“อยู่ที่ใด? ไปหามา รีบให้คนไปหาเร็วเข้า” พระพันปีไม่สนสภาพร่างกายตน รีบร้อนลุกขึ้น “เหมาเหมา เหมาเหมาของข้า”“พระพันปีเพคะ” ฉินเสวี่ยเย่ว์พูดอย่างเร่งรีบ “พระองค์โปรดอย่าตื่นเต้นไปเพคะ หลานสะใภ้ยังไม่แน่ใจเลยเพคะ ขอพระองค์ทรงไตร่ตรองถี่ถ้วน ผู้ใดบอกพระองค์ว่าเหมาเหมาตกลงไปในบ่อน้ำ? ตกลงไปในบ่อใด? พว
“เสด็จแม่” ไม่รอให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้เอ่ยปากพูด องค์หญิงจ่างซีก็ได้ราดน้ำมันลงบนกองไฟ “เป็นนางที่ไม่ต้องการให้หม่อมฉันเข้าใกล้ท่านถึงได้ลงมือกับหม่อมฉัน หม่อมฉันมิทราบว่านางคิดจะทำสิ่งใดอยู่กันแน่ หม่อมฉันคิดว่า นางมีเจตนาร้าย...”“แค่ก” ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าองค์หญิงจ่างซีกำลังพูดจาไร้สาระขึ้น
องค์หญิงจ่างซีเย้ยหยัน “ที่เจ้าช่วยชีวิตเสด็จแม่ นั่นก็แค่เพียงเพราะต้องการคุณงามความชอบส่วนหนึ่งเท่านั้น ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ อีกอย่าง เสด็จแม่ทรงมีพระวรกายแข็งแรง มิมีทางเกิดอันใดขึ้นได้ด้วยซ้ำ เจ้าลุกออกมาทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด พยายามชิงคุณงามความชอบไป มีผู้ใดมิรู้บ้าง? อย่ามาตีหน้าซื่ออีกเลย ไม
ทันทีที่ตงฟางหลีเอ่ยปากพูด มิเพียงแค่องค์หญิงจ่างซีที่นิ่งงันไปแม้กระทั่งฮ่องเต้และพระพันปีก็ชะงักไปเช่นเดียวกันเจ้าเจ็ดมีนิสัยเย็นชา ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพ ประพฤติตนอย่างสง่างามและเย็นชา เป็นผู้ที่ได้แต่มองจากที่ไกล ๆ แล้วดูคล้ายดั่งเทพเซียน เขาปฏิบัติต่อทุกสิ่งอย่างด้วยความเย็นชาและเมื่อป
ฮ่องเต้ทรงรับสั่งเสร็จสิ้น ก็หันไปประสานมือคารวะพระพันปี ก่อนเดินจากไปด้วยสีหน้าราบเรียบอ๋องอี๋หยางก็คำนับตามฉินเหยี่ยนเย่ว์และตงฟางหลีมิอาจรั้งอยู่นานเช่นกัน ก็ได้เดินออกจากตำหนักเฟิ่งอวี้ไปเหล่าคนที่จากไปก่อนหน้านี้ต่างพากันแยกย้ายกันไปหมดแล้ว คนที่ตามหาแมวก็ไปหาแมว คนที่ไม่ตามหาแมวก็จับกลุ่ม พ
“พี่เจ็ดพี่สะใภ้เจ็ด พวกท่านล่าช้าอันใดกัน?” ตงฟางอิงเห็นพวกเขาเยื่องย่างเชื่องช้า ก็กระทืบเท้าด้วยความร้อนรน ก่อนวิ่งตรงมาตรงหน้าพวกเขา “ข้ารอพวกท่านมานานมากแล้วนะ” เขาชี้ไปข้างหน้า “ข้านึกออกแล้ว ข้าเคยเจอเหมาเหมา ตอนที่ข้ากำลังฝึกวรยุทธ์ เหมาเหมากระโดดผ่านตรงนี้ไป ทิศทางที่มันกระโดดไปก็คือทางนี้
เรื่องเช่นการตามหาแมว เหล่าท่านอ๋องผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งรู้สึกไม่ดีที่จะไปเข้าร่วม แล้วก็ไม่ยินยอมเข้าร่วมเช่นกัน หลังจากที่ออกจากตำหนักเฟิ่งอวี้แล้ว ท่านอ๋องหลายคนล้วนเดินทางกลับจวนกันหมด มีคนส่วนเล็ก ๆ ที่ขึ้นหอสูงทอดมองไกลออกไป ร่ำสุราหาความสุข ผู้ที่ตามหาแมวล้วนเป็นพระชายาและองค์หญิงทั้งสิ้
ทันทีฉินเสวี่ยเย่ว์ส่งเสียงเรียก ทุกคนต่างพากันถลาเข้ามาฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็มาถึงใต้ภูเขาจำลองเช่นกันภูเขาจำลองลูกนี้มีความสูงประมาณหอสองชั้น มิได้สูงมากนัก ทว่า ภูเขาจำลองแตกต่างจากภูเขาจริง ตรงที่รูปร่างแปลกประหลาด ปีนป่ายได้ง่าย ทว่าสูงชันอยู่มากหากไม่ระวังแม้แต่นิดเดียวแล้วล้มลงมา ผลที่ตามมาอาจเ
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได