“เฟ่ยชุ่ย นับให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ แล้วรายงานไปยังกองคลัง คำนวณเป็นสิบเท่าจากราคาในตลาด หากผู้ดูแลกองคลังไม่จ่ายชดเชย ก็บันทึกในนามท่านอ๋องเสีย อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องเป็นคนส่งแม่นางไป๋โค้วนี้มา เราทำเช่นนี้ก็มิมากเกินไปหรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เพคะ” เฟ่ยชุ่ยตอบรับ“ท่าน!” ไป๋โค้วชี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล
ยิ่งเวลาผ่านไป อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บ นางหนาวสั่นจนฟันกระทบกัน ผมเผ้าพันกันยุ่งเหยิง และสติก็เริ่มจางหายไป“แย่แล้ว”“ถ้าข้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ ข้าไม่เต็มใจจริง ๆ สุดท้ายแล้วจะต้องตายในกับดักเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้” ไป๋โค้วพึมพำ “ข้าประมาทเกินไปแล้ว คนโง่งมเช่นนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย”“ดูแล้วเจ้ายัง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลัวว่าจะทำให้นางหนาวตายจริง ๆ จึงเรียกเฟ่ยชุ่ยให้มาหา ทั้งสองคนช่วยกันอุ้มไป๋โค้วเข้าไปในเรือนในเรือนนั้นอบอุ่นมากจนไป๋โค้วฟื้นตัวแล้ว ก่อนที่นางจะกลอกตาไปมา “ข้ามิยอมรับน้ำใจของท่านหรอกนะ นี่คือสิ่งที่ตัวข้าเองใช้เงื่อนไขแลกเปลี่ยนมา”“เจ้าจะทำอะไรก็ตามใจเถิด” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยด้
“พระนางก็ทราบว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ” ตู้เหิงเงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเยียบเย็น “ในเมื่อทราบ เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ควรมา โปรดกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”เขาระงับความโกรธในใจแล้วห้ามปรามนางยามที่อยู่ในพระราชวัง เขาได้เห็นฉินเหยี่ยนเย่ว์ หญิงชั่วร้ายยิ่งกว่าอสรพิษผู้นี้บีบให้ท่านอ๋องต้องตัดเส้นเอ็นของตนสำหรับผู้ฝึก
“ข้ามิได้ทำอันใดเลย แค่ขอให้เจ้าอยู่เฉย ๆ เท่านั้นเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เป็นไปไม่ได้!” ตู้เหิงอยากจะใช้กำลังเพื่อทลายมัน“อย่าเปลืองแรงเปล่าเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “เข็มยาชาที่นักเรียนประถมเทพมรณะใช้มาหลายร้อยบทโดยไม่เคยล้มเหลวเลยน่ะ มันจะแก้ได้ง่าย ๆ ปานนั้นเชียวหรือ?”นางหมุนเข็มเงินในมือจนส
เมื่อเขาอยากจะลุกขึ้น ทันใดนั้นก็พบว่าหลังจากเจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว ทั่วทั้งร่างก็ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายชาเสียจนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างที่ต้องการ“ท่านกำลังทำอันใด?” สีหน้าของลู่ซิวเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเข็มเงินแทงทะลุผิวหนังของตงฟางหลี “หากท่านกล้าทำสิ่งเลวร
“หากการเย็บต่อเส้นเอ็นเป็นไปอย่างราบรื่น เช่นนั้นก็มั่นใจได้ถึงเก้าส่วนแล้วละ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เก้าส่วน?”“หากเย็บต่อเส้นเอ็นสำเร็จ พูดว่ามั่นใจเกือบเต็มสิบก็มิเกินจริง”ลู่ซิวไม่กล้าจะเชื่อเลย มั่นใจเกือบเต็มสิบส่วน นี่ก็เทียบเท่ากับว่าทั้งหมดสามารถการกู้คืนได้น่ะสิแม้แต่ศิษย์พี่ของเขาก็มิกล
“หมู?” ลู่ซิวเผลอมองตงฟางหลีทันทีใบหน้าของตงฟางหลีกลายเป็นสีดำทมิฬราวกับหม้อเหล็กแล้วลู่ซิวแปรพักตร์ไปแล้ว และเขาถูกเข็มยาชาแทงจนไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงหลับตาลงอย่างเงียบ ๆ เมื่อตาไม่เห็น ใจย่อมไม่หงุดหงิด“ใช่ หมูทั้งตัว ห้องครัวน่าจะมีหมูที่ถูกฆ่าตายแล้ว ตราบใดที่ไม่มีเลือดติดอยู่ก็พอแล้ว
หากจากไปแล้ว เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่กลับมาอีก“ไม่ใช่เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม “ข้าอยากถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่า ระยะนี้ท่านได้ไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่ ขอแค่ท่านบอกข้าว่าเคยไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่เคยไป ก็เป็นการชดใช้น้ำใจคืนให้ข้าแล้ว”พระชายาเฉียนไม่พอใจ “เจ้าจะดูหมิ่นน้ำใจข้าเกินไปแล้ว”“ข้าเคยไปหออวิ๋นซี น่าจะทิ
“พระชายาอ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด” พระชายาเฉียนกล่าว “พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก เหมือนกับห่วงที่จองจำมานานหลายปีทั้งหมดได้หายไป ข้าไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”“นี่มิใช่ว่าข้าตั้งใจพูดถ้อยคำเหล่านี้มาทำให้เจ้าเบาใจลงหรอกนะ ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นคำพูดจากใจ ข้าใช้เวลากว่า
หลิวฉือมองเห็นสีหน้ารังเกียจของแมวดำ ก็อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมาเขาวางมือสั่นเทาลงบนหัวของแมวดำ แล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นแมวที่พี่สาวของข้าเลี้ยงมาหรือ? พี่หญิง นางสบายดีหรือไม่?”ครั้นเอ่ยถ้อยเหล่านี้ เขาก็ต้องหัวเราะเย้ยหยันตนเองพี่หญิงเป็นพระสนมในวัง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์เครื่องประดับหรือว่าอาหาร จะต้
ระยะนี้ซูจิ้นถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ทุก ๆ สองถึงสามวัน ด้วยต้องการให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งกับตงฟางหลี ซูเตี่ยนฉิงเองก็ไม่เสียดายเลยที่ต้องการลดฐานะตัวเองลงมาเป็นพระชายารองเพื่อเข้าประตูจวนอ๋องเจ็ดและในช่วงเวลาสำคัญนี้ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจ็ดก็ได้ว่างลงขอเพียงผู้ที่มีสมองก็สามารถคาดเดาได้ว่า การเคลื่อนไหวนี้ขอ
มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากนางกล่าวกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ว่าเรื่องอื้อฉาวในบ้านไม่ควรแพร่งพรายออกไปแล้วนั้น คาดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์คงอาจจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเสียยิ่งกว่าอื้อฉาวออกไปสตรีนางนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้วในแววตาของฉินเสวี่ยเย่ว์มีความอำมหิต...รวมถึงความสะกดกลั้นวาบผ่านเพื่องานใหญ่ นางต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รอให้นางตอบคำถาม กล่าวต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ข้าหมายความว่า สตรีในห้องหออย่างพวกท่านดูบอบบางดั่งต้นหลิว ถึงกับเทียบพละกำลังกับสุนัข การคลายความเบื่อหน่ายของพวกท่านนี้ประหลาดไปสักหน่อยแล้วกระมัง”“เฮ้อ เมื่อครู่นี้พวกท่านคิดไปถึงที่ไหนกัน? หรือว่าคำพูดเหล่านั้นยังมีความหมายอื่นอยู่อี
การพาสัตว์เล็ก ๆ สามตัวมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นความผิดของนางทว่า องค์หญิงอันชางกล่าวไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าของงานไม่สนใจ แขกเหรื่อย่อมยิ้มรับแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสามตัวนี้ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย หลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง สุนัขและลูกแกะก็ถูกพากินเนื้
เมื่อมองดู ภาพที่อยู่ข้างหลังกลับทำให้ตกใจจนพูดไม่ออกข้างหลังนางกับหลิ่วฉือ มีเจ้าตัวน้อยทั้งสามตามมาด้วยหนึ่งแมว หนึ่งสุนัข และหนึ่งลูกแกะเฮยตั้นนั่งบนหัวของสุนัข จ้องมองทุกคนอย่างสงบด้วยใบหน้ารังเกียจสุนัขอาจจะวิ่งเร็วเกินไป มันหอบจนแลบลิ้นออกมาลูกแกะน้อยอยู่ข้างสุนัขมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยความ
“ข้าอยากพบนาง” หลิ่วฉือคุกเข่าลง และโขกหัวสามครั้ง “พระชายาอ๋องเจ็ด ได้โปรดพาข้าไปพบพี่สาวของข้าที แม้นเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็ได้”“ลุกขึ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดึงหลิ่วฉือขึ้นมา “แล้วเจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาทำไม? ข้าเพิ่งบอกว่าจะพาเจ้าไปพบนางไม่ใช่หรือ? รีบเข้ารีบเช็ดน้ำตาเสีย หากสนมเหยาเห็นเข้า จะคิดว่