การแต่งงานเป็นวันมงคล แขกเหรื่อนั่งดื่มกันอย่างสุขสันต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข“ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวน้อย!”“มีลูกชายในเร็ววัน”“ยินดีด้วยๆ…”คนรับใช้เดินเข้าออก แขกเหรื่อพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลายเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาในห้องโถงองค์หญิงใหญ่กับโหวติ้งกว๋อดูแลฮ่องเต้“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงสละเวลามาร่วมงาน เป็นเกียรติของจวนโหวติ้งกว๋อ และเป็นเกียรติของอี้เอ๋อร์ด้วย กระหม่อมขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” โหวติ้งกว๋อใช้สองมือถือจอกฮ่องเต้ลูบเครา พลางหัวเราะเหอะๆ“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ พริบตาเดียว เจ้าเด็กน้อยหลิงเชียนอี้ก็แต่งงานมีลูกแล้ว เราก็แก่แล้ว!”“ฝ่าบาททรงตรัสหนักแล้ว พระองค์กำลังอยู่ในวัยกลางคน”“ฮ่าๆๆ! เลิกพูดเรื่องเหล่านี้ดีกว่า มา ดื่มหนึ่งจอก”“พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนพูดคุยด้วยรอยยิ้มทันใดนั้น ร่างเงาสีฟ้าเข้มสายหนึ่งไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ใด พุ่งพรวดเข้ามาในห้องโถง และทิ้งตัวคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างหันไปมองเกิดอะไรขึ้น?เมื่อดูดีๆคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่ใช่พ่อของเจ้าสาว นายท่านรองกู้แห่งตระกูลกู้หรือ?ฮ่องเต้ตะลึง“นายท่านรองกู้ นี่ท่าน…?”
ในเมื่อนายท่านรองกู้เลือกแล้ว ก็ไม่กลัวล่วงเกินอ๋องหลีเพื่อความสุขของลูกสาว เขาสามารถทำได้ทุกอย่างอ๋องหลี เดิมทีเจ้ากับข้าก็อยู่ในความสัมพันธ์ต่างฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากกันและกัน ทุกคนล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ตอนนี้ เขาให้ความสำคัญกับลูกสาวเป็นหลักต้องขอโทษด้วย!นายท่านรองกู้ตัดสินใจแล้ว กล่าวเสียงดัง“ฝ่าบาท ตั้งแต่อ๋องเฉินออกรบ จดหมายที่กระหม่อมไปมาหาสู่กับอ๋องหลี สถานที่นัดพบ วิธีติดต่อกับซยงหนู แพร่งพรายความลับทางทหาร ลักลอบส่งอาวุธ กระหม่อมบันทึกไว้ทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ”“ถ้าหากฝ่าบาทไม่ถือสาที่จะตรวจสอบตอนนี้ กระหม่อมยินดีให้ความร่วมมือ!”สีหน้าเฟิงเจิ้งหลีบูดบึ้งทันทีบ้าจริง!หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรเก็บนายท่านรองกู้ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น!ฮ่องเต้นิ่งเงียบตามสถานการณ์ปกติ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการกำจัดอ๋องหลี แต่ในมืออ๋องหลียังมีสิ่งที่เขาต้องการทว่าเขาสามารถใช้โอกาสนี้ พลิกกลับไปรุกฆาตอ๋องหลีมือของฮ่องเต้พาดอยู่บนที่วางแขน ยกนิ้วเคาะเบาๆ อย่างไม่ใส่ใจผ่านไปครู่หนึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เมื่อหลายวันก่อน อ๋องเฉินเคยพูดเรื่องนี้กับเรา แต่เราไม่เชื่อ วั
วันนี้ มีคนมาร่วมงานแต่งของจวนโหวติ้งกว๋อเยอะมาก ราชสำนัก ขุนนาง พ่อค้า…ผู้คนจากทั่วสารทิศเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เหมือนกับติดปีก หนึ่งบอกต่อสิบ สิบบอกต่อร้อย ร้อยบอกต่อพัน แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม เรื่องที่อ๋องหลีถูกสงสัยว่าสมคบคิดศัตรู ทรยศชาติ และพยายามฆ่าอ๋องเฉิน ผู้คนรู้กันหมดแล้ว และมีการถกเถียงทั่วใต้ฟ้ามีทั้งคนที่เห็นด้วย สนับสนุน ด่าทอ รอดู…จวนอ๋องหลีระหว่างที่กักตัว มีทหารรักษาพระองค์เฝ้า ประตูใหญ่จวนปิดสนิท ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้าออก ห้ามเข้าใกล้ บรรยากาศเกรงขามเงียบสงัดห้องโถงเฟิงเจิ้งหลีนั่งหลับตาเงียบๆ การแสดงออกปกติ สีหน้าเรียบเฉย สงบจนไม่รู้คิดอะไรอยู่กลับกัน ฉู่เจียวเจียวที่อยู่ข้างๆ เดินวนไปมา ร้อนใจจนนั่งไม่ติด ราวกับนั่งบนพรมเข็ม“ทำอย่างไรดี?”“ท่านอ๋อง ท่านทำเรื่องเช่นนี้จริงๆ หรือ? ถ้าหากฝ่าบาทสืบพบหลักฐาน จะมีบทลงโทษอย่างไร? จะส่งพวกเราเข้าจวนเฟิงเหรินหรือไม่?”“จื่อเยี่ยไม่อยู่ข้างกาย…”“ข้าเป็นแม่แท้ๆ ของจื่อเยี่ย ฝ่าบาทน่าจะไม่อะไรกับพวกเรากระมัง?”นางกังวลมากหันไปดูอ๋องหลี ใจเย็นจนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นฉู่เจ
ยามราตรีมาเยือนคืนส่งตัวเข้าห้องหอ ยามสอบติดขุนนางเดิมทีควรเป็นวันมงคลแห่งการเฉลิมฉลอง คืนจันทร์เต็มดวง หลิงเชียนอี้กลับนั่งอยู่บนบันไดและพิงเสา ไม่รู้ดื่มเหล้าไปมากเท่าไร ทั้งร่างกายมีแต่กลิ่นเหล้า ข้างมือมีไหเหล้าเปล่าตกกระจายสี่ห้าใบ และยังแหงนหน้ากระดกเหล้าไม่หยุดคนรับใช้เห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อม“ท่านโหวน้อย ท่านดื่มไม่ได้แล้ว บ่าวประคองท่านเข้าห้องหอดีกว่า?”“ไสหัวไป!”เขาผลักคนที่อยู่ข้างกายอย่างมึนเมา ทว่าผลักไม่โดน กลับกันตัวเองหน้าทิ่มลงพื้น“ท่านโหวน้อย!”เขารับใช้รีบประคองเขาร่างกายที่หนักอึ้งของเขาฟุบอยู่บนพื้นราวกับดินโคลน ออกแรงอย่างไรก็ลุกไม่ขึ้นคนรับใช้หมดหนทาง ได้แต่ไปรายงานองค์หญิงใหญ่กับท่านโหวตอนที่ทั้งสองมาถึง เห็นสภาพที่หมดอาลัยตายอยากของหลิงเชียนอี้ สบตากันด้วยสายตาที่ซับซ้อนแวบหนึ่ง ต่างก็มองเห็นความจนใจในแววตาอีกฝ่ายนิสัยของลูกชาย พวกเขารู้ดีที่สุดคำเดียวดื้อดึง!ขอแค่เป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ต่อให้ผิด ต่อให้ต้องทุกข์ทรมาน ต่อให้ตนเองไม่ต้องการ เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็จะไม่หันหลังกลับ และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้นี่คือเส
ขณะเดียวกัน ทางด้านโรงหมอจิ่งอี้กลับจากข้างนอก เฟิ่งหรานเดินตามข้างๆ เขาพลางกล่าว “หลังจากแม่นางอวิ๋นมาถึงเมื่อช่วงบ่าย ก็ไม่ยอมกินอะไรเลย แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่ม”จิ่งอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย“น้ำก็ไม่ดื่ม?”“ใช่”เขาเดินเข้าไปในเรือนส่วนหลัง กวาดมองห้องที่ปิดประตูสนิทแวบหนึ่ง หลังจากหันไปกล่าวกับเฟิ่งหรานเบาๆ สองประโยค ก็เดินไปผลักประตูห้องโดยตรงภายในห้อง ไม่ได้จุดเทียนยามราตรีมืดสลัว สามารถมองเห็นร่างเงาที่เพรียวบางสายหนึ่ง นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะรางๆเขาเดินเข้าไปจุดเทียนแสงเทียนสีเหลืองที่อบอุ่นปะทุขึ้น ส่องสว่างทั้งห้อง บนโต๊ะ มีอาหารที่ไม่ได้แตะต้องเลยวางอยู่ ข้างโต๊ะ อวิ๋นอิงหลุบตา นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น สีหน้ามืดมน ราวกับวิญญาณล่องลอยออกจากร่าง เหลือเพียงร่างกายที่ว่างเปล่าแสงเทียนกระทบลงบนใบหน้านาง แลดูซีดเซียวไร้ชีวิตชีวา เหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาเขาเดินไปที่ข้างโต๊ะ ก้มมองนางแล้วกล่าว“กิน!”อวิ๋นอิงราวกับไม่ได้ยิน ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเขาขมวดคิ้วพลันยกมือจับคางนาง นิ้วที่แข็งแรงออกแรงบีบ“อื้อ…”นางขมวดคิ้วเพราะความเจ็บ เมื่อถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น ในที่สุดสา
“แค่กๆ…อ่า…”อวิ๋นอิงอาเจียนอย่างหนัก สีหน้าซีดขาวเหมือนกระดาษ ไร้ร่องรอยของเลือดปฏิกิริยาของนางทำให้สายตาจิ่งอี้ขรึมลง และดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายโดยรอบก็เย็นลงเรื่อยๆเมื่อเอ่ยถึงท่านโหวน้อย ปฏิกิริยาก็รุนแรงเช่นนี้ต่อให้ท่านโหวน้อยแต่งงานแล้ว นางก็ยังคิดถึงเขา?เขาลุกขึ้นยืน คว้าไหล่ของนาง แล้วกดกลับไปนั่งที่เก้าอี้ “กิน!”ในกระเพาะอวิ๋นอิงปั่นป่วนมาก กินไม่ลงแล้วจริงๆ“ข้าไม่กิน!”นางปฏิเสธสายตาจิ่งอี้เย็นชา “เจ้าคิดว่าข้ากำลังหารือกับเจ้าหรือ?”เขาจับคางของนาง พลันออกแรงบิดเปิดปากนาง มืออีกข้างที่ว่างอยู่ หยิบช้อนขึ้นตักข้าวหนึ่งคำ แล้วยัดใส่ปากนาง“อ๊ะ!”นางพลางบิดร่างกาย พลางส่ายศีรษะ พยายามดิ้นรน“ข้าไม่…อ่า…แค่กๆ…ปล่อย ปล่อยข้า…”นางพยายามบิดอย่างสุดชีวิต แต่ฝ่ามือใหญ่ของจิ่งอี้ที่จับนางเหมือนกับเหล็กกล้า เย็นๆ แข็งๆ ทำอย่างไรก็ดิ้นไม่หลุดถูกบังคับให้กลืน ในกระเพาะปั่นป่วน ร่างกายทรมาน แทบเป็นลมแล้วทรมานมาก“ข้าไม่กิน…ไม่กิน…” นางถูกบังคับให้เงยหน้า ไม่รู้เพราะสำลัก หรือเพราะทรมาน น้ำตามารวมกันตรงหางตาที่เปียกชุ่ม ไหลออกจากเบ้าตา หยดลงมาติ๋ง!หยดน้ำต
“อ๊ะ!”ร่างกายที่สั่นเทาของนางขนลุกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า กระทั่งทุกตารางนิ้วของผิวหนัง แม้แต่ลมหายใจก็กำลังต่อต้านอย่าแตะต้องนาง!อย่าเข้าใกล้นาง!นางพยายามขัดขืน ดิ้นรนอย่างแรงแต่ถูกมัดมือสองข้าง สองขาก็ถูกเขาทับไว้ นอกจากบิดเอว ก็ขยับไม่ได้อีกแล้ว กลับกัน การกระทำที่บิดเอวของนาง เหมือนอยากปฏิเสธแต่ก็ต้องการ ทำให้การกระทำต่อจากนี้ของจิ่งอี้ ยิ่งลื่นไหลเหมือนปลาได้น้ำบุกเข้าตีอย่างหนักหน่วง“ปล่อยข้า!”นางต่อต้านอย่างสุดชีวิต เพราะดิ้นรนแรงเกินไป ข้อมือจึงถูกสายรัดเอวถูจนถลอก มีเลือดไหลออกมาแล้วไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด กลับกันยิ่งดิ้นรนสุดชีวิตในแววตาของนาง เต็มไปด้วยความรังเกียจเขาเหมือนถูกกระตุ้นจนโกรธแล้ว ไม่เพียงไม่ปล่อยนาง และยังจับคางของนาง ตรึงศีรษะนางไว้ ให้นางมองดูคนที่รังเกียจเข้าใกล้ต่อหน้าต่อตา มันเป็นความรู้สึกเช่นไรที่จริง นางควรเคยชินนานแล้ว…การดิ้นรนและต่อต้านของนาง สำหรับเขา มันไม่เคยมีประโยชน์เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป เสียงของนางค่อยๆ เบาลง มือสองข้างเลิกดิ้นรน ร่างกายผ่อนคลายนอนแผ่ ละทิ้งแรงทั้งหมด นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเจ็บต่อให้ร้องก็ไม่มีประโยชน์
จวนอ๋องเฉินกลางดึกฉู่เชียนหลียังไม่นอน กำลังรออวิ๋นอิงกลับมาเยว่เอ๋อร์อุ้มเด็กทั้งสองคนไปนอนแล้ว เมื่อเห็นพระชายายังไม่นอน อดไม่ได้ที่ห้ามปราม“พระชายา นี่ก็ดึกแล้ว ท่านรีบพักผ่อนเถอะ อวิ๋นอิงไม่ใช่เด็กแล้ว และยังเป็นวรยุทธ์ ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีกังวลวันนี้ทั้งวันไม่เจออวิ๋นอิงเลย และยังเป็นวันแต่งงานของท่านโหวน้อยกับกู้ชิงชิง จะให้นางนอนหลับได้อย่างไร?“ข้าให้หานเฟิง หานอิ๋ง ลองไปตามหาดู” เฟิงเย่เสวียนกล่าว “แต่สถานการณ์เช่นนี้ บางทีให้นางอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ไปรบกวนน่าจะดีกว่า เชียนหลี เจ้าแน่ใจหรือว่าจะตามนางกลับมาตอนนี้?”ตอนที่จิตใจสับสน อยู่เงียบๆ คนเดียว จิตใจสงบง่ายกว่าถ้าหากคนอื่นเข้ามายุ่ง เจ้าหนึ่งคำ ข้าหนึ่งคำ ความห่วงใยกลับยิ่งทำให้วุ่นวายฉู่เชียนหลีอ้าปากแล้วอ้าปากอีก“ข้า…”นางลังเลแล้ว“แต่ว่า…”นางลังเลอยู่สองอึดใจ เสียงของพ่อบ้านหยางดังมาจากข้างนอก “พระชายา มีคนจากโรงหมอมาขอรับ บอกว่าคืนนี้อวิ๋นอิงนอนที่คุณชายจิ่ง ท่านไม่ต้องห่วง”เยว่เอ๋อร์เบิกตากว้าง “?!”เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยิน โล่งอกทันทีเป็นห่วงทั้งวันที่แท้อวิ๋นอิงอยู่กับจิ่งอี้
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ