“เพี๊ยะ!”พระสนมซูยังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงแรงของฝ่ามือนี้มากมาย ใบหน้าของพระสนมซูจึงบวมเป่งขึ้นมาทันทีด้านซ้ายได้รับก่อนหนึ่งฝ่ามือ จากนั้นก็มีลมแรงพัดมาระลอกหนึ่ง แล้วทางใบหน้าฝั่งขวาก็ได้รับอีกหนึ่งฝ่ามือหน้าประตูตำหนักไท่อี๋ เสียงฝ่ามือดังก้องไปทั่ว ทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึงพร
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” พระสนมซูเห็นการเคลื่อนไหวของนางไม่ถูกต้อง พลันเบิกตากว้าง “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ข้าขอเตือนเจ้า...”พระสนมซูยังไม่ทันพูดจบ ท่ามกลางความสนใจของทุกคน ฝ่ามือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้ตวัดลงไปฝ่ามือที่หนึ่ง ฝ่ามือที่สอง...ที่หน้าตำหนักไท่อี๋ ในบรรยากาศที่แทบจะแข็งค้างไปแล้ว มีเพียงเสียงเพี๊ย
หลังจากคนตายไป มีคำกล่าวของเจ็ดวันแรกและเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ตามที่กล่าวเอาไว้ เจ็ดวันแรกผู้ตายมักจะกลับบ้าน หลังจากนั้นทุก ๆ เจ็ดวันก็จะจัดพิธีรำลึกขึ้นหนึ่งครั้ง เมื่อครบเจ็ดครั้งก็จะเป็นเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันถึงจะสมบูรณ์ดังนั้น เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ในฐานะหญิงม่าย นกหงส์สี่สิบเก้าตัวบนกว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยนับตั้งแต่ได้พบกับไท่เฟยฉาง ปฏิกิริยาของตงฟางหลีก็ผิดแปลกไปมากทีเดียวเขาเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหญิงชราผู้นี้แตะต้องไม่ได้ และรัศมีที่กำจายมาจากร่างกายก็แปลกประหลาดพอสมควรสุนัขจิ้งจอกตัวนี้มีนิสัยสุขุม และไม่ค่อยเผยปฏิกิริยาแปลกประหลาดเช่นนี้ออกมา“เมื่อก่อนเค
“เจ้าเจ็ด เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ความหมายของเจ้าคือข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะถามรึ?” ไท่เฟยฉางเลิกคิ้วขึ้นสูง “เจ้ายังคงเหมือนเมื่อก่อน ถามอะไรก็มิได้คำตอบจากเจ้าเลย ดี ดีมาก ข้าจะตีเจ้า จนกว่าเจ้าจะพูด”นางหยิบไม้เท้าขึ้นมาและต้องการจะตีตงฟางหลีครั้นตงฟางหลีเห็นไม้เท้านั้น เขาก็เผลอห่อตัวเล็กน้อย และ
ไท่เฟยฉางไม่เคยเห็นสตรีที่วางอำนาจบาตรใหญ่ และปากร้ายเท่านี้มาก่อนฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ คำพูดทุกคำที่พูดออกมาล้วนเป็นการด่าทอคนทางอ้อมนางไม่เคยพบเจอกับการเสียเปรียบเช่นนี้มาก่อน และนางก็ไม่สามารถควบคุมความโกรธในก้นบึ้งหัวใจได้ นิ้วอันสั่นเทาชี้ไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”“ควา
ไท่เฟยฉางโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ตบ”“พระองค์กล้าหรือ!” ตงฟางหลีกำมือแน่น ไอสังหารที่กำจายออกมาจากร่างกายช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเขามิใช่เขาในวัยเยาว์ที่ไร้กำลังอย่างเมื่ออดีตอีกต่อไปแล้วไท่เฟยฉางผู้นี้ เกรงว่าจะยังคงใช้ชีวิตอยู่ในสิบปีก่อน“ตงฟางหลี ถอยไปเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ด
ไท่เฟยฉางตกใจกับน้ำเสียงอันน่าหวาดกลัวของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “เจ้ากล้านัก!”“แน่นอนว่าหม่อมฉันมิกล้าหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเบา ๆ “สังหารคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต หม่อมฉันจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น ทว่า ที่ไท่เฟยฉางตัดขาดจากโลกภายนอกไปสวดมนต์ก็เพื่อขับไล่ฝันร้ายหรือ? ทำเรื่องละอายใจมากมาย ก็จักต้องฝัน
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได