“ท่านรู้จักมือสังหารหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นคิ้ว“อืม คนผู้นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนถึงจะลงมือ บัดนี้ข้ายังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาเลย” ตงฟางหลีวางมือของนางไว้ในอ้อมอก“เจ้ายังจำองครักษ์จื่ออวี๋ได้ไหม? หากเจ้าเผชิญหน้ากับอันตราย จำไว้ว่าต้องเรียกหาพวกเขา”ฉินเหยี่ยนเย
“ถ้าเจ้าไม่อยากไปก็ปฏิเสธกลับไป” ตงฟางหลีมองท่าทางสับสนของนางแล้วเลิกคิ้วขึ้น“หม่อมฉันคิดว่างานเลี้ยงชมบุปผานี้น่าสงสัยมาก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเทียบเชิญให้เขา “เหมันต์เดือนสิบสอง ชมบุปผาอันใด งานเลี้ยงอันใด มันหนาวมาก บ้าไปแล้วกระมัง”“ก็ไม่ถึงเช่นนั้น” ตงฟางหลีวางเทียบเชิญไว้บนโต๊ะ “แม้ว่าพี่ใหญ่จะ
ภายใต้การนำทางของสาวใช้ ฉินเหยี่ยนเย่ว์เดินผ่านทางเดินสีเขียวมรกตที่ทอดยาวยิ่งก้าวไปข้างหน้า อากาศก็ยิ่งสดชื่นมากขึ้นในอากาศบริสุทธิ์มีกลิ่นหอมจาง ๆ ของมวลผกาอบอวลไม่นาน จึงเห็นปลายทุ่งหญ้าเขียวขจีราวกับถูกรายล้อมไปด้วยหมู่เมฆหลากสีสัน แสงสายัณห์ระบายทั่วท้องฟ้าหากมองให้ถี่ถ้วน กลับเป็นดอกโบตั๋น
“นี่ เจ้าดูสิว่าผู้ใดมา เป็นพระชายาอ๋องเจ็ดนี่เอง” เด็กสาวที่อยู่ใกล้นางมาก ๆ เอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องเจ็ดดุจดั่งเทพเซียนไม่ทานอาหารปรุงสุก แต่กลับแต่งงานกับนาง ในแง่ของความไร้ยางอาย นับว่านางขึ้นสรวงสวรรค์ไร้คู่แข่งทีเดียว”“คุณหนูเฉิง เจ้าเบาเสียงหน่อย เสียงของเจ้าดังปานนี้ ทุกคนได้ยินกันหมดแล้ว” เด็กสา
ใบหน้าคุณหนูเฉิงและคุณหนูเว่ยประเดี๋ยวคล้ำเขียวอีกประเดี๋ยวก็ซีดเผือด“ท่านมีคุณสมบัติอะไรมาต่อว่าพวกเรา?” คุณหนูเฉิงเห็นว่าพวกนางถูกคนหัวเราะเยาะ ก็มิสนมารยาท ลำคอเชิดตรง “เทียบกันแล้ว ท่านยังมิสู้พวกเราเลย”“เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ข้าผอมไปสักหน่อย รับสารอาหารไม่เพียงพอ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้า ก่อนจะย
เสียงคำเยินยอดังเข้าหูไม่ขาด“นี่ ชุดที่แม่นางซูสวมเหมือนกับชุดของพระชายาอ๋องเจ็ดเชียว” ท่ามกลางเสียงชื่นชม พลันมีเสียงที่แตกต่างออกไปเสียงหนึ่งดังขึ้น“พูดเช่นนี้แล้ว คล้ายว่าจะเป็นเช่นนั้น นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินว่าซูเตี่ยนฉิงมาถึง เดิมความอยากอาหารก็ลดลงไปบ้างแล้ว เมื่อได้ย
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ไม่คิดให้ซูเตี่ยนซวงมาขอบคุณนางเช่นกัน ยามนั้นนางเพียงต้องการไว้หน้าเสนาบดีซูเท่านั้น“ข้าอยากใส่อันใดก็ใส่อันนั้น เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยเล่า?” นางพูดด้วยความแปลกใจ “เจ้ามีใจมาใส่ใจเรื่องนี้ มิสู้ใส่ใจใบหน้าเหี้ยมโหดและอัปลักษณ์ของเจ้าให้มากขึ้น ไม่น่ารักเพียงนี้ระวังจะไม่ได้ออกเรือ
“นี่มิแปลกยิ่งกว่าเดิมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของเครื่องประดับหรือจะเป็นลวดลายของอาภรณ์ก็ดี ล้วนแต่ซุกซ่อนชื่อของข้าและเขาเอาไว้ เจ้าดูลายดอกไม้อันนี้ ดูผิวเผินจะคล้ายเป็นดอกไม้ แท้จริงแล้วเป็นคำที่เปลี่ยนรูปทรงจากคำว่าเหยี่ยนเย่ว์”นางชี้ไปที่บุปผาปักบนเสื้อ“
เฮยตั้นยกอุ้งเท้าขึ้นตะปบลงบนใบหน้านางมันเผยกรงเล็บอันแหลมคมออกมา แม้ว่าแรงนั้นจะไม่มากพอถึงขั้นข่วนเกาใบหน้า ทว่ากลับทำให้เจ็บได้หากเป็นเมื่อก่อน ฉินเหยี่ยนเย่ว์คงจะคว้าอุ้งเท้าเล็ก ๆ ของมันแล้วดุด่าสอนสั่งไปหนึ่งคำรบนานแล้วคราวนี้ กลับมึนงงราวเป็นคนโง่งม“เหมียว” เฮยตั้นจ้องมองนางครู่หนึ่ง จากน
จีอู๋เยียนได้ยินคำพูดติดขัดของอวี้เอ๋อร์ หัวใจพลันเต็มไปด้วยระลอกคลื่นเขาเกร็งแขนโดยไม่รู้ตัว “เดินไหวไหม?”“ไม่ไหว” อวี้เอ๋อร์ยิ้มเบา ๆนางพูดได้ไม่มากนักร่างกายยังควบคุมได้ไม่ดีนัก และการเคลื่อนไหวง่าย ๆ บางอย่างยังทำไม่ได้เลยแม้กระนั้น นางยังคงพยายามเข้าใกล้จีอู๋เยียนริมฝีปากตกลงบนหน้าผากของเ
เขารีบก้าวไปหานาง วางนิ้วสั่นเทาไว้ใต้จมูกของนางเมื่อรู้สึกได้ว่านางยังหายใจอยู่ พลันรู้สึกโล่งใจในที่สุดเขาอุ้มนางขึ้นมา“ตู้เหิง ไปเรียกลู่ซิ่ว”หลังจากเข้าไปในเรือนนวล ดวงตาของตู้เหิงก็ตกไปยังเด็กสาวคนหนึ่งเขาไม่ได้มาที่เรือนนวลนานแล้ว แม่นางน้อยเข้ามาในเรือนนวลตั้งแต่เมื่อใด?เขาสับสนเหลือแสน
ตู้เหิงชะงักงันไปเล็กน้อย “อะไรนะ?”“หลังสังหารเขาแล้ว ข้าจึงจะพิจารณาเจ้าได้” จีอู๋เยียนเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา“สังหารผู้ใดนะ?” ตู้เหิงสงสัยว่าหูตัวเองได้ยินผิดไป“เจ้านายของเจ้า ตงฟางหลี”สีหน้าของตู้เหิงเปลี่ยนไปอย่างมาก “นี่เป็นไปไม่ได้”“สุ่ยเยียน นี่เจ้าเปลี่ยนความรักเป็นความเกลียดชังหรือ? เจ้าเอง
ตงฟางหลีถือโอกาสนี้ปล่อยจีอู๋เยียน และยืนขวางอยู่หน้าประตูเรือนนวลพร้อมกึ่งยิ้ม “ตู้เหิง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เป็นแม่นางสุ่ยเยียนคนนี้ที่เป็นฝ่ายโยนตัวเข้ามาในอ้อมแขนข้า ข้ารำคาญทีเดียว”“เรื่องมาจนถึงตอนนี้แล้ว เจ้าก็เลิกหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วบอกแม่นางสุ่ยเยียนถึงความในใจของเจ้าไปเสีย”ตู้เหิงเชื่อว่าจริง
“ท่านทำอะไรน่ะ?” ตงฟางหลีขวางเขาไว้ “ยังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเลย ท่านเข้าไปไม่ได้”“หลบไป” จีอู๋เยียนเปล่งไอสังหารยะเยือกออกมาตงฟางหลีหงุดหงิดเล็กน้อยจีอู๋เยียนลงมือกับยัยหนูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งท้าทายเส้นความอดทนต่ำสุดของเขาเรียบร้อยแล้ว“เหยี่ยนเย่ว์ไม่อนุญาตก็เข้าไปไม่ได้” เขายืนขวางตรงหน้าจีอู๋เยีย
......เมื่ออกจากพื้นที่ทับซ้อนมาแล้ว อวี้เอ๋อร์ก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติอีกครั้งแปดปีนี้นางสามารถรู้สึกว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างชัดเจนวิญญาณถูกบิดไปยังสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ร่างกายกลับเก็บรักษาไว้บนเตียงหยกเย็นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนางสามารถมองเห็นทั้งหมดที่จีอู๋เยียนทำเพื่อนางได้อย่างช
“อวี้เอ๋อร์?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตาฝาดไปแล้วผ่านไปไม่นาน นิ้วของอวี้เอ๋อร์ก็ขยับอีกครั้ง“ขยับแล้วจริง ๆ!”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง“เจ้าทำได้ พยายามอีกหน่อย”อวี้เอ๋อร์ราวกับเข้าใจคำพูดของนาง หัวคิ้วขมวดแน่น ดิ้นรนอยู่ท่ามกลางความบิดเบี้ยวอันไร้ที่สิ้นสุดหลังจากดิ้นรนอยู่นานดวงตาที
สิ้นเสียง เขาก็ก้าวยาว ๆ เดินจากไปพอเดินไปถึงประตู ก็หันหน้ากลับมาอีกครั้ง กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ท่านอ๋องเจ็ด ท่านเองก็ออกมาเถิด”ตงฟางหลีไม่แม้แต่จะสนใจเขาฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าในที่สุดจอมมารออกไปแล้ว ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พี่เจ็ด ท่านก็ออกไปเถิดเพคะ”“ยัยหนู...” ตงฟางหลีไม่วางใจนาง“วางใจเถิ