“มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น หม่อมฉันพบว่าท่านมิทานเนื้อสัตว์ ทานแต่อาหารจำพวกมังสวิรัติ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิรู้ว่าหลินเฟยจิ้งกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางพลันหันไปมองตงฟางเจวี๋ยด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย“เสด็จพี่รองเพคะ ถึงแม้หม่อมฉันจักมิสามารถโน้มน้าวให้บุคคลที่ทานมังสวิรัติหันมาทานเนื้อสัตว
“น้องสะใภ้เข้าใจผิดไปแล้ว” ตงฟางเจวี๋ยกล่าว “การที่สตรีจักได้ร่ำเรียนการแพทย์นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ได้รับการสืบทอดผ่านตระกูลเท่านั้น ฉะนั้นแล้วหมอหญิงจึงหาได้ยากมากนัก ทั่วทั้งราชวงศ์ตงลู่เกรงว่าจักมีมิถึงสิบคน อีกทั้ง หากเขาจักมีความคิดเช่นนั้นหาใช่เรื่องแปลกไม่”"อีกทั้ง
หอเฉินเซียงที่เต็มไปด้วยความคึกคักนั้นภายนอกของหอกลับเต็มไปด้วยหิมะมากมายแสงสว่างจากแสงเทียนหลากสี กลับสะท้อนให้เห็นหิมะสีขาวบนหลังคาเมื่อเหม่อมมองออกไปไกล ๆ นั้น ทุกอย่างพลันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ท้องฟ้าหนาวเย็น บ้านเรือนขาวโพลน กลับส่องสว่างออกมาในยามราตรีที่มืดมิดหลังจากหิมะตกลงมาแล้วนั้น อากาศ
คนบางคนยึดติดอยู่กับชื่อเสียง ความมั่งคั่งและอำนาจ โดยหาได้ดึงสติกลับมาได้ไม่ ถึงแม้จักเป็นเขาเอง ก็ยังหลงใหลถึงแม้จะก้าวไปข้างหน้าก็ตามหากแต่นางกลับมองทุกอย่างได้ทะลุปลุโปร่ง“หากคำพูดเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกไปละก็ ย่อมสามารถเป็นโทษประหารตัดหัวเจ้าได้เลยทีเดียว” เขากล่าว “อย่าริอาจเอ่ยวาจาออกมาพร่ำเพ
หิมะที่ตกหนักในยามราตรีเช่นนี้ ทำให้ถนนลื่นมากนัก ด้วยทางเดินของรถม้าที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ทำเอาหัวของฉินเหยี่ยนเย่ว์กระแทกไปมา ทำให้นางหาได้นอนหลับอย่างมีความสุขไม่ตงฟางหลีมีท่าทีลังเลอยู่นาน ก่อนจะดึงตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามานอนบนตักของเขาพร้อมทั้งถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ของตนเองออกมาคลุมบนตัวนาง“ข้าคิด
นี่ไม่ใช่สิ ร่างกายที่ทำงานหนักเกินไปประคับประคองไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว“นางจะเป็นเช่นไรบ้าง?” ตงฟางหลีถาม“จริง ๆ แล้วปัญหาของพระชายามิได้ใหญ่โต เพียงแค่เหนื่อยและต้องการพักผ่อนเท่านั้นเอง หลับไปหนึ่งตื่นน่าจะดีขึ้นบ้าง” ลู่ซิวเอ่ยตอบ “นางยังมีไข้อยู่ อาจต้องเพิ่มความชื้นสักสองสามครั้ง แล้วยังต้องหาสาว
ตงฟางหลีชะงักงันเขาเคยเห็นนางหลายด้าน แต่เพียงอย่างเดียวที่เขากลับไม่เคยเห็นคือนางร้องไห้อย่างขมขื่นโดยไม่รู้ตัว เขาก็เดินกลับมาอีกครั้งฉินเหยี่ยนเย่ว์นอนหลับไม่ค่อยสบายเท่าใดน้ำตาไหลออกมาจากหางตาของนาง สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว“พ่อแม่ อย่าไปนะ ขอร้องล่ะ”“อย่าทิ้งหนูไป”เสียงสะอื้นไห้ทะลุผ่านก้นบึ้
หลังจากตื่นจากความฝัน ภาพเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นแล้ว“เมื่อคืนเจ้าจับข้าไว้ไม่ปล่อยเลย” ตงฟางหลีมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสับสน รอยยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะใช้น้ำเสียงเย็นชาที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาพูดขึ้น“เจ้าร้องไห้และบอกข้าว่าอย่าไป ครั้นข้าไปเจ้าก็ร้องไห้หนัก น่ารำคาญยิ่งนัก ถ้ามิใช่ว่าข้าง่วงมาก ก
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่ใช้วิธีการโหดร้ายเช่นนี้ทำร้ายเจ้าคือฉินเสวี่ยเย่ว์?” ตงฟางหลีถามคนที่เกลียดยัยหนูเข้ากระดูกไม่ได้มีมากมาย และฉินเสวี่ยเย่ว์ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นจุดหนึ่งที่สำคัญที่สุด คือฉินเสวี่ยเย่ว์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหมิ่นจูที่ผิดแผกคนนั้นและในการสืบสวนของเขา หมิ่นจูเองก็มีควา
“เป็นผู้ใด?” ตงฟางหลีถามฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก ๆ มือกำแขนเสื้อแน่นบนจดหมายที่นกกางเขนเงาส่งมา เป็นเรื่องที่นางไหว้วานให้พระชายาอ๋องเฉียนสืบสวนจริง ๆบนจดหมายไม่ได้มีเพียงข้อมูลที่เกี่ยวกับงูเพลิงแดงเท่านั้น พอเหมาะพอเจาะกับที่ยังมีข่าวของงูสวรรค์สีดำสนิทอีกด้วย!งูสวรรค์สีดำสนิทและงูเพลิงแดงสี
“พิษร้ายแรง?” ตงฟางหลีขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านมิใช่บอกว่าไม่รู้เรื่องพิษหรืออย่างไร?”“ข้าคร้านจะบอกเจ้าเท่านั้นเอง” ลู่จิ้นกลอกตาใส่ตงฟางหลี“ศิษย์น้องหญิง เจ้าอย่ากังวลเลย สิ่งนั้นถูกข้าจับไว้ได้แล้ว อยู่ตรงนี้” เขาโบกขวดกระเบื้องในมือไปมา“เหตุใดงูสวรรค์ถึงได้ปรากฏตัวที่นี่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สับสน
มือของฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกลงบนหัวของเฮยตั้นพลางถอนหายใจลึก“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ พวกท่านไม่ต้องกังวล”“จะไม่เป็นไรได้อย่างไร? เมื่อครู่ข้าตกใจแทบตาย” ตงฟางหลียังคงหวาดผวาอยู่ในใจ“หม่อมฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกมือขึ้น สัมผัสแก้มซีดขาวของตงฟางหลีท่าทีของชายผู้นี้ผิดปกติแม้ว่าใบหน้าของเขา
ความโกรธของตงฟางหลียิ่งมากขึ้นเขาระงับอารมณ์หุนหันพลันแล่นที่จะทุบหัวของลู่จิ้นสักหมัด ถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เหยียนเย่ว์ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?"“ยังไหว”“ยังไหว หมายความว่าอย่างไร?” ตงฟางหลียังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์น่าหวาดผวาเมื่อครู่นั้น ครั้นได้ยินคำตอบส่งเดชของลู่จิ้น จึงอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง“ค
หลังจากที่เฮยตั้นปล่อยของสิ่งนั้นออก ของสิ่งนั้นก็หนีออกไปด้วยการยืดและหดตัว“เหมียว” เฮยตั้นเห็นว่ามันจะหลบหนี จึงกระโจนไปตะครุบใส่ และกัดส่วนหัวของมันอย่างรุนแรงฉีกทึ้งอย่างแรง และของสิ่งนั้นก็แยกออกเป็นสองท่อนหลังถูกแยกออกเป็นสองท่อนแล้ว ยังคงเคลื่อนไหวอยู่เฮยตั้นชะงักไปชั่วขณะ อุ้งเท้าทั้งสอง
น้ำเสียงนั้นราวกับกำลังบอกว่า...ไว้หน้าแล้วไม่รู้จักรับ!หลังจากนั้น กรงเล็บก็ตวัดมาทางเขาหลังจากอุ้งเท้าของมันเคลื่อนออก เจ้าสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับเส้นผมตัวนั้นก็คิดจะหลบหนี“เมี้ยว!” เฮยตั้นไม่สนใจสั่งสอนตงฟางหลีทาสผู้โง่เขลาคนนี้อีกมันกระโจนเข้าไปอย่างดุดัน และตบของสิ่งนั้นอย่างรุนแรง ก่อนจะใช้
เงาดำสายหนึ่งกระโดดเข้ามาจากทางประตูร่างกายอวบอ้วนที่แข็งแรงประหนึ่งบินเข้ามา มาถึงตรงหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ในพริบตา“เมี้ยว”เฮยตั้นกระโดดขึ้นบนศีรษะของนางอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างกายปิดดวงตาของฉินเหยี่ยนเย่ว์ ขาหลังเกือบจะปิดแก้มของนางกรงเล็บหน้าขยุ้มผมนางเมื่อการมองเห็นของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกบดบัง
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ