เดิมทีตงฟางหลีก็หาได้ดึงดันไม่ เพียงแต่มิต้องการทำตามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าวเท่านั้น เห็นว่าตงฟางเจวี๋ยเอ่ยปาก ก็เออออหาทางลงไม่นานอาหารก็ถูกวางขึ้นโต๊ะทั้งหมด ทั้งประณีตและมีรสชาติเลิศล้ำฉินเหยี่ยนเย่ว์คีบหมูกรอบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ชิมไปหนึ่งคำ พลันเบิกตากว้างทันทีหมูกรอบกรอบนอก นุ่มใน น้ำจากเนื้อถู
“หรือบางที พวกเราสืบมาถูกทางตั้งแต่แรก” ตงฟางเจวี๋ยกล่าว “เพียงแต่ถูกคนทำให้สับสนเท่านั้น”ตงฟางหลีสีหน้าเคร่งขรึมพิษผีเสื้อไร้กลิ่น สามารถยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือของพี่ใหญ่ หากไม่เกี่ยวข้องกับน้องสิบ ก็อาจจะพอยอมรับได้หากน้องสิบเกือบประสบกับอันตรายในวันมงคลนั่นเป็นฝีมือขององค์ชายหกทว่าน้องสิบถูกทำร
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตัดบท “กระเพราะเป็นทะเลแห่งสารอาหาร รองรับอาหารและน้ำเพื่อย่อยอาหาร เป็นท่อลำเลียงหลัก หากชี่ในกระเพราะอาหารไม่เพียงพอ ก็มิอาจดูดรับอาหารได้ ลำไส้เล็กสร้างสารน้ำขึ้นมา ส่วนลำไส้ใหญ่จะดูดของเหลวส่วนเกินออก ลำไส้และกระเพาะของท่านล้วนไม่ดี ดูดซึมได้แย่ นานวันเข้า ร่างกายจึงเสื่อมถอยอย่าง
ตงฟางเจวี๋ยให้คนนำยาเม็ดมาฉินเหยี่ยนเย่ว์ลองดมดูแล้วก็เบาใจเดิมทีนางคิดว่ามีคนวางแผนร้ายในยา ด้วยการผสมยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าลงไป เมื่อตรวจสอบยาอย่างละเอียดแล้ว ถึงได้รู้ว่าเป็นนางคิดมากไป ยาเม็ดที่ตงฟางเจวี๋ยใช้ทำขึ้นจากหญ้าหลงต่าน หวงฉิน เหยียนเชอเฉียนจื่อและสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ความสอดคล้องกันของสมุ
“เจ้ามีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าข้าเป็นคนผิดหรือไม่? ยาของข้ามีส่วนไหนที่ไม่เหมาะสม” “ยานี้หาได้มีส่วนที่ไม่เหมาะสมไม่” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “หญ้าหลงต่านมีฤทธิ์เย็นเป็นยาระบาย ใช้เป็นตัวยาหลัก หวงฉินช่วยระบายร้อนขับพิษได้ ใช้เสริมหญ้าหลงต่าน เป็นตัวยาเสริม ทั้งยังใช้เหยียนเชอเฉียน เม็ดจือจื่อผัด มู่ทง สุ
“มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ร้ายแรงกว่านั้น หม่อมฉันพบว่าท่านมิทานเนื้อสัตว์ ทานแต่อาหารจำพวกมังสวิรัติ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิรู้ว่าหลินเฟยจิ้งกำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางพลันหันไปมองตงฟางเจวี๋ยด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย“เสด็จพี่รองเพคะ ถึงแม้หม่อมฉันจักมิสามารถโน้มน้าวให้บุคคลที่ทานมังสวิรัติหันมาทานเนื้อสัตว
“น้องสะใภ้เข้าใจผิดไปแล้ว” ตงฟางเจวี๋ยกล่าว “การที่สตรีจักได้ร่ำเรียนการแพทย์นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่ได้รับการสืบทอดผ่านตระกูลเท่านั้น ฉะนั้นแล้วหมอหญิงจึงหาได้ยากมากนัก ทั่วทั้งราชวงศ์ตงลู่เกรงว่าจักมีมิถึงสิบคน อีกทั้ง หากเขาจักมีความคิดเช่นนั้นหาใช่เรื่องแปลกไม่”"อีกทั้ง
หอเฉินเซียงที่เต็มไปด้วยความคึกคักนั้นภายนอกของหอกลับเต็มไปด้วยหิมะมากมายแสงสว่างจากแสงเทียนหลากสี กลับสะท้อนให้เห็นหิมะสีขาวบนหลังคาเมื่อเหม่อมมองออกไปไกล ๆ นั้น ทุกอย่างพลันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ท้องฟ้าหนาวเย็น บ้านเรือนขาวโพลน กลับส่องสว่างออกมาในยามราตรีที่มืดมิดหลังจากหิมะตกลงมาแล้วนั้น อากาศ
“เหยี่ยนเย่ว์!”ในตอนที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดว่าตนกำลังจะตาย สุ้มเสียงที่เป็นกังวลก็ดังขึ้น“เหยี่ยนเย่ว์ เจ้าเป็นไรหรือไม่?”“ยัยหนู เจ้าห้ามเป็นอะไรเด็ดขาดนะ”เสียงหนึ่ง ตอนแรกฟังดูเหมือนมาจากมิติอันไกลโพ้น ยากที่จะได้ยินชัดเจนแต่แล้วเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆผ่านชั้นสีเลือด ขจัดความกลัว ข
หลังจากที่ป้าหวนออกคำสั่ง ทุกคนต่างรวมตัวกันรอบฉินเหยี่ยนเย่ว์และเฟิ่งหลีกระบี่ยาวหอบลมปะทะมา ทั้งหมดโจมตีลงมาที่พวกเขาฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อนครั้งก่อนที่ถูกคนของอีกาดำโจมตี อีกาดำตัวนั้นไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตาเลย และการเคลื่อนไหวของฝ่ามือช่างเชื่องช้ายิ่งนัก นางหลบหนีได้ภา
ฉินเหยี่ยนเย่ว์รู้สึกว่าเถาวัลย์โลหิตถูกคนตัดออกไป ร่างกายเบาขึ้นดูเหมือนมีคนตบใบหน้านางอย่างแรงคนผู้นั้นยังคงพูดอะไรบางอย่างร้อนใจด้วยเสียงที่ห่างไกลฟื้นคืนกลับมาทีละน้อย และสมองที่ค้างเติ่งว่างเปล่าก็เริ่มต้นใหม่เช่นกัน“สาวน้อย ตื่นได้แล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองไปยังแหล่งที่มาของเสียงด้านหน้า ใบ
องครักษ์จื่ออวี๋ในยามนี้ตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากทั้งสองด้านแล้วหลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ สีหน้าย่ำแย่อย่างรวดเร็วบนกระบี่มีพิษ!ภายใต้ผลกระทบของพิษ สติขององครักษ์จื่ออวี๋พร่ามัวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบผนึกจุดฝังเข็มที่สำคัญหลายจุดจุดฝังเข็มถูกผนึกกะทันหัน และเมื่อเลือดลมพุ่งทะยานขึ้น เขาจึงกระอัก
นอกจากกำแพงที่มิอาจเข้าใกล้ได้แล้ว อีกสามทิศที่เหลือล้วนถูกยึดครองทั้งหมดภายใต้วงล้อมที่โอบล้อมหลายชั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์และองครักษ์จื่ออวี๋เหลือเรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยฝั่งตรงข้ามมีคนจำนวนมาก ส่วนพวกเขามีกันเพียงสองคน การต่อสู้แบบเวียนเทียนสามารถทำให้พวกเขาเหนื่อยล้าจนหมดแรงได้เช่นกัน“รีบสู้รีบจบเถิ
องครักษ์จื่ออวี๋หยุดชะงักไปชั่วขณะศัตรูมีจำนวนมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต เขาเพียงคนเดียวรับมือกับคนจำนวนมากเพียงนี้ อาจทำให้มิอาจดูแลไปพร้อม ๆ กันได้“สวมสิ่งนี้ไว้” เขาถอดเกราะเม่นอ่อนของตนเองออก“นี่คือ...” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงเกราะเม่นอ่อนที่ดาบแทงไม่เข้า เป็นสิ่งของในตำน
องครักษ์จื่ออวี๋มีวรยุทธ์ที่สูงส่ง มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีออกไปได้“มิอาจให้พวกเขาหลบหนีออกไปได้” ป้าหวนกำหมัดแน่นอย่างดุดัน “ตามไป จะต้องสงหารพวกเขาในกองรักษาระเบียบนี้ให้ได้”“หากพวกเขาออกจากกองรักษาระเบียบไปได้แล้ว พวกเราทั้งหมดก็ต้องตาย”สีหน้าของเหล่านางกำนัลพลันกลายเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมามีนาง
“ไม่ได้” ใบหน้าเล็ก ๆ ของตงฟางอิงซีดขาว “พวกนางล้วนมีวรยุทธ์กันทั้งนั้น ท่านไม่เป็นวรยุทธ์ สู้พวกนางไม่ได้หรอก”นางกำนัลเหล่านี้ไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร แต่ละคนล้วนมีฝีมือสูงส่งทั้งนั้นด้วยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คืออาศัยวิชาตัวเบาที่ซุยเยียนสอนหลบหนีไป คิดจะเอาชนะพวกเขาได้นั้นเป็นไปไม
ป้าหวนจับจ้องกระดาษแผ่นนั้นสักพัก ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นเปี่ยมล้นด้วยรังสีอาฆาตเสียงของนางแทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา “ฝ่าบาทให้ท่านมารับตัวพระสนมเหยาหรือ?”“ถูกต้อง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “คดีของพระพันปีเป่าเปิดเผยความจริงทั้งหมดแล้ว พระสนมเหยาเป็นผู้ถูกข้อครหา เสด็จพ่อจึงมีพระราชโองการให้ข้ากับองค์ชายสิบมาร