ไท่เฟยฉางโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ตบ”“พระองค์กล้าหรือ!” ตงฟางหลีกำมือแน่น ไอสังหารที่กำจายออกมาจากร่างกายช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเขามิใช่เขาในวัยเยาว์ที่ไร้กำลังอย่างเมื่ออดีตอีกต่อไปแล้วไท่เฟยฉางผู้นี้ เกรงว่าจะยังคงใช้ชีวิตอยู่ในสิบปีก่อน“ตงฟางหลี ถอยไปเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ด
ไท่เฟยฉางตกใจกับน้ำเสียงอันน่าหวาดกลัวของฉินเหยี่ยนเย่ว์ “เจ้ากล้านัก!”“แน่นอนว่าหม่อมฉันมิกล้าหรอกเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยิ้มเบา ๆ “สังหารคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต หม่อมฉันจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนั้น ทว่า ที่ไท่เฟยฉางตัดขาดจากโลกภายนอกไปสวดมนต์ก็เพื่อขับไล่ฝันร้ายหรือ? ทำเรื่องละอายใจมากมาย ก็จักต้องฝัน
ฉินเสวี่ยเย่ว์คาดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาอย่างชัดเจน สีหน้าของนางยิ่งซีดเผือดลงสีหน้าของไท่เฟยฉางก็ย่ำแย่ลงเช่นกันแม้ว่านางจะอายุมากแล้ว ทว่ายังไม่ชราเลอะเลือนระหว่างทางมาที่ได้พูดคุยกัน นางเชื่อคำพูดของพระชายาอ๋องสาม และคิดเอาไว้ก่อนว่าเรื่องนี้เป็นพระสนมซูที่ต้องกล้ำกลืนค
“ท่าน!” ฉินเสวี่ยเย่ว์โกรธมากทว่านางไม่สามารถหักล้างได้ก่อนที่นางจะต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ นางไม่เคยคิดเลยว่าอ๋องสามจะสวยแต่รูปจูบไม่หอมเพียงนี้ ยิ่งคาดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะทำตัวมิใช่คนได้เช่นนี้หากรู้เร็วกว่านี้ ให้นางตายก็จะไม่มีวันแต่งงานกับเขาอย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ตรงที่สุดว่าเพราะเ
พระสนมซูล้มลงกับพื้นอย่างอับจนหนทาง ออกแรงบีบคอเหล่าขันทีมีความชำนาญมาก หลังจากกรอกเข้าปากไปแล้ว คนก็จะกลืนมันลงไปเอง แม้อยากจะอาเจียนก็อาเจียนไม่ออก“พระสนมซู พระองค์ต้องทำเช่นนี้เลยหรือ?” ขันทีหลานทนไม่ไหวอีกต่อไป “ฝ่าบาททรงได้ยินเสียงตะโกนของพระองค์ และคิดว่าพระองค์เสียสติไปแล้ว จึงให้คนไปทำน้ำแ
“ไม่อนุญาตให้พูดคำเช่นนี้” คำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังไม่จบ จู่ ๆ นิ้วของตงฟางหลีก็ทาบบนริมฝีปากของนางน้ำเสียงของเขาจริงจัง และใบหน้าเย็นเยียบ “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย”เขาเพียงแค่กำลังกลัวกลัวว่านางจะเข้าไปพัวพันกับคลื่นลมแห่งการต่อสู้ของราชวงศ์เมื่อเทียบกับการต่อสู้ของแว้นเคว้นแล้ว การเสียสละชีว
หลังจากอยู่ในวังมาเป็นเวลานาน ของแปลก ๆ เช่นนี้เขาไม่กล้ากินทว่า เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดถึงยาลูกกลอนแล้วดวงตากระจ่าง ท่าทีมั่นคง และใจกว้างตลอดกระบวนการ อีกทั้งยังสอนวิธีกินให้เขาอย่างใกล้ชิดที่สุดอีกด้วย ไม่หลีกเลี่ยงคนข้างตัว คำพูดและท่าทีเหมือนเป็นห่วงสหาย เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ดูเหมือนเขาเสียเอง
อ๋องอี๋หยางฟังอยู่ด้านข้าง เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ มีนิสัยแข็งกระด้างราวกับก้อนหินจริง ๆ ด้วย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็มีเพียงนางคนเดียวที่กล้าพูดเช่นนี้“ฉินเหยี่ยนเย่ว์คนสารเลว ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท เจ้ายังกล้าไม่ยอมรับ” พระสนมซูเห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด