“เสด็จพ่อเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มีสีหน้าขอประทานอภัย “นี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของลูก ลูกต้องล้างความอยุติธรรมของตนเอง ลูกขอร้องให้เสด็จพ่อประทานอภัย ให้กับการทำตามอำเภอใจของลูก และให้โอกาสลูกได้หักล้างข้อกล่าวหาให้ตัวเองด้วยเพคะ”ฮ่องเต้ไม่มีคำพูดใดออกมา มีเพียงเสียงแค่นหัวเราะอย่างเย็นช
องค์หญิงจ่างซีมั่นใจว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะพ่ายแพ้ นางเชิดหน้าขึ้นสูง “เสด็จพี่สองพระองค์ทรงเป็นพยาน ข้าล่ะอยากเห็นว่าเจ้าสามารถพลิกแพลงอะไรออกมาอีก”“หม่อมฉันพลิกแพลงอะไรไม่ได้หรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กางมือออก พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า“เพียงแต่หม่อมฉันโชคดีกว่า องค์หญิงจ่างซี พระองค์ฟังให้ดีนะ
“เจ้าว่าอะไรนะ?” ใบหน้าขององค์หญิงจ่างซีพลันเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนแหวนอยู่ในท้องของเหมาเหมา แล้วยังถูกถ่ายออกมาจากแมวตัวนั้น?เมื่อครู่ หลังจากที่นางเลียหินหยกบนแหวน ก็รู้สึกว่าความเย็นไม่ชัดเจนนัก เพื่อแยกแยะของจริง จึงเลียมันอยู่หลายครั้งก่อนที่จะรู้สึกถึงความเย็นอันเป็นเอกลักษณ์นั้นหลังจากเลียแล้ว
“นี่ หรือว่าไม่มีคนเอาเรื่องที่ตำหนักเป่าหยวนมาบอกท่านเลยหรือ?” ตงฟางอิงจับคาง พลางกระพริบตา ใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสา “วันนั้นที่ตำหนักเป่าหยวนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น พระพันปีควรจะรู้สิถึงจะถูกต้อง”“ตำหนักเป่าหยวนหรือ? ตำหนักเป่าหยวนเกิดเรื่องอะไรขึ้น” พระพันปีสีหน้าตกตะลึงวันนั้นสติสัมปชัญญะของนางไม่
“พระสนมเหยาเชิญเพคะ” ความประทับใจของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่มีต่อพระสนมเหยาไม่เลวนักคนที่พูดออกมาว่าชีวิตสัตว์มิอาจดูแคลนได้เช่นนี้ จิตใจไม่เลวร้ายเท่าใดนัก“พระชายาอ๋องเจ็ดเชิญ เชิญอุ้มเหมาเหมาไว้สักหน่อย” พระสนมเหยาวางเหมาเหมาไว้ในอ้อมแขนของฉินเหยี่ยนเย่ว์ฉินเหยี่ยนเย่ว์ลูบหัวเหมาเหมาอย่างรักใคร่เหมา
ในบรรดาองค์ชายเหล่านี้ มีเพียงเจ้าสิบที่เฝ้าอยู่ข้างกายเขา ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเจ้าสิบจึงนับว่าไม่ธรรมดาเมื่อเห็นว่าเขามีความสามารถแปลกเช่นนี้ เขาที่เป็นบิดาผู้นี้ก็อารมณ์เบิกบานขึ้นมา“ข้าก็แค่เดา” ตงฟางอิงพูด“องค์ชายสิบ ท่านยอดเยี่ยมมากเพคะ” พระสนมเหยาหัวเราะ “พระพันปีเพคะ โปรดให้หม่อมฉันอุ
คนเลี้ยงแมวต่างรู้ดีว่า ไม้เทียนเหลี่ยวปริมาณเล็กน้อยมีประโยชน์ต่อแมวทว่า ไม้เทียนเหลี่ยวปริมาณมากอาจทำให้เสพติดได้เหมาเหมาเคยถูกป้อนไม้เทียนเหลี่ยวปริมาณมากเข้าไป จึงได้สร้างภาระต่ออวัยวะภายในร่างกายแล้ว การที่ไม่เกิดอะไรขึ้นนับว่าเป็นการโชคดี หากป้อนไม้เทียนเหลี่ยวปริมาณมากเข้าไปอีก ไม่ตายก็คง
“เสด็จแม่ ช่วยลูกด้วยเพคะ” องค์หญิงจ่างซีมิกล้ามิเชื่อฟังอ๋องอี๋หยาง ได้แต่เอาความคาดหวังไปไว้ที่พระพันปี“ลูกทำไปก็เพื่อแบ่งเบาความทุกข์ให้ท่านนะเพคะ ท่านหาแหวนไม่เจอ ลูกร้อนใจยิ่งนัก ยิ่งกว่านั้น พวกเราตรวจสอบทุกคนแล้ว เหลือเพียงฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ไม่ได้ตรวจสอบ ลูกจึงคิดว่าเป็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ขโม
“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากถามว่าตอนที่เสด็จแม่แต่งเข้าวังหลวง สาวใช้ที่ติดตามไปด้วยมีผู้ใดบ้างทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินว่านางมิได้ถามถึงเรื่องนั้น ก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด “สาวใช้ที่ติดตามไปในตอนนั้นมีทั้งหมดแปดคน สาวใช้ระดับหนึ่งมีสองคน
ฮ่องเต้อับจนปัญญากับลู่จิ้นยิ่งนัก “ท่านพ่อรอง ถึงอย่างไรท่านไว้หน้าเราบ้าง”“หน้า? ต้องการหน้าไปไย?” ลู่จิ้นฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ “ตอนเจ้ารังแกศิษย์น้องหญิงไยไม่คิดสักหน่อยว่าหน้าแก่ ๆ ของเจ้ายังต้องการอยู่หรือไม่”อ๋องอี๋หยางเห็นว่าลู่จิ้นจะเอะอะโวยวายขึ้นมาอีก ก็ปวดหัวอย่างยิ่งใต้หล้านี้ มีเพียง
บรรยากาศมืดมนสายหนึ่งกำลังแผ่กระจายลู่จิ้นสะกดความโกรธไว้ไม่อยู่ เอ่ยขึ้น “จ้งหัว! เจ้าคิดจะทำอะไร?”“ศิษย์พี่ ขอร้องท่านล่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่คิดจะให้ลู่จิ้นตกอยู่ในอันตรายอีก น้ำเสียงจึงร้อนรนเล็กน้อย “ท่านช่วยปิดปากอยู่เงียบ ๆ สักครู่ได้หรือไม่?”เมื่อลู่จิ้นเห็นว่าศิษย์น้องหญิงร้อนรนแล้ว ก็มิก
“ศิษย์พี่ พอได้แล้วเจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มาแทรกกลางระหว่างพวกเขา“ข้าไม่เป็นอะไร ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ”“ไม่เป็นไร นี่นับว่าไม่เป็นไรที่ไหน? ข้าเห็นเจ้าร้องไห้แล้วนะ” ลู่จิ้นปวดใจเป็นอย่างยิ่ง “เจ้าหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกข้าไม่ได้”เดิมเขาคิดไว้ว่า หากหญิงสาวสกุลซูแต่งเข้ามา ศิษย์น้องหญิงก็
เรื่องที่ซูเตี่ยนฉิงแต่งเข้ามาแล้วเจ้าเจ็ดก็จะสละฐานะอ๋องนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า สามีภรรยาคู่นี้เคยมีการหารือกันมาก่อนล่วงหน้าแล้วเขามีสีหน้าคาดไม่ถึงสามีภรรยาคู่นี้ คนหนึ่งคิดจะหย่าไปแบบง่าย ๆ ส่วนอีกคนก็สละฐานะอ๋องได้แบบง่าย ๆกล้าหาญกันจริง ๆ!“ตงฟางจ้งหัว” ลู่จิ้นเห็นท่าทีจากไปด้วยความเศร้าโศกเสี
ฮ่องเต้ไตร่ตรองครู่หนึ่ง “หากได้ดื่มชานมอีกสักแก้ว เราก็อนุญาต”“เสวยรสหวานมากเกินไปแล้วเพคะ วันนี้เสวยอีกไม่ได้แล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้น“เรากับขุนนางเฮ่อที่รักมีเรื่องต้องหารือกัน ขุนนางเฮ่อที่รักไม่มีเวลาพูดคุยกับเจ้าหรอก” ฮ่องเต้เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจใบหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันมืดมนการใช
“ใช้สุรากลบความเศร้า มิสู้เริ่มเปลี่ยนความขมขื่นให้กลายเป็นความหวานเสียดีกว่า”ตงฟางเจวี๋ยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเขาลังเลอยู่นาน และในที่สุดก็หยิบชานมแก้วนั้นมา แล้วจิบเบา ๆ หลังจากดื่มฟองนมชั้นบนสุด ดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยในรสชาติหวานแฝงรสชาติเค็มเล็กน้อย เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รสชาติอร่อยเข
“ท่านพูดอะไรนะ?” มือของตงฟางหลีที่ถือแก้วสุราค้างเติ่งอยู่กลางอากาศแก้วสุราลื่นลงมาครั้นเห็นว่าแก้วกำลังจะตกลงบนโต๊ะ เขาก็รีบคว้าไว้และมีสีหน้าตกใจ “เสด็จพ่อ จะให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งงานกับท่านหรือ?”บนใบหน้าของตงฟางเจวี๋ยไม่ได้แสดงออกอะไรเป็นพิเศษ“อืม หลังนางจากไป ข้าก็เหมือนศพเดินได้ จะแต่งงานกับใคร
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตงฟางหลีรู้สึกว่าตงฟางเจวี๋ยผิดปกติทีเดียวเมื่อก่อนพี่รองดื่มสุราน้อยมาก ยกแก้วก็ดื่มจนหมดเหมือนเช่นนี้ หาได้ยากมาก ๆ“พี่รอง ข้าจำได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์เคยบอกว่าท่านไม่สามารถดื่มเหล้าได้” เขาจะแย่งแก้วสุราของตงฟางเจวี๋ยมา“วันนี้เจ้าให้ข้าดื่มสักหน่อยเถอะ” ตงฟางเจวี๋หลบนิ้วม