ในอกเต็มไปด้วยความโกรธ กลับต้องรักษาภาพลักษณ์ที่สุภาพอ่อนโยนไว้ เขาประสานมือ โน้มตัวคำนับ กล่าวอย่างนิสัยดี“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเสด็จพ่อ”พริบตาที่ก้มหน้า ในมุมที่ทุกคนมองไม่เห็น สีหน้าของเขาเคร่งขรึมมากตำแหน่งรัชทายาทเว้นว่างอีกครั้ง การประชุมเช้าดำเนินต่อหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม เลิกประชุมห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้เพิ่งกลับมา อ๋องเฉินก็ขอพบ สองพ่อลูกไม่ได้เจอกันสามเดือน เดิมทีคิดว่าเป็นการพูดคุยแบบสบายๆ แต่ทันทีที่อ๋องเฉินเข้ามา ก็ถวายหลักฐานฉบับหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความผิดของอ๋องหลีที่สมคบคิดกับซยงหนูเป่ยเจียงเขามองจดหมายลับในมือ นิ่งเงียบไปชั่วขณะเขารู้ว่าอ๋องหลีมีปัญหา แต่คิดไม่ถึงว่าอ๋องหลีจะใจกล้าเช่นนี้ ถึงขั้นกล้าสมคบคิดคนนอก ร่วมมือกับศัตรูทรยศชาติ เรียกซยงหนูมากดขี่ราษฎรของตนเองโกรธก็ส่วนโกรธหลังจากใจเย็นลง สายตาของเขาค่อยๆ ขรึมลง“เฉินเอ๋อร์ หลักฐานฉบับนี้เก็บไว้ที่เราชั่วคราว เราจะให้คนไปตรวจสอบดู ถ้าหากเป็นเรื่องจริง ค่อยลงโทษอ๋องหลีก็ยังไม่สาย”เขาเก็บหลักฐานทุกอย่างเข้าไปในลิ้นชักเขากล่าวเช่นนี้ ก็เท่ากับกำลังเข้าข้างอ๋องหลีอย่างเงียบๆ“
เสียงที่ทุ้มต่ำเออล้นออกมาจากลำคอ ราวกับสัตว์ร้ายคำราม ฉู่เจียวเจียวกลัวทันทีหลังจากท่านอ๋องยกเลิกการกักบริเวณของนาง จนถึงปัจจุบัน ปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน พูดดีทำดีด้วยตลอด โดยเฉพาะหลังจากให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ยิ่งอ่อนโยนและใส่ใจนาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโมโหเช่นนี้นางตกใจเล็กน้อย“ท่าน ท่านอ๋อง…ท่านเป็นอะไร…”เฟิงเจิ้งหลีกำลังคลั่ง โมโหจนเลือดเดือดพล่าน ความโกรธเต็มอก ไม่มีที่ระบายนางยังมีหน้ามาถามว่าเขาเป็นอะไร?นางถามคำถามเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!เขาหายใจเข้าลึกๆ พยายามอดกลั้นความโกรธแล้วกล่าว“ราชโองการแต่งตั้งที่ฝ่าบาทออกตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ยังส่งมาไม่ถึงจวนอ๋องหลี เจ้าคิดว่าเจ้ายังสามารถนั่งตำแหน่งพระชายารัชทายาทอีกหรือ?”พลันฉู่เจียวเจียวอึ้ง เข้าใจได้ในทันทีราชโองการแต่งตั้งฉบับนี้ แปดส่วนคือจบแล้ว…ประกอบกับคำถามของเขา นางรู้ดีว่าเพราะเรื่องที่นางโต้เถียงกับฉู่เชียนหลีเมื่อวานเพราะโต้เถียง จึงเสียตำแหน่งรัชทายาทถึงว่าเหตุใดเขาจึงโกรธเช่นนี้แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เจียวเจียวต้องการเห็นนะ! “ท่านอ๋อง ท่านฟังข้าอธิบาย เมื่อวาน ฉู่เชียนหลีแย่งลูกของพวกเรา
ในวังหลังจากที่ฮ่องเต้ตรวจราชกิจเสร็จไปหนึ่งชุด เต๋อฝูก็อุ้มทารกน้อยที่หน้าตาละเอียดอ่อนราวกับหยกแกะสลักเดินเข้ามา เมื่อฮ่องเต้เห็น ก็ยิ้มหน้าบานทันที“จื่อเยี่ยมาแล้ว เร็ว รีบอุ้มมาให้เรา!”เร็วเข้าเขาอุ้มเจ้าอ้วนน้อยเข้ามาในอ้อมแขนเจ้าหนูจื่อเยี่ยที่เพิ่งดื่มนมเสร็จกำลังอ้าปากหาวเป็นระยะ และใช้กำปั้นน้อยๆ ขยี้หางตา ท่าทางที่อวบอ้วนนั่น ไม่ต้องพูดถึงว่าน่ารักเพียงใด“ดูเจ้าหนูนี่ หน้าตาเหมือนเราแค่ไหน”ฮ่องเต้อุ้มอย่างระมัดระวัง รอยยิ้มที่มุมปากแทบฉีกไปถึงหูแล้ว“คิ้วที่องอาจนี่ก็เหมือนเรา แค่ดูก็รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นนายคนที่ทำงานใหญ่ มือน้อยๆ นี่เรียวยาว สามารถจับพู่กัน และยังสามารถถือกระบี่ หลังจากเด็กคนนี้เติบโต ไม่รู้ว่าจะเก่งกว่าพ่อของเขากี่เท่า”เขาชมตรงนี้ที ตรงนั้นที อย่างยิ้มแย้มดูตรงนี้ที ดูตรงนั้นทีจมูก ตา ปาก มือ คอ…จับตรงนี้ที จับตรงนั้นที หลงรักจนวางไม่ลง ราวกับถือสมบัติล้ำค่าไว้ในมือเต๋อฝูก็ยิ้มจนหน้าบานเช่นกัน “นายน้อยหน้าตาหล่อเหลา และเหมือนท่านด้วย ท่านดูสิ เขาสนิทกับท่านมาก เขาชอบท่านมาก!”จื่อเยี่ยน้อยกำนิ้วมือของฮ่องเต้ไว้ นิ้วมือน้อยๆ ที่บอ
จวนอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนกลับจากประชุม ไม่ได้พูดถึงเรื่องของอ๋องหลีเลย ในใจฉู่เชียนหลีพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกทั้งสองคนทั้งสองเป็นเด็กดีมาก อีกทั้งยังติดเฟิงเย่เสวียนเขานั่งข้างเปลโยก อุ้มเด็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขนโดยมือข้างละคนเยว่เอ๋อร์คอยสอนอยู่ข้างๆ อย่างอดทน“ท่านอ๋อง เวลาอุ้มเด็ก ท่านต้องระวังตรงข้อพับแขน ต้องรองรับส่วนหัวของคุณหนูน้อยไว้…”บลาๆเฟิงเย่เสวียนเรียนอย่างตั้งใจอวิ๋นอิงนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง กดจุดชีพจรตามร่างกายให้ฉู่เชียนหลี เพื่อช่วยในการฟื้นฟูหลังคลอดถงเฟยมองดูครอบครัวที่กลมเกลียวมีความสุขนี้อยู่ข้างๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าปลื้มปีติเพียงใด มีความสุขเพียงใดหลังจากนั้นครึ่งชั่วยามฉู่เชียนหลีพักผ่อนพอแล้ว นางลุกขึ้นนั่ง จากนั้นลงจากเตียง เดินออกกำลังกายภายใต้การประคองของอวิ๋นอิงนางเดินไปที่ข้างกายเฟิงเย่เสวียน มองเด็กทั้งสองที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วกล่าว“หนักหรือไม่? มาข้าอุ้มบ้าง”กล่าวพลางยื่นมือไปอุ้มน้องสาวขึ้นมาเพิ่งอุ้มไป น้องสาวก็ร้องไห้แล้ว“อุแว้…”“ข้าอุ้มดีกว่า” เฟิงเย่เ
“อ๋องเฉิน รีบรับราชโองการเถอะ ข้าน้อยยังต้องกลับวังไปรายงานภารกิจ แล้วก็ ขอแสดงความยินดีกับอ๋องเฉินขอรับ!”กงกงถือราชโองการที่ม้วนเสร็จแล้วด้วยสองมือ ยิ้มจนคิ้วโก่ง ประจบสอพลอมากเฟิงเย่เสวียนก้มหน้า“หม่อมฉันรับราชโองการ”รับราชโองการ ลุกขึ้นยืน หลังจากตกรางวัลให้กงกง กงกงก็กลับวังอย่างยิ้มแย้มแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เหตุใดจู่ๆ ฝ่าบาทก็ประทานที่ศักดินามากมายเช่นนี้ให้เจ้า?” ถงเฟยก้าวออกมา ขมวดคิ้วกล่าวสร้างผลงานด้านการทหาร ก็ประทานที่ศักดินาเลย เพิ่งเคยเจอครั้งแรกเห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทให้ความสำคัญกับอ๋องเฉิน แต่เขาสามารถแต่งตั้งอ๋องเฉินเป็นรัชทายาทเลย เหตุใดต้องประทานที่ศักดินา?ไม่มีใครมองความคิดของฝ่าบาทออกเฟิงเย่เสวียนมองราชโองการในมือ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวเพียงสองคำ“ไม่รู้”ถงเฟย “...”ได้ นางไปอุ้มหลานดีกว่าฉู่เชียนหลีกังวลเล็กน้อย “วันนี้เจ้าเข้าวัง ฝ่าบาทไม่ได้ลงโทษอ๋องหลีกระมัง?”“ใช่”“เขาเข้าข้างอ๋องหลี แต่ให้ความสำคัญกับเจ้า ท่าทีของเขาโอนเอนไม่แน่นอน คลุมเครือไม่ชัดเจนระหว่างตัวพวกเจ้าสองคน ความคิดฝ่าบาท…ยากจะคาดเดาจริงๆ”คนโบราณว่าไว้ ยากจะคาดเดาจิตใจกษัตริย์
ห้องโถงหน้าเฟิงเย่เสวียนวางบัตรเชิญที่เปิดอ่านแล้วลงบนโต๊ะ กล่าวอย่างเปิดอก“ไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานกับกู้ชิงชิงด้วยสาเหตุอะไร หลิงเชียนอี้ ขอแค่เจ้าพูดมาคำเดียว ข้าช่วยเจ้าจัดการตระกูลกู้ และปัญหาที่จะตามมาเอง”เขาเข้าประเด็นโดยตรงขอแค่หลิงเชียนอี้พยักหน้า งานแต่งครั้งนี้ก็เป็นโมฆะหลิงเชียนอี้กัดริมฝีปาก รู้สึกขมในปากเล็กน้อยเขาย่อมเชื่อความสามารถของท่านน้าท่านน้าสามารถทำในสิ่งที่พูดได้แน่นอนแต่…สิ่งที่ทำให้เขายอมแพ้ไม่ใช่ตระกูลกู้ แต่เป็นการปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงครั้งแล้วครั้งเล่าของอวิ๋นอิงเขาไม่แต่งงานกับกู้ชิงชิง อวิ๋นอิงก็จะแต่งงานกับเขาหรือ?ไม่หัวใจอวิ๋นอิงแข็งราวกับเหล็ก เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนใจเด็ดขาด ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร พยายามอย่างไร อวิ๋นอิงก็ไม่หันมามองเขาเขาลดตัวลงมามากเช่นนี้แล้ว ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนใจนาง หากยืนหยัดต่อไป มีแต่จะหาเรื่องให้ตัวเองทุกข์ใจเปล่าๆช่างเถอะเช่นนั้นก็ช่างเถอะหลิงเชียนอี้เงยหน้ากล่าว“ท่านน้า ข้ารู้ว่าท่านกับน้าสะใภ้ล้วนเป็นห่วงข้า และข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร พวกท่านวางใจเถอะ ข้าไม่เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเล
เมื่อกล่าวคำพูดนี้จบ แม้แต่ตัวเขาเองก็ประหลาดใจแล้ว‘เพื่อน’ คำนี้ เขาสามารถพูดออกมาโดยไม่แสดงออกว่าเศร้าหรือดีใจแล้ว เมื่อวันเวลาค่อยๆ ผ่านไป เขาก็ซ่อนความรู้สึกไว้ทั้งหมด ไม่ได้หัวเราะหรือทำอะไรตามใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วแม้แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองเปลี่ยนไปแล้วอวิ๋นอิงเม้มปาก ยิ้มเล็กน้อย“ขอแสดงความยินดีกับท่านโหวน้อย วันที่ท่านแต่งงาน ข้าจะไปแน่นอน”“ได้…”หลังจากสายตาของทั้งสองบรรจบกันช่วงสั้นๆ ก็แยกออกจากกันหลิงเชียนอี้จุกแน่นที่คอ พยายามกลืนอะไรบางอย่างลงไป พลันหมุนกายก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกตอนที่เขาหันหลัง มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น พยายามอดกลั้นอะไรบางอย่าง เดินจากไปเงียบๆ ภายใต้คำอวยพรของอวิ๋นอิงทีละก้าวทั้งเช่นนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบอวิ๋นอิงยังคงรักษารอยยิ้มจางๆ ไม่แสดงอาการใดๆฉู่เชียนหลีถอนใจเบาๆเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ พูดมากก็ไม่มีประโยชน์ นางตบไหล่ของอวิ๋นอิงเบาๆ ก็ไปหาเฟิงเย่เสวียนแล้วนางเพิ่งไป อวิ๋นอิงก็เซทรุดนั่งลงบนบันไดจุกอกแน่นคอ“แค่ก…แค่กๆ…”หลังจากไออยู่หลายที สีหน้าดูซีดเล็กน้อย แบฝ่ามือออก ก็เห็นเลือดจางๆห้องโถงหน้า“หลิงเชียนอี
ภายในห้องโถงใหญ่ตระกูลกู้นายท่านรองกู้เดินมา มือขวาไพล่หลัง ก้มหน้าเล็กน้อย ในแววตามีประกายของความกังวลถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ตระกูลกู้อยากทำอะไรก็ทำอะไร ไม่ต้องยำเกรง แต่กิจการเหล็กของตระกูลกู้ในปัจจุบัน ไม่ได้มีเปรียบเหนือผู้อื่นอีกแล้ว กู้ชิงชิงกำลังจะแต่งเข้าจวนโหวติ้งกว๋อ ทุกเรื่องที่เขาทำ ทุกการตัดสินใจที่เขาเลือก ล้วนต้องคำนึงถึงกู้ชิงชิงเขาต้องการให้กู้ชิงชิงมีความสุขลูกสาวคือจุดอ่อนของเขาครุ่นคิดอยู่นาน เพิ่งเดินไปถึงหน้าห้องโถง ก็เห็นสองสามีภรรยาอ๋องเฉินที่นั่งอยู่ตรงนั้นแต่ไกล เขาสงบสติอารมณ์แล้วเดินเข้าไป“ลมอะไรพัดอ๋องเฉิน พระชายาอ๋องเฉินมาเนี่ย? ฮ่าๆ คำนับท่านทั้งสอง”เขาประสานมือ เดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มคนโบราณว่าไว้ ยื่นมือไม่ตบคนยิ้มรับเฟิงเย่เสวียนกวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง เขาไม่มีกะจิตกะใจมาแสดงละคร เข้าประเด็นโดยตรง“ตำแหน่งฮูหยินท่านโหวน้อยของกู้ชิงชิงมาได้อย่างไร ในใจนายท่านรองกู้น่าจะรู้ดีกระมัง?”เมื่อสิ้นเสียง รอยยิ้มบนใบหน้านายท่านรองกู้ชะงักแม้แต่บรรยากาศในห้องโถงก็เคร่งขรึมลง ค่อนข้างแปลกประหลาดตอนนั้น ตระกูลกู้กับอ๋องหลีร่วมมือกัน ต้องกา
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท