“ข้าอุ้มลู่ฉินเอง” นางจัดชายเสื้อครู่หนึ่ง ยื่นมือไปทางหานอิ๋งที่ยืนอยู่ข้างๆหานอิ๋งกำลังอุ้มน้องสาวที่ผอมเล็ก โดยน้องสาวกำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของนาง ในใจนางเกิดความรู้สึกแปลกๆครั้งนี้ ติดตามนายท่านออกรบสามเดือนกว่าเกือบหนึ่งร้อยวันที่ผ่านมา นายท่านคิดถึงพระชายาตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่รอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิด ปากก็ยังพูดชื่อของพระชายาเดิมทีนางไม่พอใจพระชายา แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูคู่นี้ อารมณ์ของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัวหานอิ๋งโน้มกายเล็กน้อย ส่งน้องสาวให้ฉู่เชียนหลีอย่างระมัดระวังพลันเพิ่งเข้ามาในอ้อมแขน ก็ร้องไห้แล้วฉู่เชียนหลีตำหนิด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กไร้มโนธรรม สนิทกับทุกคนยกเว้นข้า นี่อยากให้ข้ากระอักเลือดตายหรือ?”หานอิ๋งอุ้มกลับไป ไม่นานก็หยุดร้องไห้แล้วมีรอยยิ้มที่หายากเสี้ยวหนึ่ง ปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาของนาง“พระชายาอย่าโมโหเลยเจ้าค่ะ คุณหนูรองยังเด็ก ไม่รู้ความ รอนางโตอีกหน่อย ก็จะเข้าใจความเจ็บปวดที่ท่านตั้งครรภ์และคลอดเอง ทั่วหล้ามีลูกที่ไหนไม่รักแม่บ้าง?”แม้กล่าวเช่นนี้ แต่ฉู่เชียนหลีก็ยังอยากหยิกนางนางหนูนี่!“อ๋องหลี พระชาย
เฟิงเจิ้งหลีชะงักครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วยิ้มอีก“เจ้าอยากคลอดให้ข้า ข้าก็ไม่ถือสา”ฉู่เชียนหลีไปแล้วไม่อยากทำสงครามน้ำลายกับเขาเขาเดินตาม “ไม่ได้เจอจื่อเยี่ยนานแล้ว ได้ยินมาว่าวันก่อนเจ้าเข้าวัง เห็นเขาหรือไม่?”เอ่ยถึงเด็กที่อ้วนจ้ำม่ำ ในใจฉู่เชียนหลีเกิดความหวั่นไหวเล็กน้อยแต่นางไม่ตอบ ยังคงเดินต่อไปเขาเดินตามข้างๆ นาง “จื่อเยี่ยชอบร้องไห้ กล่อมยาก ตอนนี้เขาถูกเต๋อเฟยเลี้ยงดูชั่วคราว ไม่รู้ว่าไม่ได้อยู่กับแม่ นอนหลับหรือไม่ กินอิ่มหรือไม่ ร้องไห้หรือไม่”“เด็กที่เพิ่งเกิดไม่กี่วันก็ต้องพรากจากแม่ ช่างน่าสงสารจริงๆ”ฝีเท้าฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยนึกถึงท่าทางที่ร้องไห้อย่างน่าเวทนาของเด็กคนนั้น…นางเม้มปาก หันไปมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยต้องไปอยู่ในวังชั่วคราว ไม่ใช่เพราะพระชายาอ๋องหลีหรือ? เจ้ามาบอกข้า หรือเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็กลับมาแล้ว?”คำพูดเหล่านี้ไม่ควรไปบอกฉู่เจียวเจียวหรือ?เฟิงเจิ้งหลีหัวเราะเบาๆ“ข้าคิดว่าเจ้าคิดถึงจื่อเยี่ยเสียอีก”คิดถึง…บางทีอาจมีนิดหน่อยแต่ว่า…“เขาอยู่ในวัง ข้าก็วางใจแล้ว มีฝ่าบาทคอย
นอกจวนโหวติ้งกว๋อพรมแดงถูกปูออกไปหลายลี้ เสียงประทัดดังลั่น บรรดาแขกเหรื่อ และชาวบ้านที่มามุงดูเยอะจนเบียดเสียดกัน เสียงคนดังวุ่นวายไปหมด ก่อให้เกิดเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาท่ามกลางเสียงประทัดแห่งการเฉลิมฉลอง ขบวนรับเจ้าสาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ“เจ้าสาวมาแล้ว!”ไม่รู้ใครเป็นคนตะโกน ทุกคนหันไปมองโดยไม่ได้นัดหมายทันใดนั้น บรรยากาศมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม“คุณหนูกู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้ ไข่มุกบนฝ่ามืออย่างแท้จริง นางกับท่านโหวน้อยเกิดมาคู่กันจริงๆ”“แล้วไม่ใช่หรือ? ชายเก่งหญิงงามของจริง!”“ได้ยินมาว่าคุณหนูกู้งามหยาดเยิ้มล้มบ้านล้มเมือง งดงามมาก…”“ถ้าหากโชคดีได้เห็นสักครั้ง…”เสียงวิจารณ์เป็นไปอย่างคึกคักขบวนรับเจ้าสาวหยุดอยู่ที่หน้าประตู ภายใต้เสียงปี่ซั่วน่าที่รื่นรมย์ และเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุขของผู้คน หลิงเชียนอี้ในชุดแต่งงานสีแดงถีบประตูเกี้ยว พาเจ้าสาวออกมาเจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดง มงกุฎหงส์ ผ้าคล้องไหล่ คลุมศีรษะ มองไม่เห็นหน้าตา แต่รูปร่างที่เพรียวบางนั่น ดึงดูดเสียงวิจารณ์และจินตนาการของผู้คนนานแล้ว “ถึงฤกษ์แล้ว เชิญเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าจวน เตรียมไหว้ฟ้า
“แค่ก…แค่กๆ…”นางไอเบาๆ สองที ขณะที่จับโต๊ะลุกขึ้น เตรียมจากไปอย่างเงียบๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง“เหตุใดจึงมาหลบที่นี่ ไม่กล้าออกไปหรือ?”อวิ๋นอิงหันกลับไปมองจิ่งอี้เขาสวมชุดจิ้งจวนสีดำ สะอาดเรียบร้อย เย็นชาเย่อหยิ่ง ยิ้มที่มุมปากอย่างเฉยเมย จงใจราดเกลือลงบนบาดแผลของนางไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ จิตใจของอวิ๋นอิงก็สงบมากเมื่อก่อน ตอนที่พัวพันกับท่านโหวน้อง นางติดอยู่ระหว่างยืนหยัดกับปล่อยมือ ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดทุกวัน ยากจะนอนหลับทุกคืนกลัวการผลักเขาออกและกลัวหลังจากที่เขารู้ว่าร่างกายนางเปื้อนมลทิน จะรังเกียจนางกังวลทุกวัน หวาดกลัวทุกคืนแต่หลังจากตัดความสัมพันธ์กับท่านโหวน้อยโดยสิ้นเชิง นางกลับรู้สึกเหมือนก้าวข้ามความหวาดกลัวนางไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ย่อมไม่กลัวการข่มขู่ของจิ่งอี้“ใช่สิ ไม่กล้า ข้าแอบหลบอยู่ที่นี่ มองดูห่างๆ ก็พอ อย่างไรนางเอกในวันนี้ก็ไม่ใช่ข้า ข้าไป มีแต่จะสร้างปัญหา” เสียงของนางเรียบเฉย สีหน้าดูซีดเล็กน้อย โดยรวมดูอ่อนเพลียมากจิ่งอี้หัวเราะอย่างเย็นชา“นับว่าเจ้ารู้จักประมาณตน”อวิ๋นอิงยืนอยู่ตรงนั้น เม้มริมฝีปาก หลุบตา ไ
อวิ๋นอิงหลุบตา ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกเหนื่อย เหนื่อยจนไม่มีแรงอ้าปากทะเลาะด้วยซ้ำ อยากพักผ่อน อยากนอนอย่างเกียจคร้านท่านพ่อท่านแม่ไปแล้ว ผู้ชายที่ชอบก็แต่งงานกับหญิงอื่นแล้ว บนโลกนี้ ไม่มีอะไรให้นางอาลัยอาวรณ์แล้ว อาจเพราะชาติที่แล้วทำชั่ว ชาตินี้จึงมีอุปสรรคเช่นนี้เมื่อไม่มีความอาลัยอาวรณ์ ก็สูญเสียความหมายของชีวิตเมื่อหาความหมายไม่เจอ ก็อยากหลุดพ้น“อวิ๋นอิง?”“ไม่ได้ยินข้าคุยกับเจ้าหรือ?”จิ่งอี้กล่าวอยู่หลายประโยค แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ พลันคว้าคอเสื้อของนาง แล้วยกคนขึ้นราวกับลูกไก่ร่างกายเบาเหมือนต้นหญ้าท่าทางที่ห่อเหี่ยวนั่น ก็เหมือนกับดอกไม้ที่ตากแดดนานเกินไป จะตายไม่ตาย เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย“ดูสภาพเช่นนี้ของเจ้าสิ น่าอนาถจริงๆ” เขาเขย่านางอวิ๋นอิงเวียนศีรษะ อยากไอ และอยากอาเจียนนางฝืนเผยอมุมปาก ยิ้มอย่างจืดชืด ในที่สุดก็เอ่ยปาก“จิ่งอี้ ยินดีด้วย เพราะเจ้า ชีวิตข้ารันทดมาก เจ็บปวดมาก ความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อข้า น่าจะบรรเทาลงแล้วกระมัง?”น้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจของนาง ราวกับกำลังพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองจิ่งอี้กลับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขา?ความเกลี
การแต่งงานเป็นวันมงคล แขกเหรื่อนั่งดื่มกันอย่างสุขสันต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข“ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวน้อย!”“มีลูกชายในเร็ววัน”“ยินดีด้วยๆ…”คนรับใช้เดินเข้าออก แขกเหรื่อพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลายเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาในห้องโถงองค์หญิงใหญ่กับโหวติ้งกว๋อดูแลฮ่องเต้“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงสละเวลามาร่วมงาน เป็นเกียรติของจวนโหวติ้งกว๋อ และเป็นเกียรติของอี้เอ๋อร์ด้วย กระหม่อมขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” โหวติ้งกว๋อใช้สองมือถือจอกฮ่องเต้ลูบเครา พลางหัวเราะเหอะๆ“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียว เจ้าเด็กน้อยหลิงเชียนอี้ก็แต่งงานมีลูกแล้ว เราก็แก่แล้ว!”“ฝ่าบาททรงตรัสหนักแล้ว พระองค์กำลังอยู่ในวัยกลางคน”“ฮ่าๆๆ! เลิกพูดเรื่องเหล่านี้ดีกว่า มา ดื่มหนึ่งจอก”“พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนพูดคุยด้วยรอยยิ้มทันใดนั้น ร่างเงาสีฟ้าเข้มสายหนึ่งไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ใด พุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถง และทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างหันไปมองเกิดอะไรขึ้น?เมื่อดูดีๆคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่ใช่พ่อของเจ้าสาว นายท่านรองกู้แห่งตระกูลกู้หรือ?ฮ่องเต้ตะลึง“นายท่านรองกู้ นี่ท่าน…?”
ในเมื่อนายท่านรองกู้เลือกแล้ว ก็ไม่กลัวล่วงเกินอ๋องหลีเพื่อความสุขของลูกสาว เขาสามารถทำได้ทุกอย่างอ๋องหลี เดิมทีเจ้ากับข้าก็อยู่ในความสัมพันธ์ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากกันและกัน ทุกคนล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ตอนนี้ เขาให้ความสำคัญกับลูกสาวเป็นหลักต้องขอโทษด้วย!นายท่านรองกู้ตัดสินใจแล้ว กล่าวเสียงดัง“ฝ่าบาท ตั้งแต่อ๋องเฉินออกรบ จดหมายที่กระหม่อมไปมาหาสู่กับอ๋องหลี สถานที่นัดพบ วิธีติดต่อกับซยงหนู แพร่งพรายความลับทางทหาร ลักลอบส่งอาวุธ กระหม่อมบันทึกไว้ทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าหากฝ่าบาทไม่ถือสาที่จะตรวจสอบตอนนี้ กระหม่อมยินดีให้ความร่วมมือ!”สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีบูดบึ้งทันทีบ้าจริง!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรเก็บนายท่านรองกู้ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น!ฮ่องเต้นิ่งเงียบตามสถานการณ์ปกติ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการกำจัดอ๋องหลี แต่ในมืออ๋องหลียังมีสิ่งที่เขาต้องการทว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี้ พลิกกลับไปรุกฆาตอ๋องหลีมือของฮ่องเต้พาดอยู่บนที่วางแขน ยกนิ้วเคาะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจผ่านไปครู่หนึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่อหลายวันก่อน อ๋องเฉินเคยพูดเรื่องนี้กับเรา แต่เราไม่เชื่อ วั
วันนี้ มีคนมาร่วมงานแต่งของจวนโหวติ้งกว๋อเยอะมาก ราชสำนัก ขุนนาง พ่อค้า…ผู้คนจากทั่วสารทิศเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับติดปีก หนึ่งบอกต่อสิบ สิบบอกต่อร้อย ร้อยบอกต่อพัน แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม เรื่องที่อ๋องหลีถูกสงสัยว่าสมคบคิดศัตรู ทรยศชาติ และพยายามฆ่าอ๋องเฉิน ผู้คนรู้กันหมดแล้ว และมีการถกเถียงทั่วใต้ฟ้ามีทั้งคนที่เห็นด้วย สนับสนุน ด่าทอ รอดู…จวนอ๋องหลีระหว่างที่กักตัว มีทหารรักษาพระองค์เฝ้า ประตูใหญ่จวนปิดสนิท ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าออก ห้ามเข้าใกล้ บรรยากาศเกรงขามเงียบสงัดห้องโถงเฟิงเจิ้งหลีนั่งหลับตาเงียบๆ การแสดงออกปกติ สีหน้าเรียบเฉย สงบจนไม่รู้คิดอะไรอยู่กลับกัน ฉู่เจียวเจียวที่อยู่ข้างๆ เดินวนไปมา ร้อนใจจนนั่งไม่ติด ราวกับนั่งบนพรมเข็ม“ทำอย่างไรดี?”“ท่านอ๋อง ท่านทำเรื่องเช่นนี้จริงๆ หรือ? ถ้าหากฝ่าบาทสืบพบหลักฐาน จะมีบทลงโทษอย่างไร? จะส่งพวกเราเข้าจวนเฟิงเหรินหรือไม่?”“จื่อเยี่ยไม่อยู่ข้างกาย…”“ข้าเป็นแม่แท้ๆ ของจื่อเยี่ย ฝ่าบาทน่าจะไม่อะไรกับพวกเรากระมัง?”นางกังวลมากหันไปดูอ๋องหลี ใจเย็นจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉู่เจ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท