“พูดเหลวไหลอันใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อับจนหนทาง “หม่อมฉันเป็นหมอ ตั้งครรภ์หรือไม่ได้ตั้งครรภ์หม่อมฉันต้องรู้แน่นอน หม่อมฉันน่าจะกินของเสียมาเพคะ”“ของที่เจ้ากินข้าก็กินเหมือนกัน” ตงฟางหลีเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้ามิเป็นอะไร แล้วเจ้าอาเจียนได้อย่างไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็สงสัยมากเช่นกันนับตั้งแต่คืนที่พระพั
ตงฟางหลีส่ายหน้า “เรื่องที่ยังไม่มีหลักฐาน ยังพูดได้ยาก”ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกถึงแผนการร้ายก็ปวดหัวจนทนไม่ไหว นางวางสมุดบัญชีไว้ด้วยกัน จนเกิดเป็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่ง แล้วเขียนแบบลวก ๆ “หม่อมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่ ตั๋วเงินปลอมมาโผล่ขึ้นที่จวนสกุลฉิน หมิ่นอวี้น่าจะหนีความผิดไป
เดิมทีตงฟางหลีตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของเขา ครั้นได้ยินคำพูดเหลวไหลของเขา ใบหน้าก็ดำทะมึนเจ้าลูกลิงของเขาย่อมมีเขาเป็นผู้สอน มีส่วนของตาเฒ่าลู่จิ้นเสียที่ใดกัน?ลู่จิ้นให้คนจอดรถม้า ก่อนจะตะโกนเรียกให้คนรับใช้สองคนยกของลงมาด้านในไม่ได้มีเพียงของบำรุงเท่านั้น ยังมีอาภรณ์ รวมถึงของเล่นเด็กด้วยอืม
หนาว!น้ำเย็นจัดที่ไหลเข้าจมูกและลำคอนั้น ทำเอาไม่สามารถหายใจได้ในทันทีฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันรู้สึกได้ว่า ศีรษะของนางกำลังถูกใครบางคนกดเอาไว้ทำให้มิอาจลุกออกมาจากน้ำเย็นได้ในระหว่างที่นางกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายผ่านคลื่นน้ำที่กระจายไปมาได้ใน
“เฮ้อ พูดถึงโจโฉโจโฉก็มาหา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เย็นชาท่านอ๋องสามในความทรงจำของเจ้าของเดิมนั้น เป็นบุรุษเจ้าชู้โดยแท้ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมทั้งเป่าผมให้แห้งอย่างลวก ๆเดิมทีร่างกายนี้ยังอ่อนแอมากนัก แม้ว่าจักจะอาบน้ำต้มยาเพื่อขับไล่ความหนาวเย็นออกไปแล้วก
“ยังมิเหมาะที่จะด่วนสรุปในตอนนี้?” นัยน์ตาของท่านอ๋องสามพลันฉายแววเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ด้วยหางตา “มีคนเห็นว่าเจ้าเตะเสวี่ยเอ๋อร์ลงไป เจ้ายังกล้าที่จะปฏิเสธอีกหรือ?”“หม่อมฉันมิเคยคิดที่จะปฏิเสธเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลางยืนตัวตรง ทั้งน้ำเสียงและนัยน์ตาที่สื่อออกมาหาได้มีท่าที
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติของตนเองกลับคืนมา นอนคว่ำตัวลงพร้อมทั้งห่มผ้าคลุมตัว แสร้งว่าตนเองกำลังหลับอยู่ ตั้งสติกลับคืนมา พร้อมด้วยประตูห้อง ที่ถูกคนผู้หนึ่งเตะออกพลันพัดพาลมหนาวให้เข้ามาในทันที ทำให้ห้องที่เย็นอยู่แล้วนั้น ทำเอาอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา“นางช่างโชคดีเสี
เดิมทีตงฟางหลีตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของเขา ครั้นได้ยินคำพูดเหลวไหลของเขา ใบหน้าก็ดำทะมึนเจ้าลูกลิงของเขาย่อมมีเขาเป็นผู้สอน มีส่วนของตาเฒ่าลู่จิ้นเสียที่ใดกัน?ลู่จิ้นให้คนจอดรถม้า ก่อนจะตะโกนเรียกให้คนรับใช้สองคนยกของลงมาด้านในไม่ได้มีเพียงของบำรุงเท่านั้น ยังมีอาภรณ์ รวมถึงของเล่นเด็กด้วยอืม
ตงฟางหลีส่ายหน้า “เรื่องที่ยังไม่มีหลักฐาน ยังพูดได้ยาก”ครั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์นึกถึงแผนการร้ายก็ปวดหัวจนทนไม่ไหว นางวางสมุดบัญชีไว้ด้วยกัน จนเกิดเป็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่ง แล้วเขียนแบบลวก ๆ “หม่อมฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่ ตั๋วเงินปลอมมาโผล่ขึ้นที่จวนสกุลฉิน หมิ่นอวี้น่าจะหนีความผิดไป
“พูดเหลวไหลอันใด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์อับจนหนทาง “หม่อมฉันเป็นหมอ ตั้งครรภ์หรือไม่ได้ตั้งครรภ์หม่อมฉันต้องรู้แน่นอน หม่อมฉันน่าจะกินของเสียมาเพคะ”“ของที่เจ้ากินข้าก็กินเหมือนกัน” ตงฟางหลีเอ่ยอย่างเป็นกังวล “ข้ามิเป็นอะไร แล้วเจ้าอาเจียนได้อย่างไร?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็สงสัยมากเช่นกันนับตั้งแต่คืนที่พระพั
ท่านอ๋องสามมองดวงตาที่เป็นประกาย และท่าทีคันไม้คันมือของเขา ก็วางจอกสุราลงเบา ๆ “ไม่ผิด แหวนวงนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว” “เป็นไปไม่ได้ หากสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นปรากฏขึ้นมา ข้าจะต้องรู้อย่างแน่นอน แล้วเหตุใดแม้แต่ข่าวลือเพียงเล็กน้อยก็ยังไม่ได้ยินเลยเล่า?” เสี่ยวเอ้อร์เอ่ย “ปรากฏขึ้นที่ใด?”ยามที่เขาถ
หญิงสาวตกใจจนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว รีบทำความเคารพ แล้วรีบจากไปผ่านไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาเคาะประตู“ท่านอ๋องสาม ของว่างของท่านมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอกประตู มีเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ดังขึ้น“ข้าไม่ต้องการของว่าง ไสหัวออกไป” ท่านอ๋องสามตะคอกเสียงดังเสี่ยวเอ้อร์เพิกเฉยราวกับไม่ได้ยิน เปิดประตูเข้ามาเหมือ
กลางดึกค่อนคืน ภายในเรือนหลังเล็กกลับยังคงจุดไฟสว่างไสวไว้อยู่เช่นเคยครั้นหมิ่นจูเดินเข้ามา ก็ถูกบุรุษผู้มีนัยน์ตาดอกท้ออุ้มนางขึ้น“องค์ชายหก” หมิ่นจูกระมิดกระเมี้ยน สีหน้าแดงซ่าน “เลิกวุ่นวายได้แล้วเพคะ”องค์ชายหกสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนโน้มกายมาที่ข้าง ๆ หูของนาง “กลิ่นของจูเอ๋อร์หอมเหลือเกิน”ค
นางขมวดคิ้ว “เรื่องของพี่หญิงข้าก็เคยได้ยินมาอยู่บ้าง จวนสกุลฉินทางฝั่งนั้นประหลาดยิ่งนัก ข้าส่งคนไปสอบถามที่จวนสกุลฉิน คนของจวนสกุลฉินกลับปิดปากสนิท ไม่มีผู้ใดกล้าพูดสักคน ข้าก็ได้ยินข่าวมาบ้าง ว่าสถานการณ์มิสู้ดีเท่าใดนัก”“ท่านน้า ช่วยท่านแม่ของข้าด้วย” ฉินเสวี่ยเย่ว์พูดอย่างรีบร้อน “โปรดคิดหาวิธ
“ฮูหยิน พระชายาอ๋องสามน่าจะฝันร้ายอยู่นะเจ้าคะ” สาวใช้สวมอาภรณ์สีเขียวกดตัวที่สั่นเทาไม่หยุดของฉินเสวี่ยเย่ว์ “ดูเหมือนว่าจะได้รับความตกใจมาขนานหนัก ต้องรีบปลุกนางให้ตื่นขึ้นมาเจ้าค่ะ”ฮูหยินหัวฝูที่อยู่ข้าง ๆ ถอนหายใจ เห็นฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ดวงตาสองข้างกรอกขึ้นฟ้า ท่าทีตื่นตก
นางตะโกนเรียกทว่าไม่มีผู้ใดมา จึงทำได้เพียงนอนขดตัวอยู่ในความมืดมิดเท่านั้นผ้าม่านพลิ้วไหว แล้วโครงร่างของเงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้น บนเงาดำคล้ายกับมีใบหน้าขนาดใหญ่น่าหวาดกลัว กำลังจับจ้องนางอยู่เมื่อสายตาจับจ้องไปที่ใด ใบหน้าขนาดใหญ่อันน่าหวาดกลัวนั้นก็ย้ายตามไปด้วยเมื่อร้อนตัว มองไปรอบ ๆ ล้วนคิดว