พริบตาเดียว ก็ถึงวันแต่งงานของท่านโหวน้อยแล้วลูกชายขององค์หญิงใหญ่กับโหวติ้งกว๋อแต่งงาน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ ตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียง พ่อค้า และคนอื่นๆ แทบมาร่วมงานทั้งหมด คนเยอะมาก ภายในงานคึกคักจนแทบอยู่เหนือการควบคุมจวนโหวติ้งกว๋อถูกตกแต่งจนแดงไปหมด มีอักษรคำว่ามงคลติดอยู่ทุกที่ บรรยากาศรื่นเริงก็อบอวลไปในอากาศคนรับใช้ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง แขกเหรื่อเดินเข้าเดินออก ทั้งจวนไม่เหลือที่นั่งว่างองค์หญิงใหญ่ยุ่งอยู่กับเรื่องการจัดขั้นตอนต่างๆ ส่วนโหวติ้งกว๋อต้อนรับแขก“เถ้าแก่จางมาแล้ว…ใต้เท้าหยาง เชิญนั่ง”“ยินดีด้วยท่านโหว!”“ขออวยพรให้คู่บ่าวสาวเต็มไปด้วยความรักและความสุขไร้ที่สิ้นสุด มีลูกในเร็ววัน…”“ปีที่แล้วท่านโหวอุ้มลูกสาว เกรงว่าปีหน้าจะได้อุ้มหลานชายแล้ว มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ขอแสดงความยินดีด้วย…”“ฮ่าๆๆ!”ระหว่างแขกที่ทยอยมา เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอวยพร ประจบสอพลอ เอาใจ เยินยอ…มีทุกอย่างตอนที่ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนมา เนื่องจากโหวติ้งกว๋อยุ่งมาก ทั้งสองจึงหาที่เงียบๆ นั่งลงอย่างคุ้นเคยเพิ่งนั่งลง หลิงเชียนอี้ก็มาแล้ว“ท่านน้า น้าสะใ
“ข้าอุ้มลู่ฉินเอง” นางจัดชายเสื้อครู่หนึ่ง ยื่นมือไปทางหานอิ๋งที่ยืนอยู่ข้างๆหานอิ๋งกำลังอุ้มน้องสาวที่ผอมเล็ก โดยน้องสาวกำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของนาง ในใจนางเกิดความรู้สึกแปลกๆครั้งนี้ ติดตามนายท่านออกรบสามเดือนกว่าเกือบหนึ่งร้อยวันที่ผ่านมา นายท่านคิดถึงพระชายาตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่รอดพ้นจากความตายอย่างหวุดหวิด ปากก็ยังพูดชื่อของพระชายาเดิมทีนางไม่พอใจพระชายา แต่เมื่อเห็นเด็กน้อยที่น่ารักน่าเอ็นดูคู่นี้ อารมณ์ของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัวหานอิ๋งโน้มกายเล็กน้อย ส่งน้องสาวให้ฉู่เชียนหลีอย่างระมัดระวังพลันเพิ่งเข้ามาในอ้อมแขน ก็ร้องไห้แล้วฉู่เชียนหลีตำหนิด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กไร้มโนธรรม สนิทกับทุกคนยกเว้นข้า นี่อยากให้ข้ากระอักเลือดตายหรือ?”หานอิ๋งอุ้มกลับไป ไม่นานก็หยุดร้องไห้แล้วมีรอยยิ้มที่หายากเสี้ยวหนึ่ง ปรากฏบนใบหน้าที่เย็นชาของนาง“พระชายาอย่าโมโหเลยเจ้าค่ะ คุณหนูรองยังเด็ก ไม่รู้ความ รอนางโตอีกหน่อย ก็จะเข้าใจความเจ็บปวดที่ท่านตั้งครรภ์และคลอดเอง ทั่วหล้ามีลูกที่ไหนไม่รักแม่บ้าง?”แม้กล่าวเช่นนี้ แต่ฉู่เชียนหลีก็ยังอยากหยิกนางนางหนูนี่!“อ๋องหลี พระชาย
เฟิงเจิ้งหลีชะงักครู่หนึ่ง ยิ้มแล้วยิ้มอีก“เจ้าอยากคลอดให้ข้า ข้าก็ไม่ถือสา”ฉู่เชียนหลีไปแล้วไม่อยากทำสงครามน้ำลายกับเขาเขาเดินตาม “ไม่ได้เจอจื่อเยี่ยนานแล้ว ได้ยินมาว่าวันก่อนเจ้าเข้าวัง เห็นเขาหรือไม่?”เอ่ยถึงเด็กที่อ้วนจ้ำม่ำ ในใจฉู่เชียนหลีเกิดความหวั่นไหวเล็กน้อยแต่นางไม่ตอบ ยังคงเดินต่อไปเขาเดินตามข้างๆ นาง “จื่อเยี่ยชอบร้องไห้ กล่อมยาก ตอนนี้เขาถูกเต๋อเฟยเลี้ยงดูชั่วคราว ไม่รู้ว่าไม่ได้อยู่กับแม่ นอนหลับหรือไม่ กินอิ่มหรือไม่ ร้องไห้หรือไม่”“เด็กที่เพิ่งเกิดไม่กี่วันก็ต้องพรากจากแม่ ช่างน่าสงสารจริงๆ”ฝีเท้าฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อยนึกถึงท่าทางที่ร้องไห้อย่างน่าเวทนาของเด็กคนนั้น…นางเม้มปาก หันไปมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย“เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยต้องไปอยู่ในวังชั่วคราว ไม่ใช่เพราะพระชายาอ๋องหลีหรือ? เจ้ามาบอกข้า หรือเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็กลับมาแล้ว?”คำพูดเหล่านี้ไม่ควรไปบอกฉู่เจียวเจียวหรือ?เฟิงเจิ้งหลีหัวเราะเบาๆ“ข้าคิดว่าเจ้าคิดถึงจื่อเยี่ยเสียอีก”คิดถึง…บางทีอาจมีนิดหน่อยแต่ว่า…“เขาอยู่ในวัง ข้าก็วางใจแล้ว มีฝ่าบาทคอย
นอกจวนโหวติ้งกว๋อพรมแดงถูกปูออกไปหลายลี้ เสียงประทัดดังลั่น บรรดาแขกเหรื่อ และชาวบ้านที่มามุงดูเยอะจนเบียดเสียดกัน เสียงคนดังวุ่นวายไปหมด ก่อให้เกิดเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาท่ามกลางเสียงประทัดแห่งการเฉลิมฉลอง ขบวนรับเจ้าสาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ“เจ้าสาวมาแล้ว!”ไม่รู้ใครเป็นคนตะโกน ทุกคนหันไปมองโดยไม่ได้นัดหมายทันใดนั้น บรรยากาศมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม“คุณหนูกู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้ ไข่มุกบนฝ่ามืออย่างแท้จริง นางกับท่านโหวน้อยเกิดมาคู่กันจริงๆ”“แล้วไม่ใช่หรือ? ชายเก่งหญิงงามของจริง!”“ได้ยินมาว่าคุณหนูกู้งามหยาดเยิ้มล้มบ้านล้มเมือง งดงามมาก…”“ถ้าหากโชคดีได้เห็นสักครั้ง…”เสียงวิจารณ์เป็นไปอย่างคึกคักขบวนรับเจ้าสาวหยุดอยู่ที่หน้าประตู ภายใต้เสียงปี่ซั่วน่าที่รื่นรมย์ และเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุขของผู้คน หลิงเชียนอี้ในชุดแต่งงานสีแดงถีบประตูเกี้ยว พาเจ้าสาวออกมาเจ้าสาวสวมชุดแต่งงานสีแดง มงกุฎหงส์ ผ้าคล้องไหล่ คลุมศีรษะ มองไม่เห็นหน้าตา แต่รูปร่างที่เพรียวบางนั่น ดึงดูดเสียงวิจารณ์และจินตนาการของผู้คนนานแล้ว “ถึงฤกษ์แล้ว เชิญเจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าจวน เตรียมไหว้ฟ้า
“แค่ก…แค่กๆ…”นางไอเบาๆ สองที ขณะที่จับโต๊ะลุกขึ้น เตรียมจากไปอย่างเงียบๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง“เหตุใดจึงมาหลบที่นี่ ไม่กล้าออกไปหรือ?”อวิ๋นอิงหันกลับไปมองจิ่งอี้เขาสวมชุดจิ้งจวนสีดำ สะอาดเรียบร้อย เย็นชาเย่อหยิ่ง ยิ้มที่มุมปากอย่างเฉยเมย จงใจราดเกลือลงบนบาดแผลของนางไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ จิตใจของอวิ๋นอิงก็สงบมากเมื่อก่อน ตอนที่พัวพันกับท่านโหวน้อง นางติดอยู่ระหว่างยืนหยัดกับปล่อยมือ ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดทุกวัน ยากจะนอนหลับทุกคืนกลัวการผลักเขาออกและกลัวหลังจากที่เขารู้ว่าร่างกายนางเปื้อนมลทิน จะรังเกียจนางกังวลทุกวัน หวาดกลัวทุกคืนแต่หลังจากตัดความสัมพันธ์กับท่านโหวน้อยโดยสิ้นเชิง นางกลับรู้สึกเหมือนก้าวข้ามความหวาดกลัวนางไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ย่อมไม่กลัวการข่มขู่ของจิ่งอี้“ใช่สิ ไม่กล้า ข้าแอบหลบอยู่ที่นี่ มองดูห่างๆ ก็พอ อย่างไรนางเอกในวันนี้ก็ไม่ใช่ข้า ข้าไป มีแต่จะสร้างปัญหา” เสียงของนางเรียบเฉย สีหน้าดูซีดเล็กน้อย โดยรวมดูอ่อนเพลียมากจิ่งอี้หัวเราะอย่างเย็นชา“นับว่าเจ้ารู้จักประมาณตน”อวิ๋นอิงยืนอยู่ตรงนั้น เม้มริมฝีปาก หลุบตา ไ
อวิ๋นอิงหลุบตา ไม่รู้เพราะเหตุใด รู้สึกเหนื่อย เหนื่อยจนไม่มีแรงอ้าปากทะเลาะด้วยซ้ำ อยากพักผ่อน อยากนอนอย่างเกียจคร้านท่านพ่อท่านแม่ไปแล้ว ผู้ชายที่ชอบก็แต่งงานกับหญิงอื่นแล้ว บนโลกนี้ ไม่มีอะไรให้นางอาลัยอาวรณ์แล้ว อาจเพราะชาติที่แล้วทำชั่ว ชาตินี้จึงมีอุปสรรคเช่นนี้เมื่อไม่มีความอาลัยอาวรณ์ ก็สูญเสียความหมายของชีวิตเมื่อหาความหมายไม่เจอ ก็อยากหลุดพ้น“อวิ๋นอิง?”“ไม่ได้ยินข้าคุยกับเจ้าหรือ?”จิ่งอี้กล่าวอยู่หลายประโยค แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ พลันคว้าคอเสื้อของนาง แล้วยกคนขึ้นราวกับลูกไก่ร่างกายเบาเหมือนต้นหญ้าท่าทางที่ห่อเหี่ยวนั่น ก็เหมือนกับดอกไม้ที่ตากแดดนานเกินไป จะตายไม่ตาย เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย“ดูสภาพเช่นนี้ของเจ้าสิ น่าอนาถจริงๆ” เขาเขย่านางอวิ๋นอิงเวียนศีรษะ อยากไอ และอยากอาเจียนนางฝืนเผยอมุมปาก ยิ้มอย่างจืดชืด ในที่สุดก็เอ่ยปาก“จิ่งอี้ ยินดีด้วย เพราะเจ้า ชีวิตข้ารันทดมาก เจ็บปวดมาก ความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อข้า น่าจะบรรเทาลงแล้วกระมัง?”น้ำเสียงที่ไม่ใส่ใจของนาง ราวกับกำลังพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองจิ่งอี้กลับอึ้งเล็กน้อยเพราะเขา?ความเกลี
การแต่งงานเป็นวันมงคล แขกเหรื่อนั่งดื่มกันอย่างสุขสันต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข“ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวน้อย!”“มีลูกชายในเร็ววัน”“ยินดีด้วยๆ…”คนรับใช้เดินเข้าออก แขกเหรื่อพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลายเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาในห้องโถงองค์หญิงใหญ่กับโหวติ้งกว๋อดูแลฮ่องเต้“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงสละเวลามาร่วมงาน เป็นเกียรติของจวนโหวติ้งกว๋อ และเป็นเกียรติของอี้เอ๋อร์ด้วย กระหม่อมขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” โหวติ้งกว๋อใช้สองมือถือจอกฮ่องเต้ลูบเครา พลางหัวเราะเหอะๆ“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียว เจ้าเด็กน้อยหลิงเชียนอี้ก็แต่งงานมีลูกแล้ว เราก็แก่แล้ว!”“ฝ่าบาททรงตรัสหนักแล้ว พระองค์กำลังอยู่ในวัยกลางคน”“ฮ่าๆๆ! เลิกพูดเรื่องเหล่านี้ดีกว่า มา ดื่มหนึ่งจอก”“พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนพูดคุยด้วยรอยยิ้มทันใดนั้น ร่างเงาสีฟ้าเข้มสายหนึ่งไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ใด พุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถง และทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างหันไปมองเกิดอะไรขึ้น?เมื่อดูดีๆคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่ใช่พ่อของเจ้าสาว นายท่านรองกู้แห่งตระกูลกู้หรือ?ฮ่องเต้ตะลึง“นายท่านรองกู้ นี่ท่าน…?”
ในเมื่อนายท่านรองกู้เลือกแล้ว ก็ไม่กลัวล่วงเกินอ๋องหลีเพื่อความสุขของลูกสาว เขาสามารถทำได้ทุกอย่างอ๋องหลี เดิมทีเจ้ากับข้าก็อยู่ในความสัมพันธ์ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากกันและกัน ทุกคนล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ตอนนี้ เขาให้ความสำคัญกับลูกสาวเป็นหลักต้องขอโทษด้วย!นายท่านรองกู้ตัดสินใจแล้ว กล่าวเสียงดัง“ฝ่าบาท ตั้งแต่อ๋องเฉินออกรบ จดหมายที่กระหม่อมไปมาหาสู่กับอ๋องหลี สถานที่นัดพบ วิธีติดต่อกับซยงหนู แพร่งพรายความลับทางทหาร ลักลอบส่งอาวุธ กระหม่อมบันทึกไว้ทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าหากฝ่าบาทไม่ถือสาที่จะตรวจสอบตอนนี้ กระหม่อมยินดีให้ความร่วมมือ!”สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีบูดบึ้งทันทีบ้าจริง!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรเก็บนายท่านรองกู้ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น!ฮ่องเต้นิ่งเงียบตามสถานการณ์ปกติ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการกำจัดอ๋องหลี แต่ในมืออ๋องหลียังมีสิ่งที่เขาต้องการทว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี้ พลิกกลับไปรุกฆาตอ๋องหลีมือของฮ่องเต้พาดอยู่บนที่วางแขน ยกนิ้วเคาะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจผ่านไปครู่หนึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่อหลายวันก่อน อ๋องเฉินเคยพูดเรื่องนี้กับเรา แต่เราไม่เชื่อ วั
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ