ในวังหลังจากที่ฮ่องเต้ตรวจราชกิจเสร็จไปหนึ่งชุด เต๋อฝูก็อุ้มทารกน้อยที่หน้าตาละเอียดอ่อนราวกับหยกแกะสลักเดินเข้ามา เมื่อฮ่องเต้เห็น ก็ยิ้มหน้าบานทันที“จื่อเยี่ยมาแล้ว เร็ว รีบอุ้มมาให้เรา!”เร็วเข้าเขาอุ้มเจ้าอ้วนน้อยเข้ามาในอ้อมแขนเจ้าหนูจื่อเยี่ยที่เพิ่งดื่มนมเสร็จกำลังอ้าปากหาวเป็นระยะ และใช้กำปั้นน้อยๆ ขยี้หางตา ท่าทางที่อวบอ้วนนั่น ไม่ต้องพูดถึงว่าน่ารักเพียงใด“ดูเจ้าหนูนี่ หน้าตาเหมือนเราแค่ไหน”ฮ่องเต้อุ้มอย่างระมัดระวัง รอยยิ้มที่มุมปากแทบฉีกไปถึงหูแล้ว“คิ้วที่องอาจนี่ก็เหมือนเรา แค่ดูก็รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นนายคนที่ทำงานใหญ่ มือน้อยๆ นี่เรียวยาว สามารถจับพู่กัน และยังสามารถถือกระบี่ หลังจากเด็กคนนี้เติบโต ไม่รู้ว่าจะเก่งกว่าพ่อของเขากี่เท่า”เขาชมตรงนี้ที ตรงนั้นที อย่างยิ้มแย้มดูตรงนี้ที ดูตรงนั้นทีจมูก ตา ปาก มือ คอ…จับตรงนี้ที จับตรงนั้นที หลงรักจนวางไม่ลง ราวกับถือสมบัติล้ำค่าไว้ในมือเต๋อฝูก็ยิ้มจนหน้าบานเช่นกัน “นายน้อยหน้าตาหล่อเหลา และเหมือนท่านด้วย ท่านดูสิ เขาสนิทกับท่านมาก เขาชอบท่านมาก!”จื่อเยี่ยน้อยกำนิ้วมือของฮ่องเต้ไว้ นิ้วมือน้อยๆ ที่บอ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนกลับจากประชุม ไม่ได้พูดถึงเรื่องของอ๋องหลีเลย ในใจฉู่เชียนหลีพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกทั้งสองคนทั้งสองเป็นเด็กดีมาก อีกทั้งยังติดเฟิงเย่เสวียนเขานั่งข้างเปลโยก อุ้มเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขนโดยมือข้างละคนเยว่เอ๋อร์คอยสอนอยู่ข้างๆ อย่างอดทน“ท่านอ๋อง เวลาอุ้มเด็ก ท่านต้องระวังตรงข้อพับแขน ต้องรองรับส่วนหัวของคุณหนูน้อยไว้…”บลาๆเฟิงเย่เสวียนเรียนอย่างตั้งใจอวิ๋นอิงนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง กดจุดชีพจรตามร่างกายให้ฉู่เชียนหลี เพื่อช่วยในการฟื้นฟูหลังคลอดถงเฟยมองดูครอบครัวที่กลมเกลียวมีความสุขนี้อยู่ข้างๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าปลื้มปีติเพียงใด มีความสุขเพียงใดหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีพักผ่อนพอแล้ว นางลุกขึ้นนั่ง จากนั้นลงจากเตียง เดินออกกำลังกายภายใต้การประคองของอวิ๋นอิงนางเดินไปที่ข้างกายเฟิงเย่เสวียน มองเด็กทั้งสองที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วกล่าว“หนักหรือไม่? มาข้าอุ้มบ้าง”กล่าวพลางยื่นมือไปอุ้มน้องสาวขึ้นมาเพิ่งอุ้มไป น้องสาวก็ร้องไห้แล้ว“อุแว้…”“ข้าอุ้มดีกว่า” เฟิงเย่เ
“อ๋องเฉิน รีบรับราชโองการเถอะ ข้าน้อยยังต้องกลับวังไปรายงานภารกิจ แล้วก็ ขอแสดงความยินดีกับอ๋องเฉินขอรับ!”กงกงถือราชโองการที่ม้วนเสร็จแล้วด้วยสองมือ ยิ้มจนคิ้วโก่ง ประจบสอพลอมากเฟิงเย่เสวียนก้มหน้า“หม่อมฉันรับราชโองการ”รับราชโองการ ลุกขึ้นยืน หลังจากตกรางวัลให้กงกง กงกงก็กลับวังอย่างยิ้มแย้มแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เหตุใดจู่ๆ ฝ่าบาทก็ประทานที่ศักดินามากมายเช่นนี้ให้เจ้า?” ถงเฟยก้าวออกมา ขมวดคิ้วกล่าวสร้างผลงานด้านการทหาร ก็ประทานที่ศักดินาเลย เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับอ๋องเฉิน แต่เขาสามารถแต่งตั้งอ๋องเฉินเป็นรัชทายาทเลย เหตุใดต้องประทานที่ศักดินา?ไม่มีใครมองความคิดของฝ่าบาทออกเฟิงเย่เสวียนมองราชโองการในมือ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวเพียงสองคำ“ไม่รู้”ถงเฟย “...”ได้ นางไปอุ้มหลานดีกว่าฉู่เชียนหลีกังวลเล็กน้อย “วันนี้เจ้าเข้าวัง ฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษอ๋องหลีกระมัง?”“ใช่”“เขาเข้าข้างอ๋องหลี แต่ให้ความสำคัญกับเจ้า ท่าทีของเขาโอนเอนไม่แน่นอน คลุมเครือไม่ชัดเจนระหว่างตัวพวกเจ้าสองคน ความคิดฝ่าบาท…ยากจะคาดเดาจริงๆ”คนโบราณว่าไว้ ยากจะคาดเดาจิตใจกษัตริย์
ห้องโถงหน้าเฟิงเย่เสวียนวางบัตรเชิญที่เปิดอ่านแล้วลงบนโต๊ะ กล่าวอย่างเปิดอก“ไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานกับกู้ชิงชิงด้วยสาเหตุอะไร หลิงเชียนอี้ ขอแค่เจ้าพูดมาคำเดียว ข้าช่วยเจ้าจัดการตระกูลกู้ และปัญหาที่จะตามมาเอง”เขาเข้าประเด็นโดยตรงขอแค่หลิงเชียนอี้พยักหน้า งานแต่งครั้งนี้ก็เป็นโมฆะหลิงเชียนอี้กัดริมฝีปาก รู้สึกขมในปากเล็กน้อยเขาย่อมเชื่อความสามารถของท่านน้าท่านน้าสามารถทำในสิ่งที่พูดได้แน่นอนแต่…สิ่งที่ทำให้เขายอมแพ้ไม่ใช่ตระกูลกู้ แต่เป็นการปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่าของอวิ๋นอิงเขาไม่แต่งงานกับกู้ชิงชิง อวิ๋นอิงก็จะแต่งงานกับเขาหรือ?ไม่หัวใจอวิ๋นอิงแข็งราวกับเหล็ก เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร พยายามอย่างไร อวิ๋นอิงก็ไม่หันมามองเขาเขาลดตัวลงมามากเช่นนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจนาง หากยืนหยัดต่อไป มีแต่จะหาเรื่องให้ตัวเองทุกข์ใจเปล่าๆช่างเถอะเช่นนั้นก็ช่างเถอะหลิงเชียนอี้เงยหน้ากล่าว“ท่านน้า ข้ารู้ว่าท่านกับน้าสะใภ้ล้วนเป็นห่วงข้า และข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร พวกท่านวางใจเถอะ ข้าไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเล
เมื่อกล่าวคำพูดนี้จบ แม้แต่ตัวเขาเองก็ประหลาดใจแล้ว‘เพื่อน’ คำนี้ เขาสามารถพูดออกมาโดยไม่แสดงออกว่าเศร้าหรือดีใจแล้ว เมื่อวันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขาก็ซ่อนความรู้สึกไว้ทั้งหมด ไม่ได้หัวเราะหรือทำอะไรตามใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วแม้แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้วอวิ๋นอิงเม้มปาก ยิ้มเล็กน้อย“ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวน้อย วันที่ท่านแต่งงาน ข้าจะไปแน่นอน”“ได้…”หลังจากสายตาของทั้งสองบรรจบกันช่วงสั้นๆ ก็แยกออกจากกันหลิงเชียนอี้จุกแน่นที่คอ พยายามกลืนอะไรบางอย่างลงไป พลันหมุนกายก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกตอนที่เขาหันหลัง มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น พยายามอดกลั้นอะไรบางอย่าง เดินจากไปเงียบๆ ภายใต้คำอวยพรของอวิ๋นอิงทีละก้าวทั้งเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบอวิ๋นอิงยังคงรักษารอยยิ้มจางๆ ไม่แสดงอาการใดๆฉู่เชียนหลีถอนใจเบาๆเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ พูดมากก็ไม่มีประโยชน์ นางตบไหล่ของอวิ๋นอิงเบาๆ ก็ไปหาเฟิงเย่เสวียนแล้วนางเพิ่งไป อวิ๋นอิงก็เซทรุดนั่งลงบนบันไดจุกอกแน่นคอ“แค่ก…แค่กๆ…”หลังจากไออยู่หลายที สีหน้าดูซีดเล็กน้อย แบฝ่ามือออก ก็เห็นเลือดจางๆห้องโถงหน้า“หลิงเชียนอี
ภายในห้องโถงใหญ่ตระกูลกู้นายท่านรองกู้เดินมา มือขวาไพล่หลัง ก้มหน้าเล็กน้อย ในแววตามีประกายของความกังวลถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ตระกูลกู้อยากทำอะไรก็ทำอะไร ไม่ต้องยำเกรง แต่กิจการเหล็กของตระกูลกู้ในปัจจุบัน ไม่ได้มีเปรียบเหนือผู้อื่นอีกแล้ว กู้ชิงชิงกำลังจะแต่งเข้าจวนโหวติ้งกว๋อ ทุกเรื่องที่เขาทำ ทุกการตัดสินใจที่เขาเลือก ล้วนต้องคำนึงถึงกู้ชิงชิงเขาต้องการให้กู้ชิงชิงมีความสุขลูกสาวคือจุดอ่อนของเขาครุ่นคิดอยู่นาน เพิ่งเดินไปถึงหน้าห้องโถง ก็เห็นสองสามีภรรยาอ๋องเฉินที่นั่งอยู่ตรงนั้นแต่ไกล เขาสงบสติอารมณ์แล้วเดินเข้าไป“ลมอะไรพัดอ๋องเฉิน พระชายาอ๋องเฉินมาเนี่ย? ฮ่าๆ คำนับท่านทั้งสอง”เขาประสานมือ เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มคนโบราณว่าไว้ ยื่นมือไม่ตบคนยิ้มรับเฟิงเย่เสวียนกวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง เขาไม่มีกะจิตกะใจมาแสดงละคร เข้าประเด็นโดยตรง“ตำแหน่งฮูหยินท่านโหวน้อยของกู้ชิงชิงมาได้อย่างไร ในใจนายท่านรองกู้น่าจะรู้ดีกระมัง?”เมื่อสิ้นเสียง รอยยิ้มบนใบหน้านายท่านรองกู้ชะงักแม้แต่บรรยากาศในห้องโถงก็เคร่งขรึมลง ค่อนข้างแปลกประหลาดตอนนั้น ตระกูลกู้กับอ๋องหลีร่วมมือกัน ต้องกา
พริบตาเดียว ก็ถึงวันแต่งงานของท่านโหวน้อยแล้วลูกชายขององค์หญิงใหญ่กับโหวติ้งกว๋อแต่งงาน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ ตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียง พ่อค้า และคนอื่นๆ แทบมาร่วมงานทั้งหมด คนเยอะมาก ภายในงานคึกคักจนแทบอยู่เหนือการควบคุมจวนโหวติ้งกว๋อถูกตกแต่งจนแดงไปหมด มีอักษรคำว่ามงคลติดอยู่ทุกที่ บรรยากาศรื่นเริงก็อบอวลไปในอากาศคนรับใช้ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง แขกเหรื่อเดินเข้าเดินออก ทั้งจวนไม่เหลือที่นั่งว่างองค์หญิงใหญ่ยุ่งอยู่กับเรื่องการจัดขั้นตอนต่างๆ ส่วนโหวติ้งกว๋อต้อนรับแขก“เถ้าแก่จางมาแล้ว…ใต้เท้าหยาง เชิญนั่ง”“ยินดีด้วยท่านโหว!”“ขออวยพรให้คู่บ่าวสาวเต็มไปด้วยความรักและความสุขไร้ที่สิ้นสุด มีลูกในเร็ววัน…”“ปีที่แล้วท่านโหวอุ้มลูกสาว เกรงว่าปีหน้าจะได้อุ้มหลานชายแล้ว มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ขอแสดงความยินดีด้วย…”“ฮ่าๆๆ!”ระหว่างแขกที่ทยอยมา เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอวยพร ประจบสอพลอ เอาใจ เยินยอ…มีทุกอย่างตอนที่ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนมา เนื่องจากโหวติ้งกว๋อยุ่งมาก ทั้งสองจึงหาที่เงียบๆ นั่งลงอย่างคุ้นเคยเพิ่งนั่งลง หลิงเชียนอี้ก็มาแล้ว“ท่านน้า น้าสะใ
“ข้าอุ้มลู่ฉินเอง” นางจัดชายเสื้อครู่หนึ่ง ยื่นมือไปทางหานอิ๋งที่ยืนอยู่ข้างๆหานอิ๋งกำลังอุ้มน้องสาวที่ผอมเล็ก โดยน้องสาวกำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของนาง ในใจนางเกิดความรู้สึกแปลกๆครั้งนี้ ติดตามนายท่านออกรบสามเดือนกว่าเกือบหนึ่งร้อยวันที่ผ่านมา นายท่านคิดถึงพระชายาตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่รอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิด ปากก็ยังพูดชื่อของพระชายาเดิมทีนางไม่พอใจพระชายา แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูคู่นี้ อารมณ์ของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัวหานอิ๋งโน้มกายเล็กน้อย ส่งน้องสาวให้ฉู่เชียนหลีอย่างระมัดระวังพลันเพิ่งเข้ามาในอ้อมแขน ก็ร้องไห้แล้วฉู่เชียนหลีตำหนิด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กไร้มโนธรรม สนิทกับทุกคนยกเว้นข้า นี่อยากให้ข้ากระอักเลือดตายหรือ?”หานอิ๋งอุ้มกลับไป ไม่นานก็หยุดร้องไห้แล้วมีรอยยิ้มที่หายากเสี้ยวหนึ่ง ปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาของนาง“พระชายาอย่าโมโหเลยเจ้าค่ะ คุณหนูรองยังเด็ก ไม่รู้ความ รอนางโตอีกหน่อย ก็จะเข้าใจความเจ็บปวดที่ท่านตั้งครรภ์และคลอดเอง ทั่วหล้ามีลูกที่ไหนไม่รักแม่บ้าง?”แม้กล่าวเช่นนี้ แต่ฉู่เชียนหลีก็ยังอยากหยิกนางนางหนูนี่!“อ๋องหลี พระชาย
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋