“ตงฟางหลี”“อืม”“วันนี้หม่อมฉัน หลบกระบี่ของคนชุดเสื้อดำได้พ้น” นางราวกับกำลังพูดละเมอ “เดิมทีหม่อมฉันคิดว่าจะหลบไม่พ้น”ตงฟางหลีได้ฟังหัวใจพลันบีบรัดแน่น รอให้นางกล่าวต่อไป“ครั้งแรกนั้น ยามที่กระบี่ของคนชุดดำกวัดแกว่งมา หม่อมฉันเดิมยังมิทันได้ตอบสนองด้วยซ้ำ ภายใต้การตอบสนองของร่างกาย หม่อมฉันจึงก
เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนฝูหรง ถูกฉินเหยี่ยนเย่ว์จงใจปิดบังเอาไว้มิให้ผู้ใดรู้คนในสวนฝูหรง เกินกว่าครึ่งมิรู้สถานการณ์ที่แท้จริง จึงยังมาทำงานเฉกเช่นในยามปกติสิ่งเดียวที่แปลกไปคือ ลานเรือนของฮูหยินรองและคุณหนูสามถูกแปะด้วยแผ่นกระดาษ มิว่าผู้ใดก็มิอาจเข้าไปได้บรรดาแม่นมสะใภ้และสาวใช้ต่างพูดซุบซิบนินท
ในใจราวกับมีอะไรบางอย่างขวางกั้นไว้ กดดันจนทำเอาหอบหายใจไม่ทันบรรยากาศถูกปกคลุมด้วยความตึงเครียดนางเดินไปเดินมาภายในห้องมิหยุดหย่อน มิอาจสงบจิตใจลงได้เลยแม้แต่น้อย“เสาเย่า เจ้ากลับมาก่อน” ไม่รู้นางนึกถึงสิ่งใด จู่ ๆ พลันตะโกนเรียกออกมาเสาเย่าที่เดินจนถึงประตูแล้วได้ยินเสียงเรียก ก็รีบร้อนวิ่งกลั
“ย่อมเป็นความจริงเพคะ” ฉินเสวี่ยเย่ว์เอ่ย “น้องสาวของหม่อมฉันต้องการจะแต่งกับท่านอ๋องซื่อจื่อเท่านั้น และท่านอ๋องซื่อจื่อก็ให้ความสนใจกับปี้เอ๋อร์เช่นเดียวกัน เฮ้อ เพียงแต่ฐานะของท่านอ๋องซื่อจื่อสูงส่ง ปี้เอ๋อร์กลับเป็นเพียงบุตรสาวของอนุภรรยาคนหนึ่ง พวกเขาถูกชะตาชีวิตกำหนดให้ต้องเป็นคู่นกยวนยางที่มี
หู่พั่วขานรับ ไม่นานก็ถือเอาสิ่งของที่ต้องใช้ในยามมีระดูมาฉินเสวี่ยเย่ว์เปลี่ยนเป็นอาภรณ์ที่สะอาด ทว่ายังคงปวดท้องมากอยู่เช่นเดิมนางนอนบนเตียงด้วยใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด“พระชายา ดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อยเถิดเพคะ อาจจะดีขึ้นมาบ้าง” หู่พั่วยกน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาฉินเสวี่ยเย่ว์มุ่นคิ้วปร
ข่าวนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงที่กลางศีรษะของฉินเสวี่ยเย่ว์อย่างไรอย่างนั้น สายฟ้านั้นฟาดจนทำเอานางถึงกับเวียนศีรษะ หัวสมองขาวโพลนยืนอึ้งอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานถึงได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมานางตั้งครรภ์แล้ว แล้วก็แท้งแล้ว?ตั้งครรภ์และแท้งบุตร หนึ่งเป็นความยินดี อีกหนึ่งเป็นความเศร้าโศก ข่าวทั้งสองนี้มาพร้อ
คนกลางกลัวว่าจะเป็นการเปิดเผยร่องรอย จึงไม่สะดวกไปส่งที่จวนสกุลฉิน ทำได้เพียงส่งกระดาษให้ชื่อเจี้ยนเท่านั้นชื่อเจี้ยนไต่ตรองอยู่นาน ก่อนตัดสินใจว่าจะไปส่งจดหมายที่จวนสกุลฉินประจวบเหมาะพอดี กับที่เรื่องนี้ถูกไป๋โค้วล่วงรู้เข้าตอนที่ไป๋โค้วรู้ว่านางจะไปที่จวนสกุลฉิน ดวงตาสองข้าพลันประกายคล้ายดวงดาร
ไป๋โค้วที่ฝึกฝนวรยุทธ์มาโดยตลอดนั้น พละกำลังย่อมมีมาก ทั้งยังมีแรงหมัดที่หนักแน่นอีกด้วยหมัดหนัก ๆ พลันชกเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มเสเพลไปในทันทีชายหนุ่มเสเพลถึงกับตกตะลึงไปในทันที ความเจ็บปวดบนใบหน้าค่อย ๆ แผ่กระจายออกมา ไม่นานนักเขาถึงเพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าตนเองถูกต่อยเข้าแล้วเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันน
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได