ขณะที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดจะดึงมือกลับไป ตงฟางหลีก็ฉวยโอกาสดึงนางเข้ามาในอ้อมกอดนัยน์ตาทั้งสองข้างเต็มไปได้ด้วยสีสันสวยงามราวกับเมฆหมอกเสียงของเขาอ่อนโยนเหมือนดั่งสายลมอันอบอุ่นโชยอย่างแผ่วเบา “ยังจำได้หรือไม่?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างกะทันหันของตงฟางหลีทำให้ตกใจนางตัวสั่นสะท้านอย่าง
“เป็นพิธีอย่างไรเล่า”“แต่ นี่น่าจะควรดื่มตอนแต่งงานนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น “นี่ก็ผ่านไปได้นานเท่าไรแล้ว ยังมีพิธีอันใดอีก? ท่านออกไปก่อนเถอะ”“ต้องดื่ม” ตงฟางหลีถึงกับใช้น้ำเสียงจริงจังอย่างหาได้ยาก“เหยี่ยนเย่ว์ สิ่งที่ข้าติดค้างเจ้าไว้ก่อนหน้านี้ ล้วนต้องชดใช้ให้หมด”ฉินเหยี่ยนเย่ว์อยากจะพ
“ข้าบอกไปแล้ว ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่” ไป๋โค้วมองส้มที่เหลืออยู่ครึ่งลูกในจาน ก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา โยนเปลือกส้มเข้าเตาไฟ แล้วยัดส้มเข้าปาก เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ช่วงหลายวันที่ท่านหมดสติไม่ฟื้นนั้น ท่านอ๋องเอาแต่ทำตัวผิดปกติอยู่ทั้งวัน ข้าถามตู้เหิงถึงได้รู้ว่า เป็นวันที่พวกท่านทั้งสองนัดหมายกั
เย่ว์ลู่โหดร้ายถึงกับทุบตีคนเชียวหรือ?“เรียนพระชายา เป็นเรื่องจริงเพคะ” หู่พั่วเอ่ย “ในวันแต่ง ท่านหญิงเย่ว์ลู่ได้ก่อเรื่อวุ่นวายในงาน จนทำให้จวนอ๋องสามต้องกลายเป็นตัวตลก พระสนมซูกลั้นความโกรธไว้จนเต็มท้อง พอถึงวันถัดมา ตอนที่ท่านหญิงเย่ว์ลู่เข้าวังไปยกน้ำชาคารวะยามเช้า พระนางก็จงใจไม่รับชาของท่านห
“สถานการณ์ท่านหญิงเย่ว์ลู่เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยถาม“นับตั้งแต่หลังจากตบพระสนมซู จนท่านหญิงถูกกักบริเวณและคัดพระคัมภีร์เป็นต้นมา บ่าวก็มิได้เจอนางอีกเลยเพคะ” หู่พั่วเอ่ยตอบ “แต่บ่าวได้ยินมาว่า นางเจริญอาหารมาก อารมณ์ก็ไม่เลวเลยเพคะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พินิจพิจารณาอารมณ์ของเย่ว์ลู่อยู่ในส
สถานะของสตรีต่ำต้อยเพียงนี้ แม้จะเป็นการเลิกราจากกันด้วยดี สตรีก็จะไม่มีวันมีชีวิตที่ดีไม่แปลกใจที่ในใจตงฟางหลีจะรู้สึกผิด ถึงกับต้องการจะร่วมหอกับนางโดยไม่สนอาการบาดเจ็บ ที่แท้ยังมีกฎเช่นนี้อยู่ด้วยนางกวาดสายตามองเฝ่ยชุ่ยที่ใบหน้าแดงก่ำ ก่อนที่สายตาจะทอดมองไปยังตู้เหิงที่กระสับกระส่ายสีหน้าตู้เห
เรื่องการแต่งงานนี้ แม้ว่าตงฟางหลีจะไม่ยินดีก็ไร้หนทางปฏิเสธหากพระพันปีพระราชทานอภิเษกสมรสด้วนตนเอง ก็เท่ากับแพ้เกมหมาก ถึงพวกเขาทั้งคู่จะไม่ยินดีทว่าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเมื่อซูเตี่ยนฉิงเข้าจวนอ๋องเจ็ด เกรงว่าในจวนนี้คงจะพลิกหน้ากลับหลังแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์บีบแขนเสื้อแน่น นางไม่สามารถรอต่อไปได้อีก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อยในฐานะเป็นหมอ ทันทีที่นางได้กลิ่นก็สรุปได้ กลิ่นหอมนี้เป็นยาพิษชนิดหนึ่งนางกลั้นหายใจพลางมองหาไปรอบ ๆ ในที่สุดก็เห็นช่อดอกไม้สีน้ำเงินพิลึกพิลั่นหนึ่งช่อวางอยู่ข้างหน้าต่างกลิ่นหอมแปลก ๆ กำจายออกมาจากดอกไม้ช่อนี้อย่างแน่นอนนางเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังจะดมก
ปรากฎการณ์ทุกอย่างแสดงออกมาให้เห็นถึง คำตอบหนึ่งที่โดดเด่นออกมา“ท่านหมายความว่า...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ปริปากพูดด้วยความยากลำบากอยู่บ้าง “ฮ่องเต้คิดจะให้ท่านขึ้นเป็นองค์รัชทายาทหรือ?”ตงฟางหลีถอนหายใจ “ใช่ หรืออาจจะไม่ใช่”“ท่านพูดเช่นนี้มิไร้สาระไปหรือ?”“ข้าคาดเดาความคิดของเสด็จพ่อไม่ได้” ตงฟางหลีพู
ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังโกรธขึ้งด้วยนิสัยของนาง จะต้องทำเรื่องอย่างการทวงหนี้จากทางเสด็จพ่อออกมาได้อย่างแน่นอนเขาดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน วางคางลงบนไหล่ของนาง “เด็กโง่ ผู้ใดบอกเจ้ากันว่าอ๋องทุกคนต้องมีที่ดินกันเล่า?”“แล้วมิใช่หรือ?” ในความทรงจำของฉินเหยี่ยนเย่ว์ พอถึงช่วงวัยหนึ่งอ๋องทุกคนก
“กองรักษาระเบียบถูกเผาจนมอดไหม้ไปหมดแล้ว” ตงฟางหลีพูด “ทั้งภายในและภายนอก ถูกเผาเสียจนไม่มีเหลือ กองรักษาระเบียบสร้างขึ้นมาตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น จึงมีความสำคัญมาก ต้องรีบสร้างขึ้นใหม่โดยเร็ว”“เช่นนั้นแล้วเกี่ยวอันใดกับท่านด้วยล่ะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดตงฟางหลีถอนหายใจ “ที่จริง ตอนที่เจ้ากำลังนอนหลับ เ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำพูดกับจอมขี้หึงผู้นี้ยิ่งนักนางพลิกกาย หันไปเผชิญหน้ากับเขาหลังจากทายาจินซวงเย่าชั้นยอดไปแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยจริง ๆนางเกี่ยวคอของเขาไว้ “หม่อมฉันหาได้คิดถึงชายอื่นไม่ คิดถึงแต่เพียงท่านเท่านั้น”“ยัยหนู ยังโกหกข้าอีก” ตงฟางหลีเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ไม่ใช่”“โกหกข้าแล
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้คำตอบกลับ อารมณ์ไม่ดีนัก จึงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่สนใจตงฟางหลี“เลิกคลุมได้แล้ว” ตงฟางหลีถืออาภรณ์ตัวใหม่มา ก่อนจะช่วยสวมให้นางอย่างเบามือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงพูดพึมพำนางดึงตัวตงฟางหลีเข้ามา “พี่เจ็ด ท่านไม่คิดว่าท่านทำเกินไปบ้างหรือ?”ตงฟางหลีฉวยโอกาสนี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน “
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่อยู่ในความฝันไม่ได้ยินเสียง ทว่ากลับได้กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นนั่นเป็นกลิ่นที่ทำให้คนสงบจิตใจได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวนางพลิกตัว และใช้มือตีคนข้าง ๆ อย่างแรง“ยัยหนู!”ใบหน้าของตงฟางหลีทะมึนทึน “ท่านอนของเจ้านี่!”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินสิ่งที่ตงฟางหลีกำลังพูดไม่ค่อยชัด
เมื่อคิดว่านางอาจจะจากไป เมื่อคิดว่าจะสูญเสียนางไป เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ในแต่ละเหตุการณ์ที่ไม่มีนางอยู่ด้วยแล้ว เขาไม่สามารถยอมรับได้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากนางทิ้งเขาไป เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง“ยัยหนู” เขาก้มหน้าลง แล้วกดหน้าผากลงบนหน้าผากของนาง “ข้ากลัวมาก จนถึงตอนนี้มือข้ายังสั่นอยู่เลย จนกระทั
ตู้เหิงคิดถึงสุ่ยเยียนที่เย็นชาและไม่ชอบพบปะผู้คน หัวใจก็คันยุบยิบยิ่งสุ่ยเยียนไม่สนใจเขามากเท่าใด เขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้มากขึ้นแม้ว่าจะถูกนางจ้องเขม็ง แต่เขาก็สามารถมีความสุขไปได้อีกครึ่งวันในฐานะบุรุษสง่าผ่าเผย จะต้องยึดมั่นจนถึงที่สุด ไม่ละทิ้งกลางคัน ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ด
“ไปทำตามที่พระชายาบอก” ตงฟางหลีรับช่วงต่อ “ข้าจะไปขอประทานอภัยจากเสด็จพ่อ เจ้าออกไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”หลี่เวยหลิงลังเลมากการจุดไฟเผาในพระราชวัง เป็นเรื่องที่พระชายาอ๋องเจ็ดเท่านั้นที่กล้าทำทว่า นอกจากการเผาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแก้ปัญหาที่ดีเลยเขารับคำสั่งแล้วออกไปตงฟางหลีมองไปที่ห้องโถงให