ตงฟางเจวี๋ยได้ยินเสียงร้องตะโกนว่าชายาอ๋องเจ็ดคือหญิงงามอันดับหนึ่งของหลิวซิงจากป่าไผ่เล็ก รอยยิ้มจาง ๆ พลันผุดขึ้นบนใบหน้าเคร่งขรึมฉินเหยี่ยนเย่ว์ผู้นี้ เป็นดั่งเช่นที่น้องเจ็ดได้กล่าวเอาไว้จริง ๆ นางแตกต่างจากในอดีตไปโดยสิ้นเชิงสามารถทำให้หลิวซิงกระวนกระวายได้ นางถือว่าเป็นคนแรก“ขอบใจ” เขาดันแก
เดิมทีตงฟางหลีก็หาได้ดึงดันไม่ เพียงแต่มิต้องการทำตามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวเท่านั้น เห็นว่าตงฟางเจวี๋ยเอ่ยปาก ก็เออออหาทางลงไม่นานอาหารก็ถูกวางขึ้นโต๊ะทั้งหมด ทั้งประณีตและมีรสชาติเลิศล้ำฉินเหยี่ยนเย่ว์คีบหมูกรอบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ชิมไปหนึ่งคำ พลันเบิกตากว้างทันทีหมูกรอบกรอบนอก นุ่มใน น้ำจากเนื้อถู
“หรือบางที พวกเราสืบมาถูกทางตั้งแต่แรก” ตงฟางเจวี๋ยกล่าว “เพียงแต่ถูกคนทำให้สับสนเท่านั้น”ตงฟางหลีสีหน้าเคร่งขรึมพิษผีเสื้อไร้กลิ่น สามารถยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของพี่ใหญ่ หากไม่เกี่ยวข้องกับน้องสิบ ก็อาจจะพอยอมรับได้หากน้องสิบเกือบประสบกับอันตรายในวันมงคลนั่นเป็นฝีมือขององค์ชายหกทว่าน้องสิบถูกทำร
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัดบท “กระเพราะเป็นทะเลแห่งสารอาหาร รองรับอาหารและน้ำเพื่อย่อยอาหาร เป็นท่อลำเลียงหลัก หากชี่ในกระเพราะอาหารไม่เพียงพอ ก็มิอาจดูดรับอาหารได้ ลำไส้เล็กสร้างสารน้ำขึ้นมา ส่วนลำไส้ใหญ่จะดูดของเหลวส่วนเกินออก ลำไส้และกระเพาะของท่านล้วนไม่ดี ดูดซึมได้แย่ นานวันเข้า ร่างกายจึงเสื่อมถอยอย่าง
ตงฟางเจวี๋ยให้คนนำยาเม็ดมาฉินเหยี่ยนเย่ว์ลองดมดูแล้วก็เบาใจเดิมทีนางคิดว่ามีคนวางแผนร้ายในยา ด้วยการผสมยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าลงไป เมื่อตรวจสอบยาอย่างละเอียดแล้ว ถึงได้รู้ว่าเป็นนางคิดมากไป ยาเม็ดที่ตงฟางเจวี๋ยใช้ทำขึ้นจากหญ้าหลงต่าน หวงฉิน เหยียนเชอเฉียนจื่อและสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ความสอดคล้องกันของสมุ
“เจ้ามีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนผิดหรือไม่? ยาของข้ามีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสม” “ยานี้หาได้มีส่วนที่ไม่เหมาะสมไม่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หญ้าหลงต่านมีฤทธิ์เย็นเป็นยาระบาย ใช้เป็นตัวยาหลัก หวงฉินช่วยระบายร้อนขับพิษได้ ใช้เสริมหญ้าหลงต่าน เป็นตัวยาเสริม ทั้งยังใช้เหยียนเชอเฉียน เม็ดจือจื่อผัด มู่ทง สุ
“มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น หม่อมฉันพบว่าท่านมิทานเนื้อสัตว์ ทานแต่อาหารจำพวกมังสวิรัติ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิรู้ว่าหลินเฟยจิ้งกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางพลันหันไปมองตงฟางเจวี๋ยด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย“เสด็จพี่รองเพคะ ถึงแม้หม่อมฉันจักมิสามารถโน้มน้าวให้บุคคลที่ทานมังสวิรัติหันมาทานเนื้อสัตว
“น้องสะใภ้เข้าใจผิดไปแล้ว” ตงฟางเจวี๋ยกล่าว “การที่สตรีจักได้ร่ำเรียนการแพทย์นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ได้รับการสืบทอดผ่านตระกูลเท่านั้น ฉะนั้นแล้วหมอหญิงจึงหาได้ยากมากนัก ทั่วทั้งราชวงศ์ตงลู่เกรงว่าจักมีมิถึงสิบคน อีกทั้ง หากเขาจักมีความคิดเช่นนั้นหาใช่เรื่องแปลกไม่”"อีกทั้ง