ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยืนตัวตรงและนิ่งสงบภายใต้ความสงบนี้ มีความอึดอัดอดกลั้นและความกดดันที่ไร้รูปร่างปกคลุมลงมาแม้ว่าเป็นตงฟางหลีก็ยังตกใจกับความกดดันนี้“ตงฟางหลี หม่อมฉันเคยบอกแล้วว่าไม่ควรผิดพลาดซ้ำเกินสามครั้ง มิว่าท่านจะใช้มือข้างใดตบหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทำลายมือข้างนั้นของท่านเสีย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล
ตงฟางหลีหลุบสายตาลง กำหมัดแน่นฉินเหยี่ยนเย่ว์ถอนหายใจลึก เดินผ่านเขามาจนถึงด้านข้างซูเตี่ยนฉิงซูเตี่ยนฉิงถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าของนางเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกอยู่ต่อหน้าตงฟางหลี นางจำเป็นต้องแสดงความไร้เดียงสาและความอ่อนแอ น้ำเสียงก็ขี้ขลาดราวกับว่ารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก “แม่…แม่นางฉิน ท่าน ท่านคิดจ
“ท่านจะกระโดดหรือ? เมื่อครู่ท่านเพิ่งกระโดดไปแล้วครั้งหนึ่ง ยังกระโดดไม่พออีกหรือ? ยังอยากเล่นเล่ห์เหลี่ยมแบบเดิมอยู่? ยังอยากจะทำให้ผู้อื่นสับสน?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์คว้าข้อมือของซูเตี่ยนฉิง“ซูเตี่ยนฉิง ท่านหยุดเสแสร้งได้แล้ว ในเมื่อเป็นหญิงแพศยา ก็เป็นหญิงแพศยาของท่านไปให้ดี ๆ ได้หรือไม่?” ฉินเหยี่ยน
“แขนของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”“เสด็จพี่หลี เลือดออกมากเหลือเกินเพคะ” ขณะที่นางพูดก็ร้องไห้ไปด้วย “ต้องโทษหม่อมฉันทั้งหมด หากมิใช่เพราะหม่อมฉัน ท่านก็คงไม่ต้องรับความทุกข์ทรมานเช่นนี้”ใบหน้าของตงฟางหลีซีดเซียว ไร้เลือดฝาดเลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด ร่างกายของเขาก็เย็นลงด้วย“เสด็จพี่หลี ท่านช่วยพูดสัก
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้ามองสิ่งของในมือ หน้าผากกระตุกอย่างรุนแรงยาและอุปกรณ์เหล่านี้ดูเหมือนออกแบบมาสำหรับตงฟางหลี ยกเว้นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแหวนให้นางช่วยตงฟางหลีต่อเส้นเอ็นกลับคืนหรือ?นางดิ้นรนไม่น้อย กลับยังต้องรักษาเขาอย่างเชื่อฟังหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกว่าแหวนกำลังโกรธ และแรงพุ่ง
ทว่าหญิงผู้นี้กลับบอกเขาว่าสามารถฟื้นตัวกลับไปได้เหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ?เขาหลุบสายตาลง สีหน้าไม่แน่ใจ“หมอหลวง เร็ว มาเร็วเข้า” ซูเตี่ยนฉิงไปตามหมอหลวงมาแล้ว ใบหน้าเล็กของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “หมอหลวง ขอร้องท่าน ขอร้องท่าน ขอร้องท่านช่วยเสด็จพี่หลีด้วย”หมอหลวงเห็นเลือดบนพื้นก็ตกใจ กุลีกุจอตรวจช
“บอกมาเถิด ผู้ใดติดสินบนท่านกัน?” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ“ไม่ ไม่มีผู้ใดติดสินบนกระหม่อม” หมอหลวงหลินอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลง “กระหม่อมไร้ความสามารถ เป็นกระหม่อมเองที่ด่วนสรุปว่าองค์ชายสิบถูกยาพิษเพียงเพราะสีหน้าดูคล้ำหมอง”“มิมีผู้ใดติดสินบนท่านหรือ?”“ไม่มีผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” หมอ
เขาโขกหัวคำนับสองสามครั้งอย่างหนักก่อนจะรีบจากไปฉินเหยี่ยนเย่ว์อารมณ์ไม่สู้ดีในวันที่ฤกษ์ดีแต่ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรมามากมายได้โดยเฉพาะนางและตงฟางหลี...เมื่อนึกถึงเอ็นข้อมือของตงฟางหลีที่ถูกตัดเพื่อซูเตี่ยนฉิง หัวใจของนางก็บีบรัดแน่นเห็นได้ชัดว่า ตราบใดที่รออีกสักหน่อย แม่ดอกบัวขาวก็จะเผยให้เห็
“ภายหลัง ตู้จ้งได้เจอกับหญิงม่ายคนหนึ่ง หญิงม่ายยังมีบุตรวัยสามขวบด้วยคนหนึ่ง” สายตาของเขาผินมองไปนอกหน้าต่าง “นั่นก็คือช่างปักคนนั้น เป็นเพราะเขาถูกหลอกมาหลายครั้ง ข้าถึงได้ฝากให้เจ้าช่วยสืบสักหน่อย”ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอามือเท้าคาง นิ้วก็เคาะที่โต๊ะอย่างไม่เป็นจังหวะช่างปักคนนั้นหน้าตาหมดจด ใบหน้าดูใ
“พระชายาคิดว่าข้าโง่ เช่นนั้นข้าก็โง่” ตงฟางหลีฉวยจังหวะจุมพิตหน้าผากของนางก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากที่ไกล ๆตู้จ้งและตู้เหิงเกรงว่าคงจะมากันแล้วเขามุ่นหัวคิ้ว ประทับบนริมฝีปากของนางหนัก ๆ “ตู้จ้งจะมารายงานข่าว”“ต้องให้หม่อมฉันหลบหรือไม่?”ตงฟางหลีนัยน์ตาเป็นประกาย “อืม ข้าได้ให้คนตัดเย
“ท่านอธิบายให้หม่อมฉันฟังเสียดี ๆ!” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หน้าบึ้งหันหน้าไปอีกทาง“ยามเช้าข้าให้เฝ่ยชุ่ยเอายาไปให้เจ้า เจ้าไม่ได้รับหรือ?” ตงฟางหลีผินใบหน้านางให้หันกลับมา เผชิญหน้ากับนาง “ข้าตั้งใจให้ลู่ซิวทำขึ้นมาในคืนเดียวเชียวนะ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะนึกถึงขวดขนาดเล็กที่เฝ่ยชุ่ยมอบให้นาง
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจนิสัยของสองพี่น้องนี้ ช่างมีนิสัยตรงข้ามกันเสียจริงตงฟางหลีดื่มชาในถ้วยรวดเดียวหมดไอจากชาลอยบดบัง แสงดาวที่หว่างคิ้วน่ามองคู่นั้นประกายวับวาบยามที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์เหลือบตาขึ้นมอง ได้เห็นแสงดาวในแววตาของตงฟางหลีเข้าพอดีแสงนั้นสองสว่าง ดั่งดวงดาวนับพันหมื่นดวง
“ข้าถูกใส่ร้าย” ตงฟางหลีชูมือขึ้น “อยู่ดี ๆ คิดไปถึงเรื่องพวกนั้นได้อย่างไรกัน? มิใช่ตกลงกันแล้วหรือว่าจะไม่เอาเรื่องเก่าขึ้นมาพูดอีก? เรื่องในอดีตเป็นความผิดของข้า มิใช่ว่าเจ้าลงโทษข้าไปแล้วหรือ? พวกเราปรับความเข้าใจกันแล้วมิใช่หรือ?”“ลงโทษแล้ว แล้วก็ทุบตีไปแล้ว แต่หม่อมฉันยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เพคะ”
ในขณะนั้นเองภายในศาลาสูงที่ลานด้านหลังของตำหลังหมิงอวี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำลังดื่มชาตรงข้ามตงฟางหลีเมื่อครู่หลังจากตู้เหิงมาเคาะประตูรายงาน และถูกตงฟางหลีไล่ออกไป นางที่เดิมมิได้หลับสนิทก็ได้ตื่นขึ้นมา เมื่อสอบถามอย่างละเอียด ถึงได้รู้ว่าฮูหยินซูมาขอพบนางนึกสงสัยอยู่บ้างว่าฮูหยินซูเอาของขวัญอะไรมา
“ขอร้องเจ้าอย่าทำเช่นนี้ ปล่อยซวงเอ๋อร์ลงเถิด”ตู้เหิงหาได้สนใจไม่ลมหนาวพัดมาหวีดหวิวกลิ่นอายสังหารบนร่างกายของเขาแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทาง และเลือนราง และมีแนวโน้มว่าจะขยายตัวออกไป ฮูหยินซูตกใจจนขาอ่อนยวบ นางกลัวว่าซูเตี่ยนซวงจะถูกบีบคอตายจริง ๆ จึงเดินเข้ามาดึงแขนของตู้เหิงตู้เหิงไม่ชอบให้สตรีส
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ