ภายใต้การนำทางของสาวใช้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินผ่านทางเดินสีเขียวมรกตที่ทอดยาวยิ่งก้าวไปข้างหน้า อากาศก็ยิ่งสดชื่นมากขึ้นในอากาศบริสุทธิ์มีกลิ่นหอมจาง ๆ ของมวลผกาอบอวลไม่นาน จึงเห็นปลายทุ่งหญ้าเขียวขจีราวกับถูกรายล้อมไปด้วยหมู่เมฆหลากสีสัน แสงสายัณห์ระบายทั่วท้องฟ้าหากมองให้ถี่ถ้วน กลับเป็นดอกโบตั๋น
“นี่ เจ้าดูสิว่าผู้ใดมา เป็นพระชายาอ๋องเจ็ดนี่เอง” เด็กสาวที่อยู่ใกล้นางมาก ๆ เอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องเจ็ดดุจดั่งเทพเซียนไม่ทานอาหารปรุงสุก แต่กลับแต่งงานกับนาง ในแง่ของความไร้ยางอาย นับว่านางขึ้นสรวงสวรรค์ไร้คู่แข่งทีเดียว”“คุณหนูเฉิง เจ้าเบาเสียงหน่อย เสียงของเจ้าดังปานนี้ ทุกคนได้ยินกันหมดแล้ว” เด็กสา
ใบหน้าคุณหนูเฉิงและคุณหนูเว่ยประเดี๋ยวคล้ำเขียวอีกประเดี๋ยวก็ซีดเผือด“ท่านมีคุณสมบัติอะไรมาต่อว่าพวกเรา?” คุณหนูเฉิงเห็นว่าพวกนางถูกคนหัวเราะเยาะ ก็มิสนมารยาท ลำคอเชิดตรง “เทียบกันแล้ว ท่านยังมิสู้พวกเราเลย”“เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ข้าผอมไปสักหน่อย รับสารอาหารไม่เพียงพอ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้า ก่อนจะย
เสียงคำเยินยอดังเข้าหูไม่ขาด“นี่ ชุดที่แม่นางซูสวมเหมือนกับชุดของพระชายาอ๋องเจ็ดเชียว” ท่ามกลางเสียงชื่นชม พลันมีเสียงที่แตกต่างออกไปเสียงหนึ่งดังขึ้น“พูดเช่นนี้แล้ว คล้ายว่าจะเป็นเช่นนั้น นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินว่าซูเตี่ยนฉิงมาถึง เดิมความอยากอาหารก็ลดลงไปบ้างแล้ว เมื่อได้ย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ไม่คิดให้ซูเตี่ยนซวงมาขอบคุณนางเช่นกัน ยามนั้นนางเพียงต้องการไว้หน้าเสนาบดีซูเท่านั้น“ข้าอยากใส่อันใดก็ใส่อันนั้น เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยเล่า?” นางพูดด้วยความแปลกใจ “เจ้ามีใจมาใส่ใจเรื่องนี้ มิสู้ใส่ใจใบหน้าเหี้ยมโหดและอัปลักษณ์ของเจ้าให้มากขึ้น ไม่น่ารักเพียงนี้ระวังจะไม่ได้ออกเรือ
“นี่มิแปลกยิ่งกว่าเดิมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของเครื่องประดับหรือจะเป็นลวดลายของอาภรณ์ก็ดี ล้วนแต่ซุกซ่อนชื่อของข้าและเขาเอาไว้ เจ้าดูลายดอกไม้อันนี้ ดูผิวเผินจะคล้ายเป็นดอกไม้ แท้จริงแล้วเป็นคำที่เปลี่ยนรูปทรงจากคำว่าเหยี่ยนเย่ว์”นางชี้ไปที่บุปผาปักบนเสื้อ“
สีหน้าของซูเตี่ยนฉิงพลันแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์มากยิ่งขึ้นถูกด่าว่าเป็นหนูต่อหน้าทุกคน ทำเอารู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี นางโมโหเสียจนใจสั่น กลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว“ท่านว่าผู้ใด?” ซูเตี่ยนซวงถลาออกมา มือเท้าสะเอว ท่าทางต้องการจะหาเรื่องตงฟางซวี่เหลือบมองนางเพียงแวบเดียว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้
“กินเนื้อวัวหรือไม่?” นางเอ่ยถามรอยยิ้มที่มุมปากตงฟางซวี่คลี่ออกกว้างขึ้น จากนั้นจึงยื่นชามเข้ามา “กิน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์คีบเนื้อวัวให้นางตงฟางซวี่กินเข้าไปหนึ่งคำ แล้วพยักหน้า “มิแปลกใจที่พี่เจ็ดบอกว่าข้าจะต้องชอบท่านแน่นอน พี่สะใภ้เจ็ด ท่านแตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆ”“พี่เจ็ดของเจ้าให้เจ้ามางั้นรึ?”
นี่แปลกกว่าเรื่องเล่าเสียอีก“ไม่ใช่เรื่องเล่า ล้วนเป็นเรื่องที่ข้าประสบมาด้วยตัวเองทั้งนั้น นี่ยังไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดหรอก หลังจากที่ถูกขายไปหลายบ้าน และหลังจากเรื่องที่ข้าได้รับการปกป้องจากสัตว์ถูกลือออกไป ก็ไม่มีครอบครัวใดยอมซื้อตัวข้าอีก คนที่ลักพาตัวข้ายังถูกสุนัขกัด ถูกวัวชนอยู่บ่อ
“ให้ตาย!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจจนตัวสั่น“โฮก...”กลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงสายหนึ่งก็ได้ลอยเข้ามา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอยหลังไปหลายก้าวติด ๆ กัน จนเกือบจะทรุดตัวนั่งลงกับพื้น“พระชายาระวังเพคะ” ชื่อเจี้ยนคาดไม่ถึงว่าเสือจะอยู่เหนือตาข่ายเหล็กดำ ก็รีบไปขวางหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ทันที “ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”
ที่ด้านข้างประตูสองด้านยังมีแมวหลีฮวาหนึ่งตัว และแมวซือจึที่ดูคล้ายกับเหมาเหมาอีกหนึ่งตัวแมวสามตัวล้วนถูกเลี้ยงดูมาอย่างอ้วนท้วนสมบูรณ์พวกมันบ้างก็นอนตะแคงบ้างก็เกาแผ่นไม้ แต่ละตัวดูน่ารักไร้เดียงสาที่มุมยังมีลูกแมวอีกหลายตัวกำลังจับจ้องพวกนางอย่างตั้งอกตั้งใจ“แมวมากมายเพียงนี้เชียวหรือ?” ฉินเหย
เปลวเพลิงเผาไหม้กองรักษาระเบียบอยู่ถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงมอดดับลงกลุ่มควันลอยคลุ้ง หมอกควันสีเทาลอยปกคลุมไปทั่วทั้งวังหลวง จนกระทั่งเย็นวันที่ห้าก็ได้มีหิมะตกลงมา ท้องฟ้าถึงได้แจ่มใสขึ้นมาอีกครั้งข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับกองรักษาการเกิดเพลิงไหม้ทั้งหมดได้ถูกปิดเอาไว้เพียงประกาศกับภายนอกว่า ป้าหวนน
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู
ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังโกรธขึ้งด้วยนิสัยของนาง จะต้องทำเรื่องอย่างการทวงหนี้จากทางเสด็จพ่อออกมาได้อย่างแน่นอนเขาดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน วางคางลงบนไหล่ของนาง “เด็กโง่ ผู้ใดบอกเจ้ากันว่าอ๋องทุกคนต้องมีที่ดินกันเล่า?”“แล้วมิใช่หรือ?” ในความทรงจำของฉินเหยี่ยนเย่ว์ พอถึงช่วงวัยหนึ่งอ๋องทุกคนก
“กองรักษาระเบียบถูกเผาจนมอดไหม้ไปหมดแล้ว” ตงฟางหลีพูด “ทั้งภายในและภายนอก ถูกเผาเสียจนไม่มีเหลือ กองรักษาระเบียบสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น จึงมีความสำคัญมาก ต้องรีบสร้างขึ้นใหม่โดยเร็ว”“เช่นนั้นแล้วเกี่ยวอันใดกับท่านด้วยล่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตงฟางหลีถอนหายใจ “ที่จริง ตอนที่เจ้ากำลังนอนหลับ เ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำพูดกับจอมขี้หึงผู้นี้ยิ่งนักนางพลิกกาย หันไปเผชิญหน้ากับเขาหลังจากทายาจินซวงเย่าชั้นยอดไปแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยจริง ๆนางเกี่ยวคอของเขาไว้ “หม่อมฉันหาได้คิดถึงชายอื่นไม่ คิดถึงแต่เพียงท่านเท่านั้น”“ยัยหนู ยังโกหกข้าอีก” ตงฟางหลีเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ไม่ใช่”“โกหกข้าแล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้คำตอบกลับ อารมณ์ไม่ดีนัก จึงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่สนใจตงฟางหลี“เลิกคลุมได้แล้ว” ตงฟางหลีถืออาภรณ์ตัวใหม่มา ก่อนจะช่วยสวมให้นางอย่างเบามือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงพูดพึมพำนางดึงตัวตงฟางหลีเข้ามา “พี่เจ็ด ท่านไม่คิดว่าท่านทำเกินไปบ้างหรือ?”ตงฟางหลีฉวยโอกาสนี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน “