บนต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะที่อยู่ไกลออกไปกำลังขยับเบา ๆ เงาสีขาวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ใดเงาสีขาวนี้ คือเฟยอิ่งที่ตู้เหิงส่งไปติดตามฮูหยินรองขณะที่เฟยอิ่งกำลังจะกลับไปรายงานที่จวนท่านอ๋องเจ็ดนั้น พลันเห็นราชองครักษ์ของจวนท่านอ๋องสามยัดสาวใช้ที่ตายไปแล้วใส่กระสอบ
“ข้าเขียนแทนเจ้าเอง” ตงฟางหลีหยิบพู่กันขึ้นมาหลังจากฉินเหยี่ยนเย่ว์สั่งเทียบยาที่สามารถยืดอายุแล้ว ก็เรียกหาแหวน ต้องการยาที่ใช้สำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ทว่าแหวนยังคงไม่สนใจนางเหมือนดั่งเช่นเคย“ตู้เหิง ยังต้องให้ลู่ซิวมาดูสักครั้ง” นางมองเลือดที่อาบเต็มศีรษะก็รู้สึกอับจนหนทางอยู่บ้าง “ข้าจักรักษาแ
“เรียกข้าว่าศิษย์พี่อีกครั้งข้าก็จักสอนเจ้า” ลู่จิ้นดีอกดีใจราวกับเด็ก ๆ“ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็ม จับชีพจร หรือแม้กระทั่งผ่าตัด ล้วนจำเป็นต้องสั่งสมประสบการณ์จำนวนมาก มิใช่สิ่งที่ทำได้โดยง่าย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ศิษย์พี่ ข้าจะค่อย ๆ เรียนรู้เจ้าค่ะ”ลู่จิ้นดีอกดีใจยิ่งนัก พลันเริ่มพูดคุยไม่หยุดว่า
ลู่จิ้นได้ยินว่ามีสุรา ดวงตาทั้งสองข้างก็เป็นประกายตงฟางหลีรู้ว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังหาทางลงให้เขา คิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายออก ก่อนจะให้คนยกสุราดีเข้ามา“เจ้าเจ็ด เจ้านี่ช่างรู้ความเสียจริง” หลังจากลู่จิ้นได้กลิ่นสุราหอม ๆ แล้วก็เอ่ยปากชมยกใหญ่ “ศิษย์น้อง ข้าดื่มสุราเสร็จแล้วค่อยไปอยู่กับเจ้าก็แล้วกั
“ลองหยดเลือดลงตรงนี้สักหยดสิเจ้าคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชี้ไปยังจุด ๆ หนึ่งลู่จิ้นหยดเลือดลงไปหนึ่งหยดด้วยท่าทีกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ก่อนที่ผลจะแสดงออกมาว่าเป็นกรุ๊ปเลือด Bเขายกใบตรวจหาหมู่เลือดขึ้น แล้วกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “นี่ นี่มันมหัศจรรย์เกินไปแล้ว นี่มันทำได้อย่างไร? รีบสอนข้าเร็วเข้า”“ทำไม่
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไรลู่ซิวจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ “พระชายา ท่านอย่ามองว่าท่านบรรพบุรุษเย่อหยิ่งเลยพ่ะย่ะค่ะ แท้จริงแล้วเขาเก่งกาจมาก หนังสือแพทย์ที่เผยแพร่ไปทั่วหล้านั้น มีจำนวนมากที่ท่านบรรพบุรุษเป็นคนเขียนขึ้นมาเอง แต่ละเล่มล้วนเป็นสมบัติของแคว้นด้วย”“สิบปีก่อน ท่านบรรพบุรุ
“เอ๋?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์บิดเอวของเขาตงฟางหลีรู้สึกเจ็บ จึงคว้ามือของนางมาวางไว้ที่หัวใจ “เมื่อครู่ข้ากำลังคิดว่าหากเพียงแค่ดูลายมือกับเท้าล่ะก็ การเรียกพี่รองแล้วก็น้องสิบมาก็มิใช่เรื่องใหญ่โตแต่อย่างใด”“โอ้ ในใจรู้สึกผิดก็เลยเปลี่ยนนิสัยเลยหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้าหยอก“มั่นใจเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่
เมื่อรู้ซึ้งถึงการมีอยู่ขององครักษ์จื่ออวี้นั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกหนักใจยิ่งนักเดิมทีนางคิดไปเองว่าฮ่องเต้จักส่งคนมาคอยคุ้มครองนาง สอดส่องนาง ผู้ใดจักไปคิดเล่า ว่าพระองค์จักส่งยอดฝีมือเช่นนี้มา“หากเจ้าเกิดพบเจอเหตุการณ์อันตรายขึ้นมา เช่นนี้ก็สามารถเรียกองครักษ์จื่ออวี้ออกมาได้” ตงฟางหลีเอ่ยปลอบ