“พระชายาอ๋องเจ็ด ขอร้องเจ้าละ ลู่เอ๋อร์จะเป็นอะไรไปไม่ได้” อ๋องหลูหยางกล่าวอย่างเศร้าใจ “เห็นนางทนทุกข์ทรมาน ใจของข้าก็แตกสลาย”“ขอให้เจ้าช่วยนางด้วยนะ ข้ายินดีใช้ทุกอย่างมาแลกเปลี่ยน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางเป็นกังวลและโศกเศร้าของอ๋องหลูหยาง คิดถึงปู่ขึ้นมาอย่างสุดจะพรรณนาหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนาง
“หากเกิดเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงขึ้นกับลู่เอ๋อร์ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้พ่อแม่นางฟังเยี่ยงไร”ร่างสูงใหญ่กำยำของอ๋องหลูหยางสั่นเทา ขอบตาแดงก่ำฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี จึงปลอบใจเสียงอ่อนด้วยคำพูดไม่กี่คำรถม้าถูกขับออกมาเป็นเวลานานแล้ว และในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าจวนอ๋องเจ็ด“ถึงแล้ว” อ
“เฟ่ยชุ่ย นับให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ แล้วรายงานไปยังกองคลัง คำนวณเป็นสิบเท่าจากราคาในตลาด หากผู้ดูแลกองคลังไม่จ่ายชดเชย ก็บันทึกในนามท่านอ๋องเสีย อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องเป็นคนส่งแม่นางไป๋โค้วนี้มา เราทำเช่นนี้ก็มิมากเกินไปหรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เพคะ” เฟ่ยชุ่ยตอบรับ“ท่าน!” ไป๋โค้วชี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล
ยิ่งเวลาผ่านไป อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บ นางหนาวสั่นจนฟันกระทบกัน ผมเผ้าพันกันยุ่งเหยิง และสติก็เริ่มจางหายไป“แย่แล้ว”“ถ้าข้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ ข้าไม่เต็มใจจริง ๆ สุดท้ายแล้วจะต้องตายในกับดักเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้” ไป๋โค้วพึมพำ “ข้าประมาทเกินไปแล้ว คนโง่งมเช่นนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย”“ดูแล้วเจ้ายัง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลัวว่าจะทำให้นางหนาวตายจริง ๆ จึงเรียกเฟ่ยชุ่ยให้มาหา ทั้งสองคนช่วยกันอุ้มไป๋โค้วเข้าไปในเรือนในเรือนนั้นอบอุ่นมากจนไป๋โค้วฟื้นตัวแล้ว ก่อนที่นางจะกลอกตาไปมา “ข้ามิยอมรับน้ำใจของท่านหรอกนะ นี่คือสิ่งที่ตัวข้าเองใช้เงื่อนไขแลกเปลี่ยนมา”“เจ้าจะทำอะไรก็ตามใจเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยด้
“พระนางก็ทราบว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ” ตู้เหิงเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเยียบเย็น “ในเมื่อทราบ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ควรมา โปรดกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เขาระงับความโกรธในใจแล้วห้ามปรามนางยามที่อยู่ในพระราชวัง เขาได้เห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ หญิงชั่วร้ายยิ่งกว่าอสรพิษผู้นี้บีบให้ท่านอ๋องต้องตัดเส้นเอ็นของตนสำหรับผู้ฝึก
“ข้ามิได้ทำอันใดเลย แค่ขอให้เจ้าอยู่เฉย ๆ เท่านั้นเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เป็นไปไม่ได้!” ตู้เหิงอยากจะใช้กำลังเพื่อทลายมัน“อย่าเปลืองแรงเปล่าเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “เข็มยาชาที่นักเรียนประถมเทพมรณะใช้มาหลายร้อยบทโดยไม่เคยล้มเหลวเลยน่ะ มันจะแก้ได้ง่าย ๆ ปานนั้นเชียวหรือ?”นางหมุนเข็มเงินในมือจนส
เมื่อเขาอยากจะลุกขึ้น ทันใดนั้นก็พบว่าหลังจากเจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว ทั่วทั้งร่างก็ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายชาเสียจนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างที่ต้องการ“ท่านกำลังทำอันใด?” สีหน้าของลู่ซิวเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเข็มเงินแทงทะลุผิวหนังของตงฟางหลี “หากท่านกล้าทำสิ่งเลวร
“พระสนมหรง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่มีความทรงจำ และคร้านจะทักทาย จึงเดินต่อไป“นี่มันท่าทีอะไรของเจ้ากัน?” นางกำนัลถูกการตอบสนองของนางกระตุ้นให้โมโหนางกำนัลชั้นล่างเนื้อตัวสกปรกผู้หนึ่ง ถึงกับกล้าไม่มองพระสนมหรง!“ยังไม่คุกเข่าคารวะอีก พระสนมอวิ๋นสอนกฎเช่นนี้หรือ?”“ท่าทีของข้าเป็นอย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย
ระหว่างที่พูด ขนของแกะตัวแรกก็ผิงจนแห้งแล้ว จึงวิ่งไปหานมที่แม่แกะที่นั่นอย่างกระตือรือร้นหลังจากป้าฉาอุ้มลูกแกะตัวที่สองออกมา ก็ทำเหมือนกับเมื่อครู่นี้ วางไว้ข้างกองไฟด้วยความระมัดระวังเพิ่งจะผิงไฟได้สิบนาที แม่แกะก็เปล่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง“ยังมีอีกตัว!”ป้าฉาถึงกับตกตะลึง “แกะตัวนี้ตั้งท้องส
“พระชายาอ๋องเจ็ดท่านมาได้เวลาพอดีเลยเพคะ มาช่วยกันสักหน่อย” ป้าฉายุ่งจนเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มใบหน้า “แกะตัวนี้กำลังจะคลอดแล้ว เร็วเพคะ เอาฟืนที่อยู่ด้านนั้นมา”ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงรีบหอบฟางแห้งเข้าไป“มิใช่พวกนี้เพคะ เป็นกิ่งไม้เหล่านั้นต่างหาก” ป้าฉาพูด “ต้องใช้กิ่งไม้ที่หนาสักหน่อย ฟางแห้งใช้ไม่ได้เพคะ
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ฉินเหยี่ยนเย่ว์พักอยู่ตำหนักซีอวิ๋นของพระสนมอวิ๋นได้ห้าวันแล้วผลข้างเคียงของยาระงับประสาทกำใหญ่ค่อนข้างมากทีเดียวนางเอาแต่เหี่ยวแห้งอยู่ทั้งวัน กินแล้วก็นอน พอนอนเสร็จแล้วก็กิน ได้สัมผัสกับวันที่ถูกเลี้ยงดูเป็นหมูอย่างแท้จริงพอถึงวันที่ห้า สติสัมปชัญญะของนางถึงได้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากออกจากหอแดงแห่งนี้แล้ว การที่หมิ่นจูจะเป็นหรือตาย หาได้เกี่ยวกับเขาไม่“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ นายท่านเพียงแค่เล่นสนุกเท่านั้น” คนสนิทพยักหน้า “ฮูหยินหมิ่นอายุมาก รูปร่างหน้าตาไม่งดงาม ไม่เหมาะสมกับนายท่านจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่” องค์ชายหกหรี่ตา “ข้ามิได้เล่นสนุก”ยามที่อยูด้
ยังไม่ทันพูดคำว่า “สาม” ออกมา หลิงอวิ๋นจวินก็สะบัดนางออกอย่างแรงเขายกมือขึ้น ฝ่ามือหนึ่งตวัดลงบนใบหน้าหมิ่นจู “นังแพศยา เจ้ากล้าข่มขู่ข้ารึ!”“ข่มขู่? ข้าก็แค่ออกคำสั่งกับเจ้า หลิงอวิ๋นจวิน ข้า หมิ่นจู แทบจะทนรอสับเจ้าเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้นไม่ไหว” หมิ่นจูถูกฝ่ามือนี้ตบอย่างแรงจนมีเลือดไหลนางใช้แขนเส
“ขอบคุณองค์ชายหกเพคะ” ในน้ำเสียงหมิ่นจูนั้นระคนเสียงสะอึกสะอื้นอยู่เล็กน้อย“คนโง่ ขอบคุณอันใดกัน” แววตาองค์ชายหกฉายถึงความตามใจ ความอบอุ่นนั้นคล้ายกับใบชาที่ก้นถ้วย เข้มข้นอย่างยากจะหาใดเปรียบได้ “เจ้าต้องดีขึ้นในเร็ววันสิถึงจะถูก”“หม่อมฉันคิดว่าองค์ชายหกรังเกียจร่างกายที่ป่วยมานานของหม่อมฉันแล้วเ
หมิ่นจูกลัวว่าเสียงดังจะไปรบกวนองค์ชายหกเข้า จึงพยายามกดเสียงลงอย่างสุดความสามารถนางล้วงยาออกมาจากในแขนเสื้อด้วยสองมือที่สั่นเทาเม็ดยากลิ้งไปบนพื้น นางหมอบคลานลง ใช้มืออันพ่ายผอมคว้าไปข้างหน้า ในระหว่างนั้นก็สะกดอาการไออย่างรุนแรงไว้ไม่อยู่ ต้องเปลืองแรงไปมากโขถึงคว้ายาเม็ดไว้ได้ยาเม็ดได้ระงับอาก
เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าพี่สามต้องรับผิดชอบแม้ว่าพี่สามจะโง่เขลา ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยสักนิด ทั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ทว่า นี่มิได้หมายความว่าทุกคนจะมองหมากในกระดานไม่ออกหากพี่สามหวนกลับมาครุ่นคิดให้ถ่องแท้ขึ้นสักนิด หรือเสด็จพ่อตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เขาที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลัง