อาหวาราวกับมีคำว่าทำไมประมาณแสนคำ พูดค่อนข้างมาก ฉู่เชียนหลีไม่อยากสนใจ แต่ถ้าไม่สนใจก็จะเป็นการเสียมารยาทอีก จำต้องตอบคำถามประโยคสองประโยคเป็นครั้งคราว“เขามาหาสมุนไพรอะไร?”“สำคัญมากเลยหรือ?”“ทำไมท่านต้องมาด้วย?”“เรื่องที่ท่านตามมาเขาทราบหรือไม่?”ฉู่เชียนหลี “ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาต้องการหาสมุนไพรอะไร ย่อมต้องสำคัญมาก ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะเจออันตราย ก็เป็นเพราะมีอันตราย เขาถึงไม่ยอมบอกข้า จึงเดินทางมาคนเดียว...”เมื่อตอบคำถามจนเข้าใจแล้วแต่อาหวากลับรู้สึกว่าคำพูดของฉู่เชียนหลีเหมือนกับไม่ได้พูดจะตามหายาอะไร นางก็ไม่รู้การเดินทางของท่านชาย นางก็ไม่รู้เช่นกันไม่รู้อะไรทั้งสิ้นตอนนี้อาหวาสงสัยอย่างรุนแรง ท่านชายคงจะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ยอมปล่อยท่านชายคนนั้นไป แม้ว่าท่านชายจะหลบเข้าไปในป่าลึกแล้วก็ตาม นางก็ยังตามมาโดยไม่สนใจอะไรยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมีเหตุผล...“ฮูหยิน เหมือนว่าทางข้างหน้าจะมีทางแยก” จางเฟยที่เดินอยู่ด้านหน้าจู่ ๆก็หันหน้ามา ตะโกนบอกเจ้าดำน้อยแกว่งศีรษะไปมา วิ่งควบไปข้างหน้าในป่าหญ้ารกทึบ ไม้หนามหนาแน่น มีหญ้าสองทางที่มีรอยถ
ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นงูพิษสีเขียวตัวหนึ่งห้อยอยู่บนกิ่งไม้ หางขดม้วน ลำตัวท่อนหนึ่งยื่นลงมาด้านล่าง ใกล้กับหลังคอของเยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์หันหน้าไปมอง กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจเสียงกรีดร้องทำให้งูพิษตกใจ อ้าปากกว้าง ฉกเข้าใส่เยว่เอ๋อร์อย่างรวดเร็ว!ภายในช่วงเวลาคับขันฉู่เชียนหลีพุ่งตัวไปด้านหน้า ยกมือขึ้นคว้าลำตัวของงูตัวนั้น ปลายนิ้วสะบัดมีดผ่าตัดสีเงินเล่มหนึ่งออกมา ออกแรงสะบัด งูตัวนั้นตอกติดกับบนต้นไม้ทันทีงูพิษบิดตัวอย่างเจ็บปวด บริเวณบาดแผลมีเลือดหยด แต่ไม่สามารถขยับร่างกายได้...“แม่นางเยว่เอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” จางเฟยรีบก้าวไปข้างหน้า ประคองเยว่เอ๋อร์ที่มีสีหน้าซีดขาว มือทั้งสองข้างตกใจจนเย็นเฉียบ“ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว หันหน้าไปถามเยว่เอ๋อร์ตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว อ้าปากค้างอยู่นาน ถึงได้สติกลับคืนมา ส่ายหน้าอย่างตกตะลึง“มะ ไม่บาดเจ็บ...”“เดินทางต่อไป ต้องระวังหน่อย”“รับทราบ!”“ซี้ด...”ในขณะที่กำลังจะเดินทางต่อ ด้านหลัง ก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเบา ๆ เมื่อหันหน้ากลับไปมอง ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านก็นั่งลงกับพื้น กุมข้อเท้า
ทั้งเน่าผุ ทั้งเน่าเปื่อย ทั้งเหม็นเน่า...เป็นก๊าซพิษ!ที่ในป่าลึก ถ้าหากมีตรงไหนที่มีน้ำ แล้วก็มีศพของสัตว์กองสะสมมากจนเกินไป ศพที่เน่าเปื่อยเหล่านี้จะเมื่อสะสมมาเป็นเวลาหลายเดือน ก็จะกลายเป็นก๊าซที่มีพิษ พืชที่อยู่ในรัศมีพอสมควรจะได้ผลกระทบจากมัน จะค่อย ๆแห้งตาย แต่ถ้าหากสูดเอาก๊าซประเภทนี้เข้าไปเป็นจำนวนมาก จะกลายเป็นพิษ ผู้ที่อาการสาหัสจะหายใจลำบากและถึงแก่ความตายพวกเขาจะต้องสูดก๊าซพิษเข้าไปโดยไม่ตั้งใจแน่!ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับผลกระทบ นั่นเป็นเพราะว่าเคยดื่มเลือดของเจ้าดำน้อยเมื่อเห็นทุกคนสูดก๊าซพิษเข้าไป ได้รับผลกระทบ อาการไม่ดี นางจึงหยิบมีดเล่มเล็กสีเงินเล่มหนึ่งออกมา “เจ้าดำน้อย ขอยืมเลือดหน่อย”เจ้าดำน้อย “?”หยิบมีดออกมาเฉือนมัน?ไม่!เลือดของมันหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนสามารถถอนได้สารพัดพิษ เป็นของล้ำค่า เป็นของหายาก คนธรรมดาทั่วไปจะได้ไปง่าย ๆได้อย่างไร?มันปฏิเสธ“น่องไก่สิบน่อง” ฉู่เชียนหลียื่นมือออกไป ถามมันเพื่อขอเลือดเจ้าดำน้อยส่ายหน้า ถอยไปข้างหลังครึ่งก้าว“หมูย่างสิบตัว”เจ้าดำน้อยถอยหลังไปอีกครึ่งก้าว“แม่หมาพันธุ์ต่างๆ สิบตัว”ดวงตาของเจ้าดำน้อยเ
ในเวลาเดียวกัน บริเวณป่าลึก อีกที่หนึ่งของเทือกเขาที่ทอดตัวยาว ขบวนหนึ่งกำลังเดินทางอย่างทุลักทุเลเป็นขบวนของอวิ๋นอิงและจิ่งอี้เขานำหน้าฉู่เชียนหลีมาก่อนหนึ่งก้าว เข้าสู่เขาชางฉยง ตามหาร่องรอยของอ๋องเฉิน ตลอดการเดินทาง พลางเดิน พลางทำสัญลักษณ์ ยังพบเบาะแสใหม่เป็นบางครั้ง“คุณชาย ท่านดูสิ” ลูกน้องของสำนักอู๋จี๋พบร่องรอยมีดบาก บนต้นไม้ต้นหนึ่งรอยมีดบากค่อนข้างต้น น่าจะเป็นเพราะตอนที่หยิบกระบี่ขึ้นมาฟันหญ้าเพื่อเบิกทาง แล้วบากโดนจิ่งอี้สาวเท้าไปข้างหน้า เอานิ้วลูบที่ร่องรอยนั้นเบา ๆ เงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองไปบริเวณรอบๆ ป่าทึบที่ยากแม้กระทั่งจะแยกแยะทิศทาง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง“ไปด้านนี้”“ช้าก่อน...”ในเวลานี้ ด้านหลัง มีเสียงที่เบาและเล็กมากเสียงหนึ่งดังขึ้นจิ่งอี้หันหน้าไป มองไปทางอวิ๋นอิงสาวน้อยยกมือข้างขวาขึ้น ทำท่าทาง ‘ขอพูด’ นิ้วชี้ชี้ไปยังร่องรอยบนต้นไม้ กล่าว“ลองดูทิศทางกับกำลังของร่องรอยนั่น น่าจะเป็นเพราะหยิบกระบี่ แล้วพลิกมือบาก ถ้าหากเป็นการพลิกมือบากละก็ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรจะเดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม”นางปฏิเสธคำสั่งของจิ่งอี้ ชี้ไปยังทิศทางตรงกันข้ามของจ
ที่ลับ ตอนที่จิ่งอี้ที่ตามมาติดๆ กำลังจะก้าวไปข้างหน้า ก็เห็นสาวน้อยหมุนเอวอย่างปราดเปรียว ตัดเชือก แล้วร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคงแต่เขา เป็นเพราะเสียสมาธิ จึงติดกับดักโดยไม่ทันระวังเช่นกันสวบ!เมื่ออวิ๋นอิงทรงตัวได้ ได้ยินเสียงที่ด้านหลัง รีบหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว ความระแวงระวังบนใบหน้าตอนที่เห็นชายหนุ่ม ได้กลายเป็นความงุนงงไปโดยสิ้นเชิง“คุณชายจิ่ง เหตุใดท่านจึงไปห้อยอยู่บนต้นไม้?”จิ่งอี้ “...”ไม่ใช่ว่าเขาเดินมุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่งหรอกหรือ?ไม่ใช่ว่าเขาไม่เดินไปทางเดียวกันนางหรอกหรือ? เหตุใดถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของนาง? หรือว่าเขาเปลี่ยนใจกะทันหันงั้นหรือ?จิ่งอี้ชักกระบี่อ่อนออกมา ตัดเชือกขาด แล้วร่อนลงมาบนพื้น เสื้อคลุมสีดำวาดรัศมีโค้งที่เย็นเยียบ กวาดใบไม้ร่วงหลายใบขึ้นมา ท่าทางเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่งดวงตาที่เย็นเยือกเป็นอย่างยิ่งคู่นั้นเหลือบมองอวิ๋นอิง“สนุกมากหรือ?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเป็นอย่างมากอวิ๋นอิงที่ได้สติกลับคืนมารีบหุบปาก ก้มหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นนางไม่มีทางบอกคนอื่น เรื่องที่เขาถูกห้อยอยู่บนต้นไม้...ในเวลานี้เอง อาก
ด้านข้างเป็นเนินภูเขาที่สูงชัน เต็มไปด้วยวัชพืชและหนาม ร่างของคนทั้งสองกลิ้งตกลงไป เนื่องจากผลของแรงเฉื่อย จึงหยุดไม่อยู่ ยิ่งกลิ้งยิ่งเร็ว ยิ่งกลิ้งยิ่งเร็ว…มือสังหารวิ่งไปที่ข้างเนินเขา มองไปข้างล่างต้นไม้ต้นหญ้าเล็กที่ถูกทับจนล้มดีดกลับมา สามารถมองเห็นร่องรอยของการลื่นไถลสายหนึ่งจางๆ“ใต้เท้า พวกเราจะตามหรือไม่?”หัวหน้ามือสังหารกวาดมองแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นชา “เนินเขานี่มีโขดหินเต็มไปหมด พวกเขากลิ้งลงไป ต่อให้ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาบนตัวพวกเขา ไปตามหาอ๋องเฉินก่อน”“ขอรับ!”“อ๊ะ…”เนินเขานี้ทั้งชันและยาว กลิ้งแล้วกลิ้งอีก กลิ้งแล้วกลิ้งอีก ร่างกายของอวิ๋นอิงสูญเสียการควบคุม กลิ้งจนนางเวียนศีรษะ โลกหมุนติ้วๆ ไม่รู้ว่ากลิ้งอยู่นานเท่าไร ชนใส่ลำต้นไม้ต้นหนึ่ง“อ๊า!”ภายใต้ผลของแรงเฉื่อย ชนใส่อย่างแรง เจ็บที่ต้นขาอย่างรุนแรง ราวกับแทบหักแล้วเจ็บ!เจ็บจนเกือบเป็นลมอวิ๋นอิงกัดปลายลิ้นแน่น หากหมดสติในภูเขาลึกป่ากลางคืนนี้ ถ้าเจอพวกสัตว์ป่าหรืองูพิษ จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ต่อให้เจ็บเพียงใด ก็ต้องฝืนทนอย่างสุดชีวิต คว้าต้นหญ้าที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นนั่
อวิ๋นอิงกำก้อนหินที่เปื้อนเลือดแน่น ร่างกายหดเกร็ง จ้องเขาอย่างหวาดระแวง“ท่านอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ!”แม้นางได้รับบาดเจ็บ แม้คุณหนูไม่อยู่ แต่ถ้าหากเขาอยากฆ่านาง นางไม่ยอมง่ายๆ แน่!“...”สีหน้าของจิ่งอี้น่าเกลียดอีกครั้งเขาแค่อยากดูบาดแผลให้นาง ตกลงในสมองของผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้คิดอะไรอยู่!บ้าจริง!ลองขยับขาที่บาดเจ็บดู กระดูกบอบช้ำ ปวดมากจนแทบจะก้าวขาไม่ได้จ้องนางอย่างเย็นชา “เจ้าคิดจะนั่งอยู่ที่นี่ทั้งชีวิต ไม่ไปไหนแล้วหรือ? สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ควรออกจากที่นี่หรือ? รอให้มือสังหารเหล่านั้นไล่ตามมา?”ควรรีบออกจากที่นี่โดยเร็วจริงๆ นั่นแหละอวิ๋นอิงจับลำต้นไม้ ลากขาขวาที่ได้รับบาดเจ็บ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ เจ็บจนกัดริมฝีปากล่าง สีหน้าซีดขาว อดกลั้นเป็นพิเศษ เดินแค่หนึ่งก้าวก็เซจนเกือบล้มฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งประคองนางไว้เงยหน้า ก็ประสานสายตาที่ยังคงดุร้ายของจิ่งอี้“หรือเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” ในน้ำเสียงที่เย็นชา มีความไม่สบอารมณ์และตำหนิแฝงอยู่ และยิ่งมีความเยือกเย็นที่อยากบีบคอนางให้ตายทั้งเป็น อวิ๋นอิงเม้มปากแล้วเม้มปากอีก รู้ว่าตนเองเข้าใจอะไรบางอย่างผิ
หลังจากพักบรรเทาความเจ็บปวดที่ขาครู่หนึ่ง หันไปมองเขาด้วยความโกรธ ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็ถูกเขาสกัดจุดชีพจร ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถขยับทันทีมีเพียงลูกตาที่สามารถกลอกไปมาร่างที่สูงใหญ่ของจิ่งอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาว ก้มมองนางที่ร่างกายครึ่งท่อนจมอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ เลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างเชื่องช้า นั่งยองลงไปปลดกางเกงของนางอวิ๋นอิงเบิกตากว้าง ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ“ท่านทำอะไร!”ขยับไม่ได้ ร่างกายแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ดวงตาที่เบิกกว้างแทบหลุดออกมาจากเบ้าตา“อย่าแตะต้องข้า!”จิ่งอี้ถอดกางเกงนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ“อ๊ะ! จิ่งอี้!”ความเย็นของร่างกายท่อนล่าง และยังเปียกน้ำ ทำให้นางรู้สึกอับอายจนแทบอยากหารูมุดเข้าไปซ่อนตัวเสียเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่เคยมีผู้ชายคนใดเห็นร่างกายของนางเมื่อไม่มีกางเกง และยังขยับไม่ได้ ต่อให้เป็นคนที่เข้มแข็งเพียงใด เมื่อมาถึงจุดนี้ ก็ต้องแสดงความอ่อนแอ“จิ่งอี้! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่ได้มีเจตนาแอบดูเจ้าอาบน้ำ และไม่เคยบอกตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนหลังเจ้าให้ผู้อื่นรู้ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่หักหลังเจ้าจริงๆ!”อวิ๋นอ