ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก้มหน้ามองสิ่งของในมือ หน้าผากกระตุกอย่างรุนแรงยาและอุปกรณ์เหล่านี้ดูเหมือนออกแบบมาสำหรับตงฟางหลี ยกเว้นวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแหวนให้นางช่วยตงฟางหลีต่อเส้นเอ็นกลับคืนหรือ?นางดิ้นรนไม่น้อย กลับยังต้องรักษาเขาอย่างเชื่อฟังหรือ?ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้สึกว่าแหวนกำลังโกรธ และแรงพุ่ง
ทว่าหญิงผู้นี้กลับบอกเขาว่าสามารถฟื้นตัวกลับไปได้เหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ?เขาหลุบสายตาลง สีหน้าไม่แน่ใจ“หมอหลวง เร็ว มาเร็วเข้า” ซูเตี่ยนฉิงไปตามหมอหลวงมาแล้ว ใบหน้าเล็กของนางเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา “หมอหลวง ขอร้องท่าน ขอร้องท่าน ขอร้องท่านช่วยเสด็จพี่หลีด้วย”หมอหลวงเห็นเลือดบนพื้นก็ตกใจ กุลีกุจอตรวจช
“บอกมาเถิด ผู้ใดติดสินบนท่านกัน?” เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ดังไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ“ไม่ ไม่มีผู้ใดติดสินบนกระหม่อม” หมอหลวงหลินอดไม่ได้ที่จะคุกเข่าลง “กระหม่อมไร้ความสามารถ เป็นกระหม่อมเองที่ด่วนสรุปว่าองค์ชายสิบถูกยาพิษเพียงเพราะสีหน้าดูคล้ำหมอง”“มิมีผู้ใดติดสินบนท่านหรือ?”“ไม่มีผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ” หมอ
เขาโขกหัวคำนับสองสามครั้งอย่างหนักก่อนจะรีบจากไปฉินเหยี่ยนเย่ว์อารมณ์ไม่สู้ดีในวันที่ฤกษ์ดีแต่ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรมามากมายได้โดยเฉพาะนางและตงฟางหลี...เมื่อนึกถึงเอ็นข้อมือของตงฟางหลีที่ถูกตัดเพื่อซูเตี่ยนฉิง หัวใจของนางก็บีบรัดแน่นเห็นได้ชัดว่า ตราบใดที่รออีกสักหน่อย แม่ดอกบัวขาวก็จะเผยให้เห็
“พระชายาอ๋องเจ็ด ขอร้องเจ้าละ ลู่เอ๋อร์จะเป็นอะไรไปไม่ได้” อ๋องหลูหยางกล่าวอย่างเศร้าใจ “เห็นนางทนทุกข์ทรมาน ใจของข้าก็แตกสลาย”“ขอให้เจ้าช่วยนางด้วยนะ ข้ายินดีใช้ทุกอย่างมาแลกเปลี่ยน”ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองท่าทางเป็นกังวลและโศกเศร้าของอ๋องหลูหยาง คิดถึงปู่ขึ้นมาอย่างสุดจะพรรณนาหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนาง
“หากเกิดเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงขึ้นกับลู่เอ๋อร์ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายให้พ่อแม่นางฟังเยี่ยงไร”ร่างสูงใหญ่กำยำของอ๋องหลูหยางสั่นเทา ขอบตาแดงก่ำฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี จึงปลอบใจเสียงอ่อนด้วยคำพูดไม่กี่คำรถม้าถูกขับออกมาเป็นเวลานานแล้ว และในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าจวนอ๋องเจ็ด“ถึงแล้ว” อ
“เฟ่ยชุ่ย นับให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้ แล้วรายงานไปยังกองคลัง คำนวณเป็นสิบเท่าจากราคาในตลาด หากผู้ดูแลกองคลังไม่จ่ายชดเชย ก็บันทึกในนามท่านอ๋องเสีย อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องเป็นคนส่งแม่นางไป๋โค้วนี้มา เราทำเช่นนี้ก็มิมากเกินไปหรอก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“เพคะ” เฟ่ยชุ่ยตอบรับ“ท่าน!” ไป๋โค้วชี้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ แล
ยิ่งเวลาผ่านไป อากาศก็ยิ่งหนาวเหน็บ นางหนาวสั่นจนฟันกระทบกัน ผมเผ้าพันกันยุ่งเหยิง และสติก็เริ่มจางหายไป“แย่แล้ว”“ถ้าข้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ ข้าไม่เต็มใจจริง ๆ สุดท้ายแล้วจะต้องตายในกับดักเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้” ไป๋โค้วพึมพำ “ข้าประมาทเกินไปแล้ว คนโง่งมเช่นนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย”“ดูแล้วเจ้ายัง
หากจากไปแล้ว เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่กลับมาอีก“ไม่ใช่เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถาม “ข้าอยากถามพี่สะใภ้ใหญ่ว่า ระยะนี้ท่านได้ไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่ ขอแค่ท่านบอกข้าว่าเคยไปหออวิ๋นเซียวหรือไม่เคยไป ก็เป็นการชดใช้น้ำใจคืนให้ข้าแล้ว”พระชายาเฉียนไม่พอใจ “เจ้าจะดูหมิ่นน้ำใจข้าเกินไปแล้ว”“ข้าเคยไปหออวิ๋นซี น่าจะทิ
“พระชายาอ๋องเจ็ดไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด” พระชายาเฉียนกล่าว “พูดกันตามตรง ข้ารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก เหมือนกับห่วงที่จองจำมานานหลายปีทั้งหมดได้หายไป ข้าไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายถึงเพียงนี้มาก่อนเลย”“นี่มิใช่ว่าข้าตั้งใจพูดถ้อยคำเหล่านี้มาทำให้เจ้าเบาใจลงหรอกนะ ทุกคำที่ข้าพูดล้วนเป็นคำพูดจากใจ ข้าใช้เวลากว่า
หลิวฉือมองเห็นสีหน้ารังเกียจของแมวดำ ก็อึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมาเขาวางมือสั่นเทาลงบนหัวของแมวดำ แล้วเอ่ยถาม “เจ้าเป็นแมวที่พี่สาวของข้าเลี้ยงมาหรือ? พี่หญิง นางสบายดีหรือไม่?”ครั้นเอ่ยถ้อยเหล่านี้ เขาก็ต้องหัวเราะเย้ยหยันตนเองพี่หญิงเป็นพระสนมในวัง ไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์เครื่องประดับหรือว่าอาหาร จะต้
ระยะนี้ซูจิ้นถวายฎีกาแก่ฮ่องเต้ทุก ๆ สองถึงสามวัน ด้วยต้องการให้ซูเตี่ยนฉิงแต่งกับตงฟางหลี ซูเตี่ยนฉิงเองก็ไม่เสียดายเลยที่ต้องการลดฐานะตัวเองลงมาเป็นพระชายารองเพื่อเข้าประตูจวนอ๋องเจ็ดและในช่วงเวลาสำคัญนี้ ตำแหน่งพระชายาอ๋องเจ็ดก็ได้ว่างลงขอเพียงผู้ที่มีสมองก็สามารถคาดเดาได้ว่า การเคลื่อนไหวนี้ขอ
มือของนางสั่นเทาอย่างรุนแรง หลังจากนางกล่าวกับฉินเหยี่ยนเย่ว์ว่าเรื่องอื้อฉาวในบ้านไม่ควรแพร่งพรายออกไปแล้วนั้น คาดว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์คงอาจจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวเสียยิ่งกว่าอื้อฉาวออกไปสตรีนางนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้วในแววตาของฉินเสวี่ยเย่ว์มีความอำมหิต...รวมถึงความสะกดกลั้นวาบผ่านเพื่องานใหญ่ นางต
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่รอให้นางตอบคำถาม กล่าวต่อไปว่า “เมื่อครู่นี้ข้าหมายความว่า สตรีในห้องหออย่างพวกท่านดูบอบบางดั่งต้นหลิว ถึงกับเทียบพละกำลังกับสุนัข การคลายความเบื่อหน่ายของพวกท่านนี้ประหลาดไปสักหน่อยแล้วกระมัง”“เฮ้อ เมื่อครู่นี้พวกท่านคิดไปถึงที่ไหนกัน? หรือว่าคำพูดเหล่านั้นยังมีความหมายอื่นอยู่อี
การพาสัตว์เล็ก ๆ สามตัวมาด้วยโดยที่ไม่รู้ตัวนั้นเป็นความผิดของนางทว่า องค์หญิงอันชางกล่าวไว้แล้ว ในเมื่อเจ้าของงานไม่สนใจ แขกเหรื่อย่อมยิ้มรับแล้วปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปยิ่งไปกว่านั้น เจ้าสามตัวนี้ไม่ได้สร้างความวุ่นวาย หลังจากเข้ามาแล้วก็เอาแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง สุนัขและลูกแกะก็ถูกพากินเนื้
เมื่อมองดู ภาพที่อยู่ข้างหลังกลับทำให้ตกใจจนพูดไม่ออกข้างหลังนางกับหลิ่วฉือ มีเจ้าตัวน้อยทั้งสามตามมาด้วยหนึ่งแมว หนึ่งสุนัข และหนึ่งลูกแกะเฮยตั้นนั่งบนหัวของสุนัข จ้องมองทุกคนอย่างสงบด้วยใบหน้ารังเกียจสุนัขอาจจะวิ่งเร็วเกินไป มันหอบจนแลบลิ้นออกมาลูกแกะน้อยอยู่ข้างสุนัขมองไปรอบ ๆ เต็มไปด้วยความ
“ข้าอยากพบนาง” หลิ่วฉือคุกเข่าลง และโขกหัวสามครั้ง “พระชายาอ๋องเจ็ด ได้โปรดพาข้าไปพบพี่สาวของข้าที แม้นเพียงพบหน้ากันครั้งเดียวก็ได้”“ลุกขึ้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดึงหลิ่วฉือขึ้นมา “แล้วเจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาทำไม? ข้าเพิ่งบอกว่าจะพาเจ้าไปพบนางไม่ใช่หรือ? รีบเข้ารีบเช็ดน้ำตาเสีย หากสนมเหยาเห็นเข้า จะคิดว่