“มันเป็นความผิดของท่าน” ซูเตี่ยนฉิงพูดอย่างดุดัน “ยิ่งเป็นความผิดของนังแพศยาฉินเหยี่ยนเย่ว์ เป็นนางที่แย่งชิงท่านไป แย่งชิงท่านที่เป็นของหม่อมฉันไป”“แม่นางซู เจ้าจำไว้ ที่ข้าตัดความสัมพันธ์ต่อเจ้า มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหยี่ยนเย่ว์เลย” ตงฟางหลีพูดขึ้น“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะ
นางเหมือนกับคนบ้า ตะโกนกรีดร้องสุดเสียง “ตงฟางหลี ท่านเป็นคนเนรคุณ ได้ใหม่ลืมเก่า ท่านถูกนังแพศยาฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่นหลอกลวง นังแพศยานั่น เป็นเพราะนังแพศยานั่นเข้ามาขวางทาง หากไม่มีนาง หากนางตายไป ท่านก็ยังเป็นของหม่อมฉัน”“ตงฟางหลี หากวันนี้ท่านกล้าที่จะเดินออกไปจากที่นี่ หม่อมฉันจะทำให้ชีวิตของฉินเ
ครั้นตงฟางหลีออกจากประตูเล็ก ๆ สีของท้องฟ้ามืดลงแล้วภายใต้แสงส่องสะท้อนหิมะ ท้องฟ้าที่มืดมิดก็นับว่าไม่ได้มืดจนเกินไปเขาพาร่างอันหนาวเย็นไปถึงเรือน ทันทีที่ก้าวเข้าตำหนักหมิงอวี้ แสงไฟพลันสว่างขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์สวมเสื้อคลุมตัวหนายืนอยู่ในลานบ้าน ในมือถือเตาอุ่นมือไว้ ตัวสั่นเทาจากความหนาวเย็น“เ
ดวงตาของตงฟางหลีเป็นประกาย “ไม่ได้ทำอะไร”มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังทายาให้เขาบิดแก้มของเขา “หืม? ยังอยากปิดบังหม่อมฉันอยู่หรือ?”“ถ้ามีคนทำให้ข้าสิ้นลูกหลานสืบสกุล ข้าคงไม่สามารถฝืนทนกลืนความโกรธเช่นนี้ลงไปได้กระมัง?” ตงฟางหลีคว้ามือนาง “เป็นการให้มาส่งไปเท่านั้นเอง”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้ว “ท่า
“ยัยหนู เจ้าทำอะไรน่ะ?” ใบหน้าของตงฟางหลีมืดลง อยากจะพ่นยาเม็ดออกมาเม็ดยาส่วนใหญ่ละลายแล้วและมีรสหวาน ขณะที่เขาอ้าปาก ยาที่ละลายจำนวนไม่น้อยถูกกลืนลงไป“หม่อมฉันเตือนท่านแล้ว ไม่อนุญาตให้เรียกชื่อที่น่าอับอายนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเสียงหึ “ถ้าท่านเรียก ก็จะต้องทนลมพิโรธของหม่อมฉันเพคะ”หลังจากที่ตง
เดิมทีเมื่อเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว จึงได้เร่งรุดมารายงานเรื่องสำคัญทว่ายังไม่ทันเคาะประตู กลับเห็นท่านอ๋องอุ้มพระชายาไปยังเรือนนวลภายใต้แสงเงาเทียนใช้เท้าคิดก็ยังรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกันเขาไม่กล้ารบกวนแต่ก็รีบร้อนมาก จึงต้องเดินวนเป็นวงกลมอยู่ในลานบ้านตอนที่ตงฟางหลีเปิดประตู ตู้เห
ตู้เหิงตกตะลึง “ผู้ใดหรือ?”“ม้วนกระดาษสีม่วงทองมาจากเว่ยหย่วนซิง ข่าวนี้เชื่อถือได้ กุยโหย่วเจียงถูกคนสังหาร หนึ่งดาบปลิดชีพ ไร้ร่องรอยของการตอบโต้กลับ” สุ้มเสียงของตงฟางหลีเศร้าโศก“ท่านอ๋อง นี่ไม่เป็นความจริงกระมัง? มันจะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไรกัน?” ในน้ำเสียงของตู้เหิงเจือน้ำเสียงร้องไห้ “มันเป
ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็คือจีอู๋เยียนกับพี่หกบรรลุข้อหารือกันอย่างไรเสีย จีอู๋เยียนเล็งเห็นบางสิ่งที่เลวร้ายตงฟางหลีครุ่นคิดอยู่นาน เขียนจดหมายหลายฉบับติดต่อกัน และใช้ม้วนกระดาษสีม่วงทองอย่างเดียวกันส่งออกไป“ตู้เหิง เจ้าอย่าบุ่มบ่ามขัดขวางแผนการ” เขายื่นม้วนกระดาษให้เขา “เอาม้วนกระดาษนี้ส่งออกไ