เสียงที่ทุ้มต่ำเออล้นออกมาจากลำคอ ราวกับสัตว์ร้ายคำราม ฉู่เจียวเจียวกลัวทันทีหลังจากท่านอ๋องยกเลิกการกักบริเวณของนาง จนถึงปัจจุบัน ปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน พูดดีทำดีด้วยตลอด โดยเฉพาะหลังจากให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ยิ่งอ่อนโยนและใส่ใจนาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโมโหเช่นนี้นางตกใจเล็กน้อย“ท่าน ท่านอ๋อง…ท่านเป็นอะไร…”เฟิงเจิ้งหลีกำลังคลั่ง โมโหจนเลือดเดือดพล่าน ความโกรธเต็มอก ไม่มีที่ระบายนางยังมีหน้ามาถามว่าเขาเป็นอะไร?นางถามคำถามเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!เขาหายใจเข้าลึกๆ พยายามอดกลั้นความโกรธแล้วกล่าว“ราชโองการแต่งตั้งที่ฝ่าบาทออกตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ยังส่งมาไม่ถึงจวนอ๋องหลี เจ้าคิดว่าเจ้ายังสามารถนั่งตำแหน่งพระชายารัชทายาทอีกหรือ?”พลันฉู่เจียวเจียวอึ้ง เข้าใจได้ในทันทีราชโองการแต่งตั้งฉบับนี้ แปดส่วนคือจบแล้ว…ประกอบกับคำถามของเขา นางรู้ดีว่าเพราะเรื่องที่นางโต้เถียงกับฉู่เชียนหลีเมื่อวานเพราะโต้เถียง จึงเสียตำแหน่งรัชทายาทถึงว่าเหตุใดเขาจึงโกรธเช่นนี้แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เจียวเจียวต้องการเห็นนะ! “ท่านอ๋อง ท่านฟังข้าอธิบาย เมื่อวาน ฉู่เชียนหลีแย่งลูกของพวกเรา
ในวังหลังจากที่ฮ่องเต้ตรวจราชกิจเสร็จไปหนึ่งชุด เต๋อฝูก็อุ้มทารกน้อยที่หน้าตาละเอียดอ่อนราวกับหยกแกะสลักเดินเข้ามา เมื่อฮ่องเต้เห็น ก็ยิ้มหน้าบานทันที“จื่อเยี่ยมาแล้ว เร็ว รีบอุ้มมาให้เรา!”เร็วเข้าเขาอุ้มเจ้าอ้วนน้อยเข้ามาในอ้อมแขนเจ้าหนูจื่อเยี่ยที่เพิ่งดื่มนมเสร็จกำลังอ้าปากหาวเป็นระยะ และใช้กำปั้นน้อยๆ ขยี้หางตา ท่าทางที่อวบอ้วนนั่น ไม่ต้องพูดถึงว่าน่ารักเพียงใด“ดูเจ้าหนูนี่ หน้าตาเหมือนเราแค่ไหน”ฮ่องเต้อุ้มอย่างระมัดระวัง รอยยิ้มที่มุมปากแทบฉีกไปถึงหูแล้ว“คิ้วที่องอาจนี่ก็เหมือนเรา แค่ดูก็รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นนายคนที่ทำงานใหญ่ มือน้อยๆ นี่เรียวยาว สามารถจับพู่กัน และยังสามารถถือกระบี่ หลังจากเด็กคนนี้เติบโต ไม่รู้ว่าจะเก่งกว่าพ่อของเขากี่เท่า”เขาชมตรงนี้ที ตรงนั้นที อย่างยิ้มแย้มดูตรงนี้ที ดูตรงนั้นทีจมูก ตา ปาก มือ คอ…จับตรงนี้ที จับตรงนั้นที หลงรักจนวางไม่ลง ราวกับถือสมบัติล้ำค่าไว้ในมือเต๋อฝูก็ยิ้มจนหน้าบานเช่นกัน “นายน้อยหน้าตาหล่อเหลา และเหมือนท่านด้วย ท่านดูสิ เขาสนิทกับท่านมาก เขาชอบท่านมาก!”จื่อเยี่ยน้อยกำนิ้วมือของฮ่องเต้ไว้ นิ้วมือน้อยๆ ที่บอ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนกลับจากประชุม ไม่ได้พูดถึงเรื่องของอ๋องหลีเลย ในใจฉู่เชียนหลีพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกทั้งสองคนทั้งสองเป็นเด็กดีมาก อีกทั้งยังติดเฟิงเย่เสวียนเขานั่งข้างเปลโยก อุ้มเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขนโดยมือข้างละคนเยว่เอ๋อร์คอยสอนอยู่ข้างๆ อย่างอดทน“ท่านอ๋อง เวลาอุ้มเด็ก ท่านต้องระวังตรงข้อพับแขน ต้องรองรับส่วนหัวของคุณหนูน้อยไว้…”บลาๆเฟิงเย่เสวียนเรียนอย่างตั้งใจอวิ๋นอิงนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง กดจุดชีพจรตามร่างกายให้ฉู่เชียนหลี เพื่อช่วยในการฟื้นฟูหลังคลอดถงเฟยมองดูครอบครัวที่กลมเกลียวมีความสุขนี้อยู่ข้างๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าปลื้มปีติเพียงใด มีความสุขเพียงใดหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีพักผ่อนพอแล้ว นางลุกขึ้นนั่ง จากนั้นลงจากเตียง เดินออกกำลังกายภายใต้การประคองของอวิ๋นอิงนางเดินไปที่ข้างกายเฟิงเย่เสวียน มองเด็กทั้งสองที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วกล่าว“หนักหรือไม่? มาข้าอุ้มบ้าง”กล่าวพลางยื่นมือไปอุ้มน้องสาวขึ้นมาเพิ่งอุ้มไป น้องสาวก็ร้องไห้แล้ว“อุแว้…”“ข้าอุ้มดีกว่า” เฟิงเย่เ
“อ๋องเฉิน รีบรับราชโองการเถอะ ข้าน้อยยังต้องกลับวังไปรายงานภารกิจ แล้วก็ ขอแสดงความยินดีกับอ๋องเฉินขอรับ!”กงกงถือราชโองการที่ม้วนเสร็จแล้วด้วยสองมือ ยิ้มจนคิ้วโก่ง ประจบสอพลอมากเฟิงเย่เสวียนก้มหน้า“หม่อมฉันรับราชโองการ”รับราชโองการ ลุกขึ้นยืน หลังจากตกรางวัลให้กงกง กงกงก็กลับวังอย่างยิ้มแย้มแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เหตุใดจู่ๆ ฝ่าบาทก็ประทานที่ศักดินามากมายเช่นนี้ให้เจ้า?” ถงเฟยก้าวออกมา ขมวดคิ้วกล่าวสร้างผลงานด้านการทหาร ก็ประทานที่ศักดินาเลย เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับอ๋องเฉิน แต่เขาสามารถแต่งตั้งอ๋องเฉินเป็นรัชทายาทเลย เหตุใดต้องประทานที่ศักดินา?ไม่มีใครมองความคิดของฝ่าบาทออกเฟิงเย่เสวียนมองราชโองการในมือ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวเพียงสองคำ“ไม่รู้”ถงเฟย “...”ได้ นางไปอุ้มหลานดีกว่าฉู่เชียนหลีกังวลเล็กน้อย “วันนี้เจ้าเข้าวัง ฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษอ๋องหลีกระมัง?”“ใช่”“เขาเข้าข้างอ๋องหลี แต่ให้ความสำคัญกับเจ้า ท่าทีของเขาโอนเอนไม่แน่นอน คลุมเครือไม่ชัดเจนระหว่างตัวพวกเจ้าสองคน ความคิดฝ่าบาท…ยากจะคาดเดาจริงๆ”คนโบราณว่าไว้ ยากจะคาดเดาจิตใจกษัตริย์
ห้องโถงหน้าเฟิงเย่เสวียนวางบัตรเชิญที่เปิดอ่านแล้วลงบนโต๊ะ กล่าวอย่างเปิดอก“ไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานกับกู้ชิงชิงด้วยสาเหตุอะไร หลิงเชียนอี้ ขอแค่เจ้าพูดมาคำเดียว ข้าช่วยเจ้าจัดการตระกูลกู้ และปัญหาที่จะตามมาเอง”เขาเข้าประเด็นโดยตรงขอแค่หลิงเชียนอี้พยักหน้า งานแต่งครั้งนี้ก็เป็นโมฆะหลิงเชียนอี้กัดริมฝีปาก รู้สึกขมในปากเล็กน้อยเขาย่อมเชื่อความสามารถของท่านน้าท่านน้าสามารถทำในสิ่งที่พูดได้แน่นอนแต่…สิ่งที่ทำให้เขายอมแพ้ไม่ใช่ตระกูลกู้ แต่เป็นการปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่าของอวิ๋นอิงเขาไม่แต่งงานกับกู้ชิงชิง อวิ๋นอิงก็จะแต่งงานกับเขาหรือ?ไม่หัวใจอวิ๋นอิงแข็งราวกับเหล็ก เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร พยายามอย่างไร อวิ๋นอิงก็ไม่หันมามองเขาเขาลดตัวลงมามากเช่นนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจนาง หากยืนหยัดต่อไป มีแต่จะหาเรื่องให้ตัวเองทุกข์ใจเปล่าๆช่างเถอะเช่นนั้นก็ช่างเถอะหลิงเชียนอี้เงยหน้ากล่าว“ท่านน้า ข้ารู้ว่าท่านกับน้าสะใภ้ล้วนเป็นห่วงข้า และข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร พวกท่านวางใจเถอะ ข้าไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเล
เมื่อกล่าวคำพูดนี้จบ แม้แต่ตัวเขาเองก็ประหลาดใจแล้ว‘เพื่อน’ คำนี้ เขาสามารถพูดออกมาโดยไม่แสดงออกว่าเศร้าหรือดีใจแล้ว เมื่อวันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขาก็ซ่อนความรู้สึกไว้ทั้งหมด ไม่ได้หัวเราะหรือทำอะไรตามใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วแม้แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้วอวิ๋นอิงเม้มปาก ยิ้มเล็กน้อย“ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวน้อย วันที่ท่านแต่งงาน ข้าจะไปแน่นอน”“ได้…”หลังจากสายตาของทั้งสองบรรจบกันช่วงสั้นๆ ก็แยกออกจากกันหลิงเชียนอี้จุกแน่นที่คอ พยายามกลืนอะไรบางอย่างลงไป พลันหมุนกายก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกตอนที่เขาหันหลัง มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น พยายามอดกลั้นอะไรบางอย่าง เดินจากไปเงียบๆ ภายใต้คำอวยพรของอวิ๋นอิงทีละก้าวทั้งเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบอวิ๋นอิงยังคงรักษารอยยิ้มจางๆ ไม่แสดงอาการใดๆฉู่เชียนหลีถอนใจเบาๆเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ พูดมากก็ไม่มีประโยชน์ นางตบไหล่ของอวิ๋นอิงเบาๆ ก็ไปหาเฟิงเย่เสวียนแล้วนางเพิ่งไป อวิ๋นอิงก็เซทรุดนั่งลงบนบันไดจุกอกแน่นคอ“แค่ก…แค่กๆ…”หลังจากไออยู่หลายที สีหน้าดูซีดเล็กน้อย แบฝ่ามือออก ก็เห็นเลือดจางๆห้องโถงหน้า“หลิงเชียนอี
ภายในห้องโถงใหญ่ตระกูลกู้นายท่านรองกู้เดินมา มือขวาไพล่หลัง ก้มหน้าเล็กน้อย ในแววตามีประกายของความกังวลถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ตระกูลกู้อยากทำอะไรก็ทำอะไร ไม่ต้องยำเกรง แต่กิจการเหล็กของตระกูลกู้ในปัจจุบัน ไม่ได้มีเปรียบเหนือผู้อื่นอีกแล้ว กู้ชิงชิงกำลังจะแต่งเข้าจวนโหวติ้งกว๋อ ทุกเรื่องที่เขาทำ ทุกการตัดสินใจที่เขาเลือก ล้วนต้องคำนึงถึงกู้ชิงชิงเขาต้องการให้กู้ชิงชิงมีความสุขลูกสาวคือจุดอ่อนของเขาครุ่นคิดอยู่นาน เพิ่งเดินไปถึงหน้าห้องโถง ก็เห็นสองสามีภรรยาอ๋องเฉินที่นั่งอยู่ตรงนั้นแต่ไกล เขาสงบสติอารมณ์แล้วเดินเข้าไป“ลมอะไรพัดอ๋องเฉิน พระชายาอ๋องเฉินมาเนี่ย? ฮ่าๆ คำนับท่านทั้งสอง”เขาประสานมือ เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มคนโบราณว่าไว้ ยื่นมือไม่ตบคนยิ้มรับเฟิงเย่เสวียนกวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง เขาไม่มีกะจิตกะใจมาแสดงละคร เข้าประเด็นโดยตรง“ตำแหน่งฮูหยินท่านโหวน้อยของกู้ชิงชิงมาได้อย่างไร ในใจนายท่านรองกู้น่าจะรู้ดีกระมัง?”เมื่อสิ้นเสียง รอยยิ้มบนใบหน้านายท่านรองกู้ชะงักแม้แต่บรรยากาศในห้องโถงก็เคร่งขรึมลง ค่อนข้างแปลกประหลาดตอนนั้น ตระกูลกู้กับอ๋องหลีร่วมมือกัน ต้องกา
พริบตาเดียว ก็ถึงวันแต่งงานของท่านโหวน้อยแล้วลูกชายขององค์หญิงใหญ่กับโหวติ้งกว๋อแต่งงาน ถือเป็นเรื่องใหญ่ เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ ตลอดจนบุคคลที่มีชื่อเสียง พ่อค้า และคนอื่นๆ แทบมาร่วมงานทั้งหมด คนเยอะมาก ภายในงานคึกคักจนแทบอยู่เหนือการควบคุมจวนโหวติ้งกว๋อถูกตกแต่งจนแดงไปหมด มีอักษรคำว่ามงคลติดอยู่ทุกที่ บรรยากาศรื่นเริงก็อบอวลไปในอากาศคนรับใช้ยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง แขกเหรื่อเดินเข้าเดินออก ทั้งจวนไม่เหลือที่นั่งว่างองค์หญิงใหญ่ยุ่งอยู่กับเรื่องการจัดขั้นตอนต่างๆ ส่วนโหวติ้งกว๋อต้อนรับแขก“เถ้าแก่จางมาแล้ว…ใต้เท้าหยาง เชิญนั่ง”“ยินดีด้วยท่านโหว!”“ขออวยพรให้คู่บ่าวสาวเต็มไปด้วยความรักและความสุขไร้ที่สิ้นสุด มีลูกในเร็ววัน…”“ปีที่แล้วท่านโหวอุ้มลูกสาว เกรงว่าปีหน้าจะได้อุ้มหลานชายแล้ว มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ขอแสดงความยินดีด้วย…”“ฮ่าๆๆ!”ระหว่างแขกที่ทยอยมา เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอวยพร ประจบสอพลอ เอาใจ เยินยอ…มีทุกอย่างตอนที่ฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียนมา เนื่องจากโหวติ้งกว๋อยุ่งมาก ทั้งสองจึงหาที่เงียบๆ นั่งลงอย่างคุ้นเคยเพิ่งนั่งลง หลิงเชียนอี้ก็มาแล้ว“ท่านน้า น้าสะใ
เหล่าทหารตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกคนพากันหันไปมอง ก็เห็นร่างเงาสีดำวิ่งผ่าน สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“แย่แล้ว!”“มีคนลอบโจมตี!”เสียงตะโกนทำให้ทุกคนตื่นตัว และคนหกเจ็ดสิบคนที่อยู่ใกล้ที่สุดก็รีบวิ่งมา พบฉู่เชียนหลีและคนอื่นแล้ว“จับพวกเขา!”ชักอาวุธออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรงฉู่เชียนหลีเห็นท่าไม่ดี ทำได้เพียงถือกระบี่ต่อสู้กับพวกเขา“เผด็จศึกโดยเร็ว อย่ายืดเยื้อ เน้นช่วยคนเป็นหลัก!”ยิ่งสู้นาน ก็จะยิ่งดึงดูดคนมามากขึ้นฉวยโอกาสตอนที่การเคลื่อนไหวของที่นี่ยังไม่กระจายออกไป รีบจัดการโดยเร็ว ช่วยอ๋องเฉินออกมา และรีบถอนกำลัง นี่จึงจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด“เจ้าค่ะ!”หานอิ๋งชักกระบี่ พาเหล่าองครักษ์ลับพุ่งออกไป เริ่มสู้กับเหล่าทหาร“ลงมือ!”จวินอี้หลินตวาดเบาๆ เขาดึงน้องสาวมาไว้ในอ้อมแขน ใช้มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ต่อสู้กับทหารเหล่านั้นจนโกลาหลไปหมดทันใดนั้น ประกายดาบ เงากระบี่ เสียงตะโกน การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดปัง!เคร้ง!“อ่า!”“พู่!”“ฉึก!”ในการต่อสู้ที่ดุเดือด มีคนล้มลง มีคนได้รับบาดเจ็บ มีคนกระอักเลือด ชั้นวาง ท่อนไม้ กาน้ำ ของต่างๆ ล้มเกลื่อนพื้นวุ่นวายไป
หลังจากฉู่เชียนหลีรวบรวมคนในเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเตรียมตัวออกเดินทาง ได้พบกับองค์ชายรองแคว้นหนานยวนหลังจากรู้จุดประสงค์การมาของเขา นางขมวดคิ้วแน่นองค์ชายรองเข้าร่วม นางย่อมยินดี แต่สายตาของนางมองไปที่จวินลั่วยวนโดยตรง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา“นาง ไปไม่ได้”นิ้วชี้ชี้ไปทางจวินลั่วยวนโดยตรง“!”จวินลั่วยวนกระทืบเท้าทันที “เพราะอะไร!”แม้แต่เสด็จพี่รองก็ตอบตกลงแล้ว นางไปได้ไม่ได้ เกี่ยวอะไรกับฉู่เชียนหลี?“อ๋องเฉินถูกจับ พวกเราเป็นพันธมิตรกัน ข้าช่วยออกแรงอีกส่วนมันจะเป็นอะไร? เจ้าคิดว่าอาศัยแค่เจ้าคนเดียว สามารถช่วยอ๋องเฉินได้หรือ?”“การมีคนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ก็เท่ากับมีกำลังเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน จิตใจเจ้าคับแคบมาก ช่วยเปิดใจหน่อยได้หรือไม่?”เมื่อหานอิ๋งได้ยินคำพูดนี้ ก็จะพุ่งเข้าไปด้วยความหงุดหงิดทันทีพระชายาของพวกเขา ถึงคราวที่คนนอกจะมาสั่งสอนตั้งแต่เมื่อไร?คนที่ท่านอ๋องยังไม่ยอมตำหนิเลย จะปล่อยให้ขยะอย่างนางมารังแกได้อย่างไร?“หานอิ๋ง”ฉู่เชียนหลีห้ามนาง มีปัญหาน้อยลงดีกว่ามีปัญหาเพิ่ม อย่าทะเลาะกัน“พระชายา…”“ช่างเถอะ”จวินอี้หลินจับมือของจวินลั่วยวนแล้วก
เนื่องจากอ๋องเฉินถูกจับ บรรยากาศในทำเนียบจึงตึงเครียดมาก ทุกคนตั้งสติ ฟังคำสั่งของพระชายา ยืนเฝ้าประจำจุดของตัวเองอย่างเข้มงวดฉู่เชียนหลีออกคำสั่งปิดข่าว ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกที่ไม่จำเป็นนอกทำเนียบอีกด้านของถนนจวินลั่วยวนนั่งอยู่บนบันได ระหว่างเข่าที่ชนกัน มีลูกอมที่เพิ่งซื้อมาวางอยู่หลายถุงนางกัดไม้เสียบเล็กๆ ไว้ พลางเลียลูกอม ดวงตาที่สวยงามคู่นั้น มองเห็นที่ทหารที่วิ่งไปวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนใจ จากประตูใหญ่ของทำเนียบที่เปิดกว้าง เหมือนกับว่าเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นนางหรี่ตาเลียมุมปาก“หวานจัง”ซวงซวงกล่าวเสียงเบา “องค์หญิง ขนมนี่หวานเกินไป ท่านกินน้อยหน่อย ระวังฟันผุนะเจ้าคะ”“ซวงซวง ขนมนี่ไม่หวาน ความหมายของข้าคือ ข้ามีความสุข”จวินลั่วยวนลุกขึ้นยืน โยนถุงลูกอมให้ซวงซวง อมไว้ในปากหนึ่งชิ้น เดินกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขซวงซวงสงสัยมีความสุข?มีความสุขอะไร?ก็แค่กินขนม ก็มีความสุขเช่นนี้แล้ว? หรือเป็นเพราะองค์ชายรองมา องค์หญิงมีความสุขมาก?ศาลาพักม้าจวินลั่วยวนเพิ่งกลับมา เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนรองแม่ทัพ กำลังรายง
ฉู่เชียนหลีเป็นคนประเภทชอบลงมือทำ พูดแล้วก็ทำเลยบ่ายวันนั้น อวิ๋นอิงก็ไปซื้อเรียนสำหรับเด็กมาแล้ว ในหนังสือมีภาพว่า และตัวอักษรขนาดใหญ่ เหมาะกับเด็กอายุสามสี่ขวบที่เพิ่งหัดอ่านฉู่เชียนหลีถือหนังสือ สอนเด็กทั้งสองอย่างอดทน“แมลงปอ”“เว่ยซี จื่อเยี่ย ดู อันนี้เรียกว่าแมลงปอ มีปีกยาวๆ หนึ่งคู่ และยังมีตาที่โต”“นี่คือผีเสื้อ มา อ่านตามแม่ ฮวาหูเตี๋ย”เว่ยซีมองนมจนน้ำลายไหล ดูน่าสงสารมากจื่อเยี่ยอ้าปากส่งเสียงอีอาๆ แต่พูดไม่ชัด ไม่สามารถออกเสียงที่ถูกต้อง หัดพูดจนแก้มสีชมพูจะกลายเป็นสีแดงแล้ว“ฮวา…ฝู…ฝู…ฝูเตี๋ย…”“ไม่ถูก ฮวาหูเตี๋ย”“ฮวา…ฝู…เตีย…เตียเตี่ย!”พลันจื่อเยี่ยตาเป็นประกาย จู่ๆ ก็โบกมือน้อยเหมือนผีเสื้อกระพือปีก ปากก็ตะโกนอย่างสนุกสนาน“เตียเตี่ย!”ความหมายของเขาเหมือนกำลังบอกว่า เตียเตี่ย[1]เป็นผีเสื้อ “...”อวิ๋นอิงอุ้มเจี๋ยวเจี๋ยวยืนดูที่ข้างๆ รู้สึกเพียงภาพนี้โหดร้ายและไร้มนุษยธรรมมาก จู่ๆ ก็สงสารเว่ยซีกับจื่อเยี่ยอย่างอธิบายไม่ถูกเด็กบ้านอื่นเริ่มเรียนตอนอายุห้าขวบแต่ของพระชายา หนึ่งขวบก็เริ่มเรียนแล้วนางก้มหน้า มองใบหน้าเล็กของลูกสาว กล่าวเสียงเบา
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ