การเปลี่ยนแปลงนั้นเล็กน้อยมาก จนแม้แต่ตงฟางหลีเองก็อาจไม่สังเกตเห็นทว่านางรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วในครั้งอดีต หากมีสตรีสัมผัสแขนเสื้อของเขาก็จะรู้สึกรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง แม่นางหงเย้าที่พระสนมอวิ๋นมอบแก่เขา แม้ว่านางจะอาศัยอยู่ในตำหนักหมิงอวี้ กลับไม่สามารถเข้าไปในห้องของเขาได้เลยยามนี้ตงฟางหลีไม่เ
หิมะโปรยปรายลงมา และภายใต้คลื่นสังหารอันรุนแรง เกล็ดหิมะที่จะตกมิตกแหล่ไม่สามารถรับแรงกดดันได้จนปลิวว่อนลงมาคลื่นสังหารกลายเป็นใบมีด มาพร้อมกับลมหนาวและหิมะตก ทั้งมวลนี้ปกคลุมร่างของฉินเหยี่ยนเย่ว์ทิวทัศน์งดงามกลายเป็นนรก“เสด็จพี่หลี” ซูเตี่ยนฉิงกอดเอวของตงฟางหลี ใบหน้าซีดเผือด สะอื้นไห้ไม่หยุด “
นางแทบจะต้องยึดราวบันไดไว้ตัวเพื่อยืนให้ตั้งมั่นฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางภาคภูมิใจของซูเตี่ยนฉิง มองตงฟางหลีปล่อยคลื่นสังหารอันน่าสะพรึงกลัวใส่นางเพื่อสตรีผู้นี้ในใจมีความเดือดดาลไร้นามพลุ่งพล่านขึ้นมา“เฮอะ ซูเตี่ยนฉิง ผลลัพธ์เช่นนี้ในยามนี้ ท่านน่าจะพึงพอใจแล้วกระมัง? เสด็จพี่หลีของท่านก็ยังคงเป็
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตัวตรงและนิ่งสงบภายใต้ความสงบนี้ มีความอึดอัดอดกลั้นและความกดดันที่ไร้รูปร่างปกคลุมลงมาแม้ว่าเป็นตงฟางหลีก็ยังตกใจกับความกดดันนี้“ตงฟางหลี หม่อมฉันเคยบอกแล้วว่าไม่ควรผิดพลาดซ้ำเกินสามครั้ง มิว่าท่านจะใช้มือข้างใดตบหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทำลายมือข้างนั้นของท่านเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล
ตงฟางหลีหลุบสายตาลง กำหมัดแน่นฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก เดินผ่านเขามาจนถึงด้านข้างซูเตี่ยนฉิงซูเตี่ยนฉิงถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าของนางเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกอยู่ต่อหน้าตงฟางหลี นางจำเป็นต้องแสดงความไร้เดียงสาและความอ่อนแอ น้ำเสียงก็ขี้ขลาดราวกับว่ารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก “แม่…แม่นางฉิน ท่าน ท่านคิดจ
“ท่านจะกระโดดหรือ? เมื่อครู่ท่านเพิ่งกระโดดไปแล้วครั้งหนึ่ง ยังกระโดดไม่พออีกหรือ? ยังอยากเล่นเล่ห์เหลี่ยมแบบเดิมอยู่? ยังอยากจะทำให้ผู้อื่นสับสน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าข้อมือของซูเตี่ยนฉิง“ซูเตี่ยนฉิง ท่านหยุดเสแสร้งได้แล้ว ในเมื่อเป็นหญิงแพศยา ก็เป็นหญิงแพศยาของท่านไปให้ดี ๆ ได้หรือไม่?” ฉินเหยี่ยน
“แขนของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“เสด็จพี่หลี เลือดออกมากเหลือเกินเพคะ” ขณะที่นางพูดก็ร้องไห้ไปด้วย “ต้องโทษหม่อมฉันทั้งหมด หากมิใช่เพราะหม่อมฉัน ท่านก็คงไม่ต้องรับความทุกข์ทรมานเช่นนี้”ใบหน้าของตงฟางหลีซีดเซียว ไร้เลือดฝาดเลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด ร่างกายของเขาก็เย็นลงด้วย“เสด็จพี่หลี ท่านช่วยพูดสัก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้ามองสิ่งของในมือ หน้าผากกระตุกอย่างรุนแรงยาและอุปกรณ์เหล่านี้ดูเหมือนออกแบบมาสำหรับตงฟางหลี ยกเว้นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแหวนให้นางช่วยตงฟางหลีต่อเส้นเอ็นกลับคืนหรือ?นางดิ้นรนไม่น้อย กลับยังต้องรักษาเขาอย่างเชื่อฟังหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกว่าแหวนกำลังโกรธ และแรงพุ่ง
ฮ่องเต้นั่งลง และป้าฉายกชาเข้ามาเขายกชาขึ้นจิบเป็นชามะลิที่อวิ๋นเอ๋อร์ทำด้วยตัวเองกลิ่นหอมของชาดอกไม้ลอยเข้าจมูก และหลังจากไหลเข้าสู่ลำคอ รสหวานที่ค้างอยู่ในลำคอเป็นเวลานานหลังจากที่เขาลิ้มรสชาอย่างละเอียดลอออยู่นาน ถึงได้เหลือบมองไปที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์อย่างเย็นชา “ลงโทษเจ้า?”“ลูกมีความผิด” ฉินเห
แม้ว่าฮ่องเต้จะมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ก็ยังคงตะลึงงันกับคำพูดนี้“เรื่องเช่นนี้ เป็นไปได้หรือ?” เขาพึมพำทำให้คนตายฟื้นคืนชีพ แม้แต่เทพเซียนเหนือกาลเวลาก็ไม่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งกระมัง“หม่อมฉันก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เช่นกันเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “ทว่า เสด็จแม่ก็ทลายแ
ฮ่องเต้เหลือเชื่อยิ่งนักเขาคว้าข้อมือของนาง แล้วสัมผัสอยู่นาน ชีพจรเต้นช้าเล็กน้อย ทว่ายังเต้นอยู่พระสนมอวิ๋นหลับตาแน่น และใบหน้าแสนเสน่ห์แดงเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะแสงแดดนางเกิดมาก็งดงามมากแล้วท่ามกลางแสงอาทิตย์แผ่ปกคลุม สะท้อนรูปลักษณ์ที่งามหยาดเยิ้ม“อวิ๋นเอ๋อร์?” ฮ่องเต้เกร็งลำคอแน่นยังมีชีวิต
ลู่ซิวไปนอนบนขอบที่นอน ประสานมือไว้ด้านหลังศีรษะต่างหมอนเขาหลับตาลง พลางเอ่ยถามอย่างไม่เป็นทางการ “ท่านอ๋องเคยดีใจกับการตัดสินใจของตัวเองเมื่อกี่เดือนก่อนหรือไม่?”“อะไร?”“หลังจากเหตุการณ์นั้นในเทศกาลไหว้พระจันทร์เกิดขึ้น ทั่วทั้งเมืองอยู่ในความโกลาหล” ลู่ซิวตอบ “ท่านแต่งงานกับนางท่ามกลางด่านหน้าอ
เหนื่อยมาก เหนื่อยจนเกียจคร้านจะขยับนิ้วด้วยซ้ำ ทว่า คุ้มค่ามาก!“ตงฟางหลี หม่อมฉันเหนื่อยนิดหน่อย ไปพักผ่อนก่อนนะเพคะ” หลังจากที่นางรู้สึกโล่งใจแล้ว สายที่ตึงนั้นก็ผ่อนคลายลงนางลุกขึ้นยืนลุกขึ้นได้ไม่นาน คนก็ล้มตัวโยนลงไปอีกครั้ง“ระวังตัวด้วย” ตงฟางหลีกอดนางอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรเพคะ” ฉินเหยี่ย
อากาศสงบนิ่ง และเงียบสงัดทุกคนในห้องต่างกลั้นหายใจและตั้งสมาธิลู่จิ้นถือหูฟังแพทย์ ตรวจการเต้นของหัวใจของพระสนมอวิ๋นอย่างถี่ถ้วนจังหวะหัวใจเต้นแทบจะไม่มีเลยสีหน้าของเขาเคร่งขรึม และฟังอย่างอดทนเวลาผ่านไปทีละเล็กน้อย ยังคงไม่มีการเต้นของหัวใจ“เฮ้อ” ลู่จิ้นถอนหายใจและวางหูฟังแพทย์ลง “บางที เป็นข
เริ่มแรกเดิมทีนางก็เคยสงสัยว่ายาลูกกลอนหมดอายุแล้ว ทว่าหลังจากคิดให้ดีว่า ด้วยนิสัยที่ระมัดระวังของปู่แล้ว ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้น“ศิษย์พี่ ท่านลองคิดดูดี ๆ เกี่ยวกับยาลูกกลอนนี้ ท่านลืมอะไรไปหรือไม่?”ลู่จิ้นบีบคางพลางครุ่นคิดยาลูกกลอนนี้ เขาเคยเห็นเพียงครั้งเดียวครั้งนั้นก็เป็นผู้ป่วยระยะสุดท้า
“มองผิดแล้วกระมัง” ตงฟางหลีอดไม่ได้ที่จะมองรูปลักษณ์ของพระสนมอวิ๋น ก่อนที่เขาจะหันหลังให้กับเตียง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“หม่อมฉันได้กลิ่นจริง ๆ นะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พึมพำนางตรวจทั่วทั้งร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว และรู้สึกว่ามีบางจุดต่างออกไปทว่าหลังจากตรวจอย่างละเอียดแล้ว กลับไม่พบสิ่งใดที่ต่า
“ตงฟางหลี” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สาวเท้าเดินไปหยุดข้างกายเขา พลางจับมือเขาแน่น “หม่อมฉัน...”นางมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูด ครั้นเห็นความเศร้าโศกในแววตารวมถึงใบหน้าซีดขาวของเขา สุดท้ายก็ต้องกลืนคำพูดกลับเข้าไปพระสนมอวิ๋นจากไปแล้ว ตงฟางหลีน่าจะโทษนางกระมัง“ขอโทษ” นางสูดจมูก“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ตงฟางหล