“มีคนลงมือก่อเหตุที่หน้าท้องพระโรง คุ้มกันฝ่าบาท” หลังจากเหล่าองครักษ์ตะโกนประโยคนี้ออกมา เหล่าองครักษ์ที่คุ้มกันอยู่ข้าง ๆ ก็มาถึงด้านหน้าของตำหนักไท่อี๋อย่างเป็นระเบียบ ล้อมรอบด้านในสามชั้นด้านนอกอีกสามชั้นพวกเขาต่างพากันชักดาบออกมา ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง คมกระบี่ประกายแสงเย็นกลิ่นอายสังหารพุ่ง
“เพี๊ยะ!”พระสนมซูยังไม่ทันพูดจบ จู่ ๆ ใบหน้าก็ถูกตบอย่างแรงแรงของฝ่ามือนี้มากมาย ใบหน้าของพระสนมซูจึงบวมเป่งขึ้นมาทันทีด้านซ้ายได้รับก่อนหนึ่งฝ่ามือ จากนั้นก็มีลมแรงพัดมาระลอกหนึ่ง แล้วทางใบหน้าฝั่งขวาก็ได้รับอีกหนึ่งฝ่ามือหน้าประตูตำหนักไท่อี๋ เสียงฝ่ามือดังก้องไปทั่ว ทำเอาทุกคนถึงกับตกตะลึงพร
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” พระสนมซูเห็นการเคลื่อนไหวของนางไม่ถูกต้อง พลันเบิกตากว้าง “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ข้าขอเตือนเจ้า...”พระสนมซูยังไม่ทันพูดจบ ท่ามกลางความสนใจของทุกคน ฝ่ามือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้ตวัดลงไปฝ่ามือที่หนึ่ง ฝ่ามือที่สอง...ที่หน้าตำหนักไท่อี๋ ในบรรยากาศที่แทบจะแข็งค้างไปแล้ว มีเพียงเสียงเพี๊ย
หลังจากคนตายไป มีคำกล่าวของเจ็ดวันแรกและเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวัน ตามที่กล่าวเอาไว้ เจ็ดวันแรกผู้ตายมักจะกลับบ้าน หลังจากนั้นทุก ๆ เจ็ดวันก็จะจัดพิธีรำลึกขึ้นหนึ่งครั้ง เมื่อครบเจ็ดครั้งก็จะเป็นเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันถึงจะสมบูรณ์ดังนั้น เมื่อฮ่องเต้องค์ก่อนทรงสวรรคต ในฐานะหญิงม่าย นกหงส์สี่สิบเก้าตัวบนกว
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยนับตั้งแต่ได้พบกับไท่เฟยฉาง ปฏิกิริยาของตงฟางหลีก็ผิดแปลกไปมากทีเดียวเขาเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าหญิงชราผู้นี้แตะต้องไม่ได้ และรัศมีที่กำจายมาจากร่างกายก็แปลกประหลาดพอสมควรสุนัขจิ้งจอกตัวนี้มีนิสัยสุขุม และไม่ค่อยเผยปฏิกิริยาแปลกประหลาดเช่นนี้ออกมา“เมื่อก่อนเค
“เจ้าเจ็ด เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ความหมายของเจ้าคือข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะถามรึ?” ไท่เฟยฉางเลิกคิ้วขึ้นสูง “เจ้ายังคงเหมือนเมื่อก่อน ถามอะไรก็มิได้คำตอบจากเจ้าเลย ดี ดีมาก ข้าจะตีเจ้า จนกว่าเจ้าจะพูด”นางหยิบไม้เท้าขึ้นมาและต้องการจะตีตงฟางหลีครั้นตงฟางหลีเห็นไม้เท้านั้น เขาก็เผลอห่อตัวเล็กน้อย และ
ไท่เฟยฉางไม่เคยเห็นสตรีที่วางอำนาจบาตรใหญ่ และปากร้ายเท่านี้มาก่อนฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ คำพูดทุกคำที่พูดออกมาล้วนเป็นการด่าทอคนทางอ้อมนางไม่เคยพบเจอกับการเสียเปรียบเช่นนี้มาก่อน และนางก็ไม่สามารถควบคุมความโกรธในก้นบึ้งหัวใจได้ นิ้วอันสั่นเทาชี้ไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ “เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”“ควา
ไท่เฟยฉางโกรธจนสั่นไปทั้งร่าง “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ตบ”“พระองค์กล้าหรือ!” ตงฟางหลีกำมือแน่น ไอสังหารที่กำจายออกมาจากร่างกายช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเขามิใช่เขาในวัยเยาว์ที่ไร้กำลังอย่างเมื่ออดีตอีกต่อไปแล้วไท่เฟยฉางผู้นี้ เกรงว่าจะยังคงใช้ชีวิตอยู่ในสิบปีก่อน“ตงฟางหลี ถอยไปเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ด
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร
“องครักษ์จื่ออวี๋” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขานเรียกคำหนึ่ง“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จื่ออวี๋สองนายปรากฎตัวขึ้นแทบจะในเวลาเดียวกัน“พวกเจ้าใครก็ได้ช่วยข้าถีบกำแพงนี่ให้เปิดออกหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดกำชับ“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์จื่วอวี๋ไม่ลังเลแม้แต่น้อยหนึ่งในนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า กำหมัดแน่น รวบรวมพลังเงียบ ๆต่อ
ครั้นมองจากมุมของพวกเขา ข้างในยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คน“ไม่มีกับดัก และไม่มีคนด้วย” ตงฟางอิงห่อไหล่ลง “แต่ข้าได้ยินเสียงจริง ๆ นะ” ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาซีดเผือดลงอีกครั้ง “พี่สะใภ้เจ็ด คงมิได้มีผีจริง ๆ กระมัง?”“ผีมิทำเรื่องไร้สาระพรรค์นี้หรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้าวเข้าไปข้างในกลิ่นเลือดภายในห้องรุนแรง
สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ดูไม่ดีเช่นกันกองรักษาระเบียบเป็นหน่วยตรวจสอบของวังหลวง หัวหน้าหน่วยตรวจสอบใช้บทลงโทษอะไรมาลงโทษลูกน้อง มิอาจใช้บทลงโทษกับผู้กระทำความผิดโดยไร้เหตุผลได้กองรักษาระเบียบแห่งนี้ผิดปกติจจริง ๆเห็นได้ชัดว่าแม่นมสองคนที่หน้าประตูก็ปิดบังเรื่องบางอย่างจากพวกเขา ท่าทีอึกอัก สีหน
นางยื่นกระดาษขาวไปตรงหน้าพวกนาง “หรือว่า พวกเจ้าคิดจะขัดพระราชโองการ?”เหล่าแม่นมมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่หน้าผากเล็กน้อยพวกนางขัดขวางไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงเปิดประตูให้ “พระชายาอ๋องเจ็ด องค์ชายสิบ เชิญเข้าไปได้เพคะ”ครั้นฉินเหยี่ยนพับกระดาษเก็บไว้ในแขนเสื้อเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าสิบเดินเข้าไปข้างในแม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นตงฟางอิงวิ่งเข้ามาด้วยความเบิกบานใจ ก็ปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าให้ลูกอมกับเสด็จพ่อหรือ?”ตงฟางอิงรีบซ่อนมือทันควัน “ไม่นี่ พี่สะใภ้เจ็ดอยากกินลูกอมหรือ?”“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินได้เห็นทั้งหมดแล้ว” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “เจ้ากำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนฟัน กินน้ำตาลให้น้อยลงหน่อย ต่อไ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังอยู่ต่อหน้าเจ้าสิบนางโบกมือเป็นพัลวัน “ท่านอย่าเข้าใจผิด ลูกมิได้พูดถึงเรื่องพวกนั้นเพคะ”“ท่านก็เห็นแล้ว ว่าหลังจากพระพันปีเป่าเป็นโรคเบาหวานทรมานมากเพียงใด นี่เกี่ยวกับที่พระนางติดหวานเป็นชีวิตจิตใจเป็นอย่างมาก”ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีไม่พอใจ นางก็พูด
“พูดมา”“เสด็จพ่อ โปรดอภัยที่ลูกพูดตรง ๆ ด้วยเพคะ ผลที่ตามมามิใช่สิ่งที่สามารถรักษาได้ หรือก็คือ ต่อให้พระพันปีเป่าจะถูกช่วยชีวิตให้กลับมาได้ ก็จะไม่เหมือนเดิมแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดโรคบางโรค หากเป็นแล้ว ก็จะเป็นไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องกินยาไปทั้งชีวิต ถึงจะสามารถควบคุมอาการได้“หมายความว่าอย่าง
ไป๋หลินยวนไม่เหมือนกับจีอู๋เยียนจีอู๋เยียนเพื่ออวี้เอ๋อร์แล้วได้ทำเรื่องแปลกประหลาดลงไปมากมาย พูดได้ว่าทุกคนต่างรังเกียจเดียดฉันก็ไม่เกินไปไป๋หลินยวนรังเกียจที่จะคบหากับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ชื่อเสียงโด่งดัง ภายนอกดูสะอาดสะอ้านมีเพียงนางที่รู้ว่าเขาเป็นคนโรคจิตคนหนึ่ง“เทพพิษและหมอเทวดามีชื่อเสียงทัด