“เจ้าแสร้งป่วยแล้วเรียกให้ข้ามา ก็เพื่อแสดงละครแบบนี้น่ะหรือ?” ตงฟางหลีถามเสียงเย็นชาซูเตี่ยนฉิงมองเขายังมีสายตาที่กระจ่างชัด ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องมนต์เลย ร่องรอยของความสับสนวุ่นวายฉายพาดผ่านในใจ “นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไร้ผล”ก่อนหน้านี้นางได้ทดลองมาแล้วหลายคร
“มันเป็นความผิดของท่าน” ซูเตี่ยนฉิงพูดอย่างดุดัน “ยิ่งเป็นความผิดของนังแพศยาฉินเหยี่ยนเย่ว์ เป็นนางที่แย่งชิงท่านไป แย่งชิงท่านที่เป็นของหม่อมฉันไป”“แม่นางซู เจ้าจำไว้ ที่ข้าตัดความสัมพันธ์ต่อเจ้า มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหยี่ยนเย่ว์เลย” ตงฟางหลีพูดขึ้น“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะ
นางเหมือนกับคนบ้า ตะโกนกรีดร้องสุดเสียง “ตงฟางหลี ท่านเป็นคนเนรคุณ ได้ใหม่ลืมเก่า ท่านถูกนังแพศยาฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่นหลอกลวง นังแพศยานั่น เป็นเพราะนังแพศยานั่นเข้ามาขวางทาง หากไม่มีนาง หากนางตายไป ท่านก็ยังเป็นของหม่อมฉัน”“ตงฟางหลี หากวันนี้ท่านกล้าที่จะเดินออกไปจากที่นี่ หม่อมฉันจะทำให้ชีวิตของฉินเ
ครั้นตงฟางหลีออกจากประตูเล็ก ๆ สีของท้องฟ้ามืดลงแล้วภายใต้แสงส่องสะท้อนหิมะ ท้องฟ้าที่มืดมิดก็นับว่าไม่ได้มืดจนเกินไปเขาพาร่างอันหนาวเย็นไปถึงเรือน ทันทีที่ก้าวเข้าตำหนักหมิงอวี้ แสงไฟพลันสว่างขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์สวมเสื้อคลุมตัวหนายืนอยู่ในลานบ้าน ในมือถือเตาอุ่นมือไว้ ตัวสั่นเทาจากความหนาวเย็น“เ
ดวงตาของตงฟางหลีเป็นประกาย “ไม่ได้ทำอะไร”มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังทายาให้เขาบิดแก้มของเขา “หืม? ยังอยากปิดบังหม่อมฉันอยู่หรือ?”“ถ้ามีคนทำให้ข้าสิ้นลูกหลานสืบสกุล ข้าคงไม่สามารถฝืนทนกลืนความโกรธเช่นนี้ลงไปได้กระมัง?” ตงฟางหลีคว้ามือนาง “เป็นการให้มาส่งไปเท่านั้นเอง”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้ว “ท่า
“ยัยหนู เจ้าทำอะไรน่ะ?” ใบหน้าของตงฟางหลีมืดลง อยากจะพ่นยาเม็ดออกมาเม็ดยาส่วนใหญ่ละลายแล้วและมีรสหวาน ขณะที่เขาอ้าปาก ยาที่ละลายจำนวนไม่น้อยถูกกลืนลงไป“หม่อมฉันเตือนท่านแล้ว ไม่อนุญาตให้เรียกชื่อที่น่าอับอายนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเสียงหึ “ถ้าท่านเรียก ก็จะต้องทนลมพิโรธของหม่อมฉันเพคะ”หลังจากที่ตง
เดิมทีเมื่อเขาได้ยินข่าวว่าท่านอ๋องกลับมาแล้ว จึงได้เร่งรุดมารายงานเรื่องสำคัญทว่ายังไม่ทันเคาะประตู กลับเห็นท่านอ๋องอุ้มพระชายาไปยังเรือนนวลภายใต้แสงเงาเทียนใช้เท้าคิดก็ยังรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกันเขาไม่กล้ารบกวนแต่ก็รีบร้อนมาก จึงต้องเดินวนเป็นวงกลมอยู่ในลานบ้านตอนที่ตงฟางหลีเปิดประตู ตู้เห
ตู้เหิงตกตะลึง “ผู้ใดหรือ?”“ม้วนกระดาษสีม่วงทองมาจากเว่ยหย่วนซิง ข่าวนี้เชื่อถือได้ กุยโหย่วเจียงถูกคนสังหาร หนึ่งดาบปลิดชีพ ไร้ร่องรอยของการตอบโต้กลับ” สุ้มเสียงของตงฟางหลีเศร้าโศก“ท่านอ๋อง นี่ไม่เป็นความจริงกระมัง? มันจะเป็นเรื่องจริงได้อย่างไรกัน?” ในน้ำเสียงของตู้เหิงเจือน้ำเสียงร้องไห้ “มันเป
เจ้าของเสียงแหบพร่านี้ เป็นผู้หญิงร่างใหญ่…และแข็งแกร่งหากบอกว่ามู่เยี่ยสืบทอดสายเลือดจากเป่ยลู่ จึงมีรูปร่างสูงใหญ่ทว่าหญิงสาวตรงหน้า รูปร่างเตี้ยกว่ามู่เยี่ยครึ่งศีรษะ ร่างกายกลับกว้างกว่ามู่เยี่ยเกือบสองเท่านางยืนอยู่ตรงนั้นราวเนินเขา ครั้นเอื้อนเอ่ยวาจาพื้นดินก็สั่นสะเทือนสามครั้งนางมีดวงตาเ
หน้าต่างเปิดอยู่จากมุมมองของฉินเหยี่ยนเย่ว์ นางสามารถมองเห็นเงาขององค์ชายหกผ่านหน้าต่างได้อย่างพอเหมาะพอเจาะนางเห็นองค์ชายหกไออย่างรุนแรงจึงเลิกคิ้วขึ้นปฏิกิริยาไข้หวัดธรรมดาไม่ควรโขลกไอเช่นนี้มีความเป็นไปได้มากว่าพี่หกจะติดเชื้อวัณโรค“ไม่แปลกใจเลยที่ท่านยืนกรานจะพาหม่อมฉันมาดูที่นี่” ฉินเหยี่ย
ฮ่องเต้กล้าที่จะมอบราชโองการเปล่าให้แก่ลู่จิ้น มองจากอีกด้านหนึ่งก็บ่งบอกชัดเจนว่า ตราบใดที่ไม่ข้ามเส้นต่ำสุด ลู่จิ้นสามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้เลยนี่องอาจห้าวหาญกว่าราชโองการธรรมดาทั่วไปมากลู่จิ้นชะงักงันไปชั่วขณะ และในที่สุดก็กลับมามีสติสัมปชัญญะ “ความหมายของเจ้าคือ ราชโองการเปล่านี้ของจ้งหัว พวก
ลู่จิ้นเอนลำตัวครึ่งหนึ่งของร่างกายออกมาจากด้านในรถม้า และทักทายฉินเหยี่ยนเย่ว์จากไกล ๆเขาอาจรู้สึกว่ารถม้าช้าเกินไป ยังไม่ทันที่รถจะหยุด คนก็กระโดดลงจากรถม้าเสียแล้วเขาอ้าแขนกว้าง และวิ่งไปหานางอย่างมีความสุข“ศิษย์น้องหญิง ข้ามาแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นแล้วตกตะลึงชายชราอายุร้อยกว่าปี สวมเสื้อผ้
ม้วนกระดาษนั้นออกสีเหลือง และด้ามไม้ก็มีจุดกระด่างกระดำกลิ่นเหม็นเน่าบนร่างของจีอู๋เยียนไม่ใช่ว่ามาจากม้วนกระดาษนี้บนกระดาษม้วนนี้มีกลิ่นไม้อ่อน ๆ คิดว่าถูกเก็บไว้ในกล่องก่อนที่จีอู๋เยียนจะหยิบมาทว่าถึงจะเก็บอยู่ในกล่องแต่ก็ยังกระด่างกระดำจนกลายเป็นเช่นนี้ ระยะเวลาของกระดาษม้วนนี้ก็น่าจะนานมากแล
แววตาของตงฟางหลีเป็นประกายเขาได้ระบุตัวผู้ต้องสงสัยไว้นานแล้ว ก็แค่ยังไม่พบหลักฐานเท่านั้นเองยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของผู้ต้องสงสัยยังไม่ธรมดาสามัญอีกด้วยหากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาย่อมไม่สามารถบุ่มบ่ามได้ตงฟางหลีคว้ามือนางไว้หลังจากที่อยู่ท่ามกลางลมหนาวมาเป็นเวลานาน นิ้วของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็เย็นย
“คนที่เก่งกาจมักมีปัญหาทางใจอยู่บ้าง เช่น จีอู๋เยียน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้าใจในเรื่องนี้มากไป๋หลินยวนเองก็เช่นเดียวกัน“ถ้ามีโอกาสข้าจะให้เจ้าได้พบพวกเขา” ตงฟางหลีกล่าว“ช่างเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปวดหัวมาก จีอู๋เยียนและไป๋หลินยวนเป็นคนวิปริตสองคนก็รับมือพอแล้ว นางไม่อยากรู้จักคนที่เป็นภาวะโพรงสมองคั่ง
โรควัณโรคนี้ เส้นทางหลักของการแพร่เชื้อคือการติดเชื้อทางละอองฝอยหากน้ำลายที่หมิ่นจูไอจนกระเซ็นออกมามีเชื้อแบคทีเรียวัณโรค ครั้นองค์ชายหกปรากฏตัวในห้องของหมิ่นจูบ่อยครั้ง โอกาสที่เขาจะติดเชื้อค่อนข้างสูงในยุคนี้การป่วยเป็นโรคเช่นนี้ ถือเป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้หมิ่นจูรักองค์ชายหกจริง ๆ หากอ
เขาชอบสิ่งนั้นมาก จึงเล่นกับมันอยู่ตลอดเวลาครั้นได้ยินคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ถึงรู้สึกว่าการกระทำนี้ออกจะตระหนี่ไปบ้าง จึงรีบส่งหน้าหากอนามัยที่เหลือกลับคืน “พระชายาอ๋องเจ็ด คืนให้ท่าน...”“ท่านเก็บไว้เถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ข้าแนะนำว่า ขอเพียงเข้าใกล้ฮูหยินจู ต้องสวมหน้ากากอนามัย เข้าใกล้ครั้