สถานะของสตรีต่ำต้อยเพียงนี้ แม้จะเป็นการเลิกราจากกันด้วยดี สตรีก็จะไม่มีวันมีชีวิตที่ดีไม่แปลกใจที่ในใจตงฟางหลีจะรู้สึกผิด ถึงกับต้องการจะร่วมหอกับนางโดยไม่สนอาการบาดเจ็บ ที่แท้ยังมีกฎเช่นนี้อยู่ด้วยนางกวาดสายตามองเฝ่ยชุ่ยที่ใบหน้าแดงก่ำ ก่อนที่สายตาจะทอดมองไปยังตู้เหิงที่กระสับกระส่ายสีหน้าตู้เห
เรื่องการแต่งงานนี้ แม้ว่าตงฟางหลีจะไม่ยินดีก็ไร้หนทางปฏิเสธหากพระพันปีพระราชทานอภิเษกสมรสด้วนตนเอง ก็เท่ากับแพ้เกมหมาก ถึงพวกเขาทั้งคู่จะไม่ยินดีทว่าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีเมื่อซูเตี่ยนฉิงเข้าจวนอ๋องเจ็ด เกรงว่าในจวนนี้คงจะพลิกหน้ากลับหลังแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์บีบแขนเสื้อแน่น นางไม่สามารถรอต่อไปได้อีก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อยในฐานะเป็นหมอ ทันทีที่นางได้กลิ่นก็สรุปได้ กลิ่นหอมนี้เป็นยาพิษชนิดหนึ่งนางกลั้นหายใจพลางมองหาไปรอบ ๆ ในที่สุดก็เห็นช่อดอกไม้สีน้ำเงินพิลึกพิลั่นหนึ่งช่อวางอยู่ข้างหน้าต่างกลิ่นหอมแปลก ๆ กำจายออกมาจากดอกไม้ช่อนี้อย่างแน่นอนนางเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว ขณะที่กำลังจะดมก
“เจ้ามีทักษะการพูดคารมคมคายนัก ไม่สู้มองช่อดอกไม้ในมือดูสิ บุปผาจันทร์ครามดอกนี้พิเศษมาก หลังจากเด็ดแล้วจะเหี่ยวเฉาทันที ยามที่พวกข้าเข้ามา ดอกไม้ในมือก็ยังบานสะพรั่งอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับแห้งเหี่ยวไปแล้ว เจ้ายังมีอะไรให้พูดเล่นลิ้นได้อีก?” ฮองเฮาบังคับตัวเองให้รักษาความสงบ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาฉ
ฮองเฮานี่หมายความอย่างไร?ในสายตาของนาง ซูเตี่ยนฉิงเต็มใจแต่งงานกับตงฟางหลี ก็คือโชคดีของตงฟางหลีหรือ? เป็นเขาปีนป่ายขึ้นที่สูงขึ้นอย่างนั้นหรือ?พวกนางไปเอาความมั่นใจและความกล้าหาญมาจากที่ใดกัน?“ฮองเฮา” ในน้ำเสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ราวสายลมและหิมะ เย็นชาหาสิ่งใดเปรียบได้ “พระองค์มิใช่ท่านอ๋องเจ็ด จ
ตำหนักอวิ๋นซิ่วเป็นที่พักอาศัยของเหล่าหญิงงามก่อนที่เหล่าหญิงงามจะเข้าตำหนัก จำต้องได้รับการตรวจพิสูจน์ว่าเป็นสาวพรหมจารีทีละคน เพื่อรับประกันความบริสุทธิ์แห่งสายเลือดราชวงศ์ฉินเหยี่ยนเย่ว์เองก็เคยได้ยินมา ว่าเหล่าท่านป้าผู้ตรวจร่างกาย เพียงแค่มองปราดเดียวก็สามารถรู้ได้ว่าเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วหร
“พระพันปีเพคะ” สายตาของนางจริงจัง “หม่อมฉันแสดงท่าทีของหม่อมฉันอีกครั้ง เรื่องรับอนุชายา หม่อมฉันยกมือสองข้างเห็นด้วยเพคะ ตราบใดที่ท่านอ๋องเห็นด้วย หม่อมฉันก็ไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านเพคะ ล้วนฟังความคิดเห็นของท่านอ๋องในทุกเรื่อง สิ่งที่หม่อมฉันไม่เข้าใจคือแม้ว่าต้องตรวจร่างกาย ก็ยังต้องตรวจตอนเป็นเจ้า
“พระชายาอ๋องเจ็ด บ่าวทำให้ท่านกลัวหรือเพคะ?” แม่นมผู้ตรวจร่างกายยังคงเดินเข้าหาฉินเหยี่ยนเย่ว์“เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น หากเจ้ากล้าก้าวมาข้างหน้าอีก อย่าตำหนิข้าที่ไม่เกรงใจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ส่งเสียงเฮอะร่องรอยของความประหลาดใจฉายแวบขึ้นมาในดวงตาของแม่นมผู้ตรวจร่างกาย และนางก็หยุดตามที่คาดไว้ฉินเหยี่ยนเ
เพียงแค่ให้นางเห็นแก่ฉินเสวี่ยเย่ว์ที่ตายไปแล้ว และไม่ถือสาหาความเรื่องในอดีตอีกต่อไปแน่นอนว่าไม่ถือสาหาความเรื่องแมลงพิษกู่ด้วยเช่นกันหมิ่นจูต้องการให้นางจัดงานศพให้แก่ฉินเสวี่ยเย่ว์ ทำให้ภายนอกได้เห็น และทิ้งชื่อเสียงดีงามด้านมิตรภาพระหว่างพี่สาวและน้องสาวไว้ขณะเดียวกัน ก็จะไม่มีคนใช้ประโยชน์จา
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุดพ้นจากปัญจญาตุ เปลี่ยนชะตาชีวิต มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ ยืมซากคืนชีพ!หรืออาจกล่าวได้ว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวจริงตายไปนานแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์ในตอนนี้ มิใช่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัวจริงด้วยซ้ำ คนที่อยู่ในร่างกาย เป็นอีกคนทว่า ชะตาชีวิตของคนข้างกาย ก็ถูกวิญญาณนี้บีบ
เรื่องที่ไร้หลักฐาน พลั้งเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน อาจถูกแว้งกัดกลับมาได้นางที่สุขุมมาโดยตลอดครานี้กลับจิตใจสับสนวุ่นวายเนื่องจากความตื่นตกใจ จึงพูดถ้อยคำที่ไม่ได้พูดออกมาจากใจจริงออกไปหมิ่นจูคิดหมุนวนอยู่หลายตลบ ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดเมื่อครู่นี้นั้นโง่เขลายิ่งนักนางพยายามลุกขึ้นยืนเพื่อ
หลังจากหมิ่นจูได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังของฉินเหยี่ยนเย่ว์แล้ว ในใจพลันหนักอึ้งเป็นอย่างที่นางได้ทำนายเอาไว้จริง ๆ งูสวรรค์ดำทำอะไรฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้ด้วยซ้ำหลังจากงูเพลิงแดงล้มเหลวติด ๆ กัน งูสวรรค์ดำก็ยังมาล้มเหลวอีก!ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้รับผลกระทบ กลับเป็นฉินเสวี่ยเย่ว์...ยามที่หมิ่นจูนึ
เป็นอย่างที่เหล่ามือปราบได้ว่าเอาไว้ ภายในห้องนี้เต็มไปด้วยสิ่งของที่ทำให้ผู้ต้องขนลุกตุ๊กตาน่าสงสัยแถวหนึ่งจัดวางเรียงรายไว้ด้านบน ตุ๊กตานั้นราวกับกำลังยิ้มแย้ม ทั้งยังเหมือนกับกำลังร้องไห้ มองจากที่ไกล ๆ นั้นดูเหมือนเป็นของจริงบนผนังฝั่งตรงข้าม ใช้เลือดเขียนอักษรคำว่า “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไปตายเสีย”
เมื่อหลี่ชิงอวิ๋นได้ยินว่ามีศพ พลันตกตะลึงไปทันทีมิน่าเล่าพระชายาอ๋องเจ็ดถึงได้พูดคำพูดเหล่านั้น ภายในจวนแห่งนี้ เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นดั่งคาดพบศพเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องที่อยู่ในขอบเขตการรับผิดชอบของเขาเช่นกันหลี่ชิงอวิ๋นเหยียดเอวตรงทันที“ฮูหยินท่านนี้ อีกประเดี๋ยวท่านโปรดอธิบายให้ชัดเจนด้วย
หลังจากอาการไอที่ยากจะต้านทานได้ผ่านพ้นไป นางจึงดื่มยาลงไปด้วยความยากลำบากยาฝืนระงับอาการไอลงไปได้“ฉินเสวี่ยเย่ว์หาเรื่องใส่ตัวเอง จึงถูกแมลงพิษกู่กลืนกิน ตายอยู่ในห้องมืดแล้วเพคะ” หมิ่นจูสงบนิ่งพักใหญ่ ถึงกล่าวขึ้น “ท่านอ๋องเจ็ดและพระชายาอ๋องเจ็ดคงจะมาเพราะเรื่องนางเป็นแน่ องค์ชายหกอย่าได้กังวลไป
“ท่านอ๋อง พวกเราออกไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ หลี่ชิงอวิ๋นนำคนมาล้อมจวนไว้แล้ว ขอเพียงพวกเราออกไป จะต้องถูกคนจับตัวได้แน่นอน” องครักษ์กล่าวสีหน้าขององค์ชายหกย่ำแย่กว่าเดิมหลี่ชิงอวิ๋นเห็นได้ชัดว่าเป็นการมาโดยที่มีการเตรียมตัวมาก่อน จึงจงใจเลือกที่จะบุกเข้ามาในเวลานี้ ชัดเจนว่าเป็นการมาจับชู้คาเตียงคนบ
“ใต้เท้าหลี่วางใจได้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้น “พวกเราเพียงเข้าไปตรวจสอบฮูหยินของหลิงอวิ๋นจวินเท่านั้น หาได้เกี่ยวข้องกับองค์ชายหกไม่ พวกเราไม่รู้ว่าองค์ชายหกจะมาอยู่ที่นี่ และองค์ชายหกคงไม่ออกมาพบพวกเราเช่นกัน มิใช่หรือ?”หลี่ชิงอวิ๋นชะงักงันไปชั่วขณะ “พระชายาอ๋องเจ็ดหมายความว่า...”ฉินเหยี่ยนเย่ว์หั