เช้าแล้วสามคนนายบ่าวตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าสดชื่น แม้จะอยู่ห่างไกลจวนหลักแต่กลับมีความสุขมากกว่าที่เคยอยู่ที่นั่น
เสี่ยวเถายังติดใจรสชาติปลาย่าง ปกติมีแค่ซาลาเปาแข็งๆกับน้ำข้าวต้ม ชายารองแต่งมาทีหลังเพียงครึ่งเดือนแต่กลับซื้อคนในจวนไปได้หลายคน
หนานกงเยี่ยไม่อยากสนใจเรื่องหลังบ้านเขาให้แม่นมของเขาจัดการ ชายารองแม้จะซื้อบ่าวในจวนได้แต่ไม่สามารถซื้อแม่นมของเขาได้
"พระชายา เหตุใดล้างแป้งออกเล่าเพคะ หากใครมาเห็นใบหน้านี้อาจมีคนไม่หวังดีได้ ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกตำหนักด้วยนะเพคะ"
เสี่ยวเถาเห็นใบหน้างามก็กังวลใจทันทีจางซูฉีงดงามมาก หากไม่เพราะตกน้ำไปตอนสิบขวบจากนั้นนางก็กลายเป็นคนสติไม่ดี ทั่วแคว้นอู๋นี้คงไม่มีใครงดงามเท่านางอีกแล้ว
"เสี่ยวเถาคนงามเจ้าดูสิ จะมีใครมากันหญ้าท่วมหัวเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่สืออินกับสือห่าวมีวิชาตัวเบา จะฝ่าดงหญ้าคาเอาเจ้ากับข้ามาโยนไว้ที่นี่ได้หรือ เมื่อข้าเห็นมีพืชอยู่หลายต้นลองหาดูเถอะเผื่อมีอะไรให้กิน จากนี้ไปประตูหลังตำหนักทางยาวเกือบห้าลี้มีแต่หญ้าคาสูงท่วมหัว ไม่มีใครดั้นด้นมาส่งข้าวส่งน้ำหรอก"
"กินกันเถอะ จะได้เข้านอนเอาแรง ดูท่าฝนคงตกอีก เราโชคดีเจอเทียนไขแล้วคืนนี้คงดีหน่อย หน้าต่างทีแตกข้าก็ซ่อมแล้วไม่มีลมพัดเข้ามาแล้วล่ะ"
"ฮือๆๆๆๆ พระชายาพอท่านหายดีทำให้เสี่ยวเถาดีใจมากเลยเพคะ ตอนนี้ท่านยังมีความสามารถอีก "
"กินข้าวๆ จะได้รีบเข้านอนเดี๋ยวฝนตกแล้ว พรุ่งนี้จะได้ถางหญ้าบริเวณบ้านเอาห่างจากบ้านสักด้านละห้าเมตรก็พอ"จางซูฉีดูเด็กสาว
"ข้าหมายถึงห่างบ้านด้านละสองจั้งก็พอ ที่เหลือก็ให้มันสูงบังบ้านพวกเราอย่างนั้นแหละดีแล้ว จะได้ไม่มีคนมาวุ่นวาย"
ทั้งสามคนกินปลาย่างเหมือนเดิม ใจจริงอยากสำรวจบริเวณบ้านอีกหน่อยแต่เพราะฝนตั้งเค้ามาแล้วจึงต้องล้มเลิก
จางซูฉีตื่นแต่เช้าเมื่อคืนพวกนางหลับสบายเพราะผ้าปูเตียงใหม่ ผ้าห่มผืนใหม่ ประตูถูกซ่อมแล้ว บ้านหลังนี้แข็งแรงปลูกสร้างอย่างดี
เพียงแค่ทิ้งร้างนานเกินไป เสื้อผ้าเหล่านั้นแก้ไขสักหน่อยก็น่าจะเหมาะกับพวกนางสามคน จางซูฉีเดินสำรวจด้านข้างที่เห็นมีพืชล้มลุกอยู่ มีพริก มะเขือยาว เถาฟักทอง มีแตงกวา แตงโมที่เพิ่งจะทอดยอดเลื้อย
ฟักทองลูกอวบอ้วนหลายลูก ดูท่าคงเคยเป็นแปลงผักมาก่อน เมล็ดพันธุ์คงปลิวกระจัดกระจาย มื้อเช้านี่ฟักทองนึ่งก็แล้วกัน เสี่ยวเถากับเสี่ยวจูกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ริมลำธาร พระชายาบอกว่าให้เอาของเก่าไปซักนางจะเอามาตัดเย็บเป็นม่านบังแสง ส่วนของใหม่ที่เจอเมื่อวานก็ต้องซักก่อน เพราะเก็บไว้นานแล้ว
"พี่ ข้ารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ดีกว่าตอนอยู่ที่ตำหนักอีก พระชายาก็หายแล้วด้วย"เสี่ยวจูเอ่ยขึ้นมา เสี่ยวเถาเองก็เห็นด้วย
"อืม นางตกน้ำตอนสิบขวบฟื้นขึ้นมาก็กายเป็นคนสติไม่ดี วันแต่งยังถูกทำให้หวาดกลัวอีก ดูเหมือนที่ตกน้ำอีกครั้งคราวนี้โชคดีกว่าโชคร้ายนะ"
"มิใช่ว่าวันดีคืนดีท่านอ๋องให้คนมาหาที่นี่นะ ข้าไม่อยากกลับไปแล้ว"
จางซูฉีที่เพิ่งเดินมาถึงได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็ถอนหายใจ
"ไม่ต้องกลัวหรอกไม่มีใครมาแน่ เรือนแห่งนี้ถูกทิ้งมาสิบกว่าปี องครักษ์ของเขาโยนพวกเรามาที่นี่ คนในจวนสันนิษฐานได้อย่างเดียวว่า เจ้านายของพวกเขาต้องการให้พวกเราอดตายอยู่ที่นี่เพราะฉะนั้นไม่มีใครมาแน่ เก็บเงินเก็บทองสักพักแล้วพวกเราค่อยไปจากที่นี่กันเถอะ เขารังเกียจข้าถึงเพียงนั้น ไม่มีทางคิดถึงข้าขึ้นมาหรอก ข้าเจอพืชผักหลายอย่าง เมื่อก่อนอนุเหวินกับสาวใช้คนนั้นพวกเขาคงเคยปลูกไว้ พอแก่ไม่มีใครมาเด็ดเมล็ดคงหล่นร่วงพอได้น้ำฝนก็งอกเงยใหม่ บ้านนี้แยกจากตำหนักใหญ่โดยสิ้นเชิง ข้าเจอรั้วอิฐล้อมไว้อีกชั้น เดี๋ยวพวกเราไปดายหญ้ากัน"
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จทั้งสามคนช่วยกันดายหญ้าที่ขึ้นสูง ใช้เวลาทั้งวันหญ้าบริเวณบ้านก็ถูกกำจัดจนหมด จางซูฉีนำหญ้าคามาวางแผ่ตากเอาไว้ นางจะนำมาทำหลังคาคลุมแปลงผักในอนาคต
"ข้าจะเดินสำรวจหน่อยว่ามีประตูหรือทางออกตรงไหนบ้าง ตอนแรกข้าว่าจะถางออกไปสักห้าจั้งเพราะกลัวไฟไหม้ ตอนนี้มีกำแพงล้อมก็ไม่ต้องกังวลแล้ว หากเจอทางออกที่ไม่ต้องไปทางตำหนักหน้าจะดีมาก"
จางซูฉีบอกแก่สาวใช้ทั้งสอง และก็เดินสำรวจ นางพบประตูสามบานบ้านใหญ่ด้านหน้าเปิดสำหรับตรงไปจวนใหญ่แต่เมื่อเปิดไปก็เจอแต่ดงหญ้าคา
อีกบานด้านข้างเปิดออกไปก็สามารถขึ้นเขาได้ อีกบานเป็นบานเล็ก สามารถเลาะทางเล็กไปที่ไม่มีใครสังเกตไปในตัวตลาดของเมืองหลวงได้
จางซูฉีลองเดินตามทางไปปรากฏว่าไปโผล่หลังร้านขายผ้า จากจวนมาถึงนี่น่าจะสามลี้ อีกอย่างคดเคี้ยวมากไม่มีคนเดินเข้าออกมานานแล้ว จางซูฉีรีบกลับทางเดิมทันทีเดินกลับมาถึงก็จัดการอาหารเย็น
"พรุ่งนี้ขึ้นเขาสักหน่อยดีกว่า หาเนื้อกินก็ยังดี ลองหาสมุนไพรไปขายสักหน่อยเผื่อซื้อข้าวสารมาหุง"จางซูฉีบอกกล่าว
"พระชายา หากมีใครจำได้เล่าเพคะ"
"อืม พี่ใหญ่พูดถูกหากมีคนจำได้ท่าจะถูกตีอีกนะเพคะ"
จาวซูฉีลูบหัวสองพี่น้อง พวกนางเติบโตมาด้วยกัน นางอายุสิบหก ส่วนเสี่ยวเถาอายุสิบห้า เสี่ยวจูอายุสิบสี่ เล่นกันมาตั้งแต่พวกนางเจ็ดขวบคนน้องหกขวบ จางซูฉีเอ็นดูเด็กทั้งสอง
"ต่อไปนี้ห้ามเรียกพระชายา เพราะข้าไม่ใช่แล้ว เรียกข้าว่าพี่ใหญ่ เสี่ยวเถาเป็นพี่รอง เสี่ยวจูเจ้าเป็นน้องเล็กเข้าใจไหม มีเงินอยู่ห้าตำลึง ข้าจะไปซื้อข้าวสาร อีกอย่างข้ามีวิธีให้คนจำไม่ได้ ตอนนี้นอนก่อนเถอะ"
ยามเหมาจางซูฉีตื่นแล้ว กำลังลุกไปต้มน้ำอาบวันนี้จะเดินตามทางเล็กๆนั่นเพื่อไปในตัวตลาด เมืองหลวงเป็นเช่นไรนางไม่รู้เพราะร่างนี้ไม่เคยออกจากบ้าน แต่นางเป็นนักเดินป่าการสังเกตน่าจะไม่อยาก จุดสังเกตในเมืองนั้นทำได้ง่ายกว่า"พี่ใหญ่ เหตุใดตื่นแต่เช้าเจ้าคะ นอนต่อเถอะเดี๋ยวข้าทำเอง"เสี่ยวเถาที่ตอนนี้ถูกสั่งห้ามเรียกนางว่าพระชายาเดินเข้าครัวมาก็ถามทันที"อืม พี่จะไปตลาดสักหน่อยพี่จะลองดูว่าเงินนั้นยังใช้ได้หรือไม่ สามสิมปีแล้วไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง พวกเราไม่เคยได้ออกนอกจวนไปดูลาดเลาก่อน"จางซูฉีลูบศีรษะเสี่ยวเถา เด็กสองคนพี่น้องนี้ ถูกตีถูกด่าแทนนางมาตลอด จางซุฉีคนเดิมสติไม่ดีบ่าวไพร่ในจวนรังเกียจไม่อยากรับใช้ วันๆนั่งน้ำลายไหลยืดน้ำท่าก็ไม่อาบเมื่อวานตอนอาบน้ำไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่อาบน้ำ แต่ดูเหมือนเด็กสองคนนี้จะเอาเขม่าก้นหม้อเอยแป้งหมี่เอยมาทาให้นางเพื่อปกปิดความงามของจางซูฉี ร่างเดิมงามมากอย่างที่ในละครชอบกล่าวถึงว่างามล่มบ้านล่มเมืองอะไรเทือกนั้นแหละจางซูฉีเลือกชุดธรรมดามาหนึ่งชุดจากในหีบ จากนั้นก็เกล้าผมทรงสตรีที่แต่งงานแล้ว ทาแป้งหนานใช้ถ่านแต่งแต้มใฝเม็ดโตบริเวณหางคิ้ว ขีดเ
จางซูฉีถูกมารดาโทรเร่งตลอดเวลา วันนี้เธอเพิ่งจะฉลองยอดขายอีบุ๊คตัวเอง ได้เกือบหนึ่งแสนหยวน ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นัดผู้ชายไว้ให้เธอคงดีใจกว่านี้ ไม่รู้ว่าจะอะไรกันนักกันหนา เพิ่งจะสามสิบเองแต่งงานก็ใช่ว่าชีวิตจะสมบูรณ์ปกติอยู่แต่ในป่าในเขา ทำวิจัยเกษตรและพันธุ์พืช งานอดิเรกออกแบบเครื่องประดับ ให้กับแบรนด์ต่างๆวันนี้เธอขี้เกียจขับรถจึงมารถเมล์ หลังจากลงจากรถเมล์ก็เดินตรงไปยังคาเฟ่ที่นัดกันไว้ กำลังจะข้ามทางม้าลายก็ได้ยินเสียงหวอของรถตำรวจดังมาแต่ไกลเธอชักเท้าที่กำลังจะข้ามทางม้าลาย มีรถเก๋งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว มีการไล่ยิงกันระหว่างตำรวจและคนร้าย ผู้คนบนถนนต่างวิ่งหลบแบบไม่คิดชีวิตคนร้ายปล้นธนาคารใช้เส้นทางนี้หลบหนี ร้านกาแฟตรงหน้าปิดประตูทันที เสียงปืนดังขึ้นรัวๆจางซูฉีรู้สึกถึงมีอะไรอุ่นๆไหลออกจากอกเสื้อด้านซ้าย จากนั้นสติรับรู้ของเธอก็ดับทันทีเสียงร้องไห้ปลุกให้คนที่หลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาเห็นคนใส่ชุดโบราณอายุน่าจะสิบสี่สิบห้านั่งร้องไห้อยู่น้ำตาไหลพรากโอ้วแม่เจ้าสมจริงมากกองถ่ายไหนเนี่ย เห็นคนแต่งชุดโบราณหลายคนมองมาที่เธอรู้สึกคอแห้งจึงถามหาน้ำ"มีน้ำไหมน้ำเปล่าก็ได้ ถ้าได้ชาไข่มุกจะดีม
มองสภาพบ้านใช่ให้คนอยู่หรือ หยากไย่หนาเตอะตื่นมาสำลักฝุ่นก่อนเลย เสี่ยวเถาถูกตีนางยังอุตส่าห์หาอาหารมาให้จนได้จางซูฉีถอนหายใจ ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกออก มองในกระจกทองเหลืองเก่าๆเห็นผู้หญิงคนหนึ่งทาหน้าหนายังกับคนเล่นงิ้วโรงเจเห้อทำไปได้แต่นางสติไม่ดีนี่นาจะโทษใครล่ะ เสียงท้องร้องประท้วงจึงหันไปถามสาวใช้"เสี่ยวเถา เสี่ยวจูมีอะไรกินไหมหิวจะตายอยู่แล้ว ""ไม่มีเพคะ พระชายาท่านๆหายเป็นปัญญาอ่อนแล้วหรือ ดีๆจังเลยหากท่านอ๋องทรงทราบอาจจะๆ" เสี่ยวเถาเห็นนางพูดรู้เรื่องก็ดีใจ"พอๆๆๆๆ รู้ไปก็เท่านั้นก็เท่านั้นไอ้หน้าโบทอกซ์นั่นชอบบุรุษไม่ได้ชอบสตรี ชายารองเขานางสวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นเขายังไม่ชายตาแลเลย แม่นั่นก็กะไรอยากเป็นที่หนึ่งใจจะขาด อยากได้ยกให้เลยเหอะใครต้องการกันเลือดเย็นนัก ที่นี่ที่ไหนกันเสี่ยวเถา"สองพี่น้องมองหน้ากันพระชายาพูดอะไรแปลกๆฟังไม่ค่อยเข้าใจสักนิด"จวนด้านหลังเพคะ ห่างจากจวนใหญ่สองลี้ บ่าวจะไปขออาหารแต่มองไปทางไหนก็มีแต่หญ้าคาขึ้นสูงเต็มไปหมด ขออภัยนะเพคะ" เสี่ยเถาเอ่ยเสียงอ่อน" ช่างเถอะ ลุกไปดูกันเถอะว่าพอหาอะไรใส่ท้องได้บ้าง"เห็นเสี่ยวเถาถูกใบหญ้าคาบาดจนเลือดออกน
บริเวณบ้านคลุมไปด้วยหญ้าคาพรุ่งนี้จะถางหญ้า ห่างจากบ้านสักหกเมตรพอ ปลูกอะไรกินนิดหน่อย ดงหญ้าคาที่เหลือเอาไว้ปิดบังบ้านหลังนี้ กระท่อมหลังน้อยๆกลางดงหญ้าคาฟังดูดีเนาะ ดูเหมือนจะมีพืชล้มลุกประปราย เหมือนมีต้นพริกลูกแดงๆ มีเถาแตงด้วย"ไอ้มีปืนเฮงซวย เล็งทั้งทีก็ไม่ตรงเป้ารถตำรวจอยู่ทางเล็งปืนมาอีกทาง แม่นะแม่อยากได้ลูกเขยอยากให้หนูแต่งงาน ตอนนี้เป็นยังไงล่ะได้จัดงานศพแทนฮือๆๆ"จางซูฉีตะโกนด่าเทวดา ด่ามือปืนที่ยิงพลาด ด่าหนานกงเยี่ย ด่านรกสวรรค์วุ่นวาย กลับมาก็เห็นเสี่ยวเถานอนละเมอ"พระชายา พรุ่งนี้เสี่ยวเถาจะไปหาข้าวมาให้ท่านอย่าเสียใจเลย"จางซูฉีอุ้มเด็กทั้งสองมานอนบนเตียงด้วยกัน ก่อนจะห่มผ้าให้แล้วนอนลงข้างๆเพราะใบหน้างดงามแต่สติปัญญาไม่สมประกอบพวกนางเกรงว่าจะถูกรังแก สองพี่น้องจึงช่วยกันดูแลนางเสมอมาตั้งแต่แต่งงานมาจวนสกุลจางก็เหมือนจะตัดญาติขาดมิตรกับนางไปเลย สินสมรสมีไม่เท่าไหร่ มีค่าที่สุดก็คือเด็กสองคนนี้ที่ติดตามมานอนก่อนเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคิดหาทาง มันมีทางออกเสมอแหละหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ"เด็กน้อย ขอบใจที่ภักดีมาตลอด ข้าสัญญาจะไม่ทอดทิ้งพวกเจ้าสองคนพี่น้อง"จางซูฉีรื้อเสื