“ข้ามิได้ทำอันใดเลย แค่ขอให้เจ้าอยู่เฉย ๆ เท่านั้นเอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เป็นไปไม่ได้!” ตู้เหิงอยากจะใช้กำลังเพื่อทลายมัน“อย่าเปลืองแรงเปล่าเลย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ย “เข็มยาชาที่นักเรียนประถมเทพมรณะใช้มาหลายร้อยบทโดยไม่เคยล้มเหลวเลยน่ะ มันจะแก้ได้ง่าย ๆ ปานนั้นเชียวหรือ?”นางหมุนเข็มเงินในมือจนส
เมื่อเขาอยากจะลุกขึ้น ทันใดนั้นก็พบว่าหลังจากเจ็บปวดแสนสาหัสแล้ว ทั่วทั้งร่างก็ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายชาเสียจนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างที่ต้องการ“ท่านกำลังทำอันใด?” สีหน้าของลู่ซิวเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเข็มเงินแทงทะลุผิวหนังของตงฟางหลี “หากท่านกล้าทำสิ่งเลวร
“หากการเย็บต่อเส้นเอ็นเป็นไปอย่างราบรื่น เช่นนั้นก็มั่นใจได้ถึงเก้าส่วนแล้วละ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เก้าส่วน?”“หากเย็บต่อเส้นเอ็นสำเร็จ พูดว่ามั่นใจเกือบเต็มสิบก็มิเกินจริง”ลู่ซิวไม่กล้าจะเชื่อเลย มั่นใจเกือบเต็มสิบส่วน นี่ก็เทียบเท่ากับว่าทั้งหมดสามารถการกู้คืนได้น่ะสิแม้แต่ศิษย์พี่ของเขาก็มิกล
“หมู?” ลู่ซิวเผลอมองตงฟางหลีทันทีใบหน้าของตงฟางหลีกลายเป็นสีดำทมิฬราวกับหม้อเหล็กแล้วลู่ซิวแปรพักตร์ไปแล้ว และเขาถูกเข็มยาชาแทงจนไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงหลับตาลงอย่างเงียบ ๆ เมื่อตาไม่เห็น ใจย่อมไม่หงุดหงิด“ใช่ หมูทั้งตัว ห้องครัวน่าจะมีหมูที่ถูกฆ่าตายแล้ว ตราบใดที่ไม่มีเลือดติดอยู่ก็พอแล้ว
ลู่ซิวไม่เข้าใจ เพียงแค่คำพูดที่ว่าเห็นด้วยตาของตนถึงจะเป็นเรื่องจริง จู่ ๆ พระชายาก็โกรธ และยังเดินเข้าไปหาท่านอ๋องด้วยระยะห่างนั้น เกรงว่าแตะเบา ๆ ก็จุมพิตกันได้แล้วใบหน้าแดงของเขาก่ำด้วยความเขินอาย หันไปมองชั้นวางหนังสือข้าง ๆ พลางกระแอมไอเบา ๆ “พระชายา ได้โปรดออมมือด้วย”“เรามาถกประเด็นสิ่งมีช
ลู่ซิวมองดูผ้าในมือของนางด้วยสีหน้าซับซ้อนเมื่อครู่ นางเช็ดเหงื่อให้เขา...อืม เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีสตรีใช้ผ้าเช็ดเหงื่อให้เขา ความรู้สึกนั้นค่อนข้างลึกซึ้งลุ่มลึก“เจ้าหล่อเฝือกเป็นกระมัง?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เป็น” ลู่ซิวนำปูนมายึดไว้กับข้อมือของตงฟางหลีจบการเย็บเส้นเอ็นและการยึดด้วยเฝือกซึ
“ใต้เท้าลู่ ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง” ตู้เหิงถาม“ท่านอ๋องหลับไปแล้ว” ลู่ซิวห่ออุปกรณ์อย่างดีและวางลงอย่างระมัดระวัง “เข้าเฝือกไว้และพักฟื้นเพียงพอ หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนก็เอาเฝือกออกและฝึกการฟื้นฟู ก็จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้”ตู้เหิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “พระชายาไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระหรือ?”ลู่ซิวห
เมื่อสองนายบ่าวกลับไปถึงเรือนโยวหลานด้วยย่างก้าวหนึ่งลึกหนึ่งตื้น ก็ใกล้ต้นยามซื่อแล้วฉินเหยี่ยนเย่ว์เหนื่อยมากจนแม้แต่จะอาบน้ำก็ยังขี้เกียจอาบ เมื่อกลับถึงห้องก็บิดขี้เกียจแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงในห้องจุดกำยานหอมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไว้ภายใต้ฤทธิ์ของกำยานที่ทำให้หลับสบาย นางยิ่งรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นเรื่
อาการปวดศีรษะจนยากจะทนรับไหวถาโถมเข้ามาไม่หยุดราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนทิ่มแทงที่ศีรษะ เป็นความรู้สึกอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยประสบมาก่อนเวลาผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เหงื่อเม็ดโตก็ไหลพรากอาภรณ์เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเช่นกันนางทนรับความเจ็บปวดเช่นนั้นไม่ไหว น้ำตาจึงไหลลงมาอย่างยากจะต้านทานร้องไห้สะอึ
“พี่เจ็ด หม่อมฉันคิดว่ามิอาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เพียงแค่คิดว่าคนดีอย่างเช่นพี่รองจะต้องแต่งกับซูเตี่ยนฉิงที่เป็นดอกบัวขาวเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกอึดอัดจนว้าวุ่น“ซูเตี่ยนฉิงมิใช่ว่าคบชู้กับพี่หกหรอกหรือ? นางเคยคบกับพี่หก เกรงว่าคงจะขึ้นเตียงกันไปแล้ว มาแต่งกับพี่รองอีกนับเป็นเรื่
“มิใช่เช่นนั้น ยกตัวอย่างแล้วกัน หากอยู่ในท้องพระโรงใหญ่ในตำหนักไท่อี๋ แล้วเสด็จพ่อทรงประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร สวมอาภรณ์ลายมังกรสี่เล็บของฮ่องเต้ พระองค์ในตอนนั้นคือผู้มีอำนาจสูงสุดของราชวงศ์ตงลู่ ลู่จิ้นจักต้องคารวะตามกฎระเบียบ และรักษามารยาทระหว่างฮ่องเต้และขุนนางตามกฎระเบียบด้วย” ตงฟางหลีพูดอธิบ
“...” หน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทะมึนเป็นแถบเพื่อถ้อยคำที่ดูเพ้อฝันเช่นนี้ เขายังอุตส่าห์หึงหวงได้“ศิษย์พี่บอกว่าจะแนะนำให้กับหม่อมฉัน หม่อมฉันก็ต้อบรีบไปแต่งกับคนนั้นเลยหรือ? ท่านใช้สมองคิดสักหน่อยว่าเรื่องเช่นนี้เป็นไปได้ด้วยหรือ? อีกอย่าง ท่านขึ้นชื่อว่าถูกเลือกเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งเมือ
“เจ้ามีความเห็นหรือไม่” ตงฟางหลีมุ่นคิ้ว“อืม หลังจากท่านน้าท่านน้าสะใภ้ตายไป ท่านตาก็เป็นคนเก็บรักษากล่องเล็กใบนั้น และท่านตาก็มีอาการสติฟั่นเฟือนเช่นกัน หลังจากที่กล่องใบเล็กถูกพระสนมอวิ๋นถือเอาไป อาการสติฟั่นเฟือนของท่านตาก็ดีขึ้นมาก คำตอบมิใช่ว่าชัดเจนมากหรอกหรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เจ้า
ผู้เฒ่าเฮ่อขัดขืนอย่างรุนแรง จนฉินเหยี่ยนเย่ว์มิอาจเข้าใกล้ได้ถูกผู้อาวุโสกว่าอย่างบิดาของพระสนมอวิ๋นมาโขกศีรษะให้ จะทำให้อายุสั้นลงได้นางรับการคารวะเต็มพิธีการถึงขั้นนี้ไม่ไหว ทำได้เพียงคุกเข่าลงเช่นเดียวกันผู้เฒ่าเฮ่อโขกศีรษะให้นางหนึ่งครั้ง นางก็จะโขกกลับคืนหนึ่งครั้งหลังจากตงฟางหลีเดินออกมาจ
“เจ้าเป็นใคร? เจ้าคิดจะทำอะไรข้า? ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น อ๊าก ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่าตีข้านะ”เขากุมศีรษะ น้ำเสียงเจ็บปวดอย่างรุนแรง ก่อนจะขดตัวเป็นก้อน ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“อย่าตีข้า อย่าตีข้านะ”เขาพูดซ้ำไปซ้ำมา ท่าทีอกสั่นขวัญแขวน“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งตื่นเต้น ข้าไม่มีวันตีท่านหรอก
ผู้เฒ่าเฮ่อขมวดคิ้วแน่น “สถานการณ์โดยละเอียดข้าเองก็จำไม่ได้แล้ว จำได้เพียงลาง ๆ ว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง”“สตรีหรือ?”“ใช่ เป็นสตรี”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ขมวดคิ้วแน่นคำตอบนี้เกินความคาดหมายไปบ้างจริง ๆนางไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่า นอกจากท่านปู่แล้ว แหวนยังจะมีความเกี่ยวข้องกับคนอื่นอีกอีกทั้งยังเป็นสตรีด้ว
“ท่านตา ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากถามว่าตอนที่เสด็จแม่แต่งเข้าวังหลวง สาวใช้ที่ติดตามไปด้วยมีผู้ใดบ้างทั้งหมดยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”ผู้เฒ่าเฮ่อได้ยินว่านางมิได้ถามถึงเรื่องนั้น ก็ถอนหายใจเบา ๆ เขาขมวดคิ้วแน่นพลางครุ่นคิด “สาวใช้ที่ติดตามไปในตอนนั้นมีทั้งหมดแปดคน สาวใช้ระดับหนึ่งมีสองคน