่ชื่อสืออินก็ลากร่างบางที่เปียกน้ำกับเสี่ยวเถาและเสี่ยวจูไปโยนไว้ที่กระท่อมท้ายจวนเชิงเขา
จางซูฉีงงว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ๆก็ถูกลากเหมือนลูกหมู แต่ไม่ทันได้คิดอะไรอยู่ดีๆนางก็ปวดหัวแทบจะระเบิดจากนั้นก็สลบไป
จางซูฉีตื่นแล้วนางเพิ่งรู้ว่าตัวเองตายแล้ว จากลูกหลงของการปล้นธนาคาร
ตอนนี้อยู่ในร่างจางซูฉีอีกคน ที่ถูกเปลี่ยนตัวให้มาแต่งงานกับเยี่ยอ๋องแทนพี่สาวลูกบ้านใหญ่จางซิ่วเอ๋อร์
ทางสกุลจางอ้างว่านางป่วย ใครก็รู้ว่าเยี่ยอ๋องคนนี้เย็นชาและใจดำกับสตรี
อดีตฮ่องเต้พระราชทานชายามาให้หลายคนแต่กลับถูกไล่กลับไปบางคนถึงกับใช้ผ้าแพรผูกคอตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ
แต่ไอ้หน้าโบท็อกซ์นี่ไม่เพียงไม่สนใจยังสั่งต่อโลงให้เสียด้วยซ้ำ แม่เจ้าอะไรวะเนี่ยเจ๊ไม่มีดวงเรื่องผู้ชายจริงๆหรือวะ
สุดท้ายฮ่องเต้ก็เหนื่อยใจกับลูกชายเอาแต่ใจคนนี้ ไม่มีใครอยากแต่งลูกสาวเข้ามาตำหนักของเยี่ยอ๋อง
จนกลายเป็นเรื่องร่ำลือว่าเขาเป็นชายตัดแขนเสื้อชอบบุรุษมิชอบสตรี สุดท้ายหวยมาตกที่จวนใต้เท้าจาง
เขากลัวว่าบุตรสาวจะถูกทำลายอนาคตเลยส่งบุตรสาวของบ้านสามเช่นจางซูฉีที่บิดามารดาล้วนตายหมดให้มารับเคราะห์แทน
หนำซ้ำเด็กคนนี้ยังสติไม่ดี ถึงถูกเยี่ยอ๋องทุบตีจนตายก็ถือว่านางตอบแทนบุญคุณสกุลจางแล้ว
จางซูฉีอายุ16ปีแล้วร่างนี้แต่งงานกับอ๋องคนนี้มานานครึ่งปีแล้ว เขาไม่เคยแตะต้องนาง
เพราะว่านางน่าเกลียดเป็นคนสติไม่ดีวันๆแต่งหน้าหนาเตอะใส่เสื้อผู้ที่สีสันฉูดฉาดดูเหมือนนกแก้วทุกวัน
ที่วันนี้นางตกน้ำเป็นเพราะชายารองของหนานกงเยี่ยที่เพิ่งพระราชทานให้มาอีกคนชวนนางไปชมดอกบัว
จากนั้นก็ฉวยโอกาสผลักนางลงไป จางซูฉีปวดหัวนั่งกุมขมับไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ให้เจ๊ตายไปเลยดีกว่าไหมไม่เอาแบบนี้ได้ไหม
มองสภาพบ้านใช่ให้คนอยู่หรือ หยากไย่หนาเตอะตื่นมาสำลักฝุ่นก่อนเลย เสี่ยวเถาถูกตีนางยังอุตส่าห์หาอาหารมาให้จนได้
จางซูฉีถอนหายใจ ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก มองในกระจกทองเหลืองเก่าๆเห็นผู้หญิงคนหนึ่งทาหน้าหนายังกับคนเล่นงิ้วโรงเจเห้อทำไปได้
แต่นางสติไม่ดีนี่นาจะโทษใครล่ะ เสียงท้องร้องประท้วงจึงหันไปถามสาวใช้
"เสี่ยวเถา เสี่ยวจูมีอะไรกินไหมหิวจะตายอยู่แล้ว "
มองสภาพบ้านใช่ให้คนอยู่หรือ หยากไย่หนาเตอะตื่นมาสำลักฝุ่นก่อนเลย เสี่ยวเถาถูกตีนางยังอุตส่าห์หาอาหารมาให้จนได้จางซูฉีถอนหายใจ ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก มองในกระจกทองเหลืองเก่าๆเห็นผู้หญิงคนหนึ่งทาหน้าหนายังกับคนเล่นงิ้วโรงเจเห้อทำไปได้แต่นางสติไม่ดีนี่นาจะโทษใครล่ะ เสียงท้องร้องประท้วงจึงหันไปถามสาวใช้"เสี่ยวเถา เสี่ยวจูมีอะไรกินไหมหิวจะตายอยู่แล้ว ""ไม่มีเพคะ พระชายาท่านๆหายเป็นปัญญาอ่อนแล้วหรือ ดีๆจังเลยหากท่านอ๋องทรงทราบอาจจะๆ" เสี่ยวเถาเห็นนางพูดรู้เรื่องก็ดีใจ"พอๆๆๆๆ รู้ไปก็เท่านั้นก็เท่านั้นไอ้หน้าโบทอกซ์นั่นชอบบุรุษไม่ได้ชอบสตรี ชายารองเขานางสวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นเขายังไม่ชายตาแลเลย แม่นั่นก็กะไรอยากเป็นที่หนึ่งใจจะขาด อยากได้ยกให้เลยเหอะใครต้องการกันเลือดเย็นนัก ที่นี่ที่ไหนกันเสี่ยวเถา"สองพี่น้องมองหน้ากันพระชายาพูดอะไรแปลกๆฟังไม่ค่อยเข้าใจสักนิด"จวนด้านหลังเพคะ ห่างจากจวนใหญ่สองลี้ บ่าวจะไปขออาหารแต่มองไปทางไหนก็มีแต่หญ้าคาขึ้นสูงเต็มไปหมด ขออภัยนะเพคะ" เสี่ยเถาเอ่ยเสียงอ่อน" ช่างเถอะ ลุกไปดูกันเถอะว่าพอหาอะไรใส่ท้องได้บ้าง"เห็นเสี่ยวเถาถูกใบหญ้าคาบาดจนเลือดออกน
บริเวณบ้านคลุมไปด้วยหญ้าคาพรุ่งนี้จะถางหญ้า ห่างจากบ้านสักหกเมตรพอ ปลูกอะไรกินนิดหน่อย ดงหญ้าคาที่เหลือเอาไว้ปิดบังบ้านหลังนี้ กระท่อมหลังน้อยๆกลางดงหญ้าคาฟังดูดีเนาะ ดูเหมือนจะมีพืชล้มลุกประปราย เหมือนมีต้นพริกลูกแดงๆ มีเถาแตงด้วย"ไอ้มีปืนเฮงซวย เล็งทั้งทีก็ไม่ตรงเป้ารถตำรวจอยู่ทางเล็งปืนมาอีกทาง แม่นะแม่อยากได้ลูกเขยอยากให้หนูแต่งงาน ตอนนี้เป็นยังไงล่ะได้จัดงานศพแทนฮือๆๆ"จางซูฉีตะโกนด่าเทวดา ด่ามือปืนที่ยิงพลาด ด่าหนานกงเยี่ย ด่านรกสวรรค์วุ่นวาย กลับมาก็เห็นเสี่ยวเถานอนละเมอ"พระชายา พรุ่งนี้เสี่ยวเถาจะไปหาข้าวมาให้ท่านอย่าเสียใจเลย"จางซูฉีอุ้มเด็กทั้งสองมานอนบนเตียงด้วยกัน ก่อนจะห่มผ้าให้แล้วนอนลงข้างๆเพราะใบหน้างดงามแต่สติปัญญาไม่สมประกอบพวกนางเกรงว่าจะถูกรังแก สองพี่น้องจึงช่วยกันดูแลนางเสมอมาตั้งแต่แต่งงานมาจวนสกุลจางก็เหมือนจะตัดญาติขาดมิตรกับนางไปเลย สินสมรสมีไม่เท่าไหร่ มีค่าที่สุดก็คือเด็กสองคนนี้ที่ติดตามมานอนก่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคิดหาทาง มันมีทางออกเสมอแหละหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ"เด็กน้อย ขอบใจที่ภักดีมาตลอด ข้าสัญญาจะไม่ทอดทิ้งพวกเจ้าสองคนพี่น้อง"จางซูฉีรื้อเสื
เช้าแล้วสามคนนายบ่าวตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดชื่น แม้จะอยู่ห่างไกลจวนหลักแต่กลับมีความสุขมากกว่าที่เคยอยู่ที่นั่นเสี่ยวเถายังติดใจรสชาติปลาย่าง ปกติมีแค่ซาลาเปาแข็งๆกับน้ำข้าวต้ม ชายารองแต่งมาทีหลังเพียงครึ่งเดือนแต่กลับซื้อคนในจวนไปได้หลายคนหนานกงเยี่ยไม่อยากสนใจเรื่องหลังบ้านเขาให้แม่นมของเขาจัดการ ชายารองแม้จะซื้อบ่าวในจวนได้แต่ไม่สามารถซื้อแม่นมของเขาได้"พระชายา เหตุใดล้างแป้งออกเล่าเพคะ หากใครมาเห็นใบหน้านี้อาจมีคนไม่หวังดีได้ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกตำหนักด้วยนะเพคะ"เสี่ยวเถาเห็นใบหน้างามก็กังวลใจทันทีจางซูฉีงดงามมาก หากไม่เพราะตกน้ำไปตอนสิบขวบจากนั้นนางก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ทั่วแคว้นอู๋นี้คงไม่มีใครงดงามเท่านางอีกแล้ว"เสี่ยวเถาคนงามเจ้าดูสิ จะมีใครมากันหญ้าท่วมหัวเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่สืออินกับสือห่าวมีวิชาตัวเบา จะฝ่าดงหญ้าคาเอาเจ้ากับข้ามาโยนไว้ที่นี่ได้หรือ เมื่อข้าเห็นมีพืชอยู่หลายต้นลองหาดูเถอะเผื่อมีอะไรให้กิน จากนี้ไปประตูหลังตำหนักทางยาวเกือบห้าลี้มีแต่หญ้าคาสูงท่วมหัว ไม่มีใครดั้นด้นมาส่งข้าวส่งน้ำหรอก""กินกันเถอะ จะได้เข้านอนเอาแรง ดูท่าฝนคงตกอีก เราโชคดีเจอเทียนไขแล้วคืนนี
ยามเหมาจางซูฉีตื่นแล้ว กำลังลุกไปต้มน้ำอาบวันนี้จะเดินตามทางเล็กๆนั่นเพื่อไปในตัวตลาด เมืองหลวงเป็นเช่นไรนางไม่รู้เพราะร่างนี้ไม่เคยออกจากบ้าน แต่นางเป็นนักเดินป่าการสังเกตน่าจะไม่อยาก จุดสังเกตในเมืองนั้นทำได้ง่ายกว่า"พี่ใหญ่ เหตุใดตื่นแต่เช้าเจ้าคะ นอนต่อเถอะเดี๋ยวข้าทำเอง"เสี่ยวเถาที่ตอนนี้ถูกสั่งห้ามเรียกนางว่าพระชายาเดินเข้าครัวมาก็ถามทันที"อืม พี่จะไปตลาดสักหน่อยพี่จะลองดูว่าเงินนั้นยังใช้ได้หรือไม่ สามสิมปีแล้วไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง พวกเราไม่เคยได้ออกนอกจวนไปดูลาดเลาก่อน"จางซูฉีลูบศีรษะเสี่ยวเถา เด็กสองคนพี่น้องนี้ ถูกตีถูกด่าแทนนางมาตลอด จางซุฉีคนเดิมสติไม่ดีบ่าวไพร่ในจวนรังเกียจไม่อยากรับใช้ วันๆนั่งน้ำลายไหลยืดน้ำท่าก็ไม่อาบเมื่อวานตอนอาบน้ำไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่อาบน้ำ แต่ดูเหมือนเด็กสองคนนี้จะเอาเขม่าก้นหม้อเอยแป้งหมี่เอยมาทาให้นางเพื่อปกปิดความงามของจางซูฉี ร่างเดิมงามมากอย่างที่ในละครชอบกล่าวถึงว่างามล่มบ้านล่มเมืองอะไรเทือกนั้นแหละจางซูฉีเลือกชุดธรรมดามาหนึ่งชุดจากในหีบ จากนั้นก็เกล้าผมทรงสตรีที่แต่งงานแล้ว ทาแป้งหนานใช้ถ่านแต่งแต้มใฝเม็ดโตบริเวณหางคิ้ว ขีดเ
ชายชราไปแล้วจางซูฉีเดินเข้าไปในกระท่อม อืมมีห้องนอนหนึ่งห้องอีกห้องเป็นห้องเก็บสมุนไพร ห้องตำรานึกอะไรก็ได้หรืองั้น อยากได้กระดาษกับดินสอมีไหม ไม่นานก็ปรากฏกระดาษกองใหญ่ แต่เป็นกระดาษในยุคนี้แผ่นใหญ่ๆ"แม่เจ้า มีกระดาษมีดินสอ ขอสีด้วยมีหรือไม่" สักพักปรากฏสีสำหรับวาดภาพหนึ่งกล่อง จางซูฉี่ดีใจรู้แล้วว่าจะทำมาหากินอะไร ก่อนจะหยิบแบบเครื่องประดับเมื่อคืนออกมาลงสีดูสิว่าสิ่งนี้ทำเงินได้ไหม งานอดิเรกคือเขียนนิยายวาบหวิวเดือนหนึ่งมีรายได้กว่าแปดหมื่นถึงหนึ่งแสนหยวน ที่นี่น่าจะมีพวกคุณหนูที่ชอบแอบอ่านตำราต้องห้ามเหล่านี้ เงินจ๋าเงินเจ๊มาแล้ว จางซูฉีออกจากมิติตรงไปตลาดมาถึงหลังร้านผ้าก็ค่อยๆเดินไป ลองมองร้านค้าตามทางดูเหมือนเงินที่พวกเขาใช้จะคล้ายกันกับที่อยู่ก้นหีบ"เอ่อท่านน้า ข้าขอซาลาเปาสองลูกเจ้าค่ะกี่อีแปะเจ้าคะ" คนขายบอกราคานางจึงจ่ายเขาไป ไม่มีการมองหน้าแปลว่าใช้ได้สังเกตคนอื่นจ่ายเงินแล้วแปลว่าเงินก้นหีบนี้สามารถซื้อของได้ จากนั้นก็ตระเวณซื้อข้าวสารสามสิบชั่ง แป้งสาลียี่สิบชั่ง เนื้อหมูติดมันสิบชั่ง มันหมูสิบชั่ง กระดูกซี่โครงห้าชั่ง ยุคนี้เป็นยุคอาหารการกินค่อนข้างสมบูรณ์มีอาริยะพอ
จางซูฉีที่ตอนนี้ยิ้มแก้มปริจนรอยย่นที่แต่งแต้มนั้นทำให้ดูแก่ขึ้นไปอีกก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาหาสวีไค่เฉิงเอ่ยขึ้น"ท่านป้าขอรับ แบบเครื่องประดับชุดนี้ท่านคิดราคาเยี่ยงไรพวกเราขอซื้อได้หรือไม่ และแน่นอนต้องทำสัญญาท่านมิอาจขายให้ผู้อื่นได้""เอ่อ ข้ามีอีกแผ่นหนึ่งหากพวกท่านเห็นแก่หน้าแก่ๆของข้าไม่กดราคาเกินไปย่อมได้ เฮ้ออีกสองวันครบรอบวันตายสามีข้าแล้ว ข้าตั้งใจว่าหากหาเงินได้ก็จะกลับไปไหว้เขาสักหน่อยไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นเช่นไรหญ้าบนหลุมศพเขาคงจะสูงกว่าพวกเจ้าแล้วกระมัง"หานกงเยี่ยจามติดต่อกันจนสวีไค่เฉิงต้องไปลูบหลังแล้วถามว่าเป็นอะไร เขาตอบว่าไม่รู้อยู่ก็จามแบบนี้มาทั้งคืนแล้วมีโอบกอด มีลูบหลังมีปลอบโยนกันด้วยห่วงใยกันเหลือเกิน แม่ชายารองเจ้าไม่มาดูคนเขารักกันนี่เล่าหึฆ่าข้าก็ไม่เกิดประโยชน์หรอก"ใครนินทาเจ้าหรือเปล่าไปสร้างศัตรูที่ไหนมาล่ะ คงบรรดาตระกูลที่ถูกเจ้าตะเพิดออกนอกจวนกระมัง"จางซูฉี่แน่ใจว่าเป็นนางนี่แหละที่ด่าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของเขาตั้งแต่เมื่อคืนจนหลับไป"ท่านป้าข้าให้ท่านสองแบบนี้สองพันตำลึง เพราะเครื่องประดับที่ท่านออกแบบมาต้องทำเป็นชุดจึงสวยงาม ท่านเขียนหนังสือเป็น
จางซูฉีนำของออกมาจากมิติวางไว้เพื่อให้เด็กสองคนมาช่วยขน เสี่ยวจูวิ่งมาคนแรก เสี่ยวเถาที่กำลังขุดต้นกล้าล้างมือจึงตามมา"พี่ใหญ่ เงินนั่นใช้ได้จริงๆหรือเจ้าคะ ท่านซื้อของมามากมายเชียว"เสี่ยวเถาถามขึ้นก่อนจะช่วยกันขนของเข้าบ้าน จางซูฉีรู้ว่าเด็กสองคนนี้ตัดผ้าและปักผ้าฝีมือดีจึงซื้อเข็มกับด้ายมามากหน่อย ทั้งคู่ดีใจมากที่พี่ใหญ่ตั้งแต่หายป่วยก็เก่งขึ้นมาก"เอ่อ เสี่ยวเถาแถวนี้นอกจากบ้านหลังนี้ยังมีบ้านคนอื่นอีกหรือไม่""ดูเหมือนรั้วที่ติดกับกำแพงข้างๆเราจะเป็นตำหนักร้างนะเจ้าคะ เมื่อก่อนเคยมีคนอยู่หลังจากไท่ซ่างหวงครองราชย์ก็ไม่มีใครอยู่อีกเลย แต่มีสุสานบรรพบุรุษอยู่ที่นั่น มีอันใดหรือเจ้าคะ""ไม่มีหรอก กินข้าวกันเถอะสายแล้ว"สามคนนายบ่าวที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะเป็นสามคนพี่น้องนั่งกินซาลาเปากับขนมงากันอย่างอร่อยเป็นมื้อแรก ตั้งแต่นายท่านสามจากไปพวกนางก็อดมื้อกินมื้อมาตลอดนี่เป็นอาหารมื้อแรกที่กินอิ่ม น้ำตาค่อยๆไหลความรู้สึกของเด็กซูฉีนั่นลึกๆคงคิดถึงพ่อกับแม่"อิ่มแล้วไปดูแปลงผักกันเถอะ เพิ่งจะเข้าหน้าฝน เพาะปลูกตอนนี้จะได้มีผักกิน เอาไว้ดองหรือตากแห้งได้ด้วย"สามคนช่วยกันยกร่องพรวนดิน สามว
มีเสียงเรียกหาทั้งสามคนจึงรีบไป ไม่มีใครมาหาพวกนานมาหลายเดือนแล้ว"เสียงนั่นไม่ใช่ผู่เย่วหรอกหรือ นางมาทำไมเดี๋ยวก็ถูกทำโทษหรอก"เจียงฟางซินรีบไปหาเด็กสาว นางมักจนเอาขนมและอาหารมาฝาก เพราะเด็กคนนี้ไม่ฟังใคร บิดายกย่องเมียรองเป็นฮูหยินจึงทำให้หลินผู่เย่วต่อต้านหนักกว่าเดิม ฮูหยินคนใหม่จับนางแต่งงานกับบัณฑิต ใครจะรู้นางทำเป็นยอมเข้าพิธียังไม่ทันกราบไหวฟ้าดินนางก็พังงานแต่งใช้แส้ฟาดเสียบัณฑิตคนนั้นเกือบพิการ ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าส่งแม่สื่อมาอีกเลย"เย่วเย่ว พี่อยู่นี่เจ้ามาได้อย่างไรที่นี่ไกลจากในเมืองมากนักนะ""ข้าเดินเล่นมา แล้วก็มาหาท่านไงเสด็จพี่ฮองเฮา เอ๋นางเป็นใครกันเพคะ""พี่ผู่เย่วข้าเอง ซูฉี จางซูฉีที่ท่านชอบมีขนมมาฝากเสมอไงเจ้าคะ" จางซูฉีจำได้สตรีคนนี้แม้จะมุทะลุ แต่เป็นคนจิตใจดียิ่งนัก"เจ้าหายปัญญาอ่อนแล้วหรือ เอ่อขอโทษไม่ตั้งใจน่ะ แล้วนี่เหตใดเข้ามาอยู่ที่นี่กัน มิใช่ว่าแต่งงานกับเยี่ยอ๋องหรอกหรือ""เรื่องมันยาวน่ะ ข้าหิวแล้วไปทำกับข้าวกันเถอะวันนี้ข้าซื้อของมาเยอะถือว่าฉลองมิตรภาพของเราสามคน"ทั้งสามคนกินข้าวกันไปพูดคุยจนไปถึงรู้ว่าหลินผู่เย่วไม่ได้อยู่ที่จวนแล้วนางถูกบ
แดนเซียนควันสวีทองลอยขึ้นมายังด้านบนก่อนจะลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของหนานกงเยี่ยเทพสงครามที่นั่งรอพระชายาตนอยู่ปากถ้ำ ทันทีที่ดวงจิตเข้าสู่ร่างเขาก็รู้ทันทีว่ามหาเทพถือกำเนิดในแดนมนุษย์แล้วชายาของเขานางกำลังจะออกมาจากการกักตนเพื่อหนีหน้าเขาแล้ว ประตูหินค่อยเลื่อนออกควันสีทองลอยเข้าไปยังด้านในเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของเทพบุปผา ไม่นานชิงเหลียนที่หน้าตาเหมือนกันกับจางซูฉีที่แดนมนุษย์ก็เดินออกมาจากด้านใน นางเห็นสวามียืนรอก็เดินตรงมาหา เทพสงครางกางแขาออกให้ชายารักเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเทพบุปผาซบหน้ากับอกกว้าของเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ"ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว ที่ผ่านมาหนีหน้าพระองค์ ไร้เหตผลต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ ตอนอยู่แดนมนุษย์เคยเกือบเสียพระองค์ไปหม่อมฉันรู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร""ข้าไม่โกรธเจ้า คนงามของข้าๆเตรียมเรือเรียบร้อยแล้ว รอเจ้าออกมาจากด่านเราจะไปล่องเรือกัน เราจะล่องจากตำหนักเหลียนฮวาาจนไปถึงดินแดนประจิม แล้วจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปทะเลตะวันออกดีหรือไม่ หืม""เพคะ หม่อมฉันตามใจพระองค์ ฝ่าบาทชิงเหลียนรักพระองค์เพคะ""คนงามข้าก็รักเจ้า ชิงเหลียนคนดีของข้า"ทั้งคู่ล่องเรือไปตามสระบั
ท้องฟ้าเหนือแคว้นอู๋มีสายรุ้งปรากฎถึงเก้าสาย อีกยังมีเหล่านกน้อยบินวนรอบตำหนักเหมยฮวา ท้องฟ้าเป้นสีทองก้อนเมฆสีรุ้งงามตานัก จากนั้นด้านในจางซูฉีก็คลอดเด็กกออกมา อุแว้ๆๆๆๆ ไม่นานก็มีเสียงทารกดังออกมา"ท่านอ๋อง ไท่จื่อเป็นซื่อจื่อน้อยเพคะ หน้าตาละม้ายท่านอ๋องยิ่งนักเพียงแต่ว่า" แม่นมพูดค้างไว้จนทุกคนมองหน้ากัน หนานกงเยี่ยร้อนใจจึงเอ่ยถาม"แต่ว่าอะไรแม่นมเฟิ่ง ท่านพูดออกมาให้หมด""แต่ว่าเส้นผมของซื่อจื่อน้อยไม่ได้ดกดำเพคะ แต่เป็นสีเงินยวงราวกับหิมะเลยเพคะ เสียงร้องดังมากแปลว่าแข็งแรงดี""ทันทีที่แม่นมเอ่ยจบหนานกงเยี่ยก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของพวกเขาในแดนมนุษย์นั้นสมบูรณ์แล้ว รอเวลาจิตวิญญาณเขาและนางกลับแดนเซียนเท่านั้นหนึ่งชั่วยามต่อมาทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจางซูฉีกับบุตรชายได้ หนานกงเยี่ยเห็นหน้าบุตรชายก็ถอนหายใจ เขาต้องเป็นบิดาของคนที่เอาแต่ใจที่สุดในแดนสวรรค์จริงๆหรือ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากน้อยๆเบาก่อนจะกระซิบ"ฝ่าบาท อย่างไรก็เป็นบุตรกระหม่อม ดื้อรั้นให้น้อยลงหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีสิทธิ์ตีก้นพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"ก่อนที่ทารกน้อยจะลืมตาทันทีจ้องหน้าคนที่เพิ่งข่มขู่เ
หนานกงเช่อไปแล้วบรรดาสาวนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่หยุด แต่ละคนอุ้ยอ้ายจนดูน่ารักไปหมด เฉินลี่จูที่ถูกเยี่ยผิงอันอุ้มลงจากรถม้าเดินมาส่งที่ด้านในตำหนักก็อายหน้าแดง"ท่านอาปล่อยข้าลงเดินเองก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้ไกลสักนิด""เมียจ๋า ดูพื้นสิขรุขระขนาดนี้ หากไม่ระวังอาจหกล้มได้ ไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องทรงคิดเช่นไรถึงได้ปูหินให้มีร่องห่างกัน พื้นไม่เสมอพระชายาก็กำลังตั้งครรภ์ไม่รู้จักระวังเลย"จางซูฉีขำกับความห่วงเมียคลั่งรักเมียของเยี่ยผิงอันหากบอกว่าท่านอาลู่จงได้เมียเด็กก็ไม่ถูกนัก อาลู่อายุสี่สิบ จูชุ่ยชุ่ยอายุย่างสิบแปด แต่เยี่ยผิงอันสี่สิบห้าย่างสี่สิบหก ส่วนเฉินลี่จูอายุสิบหก นางเด็กที่สุดในบรรดาเมียๆของเหล่าบุรุษแห่งวังหลวงเลยล่ะ"ใต้เท้าเยี่ย หากพื้นปูติดๆกันไม่มีร่อง ยามหิมะตก หรือฝนตกพื้นจะลื่น ร่องช่วยให้เวลาเดินไม่ลื่นน่ะ ลี่จูมานั่งกับพี่ก่อน เสี่ยวหรันกับชิงชิงน่าจะกำลังมา""เพคะพระชายา อ้อพี่ผู่เย่วท่านตั้งครรภ์อีกแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าสวีจะขยันเกินไปหรือไม่ คนโตยังไม่ได้ขวบเลย คิกๆๆ"ในบรรดาเด็กรุ่นน้องสามสาวแห่งสกุลจิน สกุลเฉินและสกุลว่านนี่คือแสบที่สุด ต่อยตีกับบุรุษไม่เว้นแต่ละวัน"พ
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล โคมไฟเรียงรายห้อยเต็มหน้าร้านหน้าบ้านที่ปลูกติดกันยามลมพัดแกว่งไกวไปมาบรรยากาศในเมืองหลวงมีแต่ความสุข ฮ่องเต้กำเนิดพระธิดาสองพระองค์ อีกทั้งตอนนี้ฮองเฮาก็กำลังทรงพระครรภ์ได้สามเดือนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ตระกูลหลักหลายตระกูล ตระกูลหลี่ ตระกูลว่าน ตระกูลสวี ตระกูลจิน และตำหนักอ๋องทั้งสอง รวมถึงตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ต่างจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระชายาไท่จื่อ พระชายาเยี่ยอ๋อง และชินอ๋องรวมถึงบรรดาฮูหยินของใต้เท้าทั้งหลายนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันตำหนักบูรพารัชทายาทหนานกงอินกำลังรักเมียสาวอยู่อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เสียวครางแสนหวานของเจียงฟางซินทำให้เขายิ่งรักนางยิ่งขึ้น"ไท่จื่อ เมียไม่ไหวแล้วเพคะพอเถอะ อื้อ ลูกดิ้นอีกแล้วพระองค์ก็ไม่ยอมเลิกสักที ลูกในท้องงอแงแล้วนะเพคะ อร๊าย หนานกงอินเสียวนะ อย่างัดแบบนี้สิคนบ้าข้าตั้งครรภ์อยู่นะ""บอกมาก่อนว่ารักพี่เด็กดีพูดเร็ว ตั้งแต่เข้าหอมาจนถึงวันนี้ยังไม่บอกว่ารักพี่เลย พูดมาคนดี อืม เสียวจริงๆเมียจ๋า อยากให้ผัวเลิกต้องบอกรักผัวก่อน อ่าา""อื้อ รักเพคะ หม่อมฉันเจียงฟางซินรักหนานกงอิน อร๊าย หม่อมฉันเสร็จอีกแล้ว
ขบวนเดินทางมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แวะพักบางจุดเนื่องจากทำผักดองแบะเนื้อรมควันไว้มากมาย อาหารการกินจึงไม่ลำบากมมากนักจางซูฉีไม่ต้องการให้หนานกงเยี่ยไปล่าสัตว์บนเขา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้คืนนี้พวกเขาแวะพักตรงริมน้ำใกล้เชิงเขา แต่จางซูฉีสั่งเดินทางต่อ หนานกงเช่อจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนาง"ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เข้าใจที่เจ้าให้พวกเราเดินทางต่อ นี่ยามเซินแล้วกว่าจะสร้างกระโจมอีก ตรงนี้มีลำธารด้วยสะดวกสบายกว่าไม่ใช่หรือ""เสด็จพ่อ หากเป็นแม่น้ำลำธารที่ไม่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกคงไม่ขัดหรอกเพคะ แต่ว่าลำธารนี้ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด แปลว่านี่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน อีกทั้งยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แปลว่ามีสัตว์นักล่าด้วย ในขบวนมีคนท้องถึงเจ็ดคน แม้ว่าเหล่าบุรุษจะมีวรยุทธ แล้วนางกำนัลเหล่านั้นเล่าเพคะพวกนางอ่อนแอ เราเสียเวบาเดินทางอีกหน่อยก็ไม่ต้องเสี่ยง ลูกแค่ห่วงความปลอดภัยของทุกคน"เมื่อจางซูฉีชี้แจงเหตุผลจบ ทุกคนก็ยิ่งรีบเดินให้พ้นลำธารไวขึ้น ไม่นานก็เลยเชิวเขามาห้าลี้และเจอเข้ากับแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เรือเล็กสามารถสัญจรได้ จึงพากันหยุดพักที่ตรงนั้น"ฉีเอ๋อร์เหนื
ผ่านไปเดือนกว่ารถม้าที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนี้กำลังฝึกม้าที่จะนำมาใช้กับรถม้าอยู่ ใช้เวลาฝึกนานประมาณเกือบเดือน เพราะบรรดาคนที่นั่งในรถม้าคือเหล่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์จินเสี่ยวหรันที่ตอนนี้ไม่ต้องดูแลสวีไค่ไหยุนแล้ว เพราะเขาเริ่มไม่มีอาการแพ้ท้องแบบที่อาเจียนไม่หยุดแล้ว เหลือเพียงแค่ความอยากอาหารเท่านั้นส่วนว่านชิงชิงทุกวันนี้นางกลุ้มใจมาก ว่านอันสุ่ยไม่ยอมห่างนางเลยไม่ยอมให้เดิน ไปไหนก็อุ้มตลอดเวลา บางครั้งเขาก็งอแงเป็นเด็กน้อยห่างนางไม่ถึงชั่วยามก็ตามหาอีกแล้ว จนถูกฮ่องเต้เรียกไปต่อว่าหลายครั้งเพราะเสียงานเสียการ"ใต้เท้าว่าน เราว่าท่านรักเมียเกินไปหรือไม่ งานการมีไม่สนใจทำงานอยู่ดีๆหาเมียไม่เจอก็ทิ้งงาน เจ้ามันตาแก่หลงเมียเด็กจริงๆ""ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ"ว่านอันสุ่ยเสียงอ่อย แต่ฮ่องเต้ตรัสถูกต้องเขาหลงเมียจริงๆแต่แค่ไม่อยากยอมรับ"ใต้เท้าว่าน ข้าเองก็รักเมียไม่แพ้ท่าน แต่งานส่วนงานท่านต้องแยกแยะสักหน่อยนะ"หนานกงอินเยาะว่านอันสุ่ย เขาเถียงไม่ได้เพราะหนานกงอินเป็นถึงรัชทายาท ได้แต่บ่นอุบอิบๆเท่านั้น"ไท่จื่อ ทรงหลงพระ
หนานกงเช่อกำลังอ่านรายงานที่ทางวังหลวงส่งมา จิ่วโจวให้ผลผลิตถั่วและมันดียิ่งนัก ต้องไปหาสะใภ้เล็กสักหน่อย ว่าหลังเก็บเกี่ยวแล้วต้องแปรรูปอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะทิ้งเปล่าให้เน่าเสียจางซูฉีนังเขียนสูตรทำวุ้นเส้น ซอสถั่วเหลือง การหมักน้ำส้มสายชู โชคดีที่ก่อนจากยุคสิวิไลนั้นมา นางสามารถทำสิ่งเหล่านี้ไว้ใช้เอง บางครั้งทำวิจัยต้องไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านตามชนบท จึงได้วิธีการแปรรูปต่างๆมา บางอย่างก็เป็นสูตรจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาหนานกงเช่อเห็นสะใภ้เล็กนั่งทำงานทั้งๆที่ท้องโตมากแล้วก็นึกดีใจแทนบุตรชาย ขนาดเมียขุนนางยังไม่ใส่ใจช่วยเหลือสามีเท่ากับนางเลย เอาแต่แย่งชิงความโปรดปรานจากสามีไม่บรรดาเมียเอกกับเมียรองตีกัน ก็บรรดาบุตรหลานชิงดีชิงเด่นกัน แต่สะใภ้คนนี้เอาแต่คิดหาหนทางให้ผู้คนอยู่รอด ช่วยเหลือสามีทุกด้านเจียงฟางซินสะใภ้คนโตก็เรียนรู้งานมาจากนางไม่น้อย ทุกวันนี้ก็จัดระเบียบบ้านได้ดี จับมือกับหลานสะใภ้เขาจางหย่งเล่อผู้นั้นมองหาลู่ทางเปิดเส้นการค้าใหม่เสมอ จนแคว้นอู๋ร่ำรวยขึ้นพริบตาเงินในท้องพระคลังเพิ่มขึ้นมากมาย ตอนนี้สวีไค่หยุนได้ถูกเขาแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมการคลังเรียบร้อยแล้ว รอกลับเ
จางซูฉีและหนานกงเยี่ยกำลังเตรียมตัวกลับเมืองหลวง กำลังวางแผนงานและการค้าทั้งหมดที่นี่ โดยให้ลู่จงกับจูชุ่ยชุ่ยเป็นคนดูแลหนางกงอินขอเบิกงบของกรมโยธามาเพื่อสร้างถนนให้สะดวกสบายกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางสิบห้าวันโดยรถม้า ก็เลื่อนเร็วขึ้นเหลือเพียงเก้าวันแต่เนื่องจากบรรดาสตรีของพวกเขาตั้งครรภ์ และมีหลายคนครรภ์ยังไม่มั่นคงจึงเลื่อนการเดินทางกลับไปอีกเดือนครึ่ง เสียนอ๋องกลับไปแล้ว ฮ่องเต้ให้เขากลับไปช่วยจางป๋อคุณและมหาราชครูฟางดูแลงานราชการต่างๆรอให้หยางฮองเฮาครรภ์แข็งแรงกว่านี้ก็จะเดินทางกลับ จางซูฉีหมักเหล้าไว้เกือบสามร้อยไห นางขุดดินฝังไว้ใต้ต้นหลิวในจวนใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน อีกครึ่งปีจึงจะขุดขึ้นมาได้ ถึงตอนนี้นางก็คลอดเจ้าตัวน้อยแล้ว"ฉีเอ๋อร์ อย่าทำงานมากนักเลยเจ้าตั้งครรภ์อยู่ พักผ่อนบ้างเถอะ งสนบางอย่างให้บ่าวไพร่ทำก็ได้" หนานกงเยี่ยกำลังคิดบัญชีของหอโอสถ เขาแพ้ท้องไม่สบายเสียนาน ปล่อยนางหักโหมทั้งที่ยังท้องอยู่รู้สึกเป็นห่วงนัก"ท่านอ๋อง นั่งมากเกินไปถึงเวลาคลอดจะคลอดยากนะเพคะ อีกอย่างงานไม่ได้หนักหนาเกินไปนัก อืมจริงสิวันนี้วุ้นเส้นที่ทำไว้แห้งดีแล้ว เย็นนี้เสวยผั
เรือนหอสวีไค่หยุนสวีไค่หยุนปลดเครื่องหัวให้จินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็แลกจอกเหล้ามงคลกับนาง"เสี่ยวหรันคนดี พี่รอวันนี้มาเกือบปีแล้วนะในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันสักที ไม่ต้องปีนเข้าหาเจ้าแล้ว""ท่านพี่ ข้าชอบที่นี่แต่งานของท่านอยู่เมืองหลวง เสียดายจังเลยเจ้าค่ะ""ไว้พี่จะพามาบ่อยๆดีไหม เสี่ยวหรันจ๋าพี่อยากเข้าหอแล้วคนดีของพี่"สวีไค่หยุนปลดชุดแต่งงานจินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็ตามด้วยชุดเจ้าบ่าวของตน ก่อนจะจ้องมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างหลงไหลใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นร่างงามตรงหน้าเปลือยเปล่า เขามักแอบปีนห้องนางมาตักตวงความหวานเสมอ แต่ไม่เคยล่วงเกินนางมากกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขากับนางจะเป็นคนๆเดียวกันอย่างสมบูรณ์"ขืนท่านยังจ้องอีก ข้าคงแข็งเป็นหินแล้วท่านพี่ ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย จะให้รออีกนานไหมเจ้าคะ อากาศหนาวนะ""หึๆ อยากได้อะไรอุ่นๆหรือแม่นางน้อยของข้า วันนี้เจ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกพันปี หรือเป็นโฉมงามของหอจันทราดีเล่า หืม"จินเสี่ยวหรันลุกขึ้นมา ก่อนจะคลึงทรวงอกตนเองยั่วยวนคนตรงหน้า มืออีกข้างโน้มคอสวีไค่หยุนลงมา ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ"หนาวจนแข็งเป็นไตแล้ว คุณชายท่านให้ความอบอุ่น