ดวงตาของตงฟางหลีเป็นประกาย “ไม่ได้ทำอะไร”มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังทายาให้เขาบิดแก้มของเขา “หืม? ยังอยากปิดบังหม่อมฉันอยู่หรือ?”“ถ้ามีคนทำให้ข้าสิ้นลูกหลานสืบสกุล ข้าคงไม่สามารถฝืนทนกลืนความโกรธเช่นนี้ลงไปได้กระมัง?” ตงฟางหลีคว้ามือนาง “เป็นการให้มาส่งไปเท่านั้นเอง”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้ว “ท่า
“ยัยหนู เจ้าทำอะไรน่ะ?” ใบหน้าของตงฟางหลีมืดลง อยากจะพ่นยาเม็ดออกมาเม็ดยาส่วนใหญ่ละลายแล้วและมีรสหวาน ขณะที่เขาอ้าปาก ยาที่ละลายจำนวนไม่น้อยถูกกลืนลงไป“หม่อมฉันเตือนท่านแล้ว ไม่อนุญาตให้เรียกชื่อที่น่าอับอายนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเสียงหึ “ถ้าท่านเรียก ก็จะต้องทนลมพิโรธของหม่อมฉันเพคะ”หลังจากที่ตง
เดิมทีเมื่อเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว จึงได้เร่งรุดมารายงานเรื่องสำคัญทว่ายังไม่ทันเคาะประตู กลับเห็นท่านอ๋องอุ้มพระชายาไปยังเรือนนวลภายใต้แสงเงาเทียนใช้เท้าคิดก็ยังรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกันเขาไม่กล้ารบกวนแต่ก็รีบร้อนมาก จึงต้องเดินวนเป็นวงกลมอยู่ในลานบ้านตอนที่ตงฟางหลีเปิดประตู ตู้เห
ตู้เหิงตกตะลึง “ผู้ใดหรือ?”“ม้วนกระดาษสีม่วงทองมาจากเว่ยหย่วนซิง ข่าวนี้เชื่อถือได้ กุยโหย่วเจียงถูกคนสังหาร หนึ่งดาบปลิดชีพ ไร้ร่องรอยของการตอบโต้กลับ” สุ้มเสียงของตงฟางหลีเศร้าโศก“ท่านอ๋อง นี่ไม่เป็นความจริงกระมัง? มันจะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไรกัน?” ในน้ำเสียงของตู้เหิงเจือน้ำเสียงร้องไห้ “มันเป
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็คือจีอู๋เยียนกับพี่หกบรรลุข้อหารือกันอย่างไรเสีย จีอู๋เยียนเล็งเห็นบางสิ่งที่เลวร้ายตงฟางหลีครุ่นคิดอยู่นาน เขียนจดหมายหลายฉบับติดต่อกัน และใช้ม้วนกระดาษสีม่วงทองอย่างเดียวกันส่งออกไป“ตู้เหิง เจ้าอย่าบุ่มบ่ามขัดขวางแผนการ” เขายื่นม้วนกระดาษให้เขา “เอาม้วนกระดาษนี้ส่งออกไ
“ท่านรู้จักมือสังหารหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นคิ้ว“อืม คนผู้นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนถึงจะลงมือ บัดนี้ข้ายังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาเลย” ตงฟางหลีวางมือของนางไว้ในอ้อมอก“เจ้ายังจำองครักษ์จื่ออวี๋ได้ไหม? หากเจ้าเผชิญหน้ากับอันตราย จำไว้ว่าต้องเรียกหาพวกเขา”ฉินเหยี่ยนเย
“ถ้าเจ้าไม่อยากไปก็ปฏิเสธกลับไป” ตงฟางหลีมองท่าทางสับสนของนางแล้วเลิกคิ้วขึ้น“หม่อมฉันคิดว่างานเลี้ยงชมบุปผานี้น่าสงสัยมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเทียบเชิญให้เขา “เหมันต์เดือนสิบสอง ชมบุปผาอันใด งานเลี้ยงอันใด มันหนาวมาก บ้าไปแล้วกระมัง”“ก็ไม่ถึงเช่นนั้น” ตงฟางหลีวางเทียบเชิญไว้บนโต๊ะ “แม้ว่าพี่ใหญ่จะ
ภายใต้การนำทางของสาวใช้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินผ่านทางเดินสีเขียวมรกตที่ทอดยาวยิ่งก้าวไปข้างหน้า อากาศก็ยิ่งสดชื่นมากขึ้นในอากาศบริสุทธิ์มีกลิ่นหอมจาง ๆ ของมวลผกาอบอวลไม่นาน จึงเห็นปลายทุ่งหญ้าเขียวขจีราวกับถูกรายล้อมไปด้วยหมู่เมฆหลากสีสัน แสงสายัณห์ระบายทั่วท้องฟ้าหากมองให้ถี่ถ้วน กลับเป็นดอกโบตั๋น
เฮยตั้นยกอุ้งเท้าขึ้นตะปบลงบนใบหน้านางมันเผยกรงเล็บอันแหลมคมออกมา แม้ว่าแรงนั้นจะไม่มากพอถึงขั้นข่วนเกาใบหน้า ทว่ากลับทำให้เจ็บได้หากเป็นเมื่อก่อน ฉินเหยี่ยนเย่ว์คงจะคว้าอุ้งเท้าเล็ก ๆ ของมันแล้วดุด่าสอนสั่งไปหนึ่งคำรบนานแล้วคราวนี้ กลับมึนงงราวเป็นคนโง่งม“เหมียว” เฮยตั้นจ้องมองนางครู่หนึ่ง จากน
จีอู๋เยียนได้ยินคำพูดติดขัดของอวี้เอ๋อร์ หัวใจพลันเต็มไปด้วยระลอกคลื่นเขาเกร็งแขนโดยไม่รู้ตัว “เดินไหวไหม?”“ไม่ไหว” อวี้เอ๋อร์ยิ้มเบา ๆนางพูดได้ไม่มากนักร่างกายยังควบคุมได้ไม่ดีนัก และการเคลื่อนไหวง่าย ๆ บางอย่างยังทำไม่ได้เลยแม้กระนั้น นางยังคงพยายามเข้าใกล้จีอู๋เยียนริมฝีปากตกลงบนหน้าผากของเ
เขารีบก้าวไปหานาง วางนิ้วสั่นเทาไว้ใต้จมูกของนางเมื่อรู้สึกได้ว่านางยังหายใจอยู่ พลันรู้สึกโล่งใจในที่สุดเขาอุ้มนางขึ้นมา“ตู้เหิง ไปเรียกลู่ซิ่ว”หลังจากเข้าไปในเรือนนวล ดวงตาของตู้เหิงก็ตกไปยังเด็กสาวคนหนึ่งเขาไม่ได้มาที่เรือนนวลนานแล้ว แม่นางน้อยเข้ามาในเรือนนวลตั้งแต่เมื่อใด?เขาสับสนเหลือแสน
ตู้เหิงชะงักงันไปเล็กน้อย “อะไรนะ?”“หลังสังหารเขาแล้ว ข้าจึงจะพิจารณาเจ้าได้” จีอู๋เยียนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา“สังหารผู้ใดนะ?” ตู้เหิงสงสัยว่าหูตัวเองได้ยินผิดไป“เจ้านายของเจ้า ตงฟางหลี”สีหน้าของตู้เหิงเปลี่ยนไปอย่างมาก “นี่เป็นไปไม่ได้”“สุ่ยเยียน นี่เจ้าเปลี่ยนความรักเป็นความเกลียดชังหรือ? เจ้าเอง
ตงฟางหลีถือโอกาสนี้ปล่อยจีอู๋เยียน และยืนขวางอยู่หน้าประตูเรือนนวลพร้อมกึ่งยิ้ม “ตู้เหิง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เป็นแม่นางสุ่ยเยียนคนนี้ที่เป็นฝ่ายโยนตัวเข้ามาในอ้อมแขนข้า ข้ารำคาญทีเดียว”“เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เจ้าก็เลิกหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วบอกแม่นางสุ่ยเยียนถึงความในใจของเจ้าไปเสีย”ตู้เหิงเชื่อว่าจริง
“ท่านทำอะไรน่ะ?” ตงฟางหลีขวางเขาไว้ “ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลย ท่านเข้าไปไม่ได้”“หลบไป” จีอู๋เยียนเปล่งไอสังหารยะเยือกออกมาตงฟางหลีหงุดหงิดเล็กน้อยจีอู๋เยียนลงมือกับยัยหนูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งท้าทายเส้นความอดทนต่ำสุดของเขาเรียบร้อยแล้ว“เหยี่ยนเย่ว์ไม่อนุญาตก็เข้าไปไม่ได้” เขายืนขวางตรงหน้าจีอู๋เยีย
......เมื่ออกจากพื้นที่ทับซ้อนมาแล้ว อวี้เอ๋อร์ก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติอีกครั้งแปดปีนี้นางสามารถรู้สึกว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างชัดเจนวิญญาณถูกบิดไปยังสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ร่างกายกลับเก็บรักษาไว้บนเตียงหยกเย็นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนางสามารถมองเห็นทั้งหมดที่จีอู๋เยียนทำเพื่อนางได้อย่างช
“อวี้เอ๋อร์?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตาฝาดไปแล้วผ่านไปไม่นาน นิ้วของอวี้เอ๋อร์ก็ขยับอีกครั้ง“ขยับแล้วจริง ๆ!”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง“เจ้าทำได้ พยายามอีกหน่อย”อวี้เอ๋อร์ราวกับเข้าใจคำพูดของนาง หัวคิ้วขมวดแน่น ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความบิดเบี้ยวอันไร้ที่สิ้นสุดหลังจากดิ้นรนอยู่นานดวงตาที
สิ้นเสียง เขาก็ก้าวยาว ๆ เดินจากไปพอเดินไปถึงประตู ก็หันหน้ากลับมาอีกครั้ง กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ท่านอ๋องเจ็ด ท่านเองก็ออกมาเถิด”ตงฟางหลีไม่แม้แต่จะสนใจเขาฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าในที่สุดจอมมารออกไปแล้ว ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่เจ็ด ท่านก็ออกไปเถิดเพคะ”“ยัยหนู...” ตงฟางหลีไม่วางใจนาง“วางใจเถิ