แม่นมคนหนึ่งเดินออกมาจากตำหนักบรรทมของพระพันปี ตัวสั่นงันงกไปทั้งร่าง “แย่แล้ว แย่แล้วเพคะ พระพันปีสิ้นพระชนม์แล้ว”ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก“เกิดอะไรขึ้น?” ฮ่องเต้ตกใจ “เสด็จแม่มิใช่ว่าฟื้นแล้วหรือ?”“ทูลฮ่องเต้ เป็นความจริงอย่างยิ่ง พระพันปี...” แม่นมยังพูดไม่จบ
คำพูดที่ดูคล้ายไม่ได้ตั้งใจเหล่านั้นดังไปถึงหูขององค์ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ขมวดคิ้วเมื่อองค์หญิงจ่างซีเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ยืนอยู่ฝั่งตน และได้ชัยชนะกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบ จึงยิ่งทะนงตนมากขึ้น “เสด็จแม่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว เจ้ายังแสร้งทำอะไรอยู่อีก รีบหยุดมือเสีย!”ขณะที่นางพูด ก็คว้ามือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำ
ขณะได้โอกาสที่องค์หญิงจ่างซีไม่สามารถสร้างปัญหาได้ นางก็ตรวจพระวรกายของพระพันปีอีกครั้งชีพจรของพระพันปีอ่อนแอมาก อ่อนแอจนอาจจะสิ้นพระชนม์ไปเมื่อใดก็ได้นี่มิใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน“ในช่วงเวลาที่พวกเราจากไป มีผู้ใดป้อนของอย่างอื่นให้พระพันปีอีกบ้าง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามไม่มีผู้ใดเอ่ยตอบนางกวาดสาย
คำสั่งป้ายทองเว้นโทษตายเทียบเท่ากับคำสั่งของฮ่องเต้ ผู้ใดก็มิกล้าฝ่าฝืนทุกคนมีสีหน้าแตกต่างกันไป บางคนขยับตัวเล็กน้อย บางคนไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งหมดหยุดอยู่ไม่ไกล และไม่กล้าขยับอีกเมื่อไม่มีคนวุ่นวายอีกต่อไป ในที่สุดนางก็สงบลงยาหนิวหวงอันกงมิสามารถใช้ร่วมกับยาหัวซินได้ เนื่องจากในย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องเฉียนจะออกมาพูดคำดังกล่าวในทันทีนับตั้งแต่งานชมดอกไม้ครั้งสุดท้าย นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบนางพระชายาอ๋องเฉียนขมวดคิ้ว แสดงความชื่นชมต่อทักษะแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของนางฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสนเล็กน้อยผู้คนที่อยู่ในตำหนักบรรทมของพระพันปี ส่วนใหญ่เป็นองค์หญิง รวมถึงเหล่
“เป็นเรื่องจริงแน่แท้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยเสียงเบา “ช่วงนี้พระองค์ทรงกังวลและโกรธกริ้วใช่หรือไม่เพคะ? เวลานี้เป็นฤดูหนาว ผู้คนมิค่อยออกไปข้างนอก หากอยู่ในห้องที่มีเครื่องทำความร้อนเป็นเวลานานจะเกิดร้อนรุ่มง่าย หลังจากเกิดความวิตกกังวล ความรุ่มร้อนก็จะยิ่งมากขึ้น พลังงานชั่วร้ายเข้าสู่เยื่อหุ้มหั
“เจ้าเคยเห็นมันหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วความหมายในคำพูดของพระพันปีคือ แมวตัวนั้นตกลงไปในบ่อน้ำและจมน้ำตายแล้ว เจ้าสิบจะเห็นมันได้อย่างไร?ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงยู่เข้าหากันดูเหมือนเขาจะเห็นมัน แต่ก็ดูเหมือนไม่เห็น เขามักจะรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่ง เขาคิดอย่างถี่ถ้วน แ
“อยู่ที่ใด? ไปหามา รีบให้คนไปหาเร็วเข้า” พระพันปีไม่สนสภาพร่างกายตน รีบร้อนลุกขึ้น “เหมาเหมา เหมาเหมาของข้า”“พระพันปีเพคะ” ฉินเสวี่ยเย่ว์พูดอย่างเร่งรีบ “พระองค์โปรดอย่าตื่นเต้นไปเพคะ หลานสะใภ้ยังไม่แน่ใจเลยเพคะ ขอพระองค์ทรงไตร่ตรองถี่ถ้วน ผู้ใดบอกพระองค์ว่าเหมาเหมาตกลงไปในบ่อน้ำ? ตกลงไปในบ่อใด? พว
ก่อนหน้านี้ก็พูดเพื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล้วก็ยังมาขัดขวางการลงโทษตู้เหิงของนาง!“แม้แต่เจ้าก็ทำให้ข้าโกรธ!”“ท่านแม่” ซูจื่อเห็นว่าตู้เหิงจากไปแล้ว สีหน้าพลันทะมึนลง “เรื่องในวันนี้ ลูกไม่รู้ว่าท่านได้รับยาเสน่ห์มาจากผู้ใด แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดถึงต้องจับตามองพระชายาอ๋องเจ็ดด้วยเช่นกัน แต่ท่านฟังที
ฮูหยินซูถูกตู้เหิงเพิกเฉย เพลิงโทสะที่สะสมมาในวันนี้พวยพุ่งขึ้นมาไม่หยุดซวงเอ๋อร์ได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างใหญ่หลวง มิอาจจบไปเช่นนี้ได้!“เจ้าสุนัขรับใช้ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าหูหนวกหรือ?”ตู้เหิงรำคาญเป็นอย่างยิ่งฮูหยินซูผู้นี้เกรงว่าจะเสียสติไปแล้วกระมังเมื่อก่อนเขารู้สึกว่าฮูหยินซูเป็นค
หลังจากลู่จิ้นป้อนยาที่มีชื่อว่ามังกรพ่นมุกนี้ให้นาง ก็ได้ทำลายสมดุลนี้ลงครั้นพิษของปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธ์ถูกกดลง พิษของยาอีกหนึ่งชนิดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันยาพิษบางชนิดมีพิษมากกว่าพิษจากปลาทรายแดงครีบทอง จึงเท่ากับต้องพิษเป็นครั้งที่สองหลังจากสมดุลถูกทำลาย ซูเตี่ยนฉิงย่อมไม่มีชีวิตที่ดีแล้
“เจ้าตาบอดหรือ? มองไม่ออกว่านี่คือตัวหนอนหรือย่างไร? ก็คือตัวหนอนที่กลายเป็นแมลงวันได้อย่างไรเล่า รักษาให้ดี ๆ เถิด” ลู่จิ้นเอ่ยเสียงเย็นซูจิ้นยืนยันคำตอบอยู่ในใจ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองทันทีคนคนหนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากดื่มยาเข้าไปแล้ว เหตุใดถึงอาเจียนเอาของน่ารังเกียจพรรค์นี้ออกมาได้?
หากมีสุรารสเลิศก็ดียิ่งขึ้นไปอีกฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็คิดจะจากไปโดยไม่สนใจสิ่งใดทว่า...นางเหลือบตามองซูเตี่ยนฉิงที่นอนอยู่บนเตียงปราดหนึ่งจากไปทั้งอย่างนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนักจำต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับไปบ้างถึงจะได้ไม่มาเสียเที่ยว“ศิษย์พี่รอสักครู่นะเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “
“ผู้ใดให้เจ้าไม่ตั้งใจเรียน ให้เจ้าทำยาคุณภาพต่ำออกมามั่วซั่ว หลายปีนี้เจ้ามัวทำอะไร? สิ่งที่เรียนนั้น เรียนไปที่ตัวสุนัขหมดแล้วหรืออย่างไร?” ลูจิ้นตะคอก“กล้าให้ศิษย์น้องหญิงได้รับความทรมานเช่นนั้น ข้าจะตีเด็กสารเลวอย่างเจ้าให้ตาย”ลู่ซิวถึงได้เข้าใจเป็นท่านบรรพบุรุษรังเกียจยาน้ำคุณภาพต่ำที่เขาทำข
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้